ตอนที่ 815 ชื่อเสียงโด่งดังกะทันหัน
ผู้ฝึกปราณทุกคนต่างรู้ว่า โดยทั่วไปน้อยมากที่กลางลำต้นจะถูกแขวนข่าวขึ้นไป
แต่ถ้ามีข่าวแขวนขึ้นไปในบริเวณนี้ ก็แสดงว่ามีเรื่องใหญ่ที่เพียงพอให้ฮือฮาไปทั้งแดนฐิติประจิมเกิดขึ้น
ตอนนี้บนกลางลำต้นของต้นข่าวสารอันเก่าแก่และแข็งแกร่ง ควบรวมใบไม้ขนาดเท่าใบพัด ขาวเป็นประกายราวกับหิมะ
ใบไม้ส่องประกาย แปรเป็นจอภาพจอหนึ่ง
ในจอภาพกำลังแสดงฉากการประลองที่ตะลึงโลกอย่างที่สุด
นั่นเป็นการประลองระหว่างชายหญิงรุ่นเยาว์คู่หนึ่ง
ฝ่ายชายราวกับเด็กหนุ่มเทพมารผู้หนึ่ง ดวงตาดำราวกับสายฟ้า รอบตัวแผ่แสงบริสุทธิ์ เงาร่างเหินทะยานภายใต้ท้องฟ้า ผงาดผยองและกร้าวแกร่ง
ส่วนฝ่ายหญิงนั้นสวมหน้ากากสีเงิน เงาร่างสง่างามราวกับเซียน แต่การโจมตีกลับตะลึงโลก ปลดปล่อยไอกระบี่อันน่าหวาดหวั่น แหลมคมพลิกฟ้า ผ่าโจมตีเก้าชั้นฟ้า!
จอภาพสั่นและเบลอเล็กน้อย แต่กลับไม่ส่งผลต่อความสนใจของผู้ฝึกปราณเลยสักนิด สีหน้าของพวกเขาล้วนสั่นสะเทือน จิตใจถูกดึงดูด
ในเวลาเดียวกันมีเสียงชราดังขึ้นในจอภาพ กำลังแนะนำการต่อสู้ครั้งนี้…
‘นี่เป็นการประลองตะลึงโลกที่เกิดขึ้นในนครเตโชแห่งแคว้นวิญญาณอัคนีเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนนั้นสะเทือนไปทั้งแคว้น พอเผ่าวาทวาโยของเรารู้ข่าว ก็เริ่มสืบรายละเอียดเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ในทันที…’
‘ที่น่าเสียดายคือ จนตอนนี้เรายืนยันได้เพียงว่าเด็กหนุ่มที่ราวกับเทพมารนั่นชื่อหลินสวิน เคยปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งของนครเตโช ได้ยินว่าเขามีความสนิทสนมชิดเชื้อกับซย่าเสี่ยวฉงผู้สืบทอดสำนักยุทธ์กลุ่มดาว และฟางหลินหานผู้สืบทอดอาศรมดาบแปดวิทูร’
‘เพียงแต่ที่มาของหลินสวิน พวกเราเผ่าวาทวาโยใช้เวลาสืบอยู่หลายวันก็ยังไม่ได้ความ แต่สามารถยืนยันได้ว่า ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิม เพียงพอที่เรียกว่าเป็นบุคคลระดับพลิกฟ้าในหมู่ผู้กล้า!’
หลินสวิน?
ชื่อนี้ไม่คุ้นเลยสักนิด ทำให้กลุ่มผู้ฝึกปราณที่อยู่ในที่นั้นต่างงงงวย แคว้นวิญญาณอัคนีมีผู้กล้าแห่งยุคเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ส่วนอวี๋เสวี่ยเจียวในใจไหวสะท้าน ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นนางก็จำได้ว่าชายที่ราวกับเทพมารพลิกฟ้าผงาดผยองในจอภาพ คือเด็กหนุ่มที่บัญเอิญเจอกันเมื่อหลายชั่วยามก่อน!
‘ที่แท้ศักยภาพของเขาก็แข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด…’ ในใจอวี๋เสวี่ยเจียวยากจะสงบ
นางแอบรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้ใช้วิธีแข็งกร้าวหยุดหลินสวิน มิฉะนั้นผลลัพธ์จะต้องเลวร้ายจนไม่กล้าคิดอย่างแน่นอน
ส่วนอวี๋เสวี่ยเทียนน้องชายของอวี๋เสวี่ยเจียวงงเป็นไก่ตาแตก สีหน้าอึมครึมสับสน ท่าทางไม่กล้าเชื่อ
เขาเองก็จำหลินสวินได้ ทันทีที่นึกได้ว่าตนเคยพูดจาเสียมารยาท ท้าทายและต่อว่าหลินสวิน เขาก็เหงื่อซึมไปทั้งร่าง ตน… เกือบก่อหายนะครั้งใหญ่แล้ว!
