บทที่ 572 ครึ่งชั่วโมง

The king of War

คนในครอบครัวตระกูลอ้ายต่างก็นึกย้อนถึงอดีต เพราะเมื่อหลายปีก่อนมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ อ้ายชวนในมอบกิจการของตระกูลกว่าครึ่งหนึ่งให้กับอ้ายหมิงซวี่เป็นคนจัดการ

ในเวลานั้น ไม่มีใครรู้ว่าอ้ายชวนกำลังวางแผนจะสละตำแหน่งผู้นำของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงส่งต่อธุรกิจของครอบครัวให้กับอ้ายหมิงซวี่

แต่หลังจากนั้น ไม่รู้ด้วยเหตุใด กิจการที่อ้ายหมิงซวี่รับผิดชอบต่างก็ขาดทุนย่อยยับกันหมด แต่ว่าสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพราะกิจการทั้งหมดนั้นได้ฟื้นตัวและเป็นกำไรภายในชั่วข้ามคืน

ซึ่งนับจากนั้นเป็นต้นมา อ้ายชวนก็ได้ยึดกิจการส่วนหนึ่งของอ้ายหมิงซวี่กลับไป

แต่ถึงอย่างนั้น อ้ายหมิงซวี่ยังคงรับผิดชอบกิจการที่ใหญ่ที่สุดและหลากหลายที่สุดของครอบครัวตระกูลอ้ายอยู่ดี

หลังจากได้ฟังคำอธิบายของอ้ายชวนแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่า ที่ผ่านมา การที่อ้ายชวนทำเช่นนี้ก็เพื่อจะฝึกฝนอ้ายหมิงซวี่อยู่เบื้องหลัง

“ไม่! พ่อโกหกผม ในสายตาพ่อ ผมก็แค่คนไร้ค่า ไม่คู่ควรที่จะเป็นลูกชายพ่อเลยด้วยซ้ำ พ่อแค่ไม่อยากมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลอ้ายให้ผม ถึงได้ทำแบบนี้”

“พ่ออยู่ในตำแหน่งหัวหน้าตระกูลมานานเกินไป พ่อคุ้นเคยกับตำแหน่งสูงส่งนี้แล้ว พ่อก็เลยไม่เต็มใจที่จะมอบให้คนอื่น”

อ้ายหมิงซวี่ตวาดด้วยดวงตาสีแดงของเขา ราวกับว่าเขาบ้าไปและยอมรับความจริงไม่ได้

แต่อ้ายชวนนั้นกลับรู้สึกใจสลาย เพราะนี่คือลูกชายของเขา แล้วเขาจะคิดว่าลูกชายของตนเป็นคนไร้ค่าได้อย่างไร?

และทำไมถึงไม่ยอมมอบตำแหน่งผู้นำให้กับอ้ายหมิงซวี่สักที?

ความจริงแล้วเขาไม่ได้หวังให้อ้ายหมิงซวี่ดีเลิศประเสริฐเลย ขอแค่อ้ายหมิงซวี่สามารถประคับประคองกิจการของตระกูลอ้ายไปได้โดยปราศจากความช่วยเหลือจากเขา แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว

เพียงแต่ว่าอ้ายหมิงซวี่นั้นทำไม่ได้เลยแม้แต่นิด นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้เขาต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อดูแลและคิดหาวิธีในการอุดรอยรั่วของตระกูลอ้ายต่อไป

และทั้งหมดนี้ก็เพื่ออ้ายหมิงซวี่และครอบครัวตระกูลอ้าย

แต่ในสายตาของอ้ายหมิงซวี่กลับคิดว่าเขาเป็นคนบ้าอำนาจ

“พ่อคะ พ่อหยุดหลอกตัวเองและหยุดหลอกคนอื่นได้แล้ว พ่อรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่คุณปู่พูดนั้นเป็นความจริง ทำไมพ่อไม่เคยยอมรับความผิดพลาดของพ่อเลย?”

อ้ายหลินตะโกนออกไปทั้งน้ำตา

และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่อ้ายหลินแสดงด้านที่เปราะบางของเธอต่อหน้าคนของตระกูลอ้าย

หม่าชาวไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไร ได้แต่จับมืออ้ายหลินแน่นๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเธอ

“แกหุบปากไปซะ!”

“แกก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกไล่ออกจากบ้าน จะรู้เรื่องอะไร?”

