ตอนที่ 152-1 พี่เป็นหมาน้อย เจ้าก็เป็นกระดูก

จำนนรักชายาตัวร้าย

เมื่อเห็นว่าหลานสาวเป็นเด็กดีรู้จักอะไรควรไม่ควรเช่นนี้ จิ่งเหนียงก็จับมืออวี้เฟยเยียนเอาไว้แน่นขณะที่มือก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

 

 

นางคิดถึงบุตรสาว คิดถึงมาตลอดสิบปี แม้ว่าลูกชายและลูกสะใภ้ต่างก็กตัญญูและดีกับนาง แต่พวกเขาไหนเลยจะเทียบกับลูกสาวตัวน้อยที่เรียบร้อยน่ารักของเขาได้!

 

 

ไม่รู้ว่าตี้อู่เยียนเอ๋อร์และอวี้เชียนหาพบเจออะไรกันแน่

 

 

ลูกอยู่ข้างนอกคนเป็นแม่ย่อมต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว!

 

 

“ท่านยาย อย่าเสียใจไปเลยนะคะ ยังมีข้าอยู่ทั้งคน! ข้าจะตามหาท่านแม่กลับมาให้ได้!” อวี้เฟยเยียนเอื้อมมือออกไปเช็ดน้ำตาให้กับหญิงชรา

 

 

“ท่านยายวางใจเถอะ!”

 

 

เมื่อได้รับการปลอบใจจากอวี้เฟยเยียนทำให้สภาพจิตใจของนางดีขึ้นมาก

 

 

“เยียนเอ๋อร์ ยายเสียลูกสาวไปคนหนึ่งแล้ว ไม่อยากจะเสียหลานสาวไปอีกคน เรื่องตามหาแม่ของเจ้า เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวทำตามแต่กำลังจะไหว! อย่าวู่วามเด็ดขาด!”

 

 

“มีเรื่องอะไรก็จงปรึกษาหารือกับบรรดาลุงของเจ้า พี่ชายของเจ้าทั้งหลาย พวกเขาเป็นผู้ชาย ตามหลักแล้วพวกเขาจะต้องปกป้องเจ้า เจ้าอย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด เข้าใจไหมลูก?”

 

 

ได้รับความห่วงใยจากผู้เป็นยาย ทำให้อวี้เฟยเยียนอบอุ่นใจเป็นอย่างมาก

 

 

ความรู้สึกที่ได้กลับบ้านมันดีอย่างนี้นี่เอง!

 

 

เมื่อนางกลับมา ก็กลายเป็นที่หนึ่งในใจของผู้เป็นยายทันที สำหรับท่านลุงท่านป้า พี่ชายทั้งหลายต้องหลบทางให้เลยทีเดียว

 

 

“ท่านยาย ท่านยายเล่าเรื่องท่านพ่อและท่านแม่ให้ข้าฟังบ้างสิคะ?”

 

 

“ข้าไม่เคยพบพวกท่านมาก่อน ท่านปู่ของก็ไม่รู้อะไรมาก ข้าเองก็อยากรู้จริงๆเช่นกันว่าท่านพ่อท่านแม่รูป่างหน้าตาเป็นอย่างไร พวกท่านรู้จักกันได้อย่างไร!”

 

 

คำพูดของอวี้เฟยเยียนทำให้จิ่งเหนียนเศร้าใจเหลือเกิน ฟังจากที่อวี้เฟยเยียนกล่าวมาเมื่อครู่ ทำให้จิ่งเหนียงเพิ่งจะรู้ว่าเมื่ออวี้เฟยเยียนเกิดมาตี้อู่เยียนเอ๋อร์และอวี้เชียนหานเกิดเรื่องพอดี ดังนั้นแต่เล็กจนโตนางไม่มีพ่อแม่คอยดูแลอยู่ข้างกาย

 

 

เด็กคนนี้ ช่างอาภัพยิ่งนัก!

 

 

“เด็กดี!”

 

 

จิ่งเหนียงลูบไล้ใบหน้าเรียวเล็กของอวี้เฟยเยียน

 

 

“บัดนี้เจ้ากลับมาแล้ว เผ่าตันก็คือบ้านของเจ้า!”

