ตอนที่ 713 คำถาม

บุตรอสูรบรรพกาล

ตอนที่ 713

คำถาม

“คือว่า…..”ชิวซุยโดนบิดาตนเองเปิดโปงความลับออกมาเช่นนี้ก็หน้าเจื่อนไปทันที เมื่อครู่นางใช้วิชาล่องหนหายตัวอยู่ชัดๆไม่คิดว่าหลี่เซียนจะมองข้ามหรอก แถมเรื่องที่ชิงชิวเป็นบิดาของนางก็รู้ถึงหูหลี่เซียนเช่นกัน แบบนี้เท่ากับเรื่องที่นางโกหกหลี่เซียนเอาไว้แตกถึง 2 เรื่องเลยทีเดียว

“ข้าขอโทษ…..”ชิวซุยไม่ทราบจะแก้ตัวอย่างไร และแก้ตัวไปก็คงไม่ดีอีกต่างหากนางจึงได้แต่เอ่ยปากขอโทษด้วยท่าทีรู้สึกผิดออกไปแทน

“ไม่หรอก เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว”หลี่เซียนส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีโล่งอกก่อนจะมองไปที่ชิวซุยตรงๆ แต่ถึงคำพูดของมันจะเหมือนให้อภัยแต่ดวงตาของมันกลับมีท่าทีเจ็บปวดอยู่ชัดๆ การที่ชิวซุยมีวิชาติดตัว แถมยังเป็นวิชาล่องหนหายตัวนั้นก็หมายความว่าหลี่เซียนไม่มีความจำเป็นต้องช่วยชิวซุยที่หมู่บ้านของพวกโจรเลยแม้แต่น้อย นางเพียงปล่อยให้มันช่วยเหลือตนเองเท่านั้น และการที่นางมีบิดาอยู่แล้วแสดงว่านางยังมีครอบครัวอยู่ และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอะไรหลี่เซียนทั้งนั้นเช่นกัน

“…………”แม้หลี่เซียนจะพูดเหมือนไม่เป็นไร แต่ทางฝั่งชิวซุยเองกลับยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ นางโกหกหลี่เซียนก็จริง และตั้งใจปั่นประสาทหลี่เซียนอย่างไม่มีข้อแก้ตัว แต่…. ยางไม่ทำไปเพราะคิดร้ายกับหลี่เซียนนะ นางก็แค่ชอบเวลาหลี่เซียนมีท่าทีต่างๆตอบกลับมาเท่านั้นเอง และคำโกหกว่าไม่เหลือใครนั้นก็แค่อยากจะอยู่ร่วมกับหลี่เซียนต่ออีกสักพักเท่านั้นเอง

“เจ้าได้เจอครอบครัวของเจ้าแล้วข้าก็หมดห่วงแล้ว ขอให้เจ้าโชคดีนะ”หลี่เซียนมองไปทางชิงชิวครู่หนึ่งก่อนจะหันมาอวยพรให้ชิวซุยเสียอย่างนั้น เพียงแต่คำอวยพรนี้เหมือนคำบอกลามากกว่า ประกอบกับใบหน้าหมองๆของหลี่เซียนที่ชิวซุยแทบไม่เคยจะได้เห็นก็ยิ่งทำให้นางรู้ว่ายามนี้หลี่เซียนโกรธนางจริงๆ

“ข้าขอตัว”หลี่เซียนประสานมือลาสองพ่อลูกก่อนจะหันหลังเดินกลับไปในเมืองตามลำพัง จริงๆชิวซุยก็อยากจะเข้าไปหยุดมันเอาไว้แต่นางกลับไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวว่าจะทำอีกฝ่ายโกรธตนเองไปมากกว่า

“ท่านพ่อ…”ชิวซุยปกติเป็นเด็กดีไม่ค่อยทำให้ใครโกรธมาก่อน พอเจอเข้าแบบนี้ก็รู้สึกเหมือนทำอะไรไม่ถูก นางจึงหันไปหาบิดาเหมือนจะขอคำปรึกษาว่าควรทำอย่างไรดี ส่วนชิงชิวนั้นตอนแรกก็คิดจะต่อว่านางนิดหน่อยกับความผิดที่ได้ทำกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เห็นหน้านางเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นมันก็ต่อว่าซ้ำไม่ลงแล้วเดินเข้าไปหาบุตรสาวของมันอย่างช่วยไม่ได้

.

