Ch.43 – เจ้าหญิงทรงเป็นคนขยันขันแข็ง

Translator : Reheikichi / Author

หลังเลิกเรียน เราสี่คนเดินกลับหอพักด้วยกันตามปกติ

เมื่อกลับไปถึงห้องพักนักเรียนชาย ผมก็รีบกระโดดออกนอกหน้าต่างทันทีและเปิดใช้งานเวท 《เสริมพลัง》เพื่อลดแรงกระแทกจากการลงพื้น จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังหอพักหญิงที่มิเซ่อยู่โดยหลีกเลี่ยงสายตาของผู้คนเท่าที่ทำได้

[ นั่นสิน๊า~ ล๊า~ ]

ผมเผลอร้องเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว จึงรีบปิดปากตัวเองและห้ามตัวเองทันที

ดูเหมือนเพลงของมิเซ่ที่ได้ยินช่วงพักเที่ยงจะติดหูมากกว่าที่คิด

 

ผมจ้องมองไปรอบๆ ดูเหมือนจะไม่มีศัตรูซุ่มอยู่นะ

หลังเลิกเรียนที่แถวนี้จะเต็มไปด้วยนักเรียน ระยะทางจากโรงเรียนไปถึงหอพักจึงวุ่นวายมาก เป็นเวลาที่ไม่เหมาะจะทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ  เลย แม้จะเป็นกลุ่มโจรที่หมายหัวมิเซ่ก็คงจะเลี่ยงเวลานี้แน่

 

ไม่นานหลังจากนั้นมิเซ่ก็ออกมาจากหอพัก

จากเครื่องแบบนักเรียน ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใส่ชุดกีฬาที่โรงเรียนเตรียมไว้ให้

มิเซ่เดินผ่านนักเรียนที่กำลังออกจากโรงเรียนและเข้าไปในโรงเรียน

ที่ที่เธอมุ่งไปคือสนามฝึกซ้อม

 

[ ดีล่ะ วันนี้ต้อง… ]

 

ผมกลั้นลมหายใจและเฝ้าสังเกตการณ์มิเซ่ที่อยู่ในสนามฝึกซ้อม

ซึ่งเธอกำลัง――ฝึกเวทมนตร์อยู่

[ 《เสริมพลัง》เมื่อใช้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลาเรียนวิธีใช้เวทมนตร์ระยะไกล… อ๊ะ หรือว่าต้องเวทมนตร์ป้องกันตัวก่อน… ]

เธอฝึกซ้อมขณะที่พูดคนเดียวปนเปไป

เวทมนตร์ไม่ใช่สิ่งที่เรียนรู้ได้ในชั่วข้ามคืน ก่อนอื่นต้องรับรู้ถึงพลังเวทที่อยู่รอบตัวให้ได้แม่นยำ จากนั้นจึงฝึกจนสามารถควบคุมมันได้ เมื่อใช้เวทมนตร์จึงจะสามารถใช้พลังเวทได้อย่างที่ต้องการ นึกภาพไว้ในหัวและสุดท้ายก็ใช้มันให้ได้อย่างที่นึกไว้

โดยการฝึกหลายๆ ครั้ง คนทั่วไปก็จะสามารถเรียนเวทมนตร์ได้

มิเซ่นี่เป็นคนขยันขันแข็งจังนะ

 

ตอนนี้เธอกำลังฝึกเวทมนตร์ระยะประชิด 《โล่แข็ง》อยู่

เป็นเวทมนตร์ที่สร้างเกราะแข็งขึ้นมาจากพลังเวทได้และใช้ป้องกันการโจมตีของศัตรู

หากใช้ได้อย่างถูกต้องโครงร่างของโล่จะออกมาเป็นโล่อย่างชัดเจน แต่โล่ที่มิเซ่สร้างออกมามีรูปร่างบิดเบี้ยว นั่นหมายถึงการควบคุมพลังเวทไม่ดีและใช้ป้องกันการโจมตีด้วยมือเปล่าไม่ได้ บางทีมิเซ่เองก็คงรู้ตัวเช่นกัน จึงลบโล่ให้หายไปและสร้างโล่ขึ้นมาใหม่

