Ch.42 – เจ้าหญิงทรงเป็นไอดอลของโรงเรียน

Translator : Reheikichi / Author

หลังจากไปเข้าเรียนกับมิเซ่

ผมเข้าชั้นเรียนและนั่งที่ริมหน้าต่างเพื่อตรวจสอบข้างนอกอย่างที่ทำประจำ

 

ศัตรูอาจจะเล็งเป้ามาที่มิเซ่แต่ไม่เข้ามาในบริเวณโรงเรียนก็เป็นได้

มีสองเหตุผล หนึ่งคือความปลอดภัยมีระดับสูงมากเหมือนกับหอพักนักเรียน จึงมักจะมีอัศวินเดินลาดตระเวนเสมอ เพราะเป็นโรงเรียนที่ทางเมืองหลวงเป็นผู้รับผิดชอบบริหารจัดการ

จึงมีความเสี่ยงสูงว่าหากเข้ามาจะต้องเผชิญหน้ากับอัศวินชั้นยอดของประเทศ

 

อีกเหตุผลคือคือมีคนเก่งๆ ในโรงเรียนอยู่มาก

ตามข่าวลืออาจารย์ฟาร์เนส อีแวนส์ก็เคยเป็นอัศวินมาก่อน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าอาจารย์ซิลเฟียคือผู้รู้เวทมนตร์ทุกแขนงอีกด้วย

 

ยังไม่รู้ว่าข่าวลือเป็นจริงหรือไม่ แต่ผมรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งจริงๆ

ผู้บุกรุกอาจจะเลี่ยงจะเข้ามาในโรงเรียนเพราะไม่อยากสู้กับพวกเธอก็ได้

 

พักกลางวัน

ผมลุกขึ้นและคิดจะมุ่งหน้าไปยังลานสนามหญ้ากับกุเร็น มิเซ่ และเอลิเซีย… แต่มิเซ่กลับไม่รอพวกเราและพลันรีบเดินออกไปจากห้อง

ในมือที่ถืออยู่ไม่ใช่กล่องข้าวแต่เป็นหนังสือเรียนเวทมนตร์ที่จะใช้ในคาบต่อไป

[ มิเซ่ไปไหนนะ? ]

เอลิเซียจึงตอบกลับมาว่า

[ บางทีอาจจะไปห้องพักครู ถามปัญหาที่ไม่เข้าใจในชั้นเรียนล่ะมั้ง ]

หืม ขยันจังแฮะ

มีบางครั้งบางคราวที่มิเซ่จะมาช้า ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเธอไปทำเรื่องแบบนี้

[ ผมจำได้ว่ามีธุระ ล่วงหน้าไปก่อนได้เลยนะ ]

[ ธุระ? เอาเถอะ ไปกันเถอะกุเร็น ]

[ โอ้ ว่าแต่ทรูเอท ให้ฉันซื้อขนมปังให้เลยมั้ย? ]

[ ขอขนมปังยากิโซบะนะ ]

[ เข้าใจแล้ว …ทรูเอทเนี่ยชอบอาหารเกรด B จังแฮะ ]

ผมชอบรสชาติที่ดูปนเปกันเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมนุษย์ดี

อาหารขององค์กรมีแต่อาหารที่เน้นโภชนาการสูงสุด ผมจึงชอบอาหารแบบนี้มากกว่า

 

หลังอำลาทั้งสองคน ผมก็ไล่ตามมิเซ่ไป

ผมพลางคิดถึงมิเซ่และเดินผ่านนักเรียนที่กำลังไปโรงอาหาร

 

บางทีนี่ผมอาจจะไม่รู้เรื่องของเธอมากกว่าที่คิด

ก็รู้หรอกนะว่าเป็นคนขยัน แต่จะเหนือความคาดหมายของผมมากเกินไปแล้ว

 

…แถมยังหนีออกจากบ้าน

 

