Ch.30 – ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ ฟังเรื่องจากผู้ที่มีปีก แล้วก็ถูกรุกใส่

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

คืนวันนั้น

ยูกิโนะ ริเซ็ต และฮารุกะอยู่ที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนผมก็มาพักที่บ้านอื่น

ทั้งๆที่เจอที่ไว้พักใจได้แล้วแท้ๆ ถ้าเกิดผมไปอยู่ด้วยยูกิโนะคงจะไม่สามารถผ่อนคลายได้ ตั้งแต่มาเกิดใหม่ก็เดินทางจากเมืองหลวงมาที่นี่ ก็อยากจะให้ได้พักผ่อนอย่างสบายใจ ยังไงยูกิโนะก็เป็นแขกของผมล่ะนะ

 

ที่ที่ผมอยู่ก็คือบ้านที่ริเซ็ตเคยอยู่

ที่นี่เป็นที่ที่ทำให้ผมสงบใจได้เป็นที่แรกตั้งแต่มาที่โลกนี้ แต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว

ก็ที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้านมันดูแลวงเวทของ[เขตแดน]ง่ายกว่า แถมที่นั่นยังมีห้องเยอะกว่า

ดังนั้นวันนี้ก็เลยได้พักคนเดียวหลังจากไม่ได้ทำมานาน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…

 

“…สงบใจไม่ได้เลยนะ”

 

ผมพึมพำขณะนั่งดื่มชาอยู่ในห้องนั่งเล่น

เพราะว่าในโลกก่อนก็ใช้ชีวิตตัวคนเดียวดังนั้นก็น่าจะชินแล้วแท้ๆ แต่ไม่รู้ทำไมตอนนี้ถึงสงบใจไม่ได้

เพราะตั้งแต่มาที่โลกนี้…ก็มีคนอยู่ข้างๆมาตลอด

 

“เอาเถอะ วันนี้ก็ยังมีแขกมาหาอีกเหมือนเดิม”

 

ผมรู้สึกได้ถึงคนข้างนอกเลยพูดแบบนั้นออกมา

ตามตรงก็คือรู้สึกพร้อมกับเสียงกระพือปีก

 

“องค์ราชา” “ขอโทษที่ให้รอค่ะ”

 

เสียงฝีเท้า

พอหันกลับไป ก็มีฮาร์ปี้2คนยืนอยู่ที่ทางเข้าของบ้าน

 

“กลับมาจากการรวบรวมข้อมูลแล้วค่ะ รุรุยค่ะ!” “โรโรยค่ะ!”

 

พั่บ ฮาร์ปี้ทั้ง2คนกางปีกแล้วแสดงท่าทางเคารพ

 

“ขอบคุณที่เหนื่อยยากนะ กำลังรออยู่เลย”

“ไม่หรอกค่ะ” “ถ้าเพื่อองค์ราชาล่ะก็”

“ก่อนอื่นก็นั่งลงก่อนเถอะ เดี๋ยวจะชงชาให้”

 

ผมให้รุรุยกับโรโรยนั่งลงบนเก้าอี้แล้วเดินไปที่เตา

เมื่อกี้น้ำก็ยังร้อนอยู่หรอก แต่ตอนนี้เย็นแล้ว ไฟที่เตาก็ดับไปแล้ว

งั้นก็ช่วยไม่ได้

 

“[ปลุกเผ่ามังกร]! [Breath(มังกรคำราม)]!!”

 

ฟู่

 

““โอ้””

 

รุรุยกับโรโรยส่งเสียงปลาบปลื้มออกมา

ผมใช้ไฟขนาดเบาที่สุด ในการชุดไฟที่คบไฟ

[Breath(มังกรคำราม)]นั้นถ้าอ้าปากเล็กลงก็สามารถคุมแรงไฟได้ [ปลุกเผ่ามังกร]เองก็สามารถนำมาใช้ในการเอาชีวิตรอดได้ เดิมทีก็คิดไว้เพื่อสู้กับ[ศัตรูของโลก]โดยคำนึงถึงการโดนล้อม ศึกยืดเยื้อ หรือการต่อสู้ในสถานที่ที่เย็นยะเยือกอยู่แล้ว ความสามารถนี้น่ะ