.

“เจ้ายักษ์ ทำไมกลับมาคนเดียวล่ะ”หลังจากหลี่เซียนกลับมาที่พักของทหารอาณาจักรจินเป่ย พวกรองแม่ทัพคนอื่นๆก็สังเกตเห็นว่าหลี่เซียนเดินกลับมาคนเดียวในตอนเย็นแทนที่จะมาพร้อมกับชิวซุยที่ออกไปด้วยกันเมื่อเช้า

“ไม่มีอะไรหรอก”หลี่เซียนตอบพลางเดินผ่านรองแม่ทัพทั้ง 3 ไปด้วยท่าทีนิ่งเฉยราวกับไม่อยากสนใจสิ่งรอบข้าง ท่าทีของหลี่เซียนอาจจะไม่แปลกสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเหล่ารองแม่ทัพแล้วกลับเห็นได้ชัดเลยว่ามันไม่ปกติ

“เจ้านั่น……….”สือหลงมองตามหลังหลี่เซียนไปด้วยท่าทีอึ้งๆ ท่าทีเสียใจแบบนั้นไม่ได้ปรากฏบนหน้าหลี่เซียนได้ง่ายๆ นี่ชิวซุยทำอะไรลงไปกันแน่

“หรือว่าจะเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น”เจียนหู่ว่าพลางแสดงสีหน้าครุ่นคิดออกมา มันแทบจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย เพราะหลี่เซียนกลับมาโดยไม่มีชิวซุย แต่ปัญหาคือนางทำอะไรหลี่เซียนกันแน่มันถึงได้ซึมแบบนั้น

“ต้องใช่แน่ๆ หรือว่านางจะแอบเอาสมบัติของหลี่เซียนไปด้วย….”สือหลงคิดพลางนึกย้อนไปตอนที่ชิวซุยอยู่ที่บ้านของหลี่เซียน เวลาขาดเหลืออะไรหลี่เซียนก็เป็นคนออกเงินเสมอ บางทีเรื่องเงินอาจจะเกี่ยวข้องก็ได้

“ไม่หรอก นางอาจจะมีปัญหากับคนในอาณาจักรหลิวแล้วลากหลี่เซียนไปจัดการหรือเปล่า”อวิ๋นฉางเสนอออกมา แม้ระดับเทียนเซียนขั้น 10 จะไม่ใช่ระดับสูงสุดของอาณาจักรหลิว แต่ก็นับว่าแข็งแกร่งพอสมควรหากมีเรื่องขัดใจกับใครเข้าแล้วให้หลี่เซียนช่วยเหลือก็สามารถรับมือได้ระดับหนึ่งเลย

“หรือว่าจะมีเรื่องรักสามเส้ากัน ไม่แน่นะนางอาจจะมีคนรักอยู่ที่อาณาจักรหลิวอยู่ก่อน แล้ววันนี้ก็บังเอิญมาเจอกันอะไรแบบนั้น”เจียนหู่เสนอบ้างพลางผูกเรื่องราวออกมาเป็นจริงเป็นจังเสียอย่างนั้น

“ไม่เห็นรู้มาก่อนเลยว่าพวกท่านมีจินตนาการกว้างไกลขนาดนี้”รองแม่ทัพทั้ง 3 ยังคาดเดาไม่ทันจบ อยู่ๆเสียงของชิวซุยก็ดังขึ้นมากลางวงเสียก่อนทำเอารองแม่ทัพทั้ง 3 สะดุ้งโหยงเพราะอยู่ๆชิวซุยก็โผล่มานั่งร่วมกับพวกมันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ

“เจ้า..เจ้าโผล่มาจากไหน”เจียนหู่ที่กำลังเล่าความคิดของตนอยู่สะดุ้งโหยงด้วยท่าทีตกใจ นี่มันนินทานางระยะเผาขนอยู่งั้นหรอกหรือ

