Ch.29 – การพบกันที่ไม่มีใครล่วงรู้ของ[Organic Dragon King(ราชามังกรยักษา)]กับยูกิโนะ
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
──เรื่องราวของยูกิโนะ──
ฉันได้พบกับ[นายที่แท้จริง]ในคืนฤดูใบไม้ผลิที่มีอากาศอบอุ่น
จำได้ว่าดอกซากุระ…ไม่สิ ดอกไม้สีชมพูบานสะพรั่ง สวยงามมากค่ะ
ในตอนนั้นฉันคิดว่า[เหมาะกับช่วงเวลาสุดท้ายเลย]
ฉันร่างกายอ่อนแอตั้งแต่ยังเล็ก เข้าออกโรงพยาบาลอยู่ตลอด
โรงเรียนเองก็ไม่ค่อยได้ไป
เพื่อนเองก็ไม่มีค่ะ
เรื่องที่ว่ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นานก็พึ่งรู้เมื่อประมาณปีก่อน
รายละเอียดนั้นไม่รู้ แต่อวัยวะหนึ่งของร่างกายนั้นทำงานได้ไม่ค่อยดี ดังนั้นถึงจะรักษาไป ก็มีชีวิตได้แค่ประมาณอีก1ปีครึ่งเท่านั้น
ในตอนนั้น ฉันก็คิดขึ้นมาค่ะ
ว่า …ตัวเองจะมีชีวิตไปเพื่ออะไรกัน
ได้แต่สร้างปัญหาให้ครอบครัว ตายไปเลยจะดีกว่าหรือเปล่า
ดังนั้น ในค่ำคืนที่ดอกซากุระบานอย่างสวยงาม ฉันก็หนีออกมาจากโรงพยาบาล
เพื่อที่จะตายไปทั้งอย่างนั้น
ที่โลกของฉันมีรถยนต์…พาหนะขนาดใหญ่วิ่งไปมาอยู่ตลอด ดังนั้นไปให้ถูกชนก็พอแล้ว
แต่ว่า พอถึงเวลาจริงก็ไม่กล้า ได้แต่เดินไปหยุดที่กลางทางแล้วเดินกลับหลายต่อหลายครั้ง
ตอนที่เดินข้ามม้าลายประมาณครั้งที่10 อยู่ๆฉันก็เดินไม่ออก
เลือดจางค่ะ
ร่างกายคงจะถึงขีดจำกัดแล้วสินะคะ
อา ดีจังเลย ฉันคิดแบบนั้น ถ้าเป็นเลือดจาง มันก็ไม่ใช่ความผิดของฉัน
ชีวิตคงต้องจบลงตรงนี้
จากนั้นก็มีรถคันใหญ่เข้ามาใกล้–
“จงตื่นขึ้นซะพลังแห่งมังกร–2เท่า–ไม่สิ 4เท่า! พลังพิเศษของข้าจงดูดซับมานามหาศาลเข้าไปในร่างของข้า แล้วทำให้ความสามารถที่แท้จริงของข้าตื่นขึ้นซะ–!!”
–ตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนแบบนั้น–
พอรู้สึกตัว ฉันก็ถูกเด็กผู้ชายที่ไม่รู้จักอุ้มอยู่ ในสภาพที่เขากองอยู่กับพื้น
เขาดึงตัวฉันที่ขยับไม่ได้อขึ้นอุ้ม จากนั้นก็กลิ้งไปกับทางม้าลาย พอรู้ตัวก็อยู่ที่หลังเรียบร้อยแล้ว
ฉันเห็นเต็มตาค่ะ ในตอนนั้นเขาลอยกลางอากาศค่ะ
…เอ๊ะ? มองผิดไปหรือเปล่าเหรอคะ?