 

“…นี่คิดจะสู้กับศัตรูแบบไหนกันนะเนี่ย ผมในตอนนั้น”

 

รอจนน้ำเดือดแล้วก็ชงชา

จากนั้นก็รินใส่ภาชนะที่มีปากยาว ผสมเข้ากับน้ำที่เตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว

ฮาร์ปี้นั้นเป็นพวกลิ้นแมว ดังนั้นก็เลยเตรียมชาที่อุ่นพอดีไม่ให้ลวกลิ้น

 

แล้ว…ก็มี[บ๊ะจ่าง]ที่ได้มาจากคนในหมู่บ้านด้วยสินะ ที่ใส่เนื้อหมู่ป่าเอาไว้ แล้วเอามาวางไว้บนจาน

 

“คะ คือว่าคือว่า” “ต้องให้องค์ราชามาทำอะไรแบบนี้ให้ รู้สึกลำบากใจจริงๆค่ะ”

“กำลังทำอาหารของตัวเองอยู่พอดีน่ะ ไม่ต้องสนใจก็ได้”

 

อย่ามาดูถูกประสบการณ์ชีวิตของตาลุงวัยสามสิบที่ใช้ชีวิตคนเดียวเชียวนะ

ความสามารถในการใช้ชีวิตน่ะมีเหลือเฟือ เรื่องอาหาร ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

 

““…ทานละนะคะ””

 

รุรุยกับโรโรยใช้ปลายปีกยืดไปที่ถ้วยชา

เอาปากแปะที่ปลายถ้วยแล้วก็ดื่มชาอุ่นๆเข้าไป

 

มือของฮาร์ปี้นั้นเป็นปีกทำให้ถือถ้วยไม่ได้ ดูเหมือนปกติจะดื่มน้ำจากแม่น้ำด้วยปากโดยตรง แต่ตอนที่ต้องกินข้าวอย่างเป็นทางการ ก็มีมารยาทอยู่

…มีการศึกษาอยู่สินะ

 

“ถ้าอย่างนั้นช่วยรายงานผลการสำรวจที [ลัทธิปลุกแผ่นดิน]มีสภาพเป็นยังไง?”

“ค่ะ ได้ไปส่องดูป้อมปราการของพวกมันจากไกลๆตามที่สั่งแล้วค่ะ”

 

รุรุย–ฮาร์ปี้ผมยาวพูดออกมา

 

“ป้อมปราการของพวกมันตั้งอยู่บนภูเขาหินที่สูงเพียงเล็กน้อยค่ะ มีอยู่3ที่ด้วยกันค่ะ”

“บนพื้นมีถนนยาวๆเชื่อมต่อไปถึงค่ะ!”

 

โรโรย–ฮาร์ปี้ที่มัดผมไว้หลังคอพูดออกมา

 

“ที่พื้นดินมีเต็นท์ แล้วก็มีคนอาศัยอยู่ประมาณ100คนได้ค่ะ”

“ได้ยินมาด้วยค่ะ ที่อยู่บนพื้นดินก็คือ[ทหารเกษตรกร]ที่ไปบังคับมาใช้แรงค่ะ แล้วนอกจากนั้นก็มีคนชั้นสูงกว่าที่ประมาณสิบคน ยืนอยู่เหนือป้อมปราการค่ะ”

“แล้วก็ไปแอบเห็นมาค่ะ รอบๆตัวคนที่อยู่บนพื้นมีแมลงที่ชวนรู้สึกแย่อยู่ด้วยค่ะ ท่าทางจะใช้แมลงที่ผู้บริหารเป็นคนควบคุมในการขู่ทหารเกษตรกรให้ทำตามที่สั่งค่ะ”

“ไม่เจอตัวผู้บริหารค่ะ”

“คิดว่าไม่อยู่ข้างบนก็ออกไปข้างนอกค่ะ”

““การรายงานก็เท่านี้ล่ะค่ะ!!””

 

พูดแบบนั้นแล้วรุรุยกับโรโรยแล้วก้มหน้าลง

 

““ช่วยลูบปีกเป็นรางวัลทีค่ะ!!””

