องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 837 คนตายฟื้นขึ้น
วันนี้องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงกำลังทอดพระเนตรฎีกาอยู่องค์หญิงใหญ่ก็นำตัวสตรีใบหน้างดงามผู้หนึ่งเข้าประตูมา องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงแปลกพระทัยจึงได้วางปากกาในมือลงแล้วทรงลุกยืนขึ้น
“เหตุใดวันนี้องค์หญิงใหญ่ถึงมีเวลามาหาข้าได้?” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ได้ทรงเสด็จลงบันไดมา
องค์หญิงใหญ่นำพระราชโองการออกมาแล้วอ่านพระราชโองการเลยโดยตรง: “พระราชโองการของไทเฮา ทรงแต่งตั้งน้องสาวบุญธรรมขององค์หญิงใหญ่อวิ๋นจิ่นเป็นองค์หญิงขั้นหนึ่งเป็นผู้ดูแลสั่งการองค์หญิง”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ชะงักครู่หนึ่งจากนั้นเหลือบมองอวิ๋นจิ่น: “ข้าดีใจยิ่งนัก!”
อวิิ๋นจิ่นย่อกายถวายความเคารพ: “น้อมถวายความเคารพฝ่าบาท ฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงรู้สึกอยู่ตลอดว่าน้ำเสียงอวิ๋นจิ่นช่างคุ้นเคยนัก
“ตามสบายเถอะ ตามหลักแล้วข้าอาวุโสน้อยกว่าเจ้าซะแล้ว”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงตรัสขึ้นอย่างพระทัยกว้างขวางดังเดิม อวิ๋นจิ่นจึงรีบกล่าวว่า: “อวิ๋นจิ่นมิกล้าเพคะ”
“ผู้อาวุโสกว่าก็คือผู้อาวุโสกว่ามีสิ่งใดมิกล้า ฝ่าบาทยังมีพระราชโองการอีกพระราชโองการหนึ่งเพคะ”
“จริงหรือ?” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ไม่แยแส
“พระราชโองการของพระพันปีทรงพระราชทานการอภิเษกสมรสให้แก่อวิ๋นจิ่น”
“คุณชายคนใด?” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั้นไม่ได้สนใจนัก
“ฉีจือซาน”
ไร้ซึ่งการแสดงออกบนพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้ซึ่งแข็งทื่อราวกับก้อนหิน
“ฝ่าบาท วันนี้ที่มาก็เพื่อขอพระราชทานสิ่งของแสดงความยินดีให้กับอวิ๋นจิ่น” องค์หญิงใหญ่หน้าตาแน่วแน่
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้นั้นราวกับว่าได้กินแมลงวันที่ตายแล้วโดยที่ขึ้นไม่ได้ลงก็ไม่ได้
เป็นเวลานานองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ก็ทรงถามอวิ๋นจิ่นว่า: “องค์หญิงอวิ๋นจิ่นยินดีหรือว่าองค์หญิงใหญ่เป็นผู้ตัดสินใจ?”