ในจอภาพเสียงชรานั้นดังขึ้นอีกครั้ง ‘สำหรับหญิงสาวคนนั้น ที่มายิ่งลึกลับและน่าสะพรึง เพราะข้อห้ามบางอย่าง เผ่าวาทวาโยของเราจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยได้…’
ในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาทันที!
เด็กหนุ่มที่ชื่อหลินสวินผู้ราวกับเทพมารก็ลึกลับมากพอแล้ว ตอนนี้แม้แต่หญิงสาวสวมหน้ากากสีเงินคนนั้น ที่มาถึงขั้นน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นมากกว่า ทำให้เผ่าวาทวาโยไม่กล้าเปิดเผยฐานะ นี่มันน่าตกใจเกินไปแล้ว
“มหาสงครามกำลังจะมาเยือน พวกปีศาจสัตว์ปหระหลาดที่ปลีกวิเวกมากมายต่างเริ่มปรากฏแล้ว”
“ต่อไปใต้หล้านี้คงจะคึกคักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในบรรดาคนรุ่นเยาว์จะต้องมีบุคคลระดับเย้ยฟ้าที่ความสามารถน่าทึ่งเกิดใหม่อีกมากมาย อย่างเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินสวินคนนี้ ที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ชื่อของเขาด้วยซ้ำ!”
ผู้ฝึกปราณมากมายถอนหายใจ
“การประลองที่โดดเด่นระดับนี้มีให้เห็นน้อยมากจริงๆ คาดการณ์ได้เลยว่า อีกไม่นานชื่อของหลินสวินจะต้องโด่งดังไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิม!”
มีคนคาดเดา
“ใช่ บุคคลระดับปีศาจเช่นนี้ เมื่อเทียบกับศิษย์สืบทอดรุ่นเยาว์ทั้งห้าของสำนักกระบี่โผผินแห่งแคว้นล้ำเมฆาของเราคงไม่ด้อยไปกว่ากันแน่ ชื่อนี้จะต้องโด่งดังไปทั่วหล้าอย่างแน่นอน”
ได้ยินผู้ฝึกปราณรอบๆ ถอนหายใจและคาดเดา สีหน้าของอวี๋เสวี่ยเทียนก็ยิ่งซีดเซียว ในใจกระสับกระส่ายขึ้นมาแล้ว
ตระกูลอวี๋ของพวกเขาเป็นเพียงแค่ขุมอำนาจใหญ่ในเมืองก่วมหิมะเท่านั้น แม้รากฐานมั่นคง แต่จะเทียบผู้กล้าแห่งยุคที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิมได้อย่างไร
“น้องเล็ก บทเรียนครั้งนี้เจ้าต้องจำให้ขึ้นใจ ต่อไปอย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่ามอีก มิฉะนั้นสักวันจะต้องนำพาเคราะห์ภัยที่อันตรายถึงชีวิตเข้ามา!”
อวี๋เสวี่ยเจียวฉวยโอกาสเตือนและสอนอวี๋เสวี่ยเทียน
อวี๋เสวี่ยเทียนพยักหน้า คราวนี้เขาหลาบจำแล้ว
“ถอยๆ ถอยให้หมด!”
ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งของเผ่าวาทวาโยคนหนึ่งเบียดตัวผ่านกลุ่มคนเข้ามา สีหน้าตื่นเต้นอย่างที่สุด “ครั้งนี้มีข่าวที่น่าทึ่งยิ่งกว่าเกิดขึ้น อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับหลินสวินนั่น หากพวกเจ้าไม่ถอยแล้วรับข่าวล่าช้า อย่าหาว่าข้าไม่เตือน!”
เกี่ยวข้องกับหลินสวิน?
ข่าวที่น่าทึ่งยิ่งกว่า?
เสียงฮือฮาดังขึ้นโดยพลัน ผู้ฝึกปราณที่ล้อมอยู่หน้าต้นข่าวสารหลีกทางให้อย่างรู้ตัว เร่งให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนั้นรีบวางข่าว
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนั้นพลันได้ใจอย่างมาก ราวกับกษัตริย์กำลังรับการสักการะบูชาจากทุกคน ก้าวเท้าอย่างมั่นคงเชิดหน้าขึ้นสูง เดินไปที่ต้นข่าวสารอย่างเชื่องช้า
เผ่าของพวกเขาชื่นชอบการสืบข่าวแต่กำเนิด และชอบที่จะเป็นที่สนใจของผู้คน นี่เป็นความรู้สึกที่เงินยังไม่สามารถแลกมาได้ สามารถให้ความรู้สึกเป็นเกียรติแก่พวกเขาอย่างสูงสุด
แม้ผู้คนที่อยู่บริเวณรอบๆ อยากจะหยิกผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่จงใจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาจนแทบทนไม่ไหวแล้ว แต่ก่อนที่ปริศนานี้จะถูกคลี่คลาย กลับจำต้องรอคอยโดยไม่สามารถทำอะไรได้
สุดท้าย ราวกับกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นจนพอใจแล้ว ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนั้นไม่ปกปิดอีกต่อไป แขวนใบไม้ที่เป็นประกายระยิบระยับราวกับหิมะขึ้นบนกลางลำต้นของต้นข่าวสาร
วู้ม!