“ไปเลย ไสหัวไปจากที่นี่ให้พ้น! แล้วอย่ากลับมาที่บ้านตระกูลอ้ายอีก!”

อ้ายหมิงซวี่ที่ยอมรับความจริงไม่ได้และในใจก็อึดอัดเต็มทนอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของอ้ายหลิน เขาก็เจอที่ระบายและทันใดนั้นก็ตะโกนออกมา

“แกคิดว่าถ้าแกสละอ้ายหลินไป แล้วแกจะพาตระกูลอ้ายผ่านพ้นวิกฤตใหญ่ที่แกคิดได้งั้นเหรอ?”

“ข้าจะบอกแกนะ ถ้าตระกูลอ้ายมีอ้ายหลินอยู่ เราจะอยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี แต่ถ้าตระกูลอ้ายตกอยู่ในมือของแก ไม่ช้าก็เร็วเราจะพินาศ!”

อ้ายชวนพูดอย่างเย็นชา

ซึ่งในครั้งนี้ เขาผิดหวังในตัวของอ้ายหมิงซวี่อย่างที่สุดแล้ว ผู้ชายที่ไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับผิดของตน แล้วคนแบบนี้จะประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

“ก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง พ่อจะประเมินค่ามันสูงไปหน่อยไหม?”

“ในเมื่อพ่อดูถูกผมแบบนี้ งั้นผมขอพิสูจน์ให้พ่อดูแล้วกัน ว่าการที่ไม่มีมัน ตระกูลอ้ายของเราจะถึงคราวพินาศอย่างที่พูดหรือไม่!”

“ผมจะใช้ความจริงมาพิสูจน์ให้เห็นเองว่า ต้องเป็นผมคนเดียวเท่านั้น ถึงจะนำพาตระกูลอ้ายไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้!”

อ้ายหมิงซวี่กัดฟันพูด

อ้ายชวนถึงกับหัวเราะออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและความผิดหวัง จากนั้นเขามองไปที่อ้ายหมิงซวี่แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “ในเมื่อแกยืนยันแบบนี้ งั้นข้าก็จะให้โอกาสแกได้เรียนรู้จากความจริงก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ อ้ายชวนก็หันเดินจากไป

“คุณปู่คะ คุณปู่จะไปไหนคะ?” อ้ายหลินรู้สึกกังวลและรีบตามไปถาม

อ้ายชวนหันมองไปที่อ้ายหลินด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและกุมมือเธอไว้ “เสี่ยวหลิน ปู่จะไปจากบ้านตระกูลอ้ายแล้ว แต่ก่อนอื่น ปู่มีเรื่องจะขอร้องเธอหน่อย”

“คุณปู่จะไปจากบ้านตระกูลอ้ายเหรอคะ? ไม่ได้นะ งั้นหนูก็จะไปด้วย หนูจะดูแลคุณปู่เอง”

อ้ายหลินรีบพูดทันที

แต่อ้ายชวนส่ายหัวตอบว่า “เสี่ยวหลิน ในครอบครัวตระกูลอ้าย มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่คล้ายกับปู่ที่สุด เธอรู้ดีว่าถ้าปู่ตัดสินใจจะไปจากตระกูลอ้ายแล้ว ปู่ก็ต้องไปอย่างแน่นอน อีกอย่างปู่ไม่ต้องการคนดูแลหรอกนะ”

“เพียงแต่ว่า ก่อนที่ปู่จะไป ปู่ยังเป็นห่วงตระกูลอ้าย ฉะนั้นปู่มีเรื่องจะขอร้องเธอ ไม่ว่าจะยังไง ตระกูลอ้ายก็เป็นบ้านที่ให้กำเนิดเธอและเลี้ยงดูเธอมาจนโต”

“ถ้าหากวันหนึ่งตระกูลอ้ายกำลังจะพินาศ ปู่หวังว่าเธอจะยื่นมือออกมาช่วยเหลือตระกูลอ้าย อย่างน้อยก็ให้ตระกูลอ้ายอยู่รอดในโลกใบนี้ต่อไปได้ ถ้าอย่างนั้น ต่อให้ปู่ตายไป ปู่ก็มีหน้าไปพบกับบรรพบุรุษของพวกเรา”

อ้ายชวนพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

อ้ายหลินถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่อย่างที่อ้ายชวนพูด ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะไปจากที่นี่แล้ว ถึงจะห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่ และเขาก็ไม่ต้องการคนดูแลด้วย

“คุณปู่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ตราบใดที่หนูยังมีชีวิตอยู่ หนูจะไม่มีวันให้ตระกูลอ้ายต้องพินาศ” อ้ายหลินให้คำสัญญา

“ถ้าอย่างนั้น ต่อให้ปู่ต้องตาย ปู่ก็นอนตายตาหลับได้สักที!”