ทำเอานึกถึงเจ้าหญิงอีกคนที่เหมือนกับมิเซ่เลยล่ะ

โซเฟีย เทอร์ราเรีย เจ้าหญิงของราชอาณาจักรเทอร์ราเรีย ที่ก่อนจะเข้าปาร์ตี้ผู้กล้า ใช้เวลาส่วนใหญ่เที่ยวเล่นนอกปราสาท หลังจากเข้าปาร์ตี้ไปดูเหมือนพวกเขาจะร้อนใจเพราะเธอยังใช้สามัญสำนึกแบบเดิมนี่สิ

คนที่ตำแหน่งสูงมักมีสิ่งผูกมัด

มิเซ่ที่เกลียดการถูกผูกมัดจึงคิดจะหนี แต่ดันสำเร็จด้วยนี่สิ

 

――เจอแล้ว

 

ผมแอบมองเข้าไปในห้องพักครูและเห็นมิเซ่กำลังคุยกับอาจารย์ซิลเฟีย เธอชี้ไปที่หนังสือเวทและชี้ไปที่แผนภูมิบนหนังสือ

มิเซ่ที่กำลังคุยกับอาจารย์ซิลเฟียทำตากลมโตใสแจ๋วและขอบคุณ ดูเหมือนว่าจะเข้าใจวิธีแก้ปัญหาแล้ว มิเซ่ออกจากห้องพักครูด้วยสีหน้ามีความสุข เธอโค้งคำนับอย่างสุถาพและปิดประตู

ผมแอบมองมิเซ่จากด้านหลังจากบริเวณห้องโถงอย่างเงียบๆ

 

[ นาย ]

 

ตอนนั้นเองที่ผมถูกทักจากข้างหลัง

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นนักเรียนแปลกหน้ายืนอยู่ตรงนั้น

ชุดนักเรียนสีขาว―― แปลว่าเป็นนักเรียนแผนกผู้กล้า แต่สายตาของเขาไม่ใช่สายตาที่กำลังมองดูแคลนนักเรียนแผนกสามัญ ตรงกันข้ามกับเป็นสายตาที่เหมือนรุ่นพี่ที่เจอรุ่นน้องโดยบังเอิญซะมากกว่า

[ ดูเหมือนนายเองก็หลงใหลมิเซ่จังด้วยสินะ ]

[ ห๊ะ? ]

เพราะจู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา ผมจึงเอียงหัวเพราะไม่เข้าใจ

[ ยินดีต้อนรับสู่กองกำลังพิทักษ์มิเซ่จัง มาเป็นคุณพ่อด้วยกันเถอะ? หรือจะชอบแบบความรักแสนบริสุทธิ์? ]

[ ไม่ เอ่อ ไม่รู้ว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร―― ]

[ ฮะฮ่า ไม่ต้องบอกก็รู้ จากสายตาที่นายมองมิเซ่จังเหมือนคุณพ่อที่ห่วงลูกสาวนะ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือนายมีความเป็นคุณพ่อแบบเดียวกับฉันไงล่ะ ]

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเข้าพูดถึงเรื่องอะไร

อะไรละเนี่ย? ให้โทรเรียกหมอให้เขาดีไหม?

[ เอ้า มาต้อนรับคุณพ่อคนใหม่กันหน่อยเร็ว ]

[ อะไรนะ!? อีกแล้ว! อย่ามาเพิ่มจำนวนคุณพ่อมากกว่านี้เลยขอร้องล่ะ!! ]

ชายสองคนโผล่มาจากทางเดินอีกด้านหนึ่ง

[ ฮึ ความรักต่อโลลิมันเป็นความรักบริสุทธิ์นะ! หากมีอะไรก็มาหาพวกเราได้ทุกเมื่อ! พวกเราขอต้อนรับนาย ]

เมื่อพูดเช่นนั้นแล้ว เด็กหนุ่มจากแผนกผู้กล้าก็เดินจากไป

[ …มันอะไรนะ เมื่อกี้นี้? ]

ผมเอียงหัวและมุ่งหน้าไปยังลานสนามหญ้า

 

 

[ อา นั่นคือกองกำลังพิทักษ์มิเซ่จังนะ ]

[ กองกำลังพิทักษ์มิเซ่จัง? ]

ผมติดเครื่องหมายสงสัยให้กับคำตอบของกุเร็น

พอมาถึงลานสนามหญ้าผมก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พวกเอลิเซียฟัง