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ พวกท่านเป็นสหายของท่านหลี่เซียนมานานนี่นา เวลาท่านหลี่เซียนโกรธข้าควรง้ออย่างไรดี”ชิวซุยไม่ถือสาเรื่องที่รองแม่ทัพทั้ง 3 นินทาตนเอง แต่นางอยากจะถามพวกมันมากกว่าว่าควรจะทำอย่างไรดีเวลาหลี่เซียนโกรธ

“นี่เจ้า ทำมันโกรธงั้นเหรอ”สือหลงถามพลางมองไปทางห้องของหลี่เซียน พวกรองแม่ทัพคนอื่นๆก็มีนิสัยส่วนตัวต่างกัน คนหนึ่งระเบียบจัด คนหนึ่งชอบปั่นประสาท ส่วนอีกคนบ้าต่อสู้ จึงไม่แปลกที่พวกมันจะทำใครสักคนโมโห แต่กับหลี่เซียน เจ้านั่นไม่เคยแสดงท่าทีโมโหเลยแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่ามาถามพวกมันออกจะผิดคนเสียหน่อย พวกมันก็ไม่ทราบหรอกว่าเวลาหลี่เซียนโกรธจะง้ออย่างไร

“ก็ใช่….ตอนพวกเราเที่ยวในเมืองข้าโดนท่านแม่เจอตัวเข้าแล้วลากไปทำธุระจนเย็น พอกลับมาก็เจอท่านหลี่เซียนอยู่กับท่านพ่อ แถมท่านพ่อยังเปิดโปงเรื่องของข้าจนหมดเลย”ชิวซุยตอบออกไปตามความจริงเพราะไม่มีเหตุผลอะไรต้องปิดบังแล้ว แต่นางไม่อยากให้หลี่เซียนโกรธนางอยู่แบบนี้ก็เลยขอท่านพ่อว่าจะมาง้อหลี่เซียนก่อนจะกลับบ้าน

“แม่….แล้วก็พ่อ…”สือหลงเบิกตากว้างด้วยท่าทีตกใจ นี่นางยอมรับแล้วงั้นหรือว่ามีพ่อแม่อยู่ในอาณาจักรหลิวจริงๆ ไม่ได้ไร้ญาติขาดมิตรขนาดต้องมาอาศัยอยู่กับหลี่เซียนแบบนั้น

“ข้ารู้ว่าข้าโกหกพวกท่าน แต่ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายนะ”ชิวซุยว่าพลางทำหน้ามุ่ยออกมาเมื่อเห็นว่าสือหลงยังระแวงนางไม่เลิก

“เรื่องนั้นข้ายังไม่เชื่อหรอก อย่าลืมสิว่าพวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นใครกันแน่”เจียนหู่ส่ายหน้าน้อยๆด้วยท่าทีระมัดระวัง เมื่อเช้าพวกมียอมวางมือเพราะหลี่เซียนบอกว่าเชื่อใจนางหรอก แต่ตอนนี้หลี่เซียนถึงขั้นโกรธนางแล้วจะมีใครห้ามพวกมันสงสัยในตัวนางได้กัน

“ก็ได้ ข้าชื่อไป๋ชิวซุย บุตรสาวคนเล็กของตระกูลไป๋ พวกท่านพ่อใจกันหรือยัง”ชิวซุยกำลังกังวลเรื่องหลี่เซียนดันมาเจอรองแม่ทัพแคลงใจอยู่อีกก็ไม่ทราบจะปิดความลับต่อไปทำไมอีก นางตัดสินใจบอกออกไปให้จบเรื่องเสียเลยดีกว่า

“แค่ชื่อตระกูลมันจะไปบอกอะไรได้ ตระกูลไป๋แล้วไง เจ้ายังต้องแสดงหลักฐา…..เดี๋ยวนะ ตระกูลไป๋งั้นเหรอ”เจียนหู่กำลังจะโต้แย้งชิวซุย แต่กลับชะงักไปกลางคันเสียอย่างนั้น

“ไป๋….เจ้าหมายถึงตระกูลเดียวกันกับจักรพรรดิไป๋งั้นเหรอ”คราวนี้เป็นสือหลงบ้างที่มีท่าทีแตกตื่น แม้จะคิดว่านางอาจจะไม่ใช่แม่ค้าธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่านางจะเป็นลูกหลานตระกูลไป๋เสียหน่อย