ก็อาจจะใช่นะคะ ก็เบลอๆเพราะไข้อยู่ค่ะ
…ฉันรู้สึกว่าร่างกายล่องลอย และเวลาหยุดลงค่ะ
ดังนั้นก็อาจจะลอยอยู่จริงๆ ค่ะ เป็นเรื่องที่ลึกลับค่ะ
เขายังคงอุ้มฉันไว้แล้วพาไปที่ทางเดิน
ในตอนนั้นฉัน…คิดว่าตัวเองฝันไปค่ะ
รูปร่างของเขา ค่อนข้างจะแปลก…ไม่สิ เท่มากค่ะ สวมผ้าคลุมสีดำ พันผ้าพันแผลที่แขนซ้าย ที่มือขวามีปลอกแขนที่ติดหินสีดำหรือสีเงิน สวมหมวก ที่หน้าผากก็มีผ้าพันแผล มันถูกพันหลวมๆก็เลยปลิวไสวไปตามสายลมดูดีสุดๆค่ะ
“เป็นอะไรไหม”
เขาพูดออกมา
“ค ค่ะ แค่เลือดจางน่ะค่ะ”
ฉันตอบไป
“ไม่ใช่”
เขาพูดแบบนั้นแล้วส่ายหน้า
“ฉันเผลอหลบตา”
คิดว่าคงจะความแตกเรื่องที่อยากตาย
แต่เขาก็พูดออกมาค่ะ
“กองทัพแห่งความมืดได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากนรกภูมิใต้พิภพขุมที่8 Grief Hell แล้วดูเหมือนแนวหน้าของพวกมันก็ได้ออกมาทำร้ายผู้คน แล้วพวกทหารเลวแห่งความมืดชั้นต่ำที่สุดก็ได้รัดขาของเธอไว้ ขอโทษทีนะ…ถ้าผมรู้ตัวเร็วกว่านี้ล่ะก็…”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉัน…”
ฉันพยายามส่ายหน้า แต่ก็ต้องหยุด
ดวงตาของเขาที่มองไปยังความมืดที่ไม่มีใครนั้น มันเปล่งประกายอย่างแปลกประหลาดค่ะ
คนคนนั้นน่าจะรู้เรื่องต่างโลกแห่งนี้แน่นอนค่ะ
ก็หลังจากนั้น เขาก็พูดกับฉันแบบนี้นี่คะ
“[การต่อสู้กับมาร]ใกล้จะมาถึงแล้ว การที่ได้มาพบกันที่นี่ บางทีเธออาจจะเป็นคนที่จะได้มาถือดาบร่วมกับผมก็ได้ ภูมิใจเถอะที่ได้ถูกช่วย…ชีวิตนั้นไว้”
–น่ะค่ะ
เข้าใจไหมคะ คุณริเซ็ต คุณฮารุกะ
นั่นสินะคะ อยากจะตบมือให้แล้วสินะคะ? แปะแปะแปะ
[นายที่แท้จริง]ของฉัน ต้องรู้ว่าฉันจะมาเกิดที่ต่างโลกแน่นอนค่ะ
ถ้าไม่อย่างน้อยคงไม่พูดหรอกแบบนั้นออกมาหรอกค่ะ เนอะ
คนคนนั้นพาฉันมาจนถึงที่หยุดรถบัส
เอาตัวฉันที่ขยับไม่ได้ลงนอนที่ศาลารอรถบัส แล้วก็ใช้โทรศัพธ์ติดต่อกับครอบครัวค่ะ
ฉันก็เลยถามออกไป
“ทำไม ถึงใจดีขนาดนี้เหรอคะ?”
–แล้ว
เขาคนนั้นก็พูดออกมา
“…ถ้าความสามารถของผมตื่นขึ้นมาเร็วกว่านี้ล่ะก็…คงจะป้องกันได้แท้ๆ…”
–น่ะค่ะ
ถึงจะไม่เข้าใจความหมายก็เถอะค่ะ
แต่รู้สึกถึงภาระที่หนักหนาสักอย่างได้เลยค่ะ
แล้วคนคนนั้นก็พูดต่อออกมา
“ถ้าเวลานั้นมาถึง จะเข้าใจความหมายของคำพูดผมเอง ถ้าเกิดในตอนนั้นยังไม่เข้าใจ หลังจากนั้นก็จะรู้ตัวว่า[อา ที่คนคนนั้นบอกหมายถึงแบบนี้เองสินะ]แน่ๆ”
–เอ๊ะ? ทำไมเหรอคะ คุณโชมะ
หา นั่นก็แค่พูดเอาเท่? …ไม่ได้พูดถึงอะไรทั้งนั้นเหรอคะ?