แน่นอนว่าปกปิดความจริงที่ว่าตามมิเซ่ไป ผมอธิบายไปว่ามีนักเรียนแผนกผู้กล้าพิลึกๆ คนหนึ่ง พูดเรื่องบางอย่างที่ไม่เข้าใจ

[ พูดสั้นๆ ก็คือแฟนคลับของมิเซ่น่ะ แต่ใช่ว่าเธอจะยอมรับหรอกนะ ]

[ … งั้นเหรอ ]

ผมก็พอรู้ว่าแฟนคลับคืออะไร

จำได้ว่าประเทศหนึ่งที่ผมไปในช่วงสงครามซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจ มีผู้หญิงคนหนึ่งในประเทศนั้นถูกเรียกว่า ‘ไอดอล’ และรอบข้างเธอต่างมีชายหญิงทั้งเด็กและผู้ใหญ่ล้อมรอบ นั่นก็คือแฟนคลับที่ผมเข้าใจ… ในกรณีนี้แปลว่ามิเซ่มีตำแหน่งเป็นเหมือนไอดอล

[ ข ขอโทษด้วยค่ะ ฉันเองก็พอรู้อยู่หรอกค่ะว่ามีคนพวกนั้นอยู่ด้วย ข… ขอโทษที่พวกเขาไปก่อปัญหาให้นะคะ ]

[ …ไม่หรอก ไม่ได้ก่อปัญหาหรอก อีกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของมิเซ่ด้วย ]

ดูเหมือนแฟนคลับไม่เป็นทางการจะไม่ค่อยดีกับเจ้าตัว

เมื่อมองดูท่าทางลำบากใจของมิเซ่ ผมก็ตระหนักถึงความลำบากของเธอได้เลย

[ แล้วไอ้ที่พวกเขาเรียกว่าความรักบริสุทธิ์ของพ่อ นั่นหมายความว่ายังไงนะ? ]

[ พวกพิลึกก็ไม่ได้มีประเภทเดียวนี่นะ กลุ่มของคนเป็นพ่อที่มองมิเซ่เหมือนเป็นคุณพ่อกับกลุ่มรักบริสุทธิ์   ที่อยากเป็นคนรักของมิเซ่… แต่เดิมก็เป็นกลุ่มคนที่หลงใหลมิเซ่เหมือนกันนั้นแหละ แต่ดูเหมือนจะแตกแยกกันแล้ว ]

[ …คล้ายกับสงครามกลางเมืองสินะ? ]

น่าแปลกใจ ทั้งที่มิเซ่ปกปิดตัวจริงไว้ก็ยังเหมือนเป็นเจ้าหญิงอยู่ดี

แถมสงครามกลางเมือง(ของแฟนคลับ) กำลังปะทุ โดยที่มีผมเป็นศูนย์กลางเรอะ

มิเซ่ที่พอรู้เรื่องแล้วก็หน้าแดงก่ำไปเลย

[ แต่มันก็จริงๆ ล่ะนะ ที่มิเซ่ให้บรรยากาศบอบบางอยากปกป้อง ผมเองก็สวย ผิวก็เนียน… ขนาดฉันที่เป็นเพศเดียวกันยังคิดว่าน่าดึงดูดเลย … ทำไมไม่ลองร้องเพลงดูล่ะ? บางทีมิเซ่อาจจะมีพรสวรรค์ในการเป็นไอดอลและมัดใจพวกผู้ชายทุกคนได้เลยนะ ]

[ น น่าอายจะตายไปค่ะ… เป็นไปไม่ได้หรอก ]

มิเซ่พูดขณะที่ก้มหน้า

ปกติแล้วเธอมีนิสัยกระตือรือร้นและสดใส แต่ดูเหมือนจะไม่ชอบการตกเป็นจุดสนใจ

 

――คิดอย่างใจเย็นแล้วก็ยิ่งแปลก

 

อาณาจักรศักดิ์สิทธิ์อัลเคเดียเป็นมหาอำนาจเหมือนกับราชอาณาจักรเทอร์ราเรีย

แต่กลับไม่มีใครในโรงเรียนรู้จักใบหน้าของเจ้าหญิงลำดับที่สอง แม้แต่อาจารย์ก็ยังไม่รู้

ซึ่งดูเหมือนมิเซ่จะไม่ได้ปลอมตัวเลยด้วย หมายความว่าเธอไปโรงเรียนในสภาพทั้งอย่างนั้นเลย

 

ไม่เคยออกมาเผชิญโลกภายนอก?