“อวิ๋นจิ่นเต็มใจเองเพคะ” อวิ๋นจิ่นตอบ
“แม่ทัพฉีอายุพอๆกับข้า แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงแต่เขาเป็นผู้ที่……”
“ท่านแม่ทัพทำเพื่อบ้านเมืองและราษฎรเป็นผู้ที่มีคุณธรรมและความสามารถ สามารถแต่งงานเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพได้นับเป็นบุญที่สั่งสมมาเป็นเวลาสามชาติของอวิ๋นจิ่น อวิ๋นจิ่นขอให้ฝ่าบาททรงส่งเสริมด้วยเพคะ”
อวิ๋นจิ่นไม่รอให้องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสจบก็กล่าวขึ้น
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้จนปัญญาอยู่พักหนึ่ง: “แต่เขายังมีลูกสาวคนหนึ่ง พระชายาเย่ไม่ใช่คนที่จะหนักเบาได้ง่ายๆและก็ไม่ได้เข้ากันได้ง่ายนัก เจ้าแต่งกับพ่อหม้ายเข้าประตูไปก็เป็นได้เพียงแค่ฮูหยินรองเท่านั้น”
“อวิ่นจิ่นไม่สนใจเพคะ ไม่ต้องพูดถึงว่าให้อวิ๋นจิ่นแต่งงานเป็นฮูหยินรองของท่านแม่ทัพ หากว่าท่านแม่ทัพเต็มใจให้อวิ๋นจิ่นเป็นสาวใช้ล้างเท้าของเขาอวิ๋นจิ่นก็ยินดีเพคะ”
อวิ๋นจิ่นกล่าวเช่นนี้องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงต้องการทอดพระเนตรดูอวิ๋นจิ่นยิ่งนัก
“เงยหน้าให้ข้าดูซิ”
อวิ๋นจิ่นเงยหน้าขึ้นมองไปยังองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ จากนั้นองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงทอดพระเนตรที่ใบหน้าของอวิ๋นจิ่นแล้วทอดพระเนตรองค์หญิงใหญ่: “เสด็จอาใหญ่ทำเช่นนี้จือซานรู้หรือไม่?”
“เขาจะรู้หรือไม่ข้าก็ไม่ได้สนใจ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง: “ในเมื่อเรื่องนี้เป็นความประสงค์ของเสด็จอาใหญ่เช่นนั้นเสด็จอาใหญ่ก็เป็นคนตัดสินใจเถอะ ส่วนจือซานนั้นหากว่าเขาไม่ยินยอมแล้วเขามาหาข้าข้าก็ทำได้เพียงแค่เป็นผู้ตัดสินใจแทนเขาเท่านั้น”
“เขามาได้ค่อยว่ากันเถอะ ฝ่าบาททรงพระราชทานเถอะ”
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทอดพระเนตรดูอวิ๋นจิ่นแล้วทอดพระเนตรองค์หญิงใหญ่: “ข้าให้สินสอดเจ้าสาวหนึ่งชุด ส่วนจำนวนนั้นจะกำหนดไปตามการออกเรือนขององค์หญิง เสด็จอาใหญ่คิดว่าอย่างไร?”
เป็นธรรมดาที่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้จะมีแผนการณ์ขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้เอง หากว่าแม่ทัพฉีปฏิเสธการแต่งงานก็ไม่ต้องประทานให้แล้ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้งั้นพวกเราทูลลาแล้ว ฝ่าบาททรงพักผ่อนเถอะ”
องค์หญิงใหญ่หันกลับมาแล้วมอบพระราชโองการให้อวิ๋นจิ่นจากนั้นก็พาอวิ๋นจิ่นจากไป
องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงรู้สึกขัน ต่อสู้กันมาหลายปีเช่นนี้หรือว่ายังไม่ตายใจอีกหรือ?
องค์หญิงใหญ่พาอวิ๋นจิ่นออกจากวังในช่วงบ่ายวันนั้น จวนแม่ทัพและศาลพิเศษกลางกำลังเตรียมการสำหรับการแต่งงานของทั้งสองครอบครัวอย่างขะมักเขม้น
กำหนดการแต่งงานค่อนข้างเร่งรีบ ฉีเฟยอวิ๋นนั้นจัดการในทันทีเพื่อป้องกันมิให้มีปัญหาใหม่สอดแทรกเข้ามา
หนานกงเย่วางเรื่องในมือลงและจดจ่อกับการเขียนเทียบเชิญแต่งงาน
คนอื่นๆนั้นเริ่มยุ่งกันทั้งนั้น อาอวี่รับหน้าที่พาคนไปส่งเทียบเชิญ
เมื่อองค์หญิงใหญ่ออกจากวังไห่กงกงก็รีบกราบทูลพระพันปีทันที พระพันปีทรงถามว่า: “รับปากแล้วหรือ?”