[ … ]

มิเซ่ร่ายเวทซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนทำให้มีหยดเหงื่อและหายใจหอบ

เธอเอาแต่ฝึกอยู่คนเดียวโดยไม่ขอร้องให้ใครช่วย

 

อยู่ต่อไปก็มีแต่จะรบวกน ผมจึงกลับส้นเท้า

เมื่อยืนยันได้แล้วว่าไม่มีศัตรูในโรงเรียน ถึงจะละสายตานิดหน่อยก็คงไม่เป็นไร

 

[ ไง ]

 

ขณะที่กำลังเดินไปเดินกลับก็เจอกับนักเรียนชายในเครื่องแบบสีขาวทักผม

หน้าตาคุ้นๆ แฮะ

[ ถ้าจำไม่ผิด กองกำลัง… ]

[ ดีใจที่จำได้นะ ]

นักเรียนชายที่อยู่ในกองกำลังเหล่าคุณพ่อพิทักษ์ของมิเซ่จัง

แต่ผมสงสัยว่าชายคนนี้อาจจะสะกดรอยตามมิเซ่โดยใช้อ้างว่าปกป้องเธอก็ได้ …ไม่สิ ผมก็ทำเรื่องคล้ายกันนี่หว่า

[ ไม่เข้าไปดูใกล้ๆ เหรอ? จากตรงนี้มองไม่เห็นข้างในไม่ใช่รึไง? ]

[ ฉันไม่อยากทำให้เธอสมาธินะ ทั้งผู้รักมิเซ่จังและกลุ่มรักบริสุทธิ์ของคุณพ่อก็เห็นพ้องต้องกันเรื่องนี้ ]

ดูเหมือนจะเป็นกองกำลังพิทักษ์ที่พอจะมีสามัญสำนึกขั้นต่ำอยู่แฮะ

ทำให้ผมมองพวกเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย

[ มิเซ่ฝึกเวทมนตร์แบบนี้ตลอดเลยเหรอ? ]

[ ใช่ เท่าที่รู้ก็ฝึกอย่างน้อยสัปดาห์ละห้าครั้งได้ ]

[ ห้าครั้งเหรอ? แปลว่าทุกวันที่มีเรียนเลยสิ ]

[ บางครั้งวันหยุดก็มา ถ้ามาวันหยุดก็จะฝึกทั้งวันเลยล่ะ ]

ใบหน้าที่ไหนสักแห่งของเขามีสีหน้าภูมิใจ

ผมมองค้อนนิดๆ และพูดว่า [ เหรอ ] จากนั้นจึงเดินออกจากอาคารเรียน

 

――ไม่รู้มาก่อนเลย

 

ว่าเธอจะทำแบบนี้หลังเลิกเรียนมาเสมอ

ผมไม่รู้เลย

 

ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าที่เข้าเรียนที่โรงเรียนราชวงศ์ก็เพื่อเป็นนักผจญภัย

การที่ต้องการเป็นนักผจญภัยก็หมายถึงต้องเรียนรู้เวทมนตร์มากมาย

เธอถึงได้พยายามอย่างหนัก

 

เมื่อเห็นมิเซ่ที่พยายามอย่างหนักก็ทำเอาผมนึกถึงตัวเองไปชั่วขณะ

ตอนที่ผมได้รับเลือกจากองค์กร ผมเองก็ฝึกเวทมนตร์จนหงาดเหงื่อแทบกระเด็นเหมือนกับมิเซ่ในวันนี้

แต่ผมกับมิเซ่ก็มีสิ่งที่ไม่เหมือนกัน

ผมถูกบังคับให้ฝึกตามคำสั่งผู้ฝึกสอน ก็แค่ไม่อยากโดนเฆี่ยนตีหรือลงโทษเท่านั้นแหละ

 

แต่มิเซ่น่ะต่างกัน

เธอฝึกด้วยความตั้งใจของตัวเอง

พบสิ่งที่อยากทำ ทำสิ่งที่อยากทำ และพยายามทำให้สำเร็จ

 

