เยี่ยเม่ยพบว่ายามเมื่อกำลังภายในอันตื้นเขินของนางถ่ายทอดเข้าไปในกายเขาคล้ายกับก้อนหินจมร่วงสู่มหาสมุทร
ไม่ต้องใคร่ครวญให้มากนางก็รู้ได้ว่า บุรุษเบื้องหน้ามีกำลังภายในล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง หาใช่กำลังภายในอันกระจ้อยร่อยของนางจะช่วยฟื้นฟูให้เขาได้
ดังนั้นจะเอาอย่างไรต่อไปดี
ในขณะที่เยี่ยเม่ยอยู่ในความกลัดกลุ้ม เสินเซ่อเทียนที่เพิ่งจะ ‘เป็นลม’ไปก็ฟื้นขึ้นแล้ว เขายังไอแห้งๆ คำหนึ่ง จากนั้นก็กระอักเลือดอีกคำหนึ่ง
เยี่ยเม่ยขมวดคิ้ว ถามขึ้นนิ่งๆ ว่า “ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
ครั้นนางถามเช่นนี้ เสินเซ่อเทียนก็ไอโขลกอีกครั้ง หันกลับมองเยี่ยเม่ยแล้วส่ายหน้า “ไม่ค่อยดีนัก! ข้าถูกศัตรูตามฆ่า ไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว ร่างกายถึงได้ไร้เรี่ยวแรงจนเป็นลมไป คือว่า แม่นาง…”
ระหว่างเอ่ยคำพูด สายตาเขาก็มองนกที่ย่างจนสุกข้างกายเยี่ยเม่ย
สีหน้าตะกละตะกลามเป็นอย่างยิ่ง พิศดูแล้วคล้ายกับคนรอดจากการหนีตายอยู่จริงๆ เพียงแต่ความตะกละตะกลามเช่นนี้ของเขาหาได้บั่นทอนบุคลิกสักเล็กน้อย
เยี่ยเม่ยมองท่าทางของเขาก็มุมปากกระตุก วุ่นวายอยู่ตั้งนานเพราะหิวอย่างนั้นหรือ
นางก็ไม่คิดมาก ส่งนกย่างสุกข้างกายให้เสินเซ่อเทียน “เอาไปเถอะ ข้าย่างอีกตัวก็ได้!”
เสินเซ่อเทียนหาได้เกรงใจสักน้อยรับไว้ทันที
เยี่ยเม่ยไม่ชายตาแลเสินเซ่อเทียนอีก ก้มหน้าถอนขนและควักอวัยวะของนกตัวหนึ่งอีกครั้ง จากนั้นค่อยย่างใหม่
อย่างไรเสียนางก็จับมาได้หลายตัว แบ่งให้เขาตัวหนึ่งก็ไม่เป็นไร
เสินเซ่อเทียนไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายสนใจตนเองหรือไม่ เขานั่งตรงข้ามกับเยี่ยเม่ย ค่อยๆ ละเลียดกินทีละน้อยๆ ด้วยท่าทางสง่างามเป็นอย่างยิ่ง มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นการกินของพวกชนชั้นสูง เยี่ยเม่ยเผลอมองท่าทางกินนกของเขาทีหนึ่งยังรู้สึกแปลกใจมาก
คนที่หิวโหยมานานยามกินอาหาร ยังรักษาท่าทางและบุคลิกเอาไว้ได้นับว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยจริงๆ
เสินเซ่อเทียนไม่พูดไม่จา ก้มหน้ากัดนกกินทีละคำๆ
เฉิงเสี่ยวจวนที่อยู่ไกลออกไปเห็นภาพนี้ เห็นท่าทางเอาแต่กินของเสินเซ่อเทียน นางแสดงสีหน้าว่าอดทนดูต่อไปไม่ไหวอีก ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ไฉนจวินซ่างถึงได้ยึดติดกับของอร่อยจนถึงขั้น…แม้แต่คำขอบคุณสักคำยังไม่ทันเอ่ยออกมา ก็กอดของกินเคี้ยวหนึบหนับแล้ว
ช่างหลงมัวเมาเกินไปแล้ว!