พูดอะไรแปลกๆนะคะ คุณโชมะ
ถ้าอย่างนั้นจะอธิบายเรื่องที่ฉันได้มาเข้าออนเซ็ตต่างโลกในตอนนี้ยังไงกันคะ
แล้วในตอนสุดท้ายคนคนนั้นก็พูดแบบนี้แล้วจากไปค่ะ?
“ลาก่อน ถ้าเกิดเจ้าเป็นผู้ที่จะได้ถือดาบร่วมกับข้า…ก็คงจะได้พบกันอีกครั้งในการต่อสู้ต่อสู้ที่ข้ามผ่านชีวิตและความตาย นามของข้าก็คือ[ออร์กานิคดราก้อนคิง]!!”
–แล้ว
ฉันก็มาเกิดใหม่แล้วได้เจอกับการต่อสู้ใหม่จริงๆแล้วไม่ใช่เหรอไงกันคะ
คุณริเซ็ตกับคุณฮารุกะเข้าใจสินะคะ
อืมอืม นี่คือเห็นด้วยสินะคะ
ขอบคุณมากค่ะ
ท่าทางพวกเราจะเป็นเพื่อนที่ดีได้นะคะ
เอ๊ะ? “ไม่ต้องพูดสุภาพก็ได้”เหรอคะ? ถ้าชินแล้วเดี๋ยวก็เป็นแบบนั้นเองล่ะค่ะ
…คะ?
ตัวฉันหลังจากนั้นสินะคะ
หลังจากคนคนนั้นจากไป ครอบครัวก็ขับรถมารับค่ะ
ทุกคนอยากที่จะขอบคุณคนที่ช่วยฉันเอาไว้ค่ะ
แต่ว่าท่าทางสายที่ติดต่อไปหาครอบครัวจะเป็น[ไม่แจ้งเตือน]ค่ะ
คนคนนั้นพูดเอาไว้ว่า“กำลังรบของศัตรูใกล้เข้ามาแล้ว ไม่อยากจะให้เข้ามายุ่ง” อาจจะเพราะแบบนั้นก็ได้ค่ะ
พวกฉันทำได้แต่รู้สึกขอบคุณคนคนนั้น แล้วกลับไปที่โรงพยาบาลค่ะ
แน่นอนว่า ครอบครัวโกรธมาก
แต่ว่า ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว พอเห็นฉันยิ้มได้ก็เลยเลิกโกรธ
เพราะว่าฉันที่ทำหน้ามืดมนอยู่ตลอด ยิ้มออกมาจากใจจริงได้ค่ะ
เพราะได้คนคนนั้นช่วยไว้…ฉันก็เลยช่างเรื่องที่ป่วยมันไปได้ค่ะ เพราะว่ามีคนที่เชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น และต่อสู้กับมันอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่ ก็เลยเรียนรู้จากคนคนนั้นแล้วใช้ชีวิตแบบเดียวกันค่ะ
ก่อนอื่นก็เอาผ้าพันแผลมาพันตัว ที่แขนซ้ายกับหน้าผาก
เพราะอยูโรงพยาบาลก็เลยหามาได้ง่ายมาก
หลังจากนั้นก็ขอร้องพี่สาวให้ทำผมให้หน่อย แล้วก็ได้ริบบิ้นมา
ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล เป็นครั้งแรกฉันก็สนใจเรื่องการแต่งตัว พี่สาวก็เลยดีใจมาก
ถึงตอนที่แสดงตราสัญลักษณ์ที่วาดด้วยปกกาหมึกซึมที่แขนขวาแล้วจะทำหน้าแปลกๆออกมาก็เถอะ