ใบไม้ขาวดั่งหิมะประหนึ่งมีชีวิตขึ้นมากะทันหัน แผ่แสงเลือนลางราวมายา ไม่นานก็ควบรวมเป็นจอภาพจอหนึ่ง
เพียงแต่ในหน้าจอกลับเป็นตัวหนังสือที่อาบเลือดและเต็มไปด้วยไอสังหารเหี้ยมโหดน่ากลัว…
‘ประกาศนำจับ!’
‘จับกุมผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์หลินสวิน ผู้ใดที่สามารถให้เบาะแสของเขาได้ ตกรางวัลแกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้น!’
‘ผู้ที่สามารถฆ่าได้ เพียงนำศีรษะมาเข้าพบ ตกรางวัลเป็นแกนวิญญาณระดับสูงห้าพันชิ้น!’
‘ประกาศนี้มีผลระยะยาว!’
เนื้อหาเรียบง่ายและตรงไปตรงมา ไม่อธิบายและขยายความเลยสักนิด แต่ความอำมหิตและจิตสังหารในตัวอักษรนั้นกลับพาให้หนังหัวชาวาบ
ยามเห็นชื่อที่ลงนามประกาศนำจับนี้ ทั่วทั้งลานเงียบสนิททันที เปลี่ยนเป็นเงียบงันถึงที่สุด สีหน้าของผู้ฝึกปราณทุกคนต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก
เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
นี่ดันเป็นประกาศนำจับจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ และคนที่ต้องการจับกุมก็คือหลินสวิน เด็กหนุ่มที่ราวกับผู้กล้าแห่งยุคนั่น!
แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้น เพียงพอจะทำให้มหายุทธ์ชั้นยอดระดับกระบวนแปรจุติถวายชีวิตแล้ว สามารถซื้อ ‘สมบัติวิญญาณมรรคราชัน’ ชิ้นหนึ่งได้
ส่วนแกนวิญญาณระดับสูงห้าพันชิ้น…
มูลค่ายิ่งสูงกว่า!
“หลินสวินทำเรื่องอะไรไว้กันแน่ ถึงได้ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอยากฆ่าเขาให้ได้โดยไม่เสียดายรางวัลชิ้นโต”
“เผ่านี้ชำนาญการสะกดรอยและสังหารศัตรูที่สุด อุปนิสัยดุร้ายและเหี้ยมโหด ตอนนี้กลับยังต้องใช้ประกาศนำจับเพื่อจับกุมหลินสวิน ดูท่าพวกเขาต้องเสียเปรียบยกใหญ่ในมือหลินสวินแน่!”
ครู่ใหญ่ในบรรยากาศอันเงียบสงัดมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น แต่ละคนต่างแปลกใจ พูดถึงแล้วสีหน้าล้วนเปลี่ยนไป เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเป็นเผ่าที่ทำให้ผู้คนเกลียดชัง หวั่นเกรงและหวาดกลัวอย่างแน่นอน
พวกเขาลงมือตามอำเภอใจ กระหายเลือดและเย็นชา ทำเรื่องที่ทั้งสวรรค์และคนต่างก็พากันเคียดแค้นในดินแดนรกร้างโบราณไม่รู้เท่าไหร่แล้ว
วันนี้พวกเขากลับติดประกาศนำจับ จะจับกุมตัวเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะผงาดขึ้นมาและมีแววว่าจะเป็นผู้กล้าแห่งยุค ข่าวนี้น่าตะลึงเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เพราะอะไร เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนี่รังแกกันเกินไปแล้ว เผ่ามนุษย์ของเราเพิ่งจะมีบุคคลพลิกฟ้าคนใหม่ผงาดขึ้น พวกเขาก็ทนไม่ได้จะกวาดล้างแล้วหรือ”
มีผู้ฝึกปราณส่งเสียงอย่างเดือดดาล ทำลายบรรยากาศในที่นั้นทันที
ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ล้วนชิงชังเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ ในจิตใต้สำนึกพวกเขาต่างยืนข้างหลินสวิน
“น่าชังนัก! พวกหมาดำสารเลวอวดดีเกินไปแล้ว ทั้งยังติดประกาศนำจับ ประกาศจับหลินสวินทั่วทั้งแดนฐิติประจิม รังแกกันเช่นนี้ได้ด้วยหรือ”
“คอยดูเถอะ พวกอวดดีและเผด็จการอย่างพวกเขา สักวันกรรมจะต้องตามสนอง!”