เสินเซ่อเทียนกินอย่างเอร็ดอร่อย นกย่างนี้หอมมากเป็นพิเศษ เป็นรสชาติที่เขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ทำให้เขาอยู่ในอารมณ์เบิกบานเป็นอย่างมาก ในเวลานี้เองท้องของเยี่ยเม่ยพลันส่งเสียงร้อง ‘โครกคราก’
เสินเซ่อเทียนอึ้งไปเล็กน้อย หยุดชะงักการกินนกไปเช่นกัน เขามองเยี่ยเม่ย น้ำเสียงทรงอำนาจเอ่ยปากถาม “เจ้าก็หิวหรือ”
“อืม!” เยี่ยเม่ยเพียงรับคำเสียงเย็นๆ เมื่อคืนนางไปถึงแม่น้ำหมิง ตั้งแต่ตอนนั้นจนบัดนี้เป็นเวลาหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน นางไม่มีอะไรตกถึงท้องเป็นเวลานานขนาดนี้ย่อมหิวเป็นธรรมดา
เห็นเสินเซ่อเทียนมองตนด้วยความตะลึง
เยี่ยเม่ยปรายตาเย็นชามองเขา กล่าว “ไม่ต้องซาบซึ้งหรอก วันนี้ข้าช่วยท่านเพราะความคิดชั่ววูบ ยินยอมช่วยเหลือท่านก็ช่างเถิด รอท่านกินนกย่างหมดแล้ว มีหนทางหลายเส้น พวกเราต่างคนต่างไป ข้าไม่หวังให้ท่านตอบแทน”
นางเองก็ไม่ต้องการให้เขาติดค้างน้ำใจ นกตัวเดียวก็เท่านั้น สำหรับนางที่ต่างกันก็แค่ได้กินนกเร็วขึ้นหรือช้าลงเท่านั้นเอง
คำพูดของนางกระตุ้นความสนใจของเสินเซ่อเทียน
ในความเป็นจริงเสินเซ่อเทียนเข้าใจว่าใบหน้าของตนเองดึงดูดสายตาของสตรีทั่วไปได้อย่างแน่นอน ส่วนสตรีเบื้องหน้านี้ไม่มีความสนใจเลยสักนิดก็ช่างเถอะ ถึงกับแสดงออกคล้ายกับกลัวว่าเขาจะรบเร้าติดพันนางอย่างไรอย่างนั้น สั่งให้เขากินเสร็จแล้วรีบไปเสีย
คนที่ไม่ยินยอมคบค้ากับเขา ทว่ายอมทนหิวยกนกย่างให้เขากินก่อน ย่อมเรียกว่าน่าสนใจอยู่บ้าง!
เสินเซ่อเทียนนั่งเงียบ กัดนกอีกคำหนึ่ง ถามว่า “แม่นางก็กำลังรีบเดินทางเช่นกันอย่างนั้นหรือ”
เยี่ยเม่ยที่กำลังก้มหน้าย่างนกอยู่ ตอบกลับอย่างขอไปที “ไม่ผิด!”
เพียงแต่ในเวลานี้เองเยี่ยเม่ยฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เงยหน้ามองเสินเซ่อเทียนทีหนึ่ง “กำลังภายในของท่านล้ำลึกมาก ข้าคิดว่าหากมีคนคิดทำร้ายท่านคงไม่ง่ายดายนัก ดังนั้นไฉนท่านถึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้”
เขาบาดเจ็บได้อย่างไรกันนะ
อีกทั้งยังน่าอนาถจนถึงขั้นไม่มีอะไรกิน หิวจนเป็นลมไปได้?
เมื่อเยี่ยเม่ยถาม เสินเซ่อเทียนก็สะอึกเล็กน้อย เนื้อนกย่างที่ค้างอยู่ในปากเกือบติดคอตาย
เขาสูดลมหายใจลึกๆ หลายคำ ที่นี่ไม่มีน้ำช่วยให้เขากลืนลงไปได้
เฉิงเสี่ยวจวนที่มองจากที่ไกลนั้นตื่นเต้นหวั่นใจ กลัวว่าจวินซ่างของนางจะกลายเป็นสุดยอดฝีมือแห่งยุคคนแรกในประวัติศาสตร์กินของอร่อยจนติดคอตาย
เยี่ยเม่ยมองใบหน้าเขาแดงก่ำ เวลานี้นางหมดคำพูด เอ่ยเสียงนิ่งว่า “ไม่มีใครแย่งท่านกินสักหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนี้”
หางตาเสินเซ่อเทียนกระตุก ในที่สุดก็กลืนเนื้อนกย่างคำนั้นลงไปได้
คราวนี้เขาถึงมองเยี่ยเม่ยตอบว่า “ไม่ผิดเลย พวกเขาคิดทำร้ายข้าไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ว่าข้ามั่นใจตนเองเกินไป ถูกลอบทำร้าย ดังนั้นจึงตกอยูในสภาพน่าอนาถถึงขั้นนี้!”