แล้วก็ถูกริบริบบิ้นโครงกระโหลกไป เพราะว่ามันน่ากลัวเกินไปสำหรับโรงพยาบาล
แล้วก็สวมผ้าพันคอสีดำ–
แต่เพราะว่าสีมันแปลกๆ ก็เลยเปลี่ยนเป็นผ้าพันคอสีฟ้า–
หลังจากสัญญาไปว่าจะถอนตอนตรวจร่างกาย ก็สวมแหวนพลาสติกที่แขนซ้าย–
แม่มดน้ำแข็ง ยูกิโนะ คลาวดี้ ดราก้อนไชนด์ ก็เสร็จสมบูรณ์ค่ะ
เพราะว่าชื่อคือ[ยูกิโนะ]นี่คะ ยังไงก็ต้องน้ำแข็ง(ยูกิ)ค่ะ
ด้วยเหตุนี้ ฉันที่แปลงร่างเป็นแม่มดที่ต่อสู้กับมารแล้ว ก็ออกเคลื่อนไหวอย่างร่าเริงค่ะ ในโรงพยาบาลอาจจะมีวิญญาณร้ายอยู่ บนดาดฟ้าอาจจะมีไวเวิร์นแอบซ่อนอยู่ แม่แต่ฉันที่ยังไร้เดียงสาก็คิดว่าน่าจะหามารที่ซ่อนอยู่ในโรงพยาบาลได้ค่ะ
ฉันเองก็ต้องรีบตื่นเพื่อที่จะไล่ตามคนคนนั้นค่ะ ถ้าฉันกลายเป็น[คนที่ถือดาบร่วมกัน]ได้ สักวันก็จะได้พบกับคนคนนั้น…เพื่อที่สักวัน จะได้พูดขอบคุณ–และได้รับใช้คนคนนั้นค่ะ
ฉัน…ถึงจะช้าๆก็เถอะ…แต่ก็เดินไปรอบโรงพยาบาลได้ ทำให้ครอบครัวก็ดีใจกันมากๆค่ะ
คุณหมอเองก็บอกมาว่า ถ้าอยู่ในระดับที่ไม่เป็นไรก็ขยับตัวได้ตามใจชอบเลย
หลังจากนั้นทุกวันก็เป็นวันที่สนุกสนาน
เป็นการผจญภัย
เพราะไม่รู้ว่ามารจะมาจากทางไหนค่ะ
ครอบครัวเอง–ถึงพี่สาวจะยิ้มเจื่อนๆก็เถอะ–ก็ร่วมตามหาด้วยค่ะ
แล้วฉันที่ใช้ชีวิตในทุกวันอย่างสนุกสนานก็–
──มุมมองโชมะ──
“–ฉันที่ใช้ชีวิตในทุกวันอย่างสนุกสนานก็…”
อุหวาาาาาาาาาาาาาาาาาาา…
ผมได้ยินเรื่องของยูกิโนะแล้วก็ต้องกุมหัวอยู่ใต้ต้นไม้
ต้องมาฟังคนอื่นเล่าเรื่องตัวเองสมัยจูนิเบียวที่ต่างโลก…เป็นการทรมานแบบไหนกันฟะ!?
ผมในตอนนั้นพูดอะไรแบบนั้นออกไปเหรอ ไม่สิ ก็พูดออกไปจริงๆล่ะ
แต่ทั้งเหตุผลที่พูด กับที่มา ก็จำไม่ได้แล้ว…
…เด็กสาวคนนั้นคือยูกิโนะจริงๆด้วยสินะ…
แต่ว่า ใช้ชีวิตทุกวันอย่างสนุกสนาน…เหรอ
ถ้าอย่างนั้น เรื่องที่ผมทำมันก็มีความหมายเหรอ?
แข็งแรงขึ้น หรือว่าจิตใจสดใสขึ้น ยูกิโนะ…เป็นแบบไหนกันนะ?
หรือว่า จะหายได้แบบปาฏิหาริย์–?