“ครับครับ”

 

ผมใช้[ปลุกเผ่าปักษา]แล้วลูบปีกของรุรุยกับโรโรย

ทั้ง2คนถูแก้มอย่างอารมณ์ดี

 

“ข้อมูลเพียงพอแล้วล่ะ ขอบคุณมาก”

 

ป้อมปราการของพวกมันอยู่ที่ภูเขาหินใกล้ๆกับเขตแดนของ[เจ้าเมืองคิโทล]

มีอยู่3จุด บนพื้นมีทหารเกษตรกรอยู่ ได้ยินมาว่าลัทธิไปโจมตีเผาหมู่บ้าน ก็คงจะไปลากตัวมาตอนนั้นสินะ ที่ทหารเกษตรกรยอมทำตามคำสั่งก็เพราะโดนขู่ด้วยแมลงที่ถูกควบคุมโดยระดับบริหารของลัทธิ ดูเหมือนถ้าขัดขืนจะถูกกินจนตาย

 

แล้วบนป้อมปราการของลัทธิก็มีระดับบริหารอยู่ประมาณสิบคน

เพราะพวกทหารเกษตรกรถูกควบคุมด้วยแมลง จึงไม่จำเป็นต้องคอยอยู่ข้างๆ กลับกันถ้าไปอยู่ข้างๆก็อาจจะโดนทหารเกษตรกรที่บ้าคลั่งจู่โจมเอาก็ได้ ที่เก็บตัวอยู่ในป้อมปราการก็คงเพราะแบบนั้นสินะ

 

แล้วผมก็คิดว่าที่ป้อมปราการนั้นคงจะมีวงเวทเก่าแก่ที่ไว้สร้าง[เขตแดน]อยู่

ไม่จำเป็นที่จะต้องไปบุกป้อมปราการ–แค่ทำให้หมดสภาพตอนที่เข้าไปสำรวจก็พอ…

 

“…ต้องให้ทุกคนช่วยอีกแล้วสินะเนี่ย”

“ไม่เป็นไรค่ะ” “ด้วยความยินดี…อ๊ะหวาหวา”

 

แกร๊ง

 

ถ้วยชาที่ฮาร์ปี้โรโรยดื่มทำท่าจะล้มลง

 

“โอ๊ะ”

 

ผมยื่นมือไปหยิบถ้วย

ถ้ามือทั้งสองข้างเป็นปีกก็ดื่มลำบากจริงๆสินะ

 

“ระวังหน่อยสิ นี่”

 

ผมถือถ้วยแล้วป้อนเข้าปากของโรโรย

 

“…องค์ราชา”

 

โรโรยแก้มแดงมองมาที่ผม

จากนั้นก็เอาถ้วยแตะปากแล้วก็ดื่มเข้าไป

 

“หวา รุรุยเองก็จะหกเหมือนกันค่ะ องค์ราชา องค์ราชาา”

“ครับครับ”

 

อะไรเนี่ย เหมือนกำลังดูแลน้องสาวอยู่เลย

นานแค่ไหนแล้วนะ ทำแบบนี้เนี่ย

 

“คะ คือว่าคือว่า องค์ราชา?”

“ทำไมเหรอ รุรุย”

“ความจริงแล้วฮาร์ปี้มีดวงตาแบบเดียวกับนกค่ะ เลยมองไม่ค่อยเห็นในที่มืดค่ะ”

“…งั้นเหรอ?”

 

ก็จริงที่ข้างนอกมืดสนิท

แต่ว่า…ทั้ง2คน เมื่อกี้พึ่งมาไม่ใช่เหรอ?

ไม่ได้บินมาจากที่มืดๆเหรอ?