อ้ายชวนพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นหันหลังแล้วเดินจากไปโดยที่ไม่หยุดอีก

คนของตระกูลอ้ายรู้สึกใจหายมาก เมื่อเห็นร่างแก่ชราของอ้ายชวนค่อยๆ เดินจากไป ทุกคนก็ทนดูไม่ได้จริงๆ

“พ่อจะเสียใจภายหลังเอง!”

จนกระทั่งอ้ายชวนเดินจากไปจากสายตา อ้ายหลินจึงจะหันกลับไปแล้วพูดกับอ้ายหมิงซวี่ด้วยสีหน้าจริงจัง

จากนั้นอ้ายหลินก็พาหม่าชาวออกไปจากที่นี่เช่นกัน

แต่ไม่ถึงสิบนาทีหลังจากที่พวกเขาจากไป อ้ายหมิงซวี่ก็ได้รับสายโทรเข้าสายหนึ่ง “ภายในครึ่งชั่วโมง ถ้าคุณไม่เอาชีวิตของอ้ายหลินกับหม่าชาวมาที่บ้านตระกูลเถียนของเราแบบเป็นๆ ตระกูลอ้ายของคุณก็รอเจอกับความพินาศได้เลย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ อ้ายหมิงซวี่ก็เริ่มวิตกกังวลและพูดอย่างรีบร้อนว่า “อ้ายหลินถูกไล่ออกจากบ้านเมื่อวานแล้ว เธอจะทำอะไรที่ไหน มันไม่เกี่ยวอะไรกับครอบครัวตระกูลอ้ายของเราอีก และอีกอย่างตอนนี้อ้ายหลินกับหม่าชาวกำลังเดินทางไปที่บ้านตระกูลเถียนของคุณแล้ว”

“เหอะ ๆ คิดจะเอาคนสองคนมาสังเวยให้กับเรา แล้วคุณคิดว่าจะระงับความโกรธของตระกูลเถียนของเราได้งั้นเหรอ?”

“ผมจะบอกคุณนะ ใครก็ตามที่กล้าฆ่าคนของตระกูลเถียน มันต้องแลกด้วยชีวิตของคนทั้งตระกูล และมันก็ต้องเป็นไปตามนั้น”

“ผมไม่สนหรอกว่าอ้ายหลินจะถูกไล่ออกจากครอบครัวตระกูลอ้ายหรือไม่ แต่ที่ผมสนก็คือ เธอนามสกุลอ้าย ดังนั้น คนเป็นหัวหน้าตระกูลอ้ายอย่างคุณก็ควรมาอธิบายเรื่องนี้ให้กับผมฟังในบ้านตระกูลเถียนของผม ไม่อย่างนั้น ตระกูลอ้ายอย่าหวังจะได้รอด!”

เมื่อพูดจบเขาก็ตัดสายทันที

อ้ายหมิงซวี่รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังจะถล่มลงมา ร่างกายของเขาก็อ่อนแรงอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาเดินโซเซถอยหลังไปหลายก้าวและล้มลงกับพื้น

ในเวลาเดียวกัน อ้ายหลินกับหม่าชาวได้ออกจากบ้านตระกูลอ้ายและมุ่งหน้าไปยังบ้านของหยางเฉิน

ในระหว่างทาง อ้ายหลินไม่พูดอะไรสักคำ ดวงตาทั้งคู่ของเธอได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ

นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าชาวได้เห็นมุมเปราะบางของอ้ายหลินหลังจากที่ได้รู้จักกันมานานหลายปี และมันก็ทำให้หม่าชาวรู้สึกอึดอัดใจมาก

“หม่าชาว คุณว่าอำนาจมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ?”

อ้ายหลินมองไปที่หม่าชาวที่กำลังขับรถอยู่อย่างกะทันหันและถามเขา

หม่าชาวได้แต่ส่ายหัวตอบว่า “พี่เฉินเคยพูดไว้ว่า อำนาจและความมั่งคั่งใด ๆ มันล้วนเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย แต่เราต้องรักษาคนที่คู่ควรแก่การรักษาเท่านั้นถึงจะมีความหมายต่อชีวิต”