“–ฉันก็ไปหาหมอแล้วก็ตายใน1ปีให้หลังค่ะ”
“……อืม”
…นั่นสินะ
ที่ยูกิโนะมาอยู่ที่นี่ มันก็ต้องเป็นแบบนั้น
“ฉันที่ต่อสู้กับพวกมารจนถึงช่วงสุดท้าย ก็ได้ครอบครัวมาส่งด้วยรอยยิ้มค่ะ ฉันเองก็พูดขอบคุณกับครอบครัวออกไปค่ะ [ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว…ที่ช่วยต่อสู้กับมาร ขอบคุณมากค่ะ…,]…แล้วก็…”
“…คุณยูกิโนะ” “…ยูกิโนะ…จัง”
ทั้งริเซ็ตและฮารุกะต่างก็ร้องไห้
“[…ฉัน พยายามเต็มที่แล้วค่ะ ร่างกายของเรา ไม่จำเป็นต้องมีป้ายสุสานใดๆแล้ว…]”
“แบบนั้นจะเป็นการสร้างปัญหาให้ครอบครัวหรือเปล่าน่ะ…”
“ไม่ค่ะ ยิ้มค่ะ บอกว่าถ้ายูกิโนะยิ้มได้ ก็ดีแล้วล่ะ”
…เป็นผู้ปกครองที่ใจกว้างจริงนะ
“แล้วหลังจากตายก็เจอกับท่านเทพธิดา แล้วถูกขอร้องให้ช่วยกอบกู้ยุคมืดนี้ค่ะ เพราะบอกว่าสีผมเลือกได้ตามใจชอบเลยก็เลยเปลี่ยนเป็นสีฟ้าให้เหมือนกับแม่มดน้ำแข็. สกิลก็เป็นสายน้ำแข็ง ที่เหลือ ก็ตามที่บอกก่อนหน้านี้ค่ะ”
ยูกิโนะพูดแบบนั้นแล้วก็พูดต่อ
“ดังนั้น ทั้งการที่ฉันลุกขึ้นมาอีกครั้งได้ และจากลาครอบครัวด้วยรอยยิ้มได้ ก็เป็นเพราะคนคนนั้นค่ะ ดังนั้นคนคนนั้นสำหรับฉันในชาติก่อนแล้วก็คือเป็น[นายที่แท้จริง]ที่สมควรแก่การเคารพนับถือค่ะ แน่นอน โลกนี้ก็เหมือนเดิมค่ะ”
“แต่ว่า…ยูกิโนะก็พูดแบบปกติเลยนี่ ไม่เหมือนแม่มดเลย…”
ชุดก็ไม่ดูจูนิเบียว นอกจากผมสีฟ้าที่เหลือก็เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆปกติ
“โลกนี้ก็มีอสูรอยู่จริงๆสินะคะ ดังนั้นชุดจะเป็นยังไงก็ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ แถมอาจจะยังต้องคุยกับคนต่างโลกแล้วให้ความช่วยเหลือด้วย ดังนั้นใช้ชุดที่สู้ง่ายๆะดีกว่าค่ะ”
ก็จริง
“แถมในตอนที่ได้พบกับ[นายที่แท้จริง]ก็อยากจะอยู่ในสภาพที่น่ารักที่สุดค่ะ”
“แต่ก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะมาที่โลกนี้หรือเปล่าไม่ใช่เหรอ…”
“[นายที่แท้จริง]ของฉันบอกเรื่อง[การต่อสู้ที่ข้ามผ่านชีวิตและความตาย]ไว้ค่ะ ดังนั้นคนคนนั้นจะต้องรู้เรื่องโลกนี้แน่นอน หรือก็คือ อาจจะด้วยวิธีเดียวกับฉัน–หรือใช้วิธีอะไรสักอย่าง มาที่โลกใบนี้แน่ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่พูดว่า[การต่อสู้ที่ข้ามผ่านชีวิตและความตาย]หรอกค่ะ…!”