――ซึ่งหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ

 

[ … สุดยอดเลยนะ ]

สิ่งที่เธอทำคือสิ่งที่ผมทำไม่ได้

เป็นเป้าหมายของผม

 

ทั้งความนับถือและความอิจฉาปนเปในความรู้สึก

[ อิสระ ] ที่เธอแสดงให้เห็น ผมไม่เข้าใจชีวิตของตัวเองเลยจริงๆ ถึงได้รู้สึกอยากจะมี [ ความหวัง ]

 

[ อิสระ ] ไม่ใช่สิ่งที่ควรแปดเปื้อน

ผมคิดแบบนั้น

ดังนั้นผมจะ――

 

 

 

[ ――ไม่ยอมให้มันแปดเปื้อน ]

[ หะ ห๊า!? ]

ตรอกซอยหลังประตูโรงเรียน

ผมที่เจอศัตรูกำลังแอบซุ่มอยู่

 

[ ตอนนี้มิเซ่กำลังพยายามเพื่อไปให้ถึงความฝัน… ไม่ยอมให้แกมาทำให้ความพยายามของเธอต้องสูญเปล่าหรอก ]

 

ผมไปที่ด้านหลังของชายคนนั้นและกดคอของเขาไว้เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดรอดออกมา

เมื่อกดเส้นประสาทไว้นานๆ เข้า สุดท้ายแล้วชายคนนั้นก็เป็นลม

จากนั้นผมจึงเอานิ้วชี้วางไว้ที่หลังหัวของเขา

 

――《กระสุนเวท》

 

สมองของชายคนนั้นกระจุยไปราวกับขนมปัง

ข้างนอกตอนนี้มันเริ่มมืดแล้ว การอำพรางจึงทำได้ง่าย จากนั้นผมจึงติดต่อคริสด้วย ‘กระดาษสื่อสาร’ เพื่อให้ทำลายหลักฐานให้

 

เป็นไปได้ว่าชายคนนี้อาจจะวางแผนทำร้ายมิเซ่ตอนที่เธอกำลังจะเดินกลับหอพัก

พวกโจรดูเหมือนจะรู้พฤติกรรมของมิเซ่

 

อีกทั้งชายคนนี้ยังสวมสีคลุมสีน้ำตาลแดงเหมือนกับคนที่ผมฆ่าคราวก่อน

กลุ่มโจรดูเหมือนจะมุ่งเป้าไปที่มิเซ่และยังอุปกรณ์ที่เจ้าพวกนี้ใช้ยังเป็นของค่อนข้างดีก็ว่าได้ เมื่อถอดผ้าคลุมเขาออกและตรวจสอบก็พบทั้งมีดสั้นและยาพิษหลายอย่าง เป็นอุปกรณ์ที่มือสังหารชอบใช้ เป็นไปได้ว่าคงเป็นกลุ่มโจรที่มีความรู้เรื่องการลอบสังหาร

[ …อาจเป็นศัตรูที่ลำบากกว่าที่คิดไว้แฮะ ]

ศัตรูเป็นมืออาชีพด้านการลอบสังหารแน่

นอกจากจะเล็งมิเซ่แล้วเจ้าพวกนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการลอบสังหารอีก

แบบนี้ใช้แผนการแบบจริงจังคงจะดีกว่า

 

ผมย่อขนาดเสื้อคลุมสีดำใส่กระเป๋าและออกมาจากตรอกซอย

เมื่อกลับไปที่โรงเรียนก็เห็นมิเซ่ที่กำลังเดินออกมาจากโรงเรียนพอดี

 

――ซ่อนตัวดีมั้ย?