“รับปากแล้วพะย่ะค่ะ”
“งั้นฝ่าบาทก็รอความโชคร้ายเถอะ!”
“……”
ไห่กงกงไม่กล้ากล่าวสิ่งใด
แม่ทัพฉีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้รับข่าวจากทางศาลพิเศษกลาง
ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวกับเขาว่า: “ท่านพ่อ ท่านยังจะเข้าวังอยู่หรือไม่?”
“ไม่ไปแล้ว พ่อแต่งงานไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพระองค์และไม่ได้เชิญพระองค์มา”
“ท่านพ่อ ท่านนั้นช่างทระนง” ฉีเฟยอวิ๋นหน้าตาตลกขบขัน
ทางด้านจวนอ๋องตวนเห็นเทียบเชิญงานแต่งแล้วตะลึงอยู่บ้างโดยเฉพาะอวิ๋นหลัวฉวน: “อวิ๋นจิ่นชอบพอแม่ทัพฉีได้อย่างไรแล้วก็กลายเป็นองค์หญิงได้เช่นไร องค์หญิงขั้นหนึ่งเป็นผู้สั่งการไปแล้ว”
“ข้าจะรู้ได้อย่างไรแต่ก็ไม่สามารถไปมือเปล่าได้ ตอนนี้อวิ๋นจิ่นเป็นน้องสาวบุญธรรมของเสด็จอาใหญ่ก็เป็นผู้อาวุโส ตามความรู้สึกและหลักการไม่สามารถย่ำแย่ได้
“แล้วเราจะเตรียมสิ่งใดดีหล่ะ? แล้วก็ไม่รู้ว่าอวิ๋นจิ่นชอบอะไร?”
“ตระเตรียมมากหน่อยย่อมดีกว่าเสมอ”
ทางด้านจวนกั๋วกงก็ได้รับข่าวแล้วเช่นกันจึงไม่สามารถตามหลังได้เป็นธรรมดา
จวนกั๋วกงทุ่มสุดกำลังเพื่อตระเตรียมของขวัญก่อน จากนั้นก็ตื่นเต้นยิ่งนักในที่สุดก็ได้ออกไปทานอาหารนอกเรือนแล้ว
ตงเอ๋อร์ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงหน้าประตูเรือนหลังอาอวี่จากไปนางก็จ้องมองแผ่นหลังของอาอวี่เป็นเวลานาน อวิ๋นหลัวฉวนออกมาจากด้านในและเฝ้าดูตงเอ๋อร์เป็นเวลานาน
ทุกคนมองเรื่องราวออกกันทั้งนั้น เหตุใดอาอวี่ถึงมองไม่ออก?
ช่างโง่เง่ายิ่งนัก
“ตงเอ๋อร์!”
อวิ๋นหลัวฉวนเดินเข้ามาใกล้แล้วตงเอ๋อร์ก็หันมองไปทางอวิ๋นหลัวฉวน: “จวิ้นจู่”
“เจ้ากำลังดูอาอวี่อยู่หรือ?”