“ท่านเป็นตาของข้าเอง”ชิวซุยตอบทั้งๆที่หน้ายังคงป่องเป็นลูกโป่งอยู่ เพราะแบบนี้ไงถึงไม่อยากบอกรองแม่ทัพทั้ง 3 คนมีท่าทีแตกตื่นกันอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่อวิ๋นฉางที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ด้วยก็ตาม

“เจ้าบอกว่าเป็นคนตระกูลไป๋ก็เป็นงั้นหรือ ข้าได้ยินมาว่าคนตระกูลไป๋ต่อให้เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดยังเก่งกาจจนเหลือเชื่อ ระดับพลังของเจ้าพอจะเป็นคนตระกูลไป๋งั้นหรือ”อวิ๋นฉางถามพลางจ้องมองชิวซุยด้วยท่าทีข้องใจ ตัวมันสนใจแต่เรื่องการฝึกฝนวิชา เรื่องของตระกูลไป๋มีเพียงเรื่องความเก่งกาจเหนือมนุษย์เท่านั้นที่มันสนใจ

“แค่นี้ชัดเจนพอหรือยัง”ชิวซุยไม่ทราบจะหัวเราะหรือร้องไห้กับความหวาดระแวงของพวกรองแม่ทัพดี นางปล่อยพลังของตนออกมาให้อวิ๋นฉางสามารถสัมผัสได้ไปเลยว่านางอยู่ระดับไหนพร้อมทั้งนำป้ายแสดงตัวของตระกูลไป๋ออกมาให้พวกเจียนหู่กับสือหลงดูอีกต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่นางต้องเอาหลักฐานออกมามากมายขนาดนี้เพื่อบอกว่านางเป็นใคร

“ละ แล้วคนตระกูลไป๋ต้องการอะไรกันแน่ถึงได้มายุ่งเกี่ยวกับหลี่เซียน”สือหลงคุกเข่าลงกับพื้น แต่ปากก็ยังถามไม่เลิกทำเอาชิวซุยได้แต่แอบซับน้ำตา ท่าทางเจ้าหมอนี่จะยังสงสัยไม่เลิก

“ก็ข้าบอกท่านแล้วนี่นาว่าข้าชอบท่านหลี่เซียน”ชิวซุยตอบด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แม้นางจะไม่เหมือนหลินเฟยที่ทราบว่าตนเองชอบใคร แต่นางก็อายอยู่ดีหากต้องพูดมันออกมาตรงๆ

“เจ้ายักษ์นั้นโชคดีเกินไปแล้ว…..”สือหลงยิ้มเจื่อนๆออกมาพลางเหล่มองไปทางห้องของหลี่เซียน

“มิน่าล่ะท่านแม่ทัพถึงได้เกรงใจเจ้านัก”เจียนหู่ว่าพลางถอนหายใจออกมา ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจเสียทีว่าเรื่องแปลกๆทั้งหมดมันเป็นมาอย่างไร เพียงแต่ใครจะไปคิดเล่าว่ามันจะกลายเป็นเรื่องรักน้ำเน่าของคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์กับรองแม่ทัพต่างอาณาจักรแบบนี้

“พวกท่านหายสงสัยกันหรือยัง งั้นก็บอกข้ามาเสียทีว่าจะง้อท่านหลี่เซียนยังไง”ชิวซุยว่าพลางทำแก้มป่องออกมาด้วยท่าทีโกรธๆ นางแค่อยากรู้ว่าควรง้อหลี่เซียนอย่างไรเท่านั้นไม่คิดว่าต้องมานั่งอธิบายตัวตนกับพวกมันอยู่ตั้งนานสองนานแบบนี้

“ไม่รู้…..”คำตอบของพวกรองแม่ทัพแทบจะเป็นคำตอบเดียวกัน ก็อย่างที่บอกพวกมันไม่เคยโดนหลี่เซียนโกรธนี่นาจะให้บอกได้อย่างไรว่าต้องง้อมันแบบไหน