“นี่พยายามเพื่อมารายงานองค์ราชาค่ะ ที่จริงแล้วไม่ถูกกับความมืดค่ะ”

“ใช่แล้วค่ะ”

 

โรโรยพูดต่อจากรุรุย

 

“ดังนั้นวันนี้ขอพักที่บ้านขององค์ราชาได้ไหมคะ?” “กลัวความมืดค่ะ”

“ขอแค่จนถึงเช้าค่ะ” “แค่ถึงตอนนั้นก็พอค่ะ”

 

รุรุยกับโรโรยขยับปีกพับพับเบาๆ

ทั้งสองคนที่รูปร่างเหมือนเด็กประถมพยักหน้าไปมา

…เอาเถอะ

ทั้งสองคนก็เหมือนเด็กด้วยสิ

 

“แต่ว่าไปที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้านน่าจะดีกว่าหรือเปล่า? ที่นั่นทั้งกว้าง แถมมีทั้งริเซ็ตและฮารุกะอยู่ด้วย”

“แบบนั้นก็ไม่มีความหมายสิคะ!” “ถ้าไม่ใช่ที่นี่ก็เปล่าประโยชน์ค่ะ!”

“…งั้นเหรอ?”

“ช่วยเมตตาด้วยค่ะ” “ขอร้องล่ะค่ะ”

“…เอาเถอะ ถ้าพูดถึงขนาดนั้นล่ะก็นะ”

 

ทางนี้ก็เป็นฝ่ายขอให้ไปทำงานด้วยสิ

แค่พักคืนหนึ่งไม่เป็นอะไรหรอก

 

“ได้สิ เข้าใ–”

“ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้วสิคะ!!”

 

 

มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา

ผม แล้วก็ฮาร์ปี้ทั้ง2คนหันไปมองที่ประตูทางเข้าพร้อมกัน

 

ตรงนั้น–มีริเซ็ตที่ยืนทำท่าโมโหอยู่

 

“คิดจะทำอะไรกับท่านพี่โชมะตอนที่พวกริเซ็ตไม่อยู่กันคะ!?”

“อยากได้ลูกค่ะ” “เด็กที่มีปีกอันแข็งแกร่ง คือสิ่งที่แสนสำคัญค่ะ”

“…ครับ?”

 

รุรุยกับโรโรยลุกจากเก้าอี้ แล้วก็ยืดอก

เดี๋ยวสิ มันเป็นเรื่องนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

 

“คนที่มีปีกที่แข็งแกร่งสำหรับฮาร์ปี้แล้วก็คือ องค์ราชา” “คือคนที่มีค่าพอที่จะมอบความรักให้ค่ะ”

“ดังนั้นในตอนที่มารายงาน” “ก็เลยคิดว่าจะมาขอความรักด้วยเลยค่ะ”

“…โทษที ตอนนี้ไม่มีอารมณ์ทำอย่างนั้นหรอก”

 

ก็นะ

ก็คนพึ่งมาต่างโลก ไม่มีอารมณ์ทำอะไรแบบนั้นหรอก

เดิมที่สำหรับผมพอโลกนี้สงบสุขแล้วก็ต้องกลับไปโลกเดิมด้วย

ไอ้การที่จะมีลูกทิ้งไว้ที่โลกนี้…มันก็นะ

 

“แล้วความสามารถของผมมันก็เป็นสิ่งที่ได้มาทีหลังด้วย คิดว่าคงไม่สืบทอดไปที่ลูกหรอกนะ”

”ถ้าองค์ราชาพูดแบบนั้นล่ะก็” “ถ้าเปลี่ยนใจแล้วก็พร้อมเสมอนะคะ”

 

พูดแบบนั้นเสร็จ รุรุยกับโรโรยก็ออกนอกบ้านแล้วบินออกไป

จากนั้นก็กางปีกบินไปที่หมู่บ้านของฮาร์ปี้

 

“…มองในความมืดไม่ค่อยเห็นไม่ใช่เหรอน่ะ”

“ก็มองเห็นได้สบายๆนี่ล่ะค่ะ พวกฮาร์ปี้น่ะ”

 

ริเซ็ตถอนหายใจออกมา

 

“เด็กพวกนั้นเป็นพวกชอบแกล้งค่ะ ท่านพี่โชมะเอง ก็ต้องระวังตัวไว้ด้วยนะคะ”

“โทษที เผลอปล่อยตัวไปหน่อย”

 

ผมพูดออกไป

 

“เดี๋ยวหลังจากนี้จะอธิบายเรื่องปีกของผมให้ฟังอย่างละเอียดเอง คิดว่าคงจะทำให้ยอมแพ้ได้ล่ะ”

“คิดว่าเรื่องนั้น…คงไม่เกี่ยวหรอกค่ะ”

“งั้นเหรอ?”