อืม…ตามทฤษฎีก็แบบนั้นล่ะ
โลกใบนี้ก็มีเรื่องบังเอิญอยู่สินะ…
“…ถ้าอย่างนั้นโลกที่คุณยูกิโนะ…เคยอยู่”
“…กับท่านพี่…คือ…สินะ…”
อ๊ะ รู้แล้วสินะ
ริเซ็ตกับฮารุกะ มองมาทางผม
ทั้งสองคน รู้แล้วว่าผมกับยูกิโนะเป็นมนุษย์จากโลกเดียวกัน
เอาล่ะ…เอายังไงดี
ไม่สิ จะต้องทำยังไงดี…
[นายที่แท้จริง]ที่ยูกิโนะตามหาอยู่คือผม เรื่องนั้นไม่ผิดแน่
แต่ว่าคนที่เธอรู้จักคือผมสมัยจูนิเบียว แต่ผมในตอนนี้เป็นตาลุงอายุสามสิบ
ถ้ารู้ว่า[นายที่แท้จริง]เปลี่ยนไปแล้ว ก็อาจจะช็อค…จนไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไปก็ได้ เพราะว่าสกิลของเธอมีพื้นฐานมาจาก[แม่มดน้ำแข็ง]ที่เกิดจากการทำตามผม
วิธีรับมือ…นัน่สินะ ถ้าทำลายภาพมโนดูจะเป็นยังไง
แค่บอกให้รู้ว่า[ออร์กานิคดราก้อนคิง]ไม่ใช่ผู้มีพลัง หรือผู้ที่รู้ความลับของโลกก็พอแล้ว
หลังจากนั้นถ้าบอกตัวจริงไป จะได้ไม่ช็อคมาก
“คือว่านะ ยูกิโนะ”
“อะไรเหรอคะ? คุณโชมะ”
เสียงของยูกิโนะตอบกลับมาจากอีกฝั่งของไอน้ำ
“บางทีคุณ[ออร์กานิคดราก้อนคิง]นั่น…จะเป็นแค่จูนิเบียวหรือเปล่า…?”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ก็…”
…การที่อดีตจูนิเบียต้องมาปฏิเสธจูนิเบียวมันพูดลำบากจริงแฮะ…
คิดไม่ออกเลย…ช่วยไม่ได้ งั้นใช้คำพูดที่ผมเคยพูดในสมัยก่อนละกัน
นึกให้ออกสิ…คำที่เคยถูกคนรอบข้างพูดใส่สมัยจูนิเบียว? ทุกครั้งที่ผมพูดถึงเซ็ตติ้งกับความสามารถ คำพูดที่ได้ยินมาจากคนรอบข้าง–
“บนโลกนี้ไม่มีมารที่ต้องจัดการ ไม่มีกองทัพแห่งความมืด แล้วก็การต่อสู้ที่ข้ามผ่านชีวิตและความตายหรอกนะ”
“ก็มีนี่คะ”
“มีค่ะ ท่านพี่โชมะ”
“มีสิ ท่านพี่”
พูดผิดซะแล้ว
นั่นสินะ ยูกิโนะ กลับชาติมาเกิดสินะ…
แถมโลกใบนี้ยังมี[มารที่ต้องจัดการ][กองทัพแห่งความมืด]ที่ต้อง[ต่อสู้โดยข้ามผ่านชีวิตและความตาย]…หรือก็คือ เรื่องที่ผมพูดสมัยเป็นจูนิเบียว ทั้งหมดตรงหมดเลย สุดยอดไปเลยนะ[ออร์กานิคดราก้อนคิง]…หรือก็คือ[คิริวโอ โชมะ]
ทั้งๆที่ที่ทำได้ก็คือทำให้ยูกิโนะในชาติก่อนยิ้มได้แท้ๆ
…เอาเถอะ
ไม่จำเป็นต้องรีบ เวลายังมีเหลือเฟือ
ค่อยๆแก้ความเข้าใจผิดของยูโนะไปทีละนิดก็ได้
ยูกิโนะเป็นพรรคพวกที่จะร่วมข้ามยุคมืดนี้ไปด้วยกันไม่ผิดแน่ ตอนนี้แค่นั้นก็พอแล้ว
“จะขึ้นแล้วนะคะ ท่านพี่โชมะ”
“ต่อไปก็เป็นตาท่านพี่เข้านะ”
“ช่างผมเถอะ ยิ่งกว่าเรื่องนั้น ยูกิโนะ”
“………คะ”
ใช้เวลาสักพัก ยูกิโนะก็ตอบกลับมา
ท่าทางจะโกรธนิดหน่อย
“เรื่อง[นายที่แท้จริง]ของยูกิโนะ จะไปคุยกับพวกฮาร์ปี้ให้ ถ้ามีข่าวลืออะไร จะบอกให้ทันทีเลย”
“ค่ะ! ขอบคุณมากนะคะ!”
“แล้วอยากจะถามเรื่องหนึ่ง…”
ผมพูดออกไป
“ถ้ายูกิโนะได้เจอกับ[นายที่แท้จริง]คนนั้นแล้ว…จะทำอะไรต่อล่ะ?”
“……คือว่า”
ฉ่า มีเสียงดังขึ้นมา
“………เรื่องนั้น ความลับค่ะ”
ไม่รู้ทำไมยูกิโนะถึงตอบมาด้วยเสียงที่ดูเขินอาย