เพราะแบบนั้นถึงไม่ชินกับการตกเป็นจุดสนใจ

 

[ อา ขอโทษด้วยนะ ฉันต้องไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดนะคะ ]

เมื่อพูดอย่างนั้น มิเซ่ก็เก็บกล่องข้าวลงในกระเป๋าและยืนขึ้น

เราสามคนเฝ้ามองเธอเดินจากไป

[ มิเซ่นี่ขยันจังนะ ]

[ แบบนี้นี่เอง พวกคุณพ่อนั่นถึงได้หลงใหลกันไงล่ะ ]

[ เหมือนจะเข้าใจมาแวบหนึ่งแฮะ …แล้วกุเร็น นี่นายไม่ได้ไปเข้ากองกำลังนั้นด้วยเรอะ? ]

[ เหมือนเคยนะ เรียกว่าเข้าไม่ได้จะมากกว่า …. เข้าไปมีหวังโดนยำเละเพราะอิจฉาฉันแน่ ]

[ … ผู้ชายโรงเรียนเรามีแต่พวกบ้ารึไงนะ? ]

เอลิเซียส่งสายตาประหลาดไปยังกุเร็น

ส่วนผมเงียบและนั่งฟังการโต้เถียงจริงจังระหว่างทั้งสองคน จากนั้นจึงลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ

[ ไปห้องน้ำสักเดี๋ยวนะ ]

ผมพูดและตามหลังมิเซ่ไป

เธอไม่ได้เอาหนังสือมาด้วย นั่นแปลว่าจะต้องผ่านไปที่ห้องเรียนเพื่อเอาหนังสือเพื่อนำไปคืนก่อน

[ …หืม? ]

ระหว่างทางเดินไปยังห้องเรียน ผมเจอมิเซ่โดยบังเอิญ

เพราะอะไรไม่รู้ มิเซ่ถึงกำลังจ้องมองตัวเองในกระจกหน้าต่างของอาคารเรียนตรงทางเดิน

 

บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน

ผมจึงสงสัยว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้?

จัดผมอยู่รึเปล่านะ หรือจะ――

[ ลาล๊าลาล๊า ~ ฉัน~ เป็นไอดอล~]

จู่ๆ มิเซ่ก็ร้องเพลงออกมา

นอกจากนั้นยังเต้นท่าแปลกๆ

[ ฉันมิเซ่~ โฮเนส~ เองค๊า~ ]

เฮ้ๆ ทำอะไรของเจ้าหญิงกันครับ

ดูเหมือนที่จริงแล้วเธอจะดีใจที่โดนเอลิเซียชมว่ามีพรสวรรค์ในการเป็นไอดอล

สงสัยว่าเธอจะมีความรู้เรื่องการร้องเพลงรึเปล่านะ แต่ดูเหมือนที่ร้องออกมาจะเป็นการด้นสดหมดเลยนี่สิ

ยังไงก็เถอะ [ ค่ะ ค๊า ~ ] จากที่มองดูจะไม่มีนะ

[ …. ]

[ …อา ]

ขณะที่กำลังประทับใจกับการร้องเพลงและเต้นของมิเซ่ ก่อนที่จะรู้ตัว ก็เหมือนมิเซ่จะจ้องเขม็งมาทางผมซะแล้ว

[ ค คะ คุณทรูเอท…!? ]

แก้มของมิเซ่แดงระเรื่อ

นี่ผมควรตอบกลับไปว่ายังไงดี?

จะบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าประทับใจกับเพลงของเธอดีไหม?

[ ผมคิดว่าร้องเพลงเพราะดีนะ แต่ยกเว้นเนื้อร้องน่ะนะ ]

[――――ไม่น๊า!?!!?!!!!]

มิเซ่วิ่งหนีไปและทิ้งผมไว้กลางทาง