“ถึงจะเป็นพวกชอบแกล้งก็เถอะ แต่ความจงรักภักดีของเด็กพวกนั้นเป็นของจริงค่ะ”

 

ถ้าไม่อย่างนั้นคงไม่เชื่อฟังคำสั่งของผมอย่างซื่อตรงหรอก ริเซ็ตพูดเสริมออกมา

อย่างนี้นี่เอง

 

การใช้งานคนที่ต่างโลก ยากผิดคาดแฮะ

หลังจากนี้คงต้องคิดรางวัลเฉพาะพวกฮาร์ปี้สักอย่างแล้วล่ะ

 

“จะว่าไปริเซ็ต มาที่นี่ทำไมล่ะ?”

“…ลืมไปเลยค่ะ”

 

ริเซ็ตปรบมือดังปั๊ป

 

“ท่าทางของคุณยูกิโนะแปลกๆไปก็เลยมาแจ้งท่านพี่โชมะค่ะ”

“ยูกิโนะเหรอ?”

“ค่ะ ตัวร้อนนิดหน่อย แล้วก็ฝันร้ายค่ะ พอให้คนที่รู้เรื่องการแพทย์มาดู…ก็ดูเหมือนจะมีอาการเหนื่อยค่ะ ท่านพี่กับคุณยูกิโนะ มาจากโลกเดียวกันสินะคะ? เลยคิดว่าอาจจะมีวิธีรับมือก็ได้น่ะค่ะ”

“เข้าใจแล้ว จะรีบไป”

 

ยูกิโนะนั้นในโลกก่อนมีร่างกายที่อ่อนแอ

แต่มาเกิดใหม่แล้วร่างกายก็น่าจะแข็งแรงดี อย่างผมเอง คุณเทพธิดาก็ทำให้พลังกายกับพลังใจกลับมาอยู่ในวัยที่สมบูรณ์ที่สุด

 

แต่ว่าจะปล่อยไว้ไม่ได้

ถ้าจำไม่ผิดใน[ภาชนะแห่งราชา]มีน้ำแร่อยู่หนึ่งขวดกับช็อคโกแลตอีกจำนวนหนึ่งไม่ผิดแน่ เพราะว่ามาจากโลกเดียวกับผม ถ้าให้ไป บางทีคงจะรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง

 

แล้วก็เอาน้ำที่อุ่นเมื่อกี้ใส่เข้าไปใน[ภาชนะแห่งราชา]ด้วย

 

“เอาใจใส่ดีนะ ริเซ็ต”

 

ผมออกไปจากบ้านพร้อมกับริเซ็ต

 

“ยูกิโนะเป็นแขกของผม ความจริงแล้วผมควรจะไปดูแลอยู่ใกล้หรือเปล่าน่ะ”

“ไม่ค่ะ”

 

ริเซ็ตส่ายหน้า

 

“ถ้าเป็นแขกของท่านพี่โชมะ ก็เป็นแขกที่สำคัญสำหรับริเซ็ตค่ะ”

“ขอบคุณ”

“แล้วก็…ถึงจะฟังดูแปลกๆก็เถอะค่ะ…”

 

ริเซ็ตที่วิ่งอยู่ข้างๆผมสะบัดผมสีเงินแล้วมองมาที่ผม

 

“คุณยูกิโนะมีกลิ่นแบบเดียวกับท่านพี่ค่ะ ยังไงดี…ประมาณว่า กลิ่นของผู้ที่มีความกล้า ที่เข้าเผชิญหน้ากับความชั่วร้าย”

 

คิดว่าบางที นั่นคงจะเป็นกลิ่นของจูนิเบียวน่ะ ริเซ็ต

 

“…ผมน่ะเลิกไปเรียบร้อยแล้วนะ…”

 

…เลิกไปแล้ว

…เลิกไปแล้วแน่ๆ

…ก็คิดว่าเลิกไปแล้วล่ะ…

 

ระหว่างที่คิดแบบนั้น ผมกับริเซ็ตก็ตรงไปที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้าน