ในที่นั้นผู้ฝึกปราณต่างส่งเสียงเคียดแค้น
แม้แต่อวี๋เสวี่ยเจียวและน้องชาย ยามนี้ต่างเลือกที่จะยืนอยู่ข้างหลินสวินโดยพร้อมเพรียง เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเป็น ‘ศัตรูร่วม’ ของโลกบำเพ็ญตน ชื่อเสียงฉาวโฉ่ไปทั่วทุกสารทิศ!
หากไม่ใช่เพราะอิทธิพลของเผ่าพวกเขายิ่งใหญ่เกินไป เบื้องลึกเบื้องหลังน่าพรั่นพรึง คงถูกหลายสำนักร่วมมือกันกวาดล้างไปตั้งนานแล้ว
“แล้วก็เผ่าวาทวาโยของพวกเจ้ากลับช่วยคนเลวสร้างกรรมชั่ว ช่วยพวกหมาดำสารเลวติดประกาศนำจับ หรือพวกเจ้าก็กลายเป็นสุนัขรับใช้ไปแล้ว”
มีคนเดือดดาล พุ่งเป้าไปที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่เผยแพร่ข่าวนี้
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยรีบพูดว่า “เผ่าวาทวาโยของพวกเรายึดหลักความเป็นธรรมและเป็นกลางเสมอมา เพียงเผยแพร่ข่าวสารเท่านั้น ส่วนบุญคุณความแค้นและข้อจริงเท็จ พวกเราไม่เคยเข้าไปมีส่วนร่วม จุดนี้คิดว่าทุกคนล้วนรู้ดี”
เขาหยุดไปครู่ค่อยกลอกตาแล้วพูด “ทุกท่านอย่าได้โกรธ ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนของเผ่าวาทวาโยได้วิเคราะห์ข่าวนี้อย่างรอบคอบ ได้ความจริงที่น่าทึ่งบางอย่างมา หากทุกท่านรู้… ไม่แน่ว่าอาจจะดีใจ”
ดีใจงั้นหรือ
ทุกคนต่างแปลกใจ
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงชราดังมาจากใบไม้น้ำแข็งหิมะที่กลายเป็นประกาศนำจับนั่น…
‘มีรายงานว่า หลินสวินออกจากนครเตโช เคยถูกผู้แข็งแกร่งจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬตามฆ่าด้วยเหตุผลบางประการที่ไม่สามารถเปิดเผยได้’
‘การตามฆ่าในครั้งนั้น เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเคลื่อนกำลังราชันกึ่งระดับสองคนและราชันที่แท้จริงอีกหนึ่งคน นอกจากนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งชั้นยอดมือฉมังเกือบร้อยคน โดยมีโก่วซวีสิง นายน้อยผู้หนึ่งของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่มีสมญานามว่า ‘บั่นพันเศียร’ นำทัพ’
เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ เสียงสูดหายเข้าด้วยความตกใจดังขึ้นในทันที ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างมือเท้าเย็นเฉียบ หัวใจแขวนลอยขึ้นมา
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เพื่อฆ่าเด็กหนุ่มเย้ยฟ้าคนหนึ่ง ถึงขั้นส่งราชันที่แท้จริงมา! เพียงจุดนี้ก็ทำให้ผู้คนกดดันและสั่นสะเทือนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังที่ตามฆ่ายังไม่ได้มีเพียงเท่านี้!
ในที่นั้นเงียบสงัดลงอีกครั้ง บรรยากาศกดดันมาก ผู้ฝึกปราณทั้งหมดต่างตั้งใจฟัง กลัวอย่างยิ่งว่าจะพลาดรายละเอียดจุดใดไป
นี่เป็นข่าวใหญ่ที่ตะลึงโลก สามารถทำให้เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่ทั่วทั้งแดนฐิติประจิม!
‘จากข่าวที่พวกเราสืบมาได้ ในการตามฆ่าครั้งนั้น การเคลื่อนไหวของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไม่ได้ราบรื่น กลับยังพบอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง…’
เสียงชราอธิบาย ผู้ฝึกปราณรอบๆ ต้นข่าสารต่างตั้งใจฟังใจจดจ่อ
ทุกคนไม่ได้สังเกตเห็นว่า ในมุมหนึ่งนอกฝูงชน เด็กหนุ่มที่รูปร่างสง่างามสวมเสื้อคลุมสีดำ ใช้ปีกหมวกบดบังใบหน้าครึ่งนึงเอาไว้ เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ก็หมุนตัวออกไปเงียบๆ
……………..