――ไม่สิ มีเรื่องอยากจะถามเธออยู่ด้วย

 

ปกติแล้วผมควรซ่อนตัว แต่ตอนนี้ยังขาดข้อมูลจำเป็นว่าเธอจะไปที่ไหนต่อ

ถ้าต้องเจอผมทั้งตอนเช้า ตอนเที่ยง และกลางคืนอาจจะทำให้เธอสงสัยเพราะได้พบหน้ากันบ่อยครั้ง มันจะไม่ใช่แค่น่าสงสัยแต่รบกวนมากเกินไปมากกว่า

[ คุณทรูเอท… ? ]

[ บังเอิญจังนะ ]

มิเซ่ดูประหลาดใจที่เจอผม แต่ก็ยกมือข้างหนึ่งและทักทายผม

[ เอ่อ มาทำอะไรเวลาป่านนี้เหรอคะ? ]

[ เดินเล่นไปมาจนมาถึงที่นี่นะ มิเซ่ล่ะมาทำอะไรที่โรงเรียนเหรอ? ]

[ มา… ติวหนังสือนิดหน่อยค่ะ ]

กำลังฝึกเวทมนตร์อยู่ไม่ใช่เหรอ?

ดูเหมือนไม่ใช่คนที่ชอบโอ้อวดความพยายามจนเกินจำเป็นสินะ

[ ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว ให้ผมไปส่งที่หอพักหญิงแล้วกัน ]

[ เอ๊ะ? แต่มันจะเป็นการรบกวนคุณทรูเอท… ]

[ มันก็เหมือนการเดินเล่นนิดหน่อยนะ จะเดินอีกนิดหน่อยก็ไม่เสียหายหรอก ]

[ งั้นเหรอคะ… ถ้างั้นเข้าใจแล้วค่ะ ]

ค่อนข้างจะเป็นการแกมบังคับ แต่ผมตัดสินใจจะไปส่งมิเซ่ที่หอพักหญิง

[ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ วันนี้เจอกันบ่อยจังนะคะ ]

[ ก็แค่บังเอิญนะ ]

พูดตามตรงเพราะผมอยากรู้วงจรชีวิตของเธอเพื่อวางแผนตารางคุ้มกัน ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจวงจรชีวิตของเธอพื้นฐานแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้ก็คอยเฝ้าดูจากระยะไกลก็พอ

[ จะว่าไปที่หอพักชายชั้น 5 จะมองเห็นโรงเรียนได้เลย ที่หอพักหญิงเหมือนกันมั้ย? ]

[ ค่ะ ห้องพักฉันอยู่ชั้น 4 แต่คนรู้จักเขาบอกว่าอย่างนั้นนะคะ ]

[ หืม… การที่มองเห็นโรงเรียนได้ก็หมายความว่าห้องหันหน้าไปทางถนนเส้นหลัก ทางนั้นช่วงเช้าจะมีเสียงดัง บางครั้งก็ทำให้นอนไม่ค่อยหลับ มิเซ่ไม่คิดแบบนั้นเหรอ? ]

[ ไม่ค่อยได้ยินเสียงเท่าไหร่นะคะ เพราะห้องของฉันอยู่ตรงข้ามกับถนนเส้นหลัก แต่คนรู้จักของฉันก็พูดเหมือนที่คุณทรูเอทบอกเลยค่ะ ส่วนใหญ่ตอนเช้าจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงของร้านขายผลไม้มากกว่าค่ะ ]

มิเซ่พูดด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่คุยเรื่อยเปื่อยกัน เราก็เดินมาถึงหอพักหญิงพอดี

[ ถ้างั้นผมไปล่ะนะ ]

[ ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ ]

หลังจากเห็นมิเซ่เข้าไปในหอพักหญิงแล้ว ผมไม่ได้กลับหอพักทันที แต่เข้าไปทางด้านหลังของหอพักหญิง

[ ห้องพักชั้น 4 ตรงข้ามกับถนนใหญ่… แถวนั้นสินะ ]

ผมมองไปที่ด้านหลังของหอพักหญิงชั้นสี่พร้อมกับย่อตัวลงเพื่อไม่ให้ใครเห็น

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ก็สังเกตเห็นไฟห้องพักหนึ่งสว่างขึ้น ไม่แน่ใจนักหรอก แต่ห้องนั้นน่าจะเป็นห้องของมิเซ่

เอาล่ะ รอจนกว่าไฟในห้องทั้งหมดจะดับหมด

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง หลังยืนยันว่าไฟห้องสุดท้ายดับลง ผมก็กลับไปยังหอพักชาย