“เขาไปที่อื่นแล้ว”
“หากเจ้าไม่ยุ่งก็ไปช่วยเหลือที่จวนแม่ทัพ ตอนนี้ผู้คนไม่เพียงพอต้องช้ามากเป็นแน่ มาถึงแล้วก็ไม่ได้พูดเลยแม้สักประโยค”
“ตอนนี้จวิ้นจู่เป็นเช่นนี้ ข้าไม่วางใจ”
ตอนนี้ตงเอ๋อร์ยิ่งอยู่ก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้น ได้ยินมาว่าเมื่อคืนมีคนมาลอบสังหารที่จวนอ๋องเย่แล้วยังทำให้แม่ทัพฉีได้รับบาดเจ็บ
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ท่านอ๋องจะดูแลข้าเอง”
ตงเอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงจากไปที่จวนแม่ทัพ
ตงเอ๋อร์ไปแล้วอ๋องตวนก็ออกมาจากจวนกั๋วกง: “คืนนี้กลับจวนอ๋องตวนกันเถอะ ข้าวิ่งมาทั้งวันส่วนตงเอ๋อร์อยู่ในเรือนทั้งวัน ตอนนี้ข้าดูเหมือนอยู่เฝ้าความหม้ายอยู่เช่นนั้น เฉินอวิ๋นเอ๋อร์ได้ส่งตัวให้ฉวนเอ๋อร์จัดการแล้วยังไม่เรียบร้อยอีกหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนมองไปยังอ๋องตวนพร้อมกับท้องมนกลม จากนั้นก็มองอ๋องตวนอย่างโกรธเคือง: “ท่านอ๋อง ท่านดูสิว่าตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้แล้วท่านทำสิ่งใดได้? ยิ่งเคยบอกท่านแล้วว่าตอนนี้ข้าเป็นเช่นนี้ทำสิ่งใดเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ท่านอ๋องลืมคำพูดของหมอหลวงหูไปแล้วหรือ?”
อวิ๋นหลัวฉวนหันกลับไปด้วยใบหน้าอันแดงก่ำ
เรื่องราวต้องพูดถึงตั้งแต่สองเดือนก่อน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นก้าวหนึ่งในขณะที่อยู่ที่จวนอ๋องเย่
ผลสุดท้ายในยามค่ำคืนไม่ทันระวังทั้งสองคนก็อยู่ร่วมกันเป็นผลให้เกือบแท้งและทำให้หมอหลวงหูลำบากมาซะแล้ว
พระมเหสีหวาทรงทราบเรื่องนี้ก็ได้สั่งสอนอ๋องตวนไปพักหนึ่ง
แต่อ๋องตวนเองบอกว่าเขาไม่สามารถอดเอาไว้ได้ พระมเหสีหวาจึงคิดได้วิธีหนึ่งโดยให้ตงเอ๋อร์และแม่นมเว่ยอาศัยอยู่ในห้องเพื่อไม่ให้อ๋องตวนมีโอกาส
เริ่มแรกไม่ยินยอมและอ๋องตวนนั้นเพื่อจะได้พักผ่อนให้สบายจึงสงบลงไปบ้าง
จนกระทั่งถึงตอนนี้
อ๋องตวนถามว่า: “กลับไปเตรียมของขวัญ ข้าไม่ทำสิ่งใดเรื่อยเปื่อยเป็นพอ”
อวิ๋นหลัวฉวนเหลือบมองจวนกั๋วกงจากนั้นครุ่นคิดและก็รู้สึกว่าสามารถกลับไปได้จึงตอบรับที่จะกลับไป
อ๋องตวนดใจจากนั้นก็อุ้มคนขึ้นมาแล้วจากไปจนอวิ๋นหลัวฉวนนั้นตกใจ
“ท่านปล่อยข้าลง ท่าน……”
“ข้าอุ้มกลับไป เดินไปทางลัดไม่มีผู้ใดเห็น”
ตลอดทางที่กลับไปอวิ๋นหลัวฉวนไม่กล้าเจอใครจึงได้มุดศีรษะลงในอ้อมอกของอ๋องตวนและอ๋องตวนก็เดินอย่างราบรื่นตลอดทาง เมื่อถึงตรงหน้าประตูจวนอ๋องตวนก็ปล่อยคนลงมาและกำลังจัดการกับเสื้อผ้าก็ได้ยินคนกล่าวขึ้น
“ท่านอ๋องตวน”
อ๋องตวนและอวิ๋นหลัวฉวนไปดูสุดท้ายเห็นคนเข้าก็ตกตะลึง
“จวินฉูฉู่!” อวิ๋นหลัวฉวนแม้แต่ฝันก็ไม่คิดว่าคนตายได้ฟื้นขึ้นแล้ว!