เสินเซ่อเทียนแอบคิดว่า คนที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนมีความสามารถเหนือคนอย่างเขา หากจะฝืนบอกว่าถูกคนทำร้าย มีเหตุผลเพียงข้อเดียวเท่านั้น สมควรอธิบายออกไปว่าเพราะว่าความมั่นใจจนเกินเหตุของตนจึงเกิดเรื่อง เช่นนี้คนอื่นถึงจะเชื่อกระมัง
ความคิดของเขาแท้จริงแล้วก็ไม่ผิด
เยี่ยเม่ยฟังจบ ก็พยักหน้า
หากบุรุษเบื้องหน้าบอกเหตุผลอื่น นางก็คงไม่เชื่อจริงๆ แต่ว่ามั่นใจตัวเองเกินไปนี้ นับว่าน่าเชื่อถือ
เห็นสีหน้าระวังตัวของนางค่อยๆ จางลง เสินเซ่อเทียนก็คลายใจ เขายังหวังว่าหลังจากกินนกตัวนั้นหมดแล้ว นางจะย่างนกให้เขาอีกสักตัว ดังนั้นเขาไม่อาจล่วงเกินนางได้ง่ายๆ ทั้งไม่อาจปลุกความสงสัยของนาง ไม่เช่นนั้นนกตัวต่อไปก็คงไม่มีหวัง
เสินเซ่อเทียนกัดนกอีกคำหนึ่ง ชวนคุยต่อ “แม่นางเป็นคนที่ไหน”
คำถามนี้ทำให้มือของเยี่ยเม่ยชะงักเล็กน้อย เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นในบัดดล
นางเป็นคนที่ไหนกัน
คนของราชวงศ์จงเจิ้งหรือว่าเป็นคนที่ตกลงมาจากฟ้าอย่างไร้ที่มาที่ไปกันแน่ ไม่ว่าเป็นตัวเลือกไหนก็เป็นคำตอบที่ไม่อาจพูดได้ ทั้งยังทำให้นางกังวลใจ
ด้วยเหตุนี้
เยี่ยเม่ยส่งสายตามองเสินเซ่อเทียน ประเมินบุรุษผู้นั่งกินนกย่างของผู้อื่น ยังรักษาท่วงท่าสูงส่งและทรงอำนาจเอาไว้ บุรุษที่แผ่ไอศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าอย่างไรก็ดูไม่ใช่คนปากมาก
นางย้อนถามเสียงเย็น “ดูไปแล้วคุณชายไม่คล้ายคนช่างยุ่งเรื่องผู้อื่น ไฉนข้าถึงทำให้คุณชายสนใจได้”
คำพูดของนางไม่เบามาก ดังนั้นเฉิงเสี่ยวจวนได้ยินอย่างชัดเจน
เฉิงเสี่ยวจวนกลัดกลุ้มกังวลใจอยู่สักพัก เพราะว่าเจ้านายของตนเป็นคนอย่างไร นางย่อมชัดแจ้ง ตามเหตุผลแล้วจวินซ่างได้กินนกย่างก็สมควรพึงพอใจแล้ว ไฉนยังใส่ใจถึงที่มาของผู้อื่นด้วยเล่า หรือว่าแม่นางที่ดูไม่ธรรมดาผู้นี้ ปลุกความระแวงสงสัยของนายท่านเข้า
ไม่ช้า เฉิงเสี่ยวจวนค่อยเข้าใจว่า ตนเองคิดมากไปเอง
เสินเซ่อเทียนมองเยี่ยเม่ย กังวลอยู่หลายวินาที ค่อยๆ ถามออกว่า “เจ้าอยากฟังความจริงหรือเปล่า”
“ท่านว่ามา!” นางย่อมไม่มีอารมณ์ฟังคำโกหก
เสินเซ่อเทียนตอบกลับว่า “ข้าคิดจะใช้วิธีนี้ตีสนิทเจ้า ให้เจ้าช่วยย่างนกให้ข้าอีกสักตัว”