 

 

“ส่วนเรื่องของแม่และพ่อของเจ้า ข้าก็รู้อยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก…”

 

 

น้ำเสียงของจิ่งเหนียงใจดีเปี่ยมด้วยเมตตา นางได้เล่าเรื่องราวทุกอย่างที่ตนเองรู้ให้กับอวี้เยเยียนได้ฟัง

 

 

ที่แท้ ตี้อู่เยียนได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ตั้งแต่เมื่อเจ็ดปีก่อน ก็ไม่รู้ว่าคนชั่วช้าที่ไหนพานางไปยังแผ่นดินหลัวอวี่ ในปีนั้นตี้อู่เยียนเอ๋อร์มีอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น

 

 

สภาพแวดล้อมแปลกหน้า ไม่มีเงินติดตัวสักแดง และด้วยความที่ตี้อู่เยียนเอ๋อร์มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม ทำให้เป็นที่ดึงดูดคนชั่วช้าเหล่านั้นเข้ามา

 

 

ในขณะที่นางกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดนั้นก็เกิดขาแพลง วินาทีที่นางกำลังจะตกอยู่ในเงื้อมือของคนร้ายนั้น ชายหน่มที่ผ่านทางมาช่วยเหลือนางเอาไว้ คนผู้นั้นคืออวี้เชียนหาน

 

 

“ที่แท้แล้วก็คือวีรบุรุษช่วยสามงามนี่เอง!” อวี้เฟยเยียนร้องขึ้น

 

 

นี่มันมุกละครเก่าแล้วนี่นาดันมาเกิดกับท่านพ่อและท่านแม่ของนางเสียได้ มันคือบุพเพสันนิวาส ช่างน่าสนใจยิ่งนัก!

 

 

ต่อมาคนทั้งสองรักใคร่และแต่งงานกัน ตี้อู่เยียนเอ๋อร์เขียนจดหมายส่งกลับมาแจ้งว่านางสบายดีทุกอย่าง คนทั้งจึงวางแผนเอาไว้ว่ารอให้เวลาผ่านไปอีกสักหน่อยจะเดินทางกลับไปยังอู๋โยว หลังจากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวของพวกเขาอีกเลย

 

 

สิ่งที่เหนียงได้รู้น้อยนิดยิ่งนัก ซึ่งก็ล้วนแต่รู้มาจากจดหมายที่ตี้อู่เยียนเอ๋อร์เขียนมาให้ทั้งสิ้น

 

 

“ท่านยาย ขณะที่ท่านแม่อยู่ที่หลัวอวี่นั้น ท่านส่งจดหมายมาถึงที่นี่ได้อย่างไรกัน?” อวี้เฟยเยียนอยากรู้ในส่วนนี้ยิ่งนัก

 

 

“เพราะเพื่อนสนิทของนางและก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็ก ตี้อู่หมีเตี๋ย” จิ่งเหนียงตอบคำถาม

 

 

“มีครั้งหนึ่งหมีเต๋ยนางฝัน ฝันว่าแม่ของเจ้าอยู่ที่หลัวอวี่ นางจึงรวบรวมความกล้าไปตามหาแม่ของเจ้าที่นั่น ด้วยเกรงว่านางจะมีอันตราย ตาของเจ้าจึงสั่งให้นักรบคนหนึ่งเดินทางไปเป็นเพื่อนกับนาง”

 

 

‘ตี้อู่หมีเตี๋ย?’

 

 

‘ความฝัน?’

 

 

อวี้เฟยเยียนไม่เชื่อเรื่องความฝันอะไรนี่แม้แต่น้อย

 

 

“แล้วตี้อู่หมีเตี๋ยละ? ตอนนี้นางอยู่ที่ไหน?”

 

 

“ตี้อู่หมีเตี๋ยคือชาวตันสายรอง! เมื่อไม่มีเทพธิดา พิธีบูชาเทพโอสถก็มิอาจดำเนินการได้ ตันขวาร่วมมือกับสกุลสุ่ยก่อเรื่อง ตาของเจ้าจึงจำเป็นต้องแบ่งตันซ้ายตันขวาอย่างไม่มีทางงเลือก”

 

 

“คนที่เป็นแกนนำในการก่อเรื่องก็คือบิดาของตี้อู่หมีเตี๋ย ตี้อู๋กู่ ดังนั้นตอนนี้ตี้อู่หมีเตี๋ยนางจึงอยู่ที่ตันขวา” ได้ฟังผู้เป็นยายเล่าเช่นนี้ยิ่งทำให้อวี้เฟยเยียนรู้สึกไม่ชอบมาพากล

 

 

“ท่านยาย ข้าว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้นแน่!” อวี้เฟยเยียนกำลังสงสัยว่าคนที่ลักพาตัวตี้อู่เยียนเอ๋อร์ แล้วพานางไปยังแผ่นดินกลัวอวี่ก็คือชาวตันขวา

 

 

พวกเขาคงจะคิดการณ์วางแผนเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ถึงได้ลักพาตัวตี้อู่เยียนเอ๋อร์ไป

 

 

สำหรับการที่ตี้อู่หมีเตี๋ยเดินทางไปยังหลัวอวี่ นางตามหาท่านจบพบหรือไปเพื่อฆ่าท่านแม่กันแน่ เกรงว่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่าจึงเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของนาง

 

 

อวี้เฟยเยียนบอกเล่าเรื่องราวที่ผู้เฒ่าชาวเผ่าตันซื้อตัวลูกชายบุญธรรมของอวี้จิงเหลย ‘เจ๋อซย่าจวิน’ เพื่อเค้นถามจนกระทั่งพวกเขาตามหาตี้อู่เยียนเอ๋อร์ที่กำลังตั้งครรภ์จนพบให้กับผู้เป้นยายได้รู้

 

 

“ตอนที่ท่านปู่ไปถึงเขาหลิงเชว่นั้น ที่นั่นราบเป็นหน้ากอง ท่านพ่อและท่านแม่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ท่านปู่พบเพียงข้า”

 

 

จิ่งเหนียงได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงเป้นอย่างมาก

 

 

“คงจะไม่ใช่คนของเรา ทานตาของเจ้าไม่มีทางส่งคนไปสังหารเยียนเอ๋อร์…”

 

 

“ท่านยาย คนที่ไปยังหลัวอวี่คือชาวตันขวา! เรื่องนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับตันขวาอย่างแน่นอน ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนแต่เป็นแผนชั่วของพวกเขาทั้งสิ้น!”

 

 

“เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนี้!” จิ่งเหนียงน้ำเสียงสั่นระริก

 

 

“ปู่ของเจ้าเห็นตี้อู่กู่ดังพี่น้องแท้ๆ แม่ของเจ้าละตี้อู่เตี๋ยก็สนิทสนมราวกับพี่น้องแท้ๆ พวกเขาช่างชั่วช้าสามานย์เลวเกินคน——”

 

 

เมื่อเห็นหญิงชราเริ่มอารมณ์พุ่งพล่าน อวี้เฟยเยียนจึงรีบลูกที่อกของนางเบาๆเพื่อช่วยให้นางหายใจคล่องขึ้น

 

 

“ท่านยาย ข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาเอาไว้เป็นแน่!” อวี้เฟยเยียนต้องโน้มน้าวอยู่นานกว่าที่ผู้เป็นย่าจะสงบใจลงได้ ในตอนนั้นเองท่านลุงสามของนางเข้ามาเรียกให้จิ่งเหนียนและอวี้เฟยเยียนไปกินข้าว

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าของเหล่าไท่ไท่มิสู้ดีเท่าไหร่นัก เฮ่อเหนียงจึงรีบพูดจาสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงขึ้น จึงทำให้เหล่าไท่ไท่มีรอยยิ้มจนได้

 

 

“ไปเถอะ! ออกไปกับยาย! ยายจะพาเจ้าไปสัมผัสงานเลี้ยงต้อนรับแขกคนสำคัญของเผ่าตันเรา!”

 

 

ที่ด้านนอกห้อง ยามราตรีเริ่มเข้าปกคลุม ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว

 

 

ที่ลานกว้างบริเวณกลางหมู่บ้านกองไฟกำลังลุกโชน สมาชิกในชนเผ่าทุกคนมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นหญิงชายหนุ่มสาว เด็ก คนแก่คนชราต่างก้มาพร้อมหน้า บรรยากาศจึงสนุกสนานครื้นเครงเนอย่างมาก

 

 

“ยัยแก่ ทำไมถึงได้มาเอาป่านนี้เล่า!” ตี้อู่เจ๋อรีบกวักมือเรียกอวี้เฟยเยียน

 

 

“รีบเอาหลานสาวคนดีของข้ามาคืนให้ข้าเร็วเข้า!”

 

 

เนื่องด้วยซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนเป็นแขกของวันนี้ พวกเขาจึงนั่งที่ด้านซ้ายมือของตี้อู่เจ๋อ ตี้อู่เจ๋อจึงต้องการให้อวี้เฟยเยียนนั่งถัดจากตนเองให้ได้ เขาคีบเนื้อใส่ลงในชามของอวี้เฟยเยียนอย่างมีความสุข

 

 

“มา ลองชิมรสมือของบรรดาท่านลุงท่านป้าของเจ้าดู! ดูสิว่าพอจะกินได้หรือไม่!” เนื้อกระต่ายที่ตี้อู่เจ๋อคีบให้ ให้รสชาตเผ็ดร้อนเมื่อกัดเข้าไป

 

 

ตี้อู่เจ๋อจับตาดูอวี้เฟยเยียนตลอดเวลา เมื่อเห็นนางท่าทางไม่กลัวเผ็ดเลยแม้แต่น้อย ก็ถึงกับ ฮ่าๆ หัวเราะร่วนออกมาทันที

 

 

สมกับที่เป็นลูกสาวของเยียนเอ๋อร์ ชื่นอบรสชาติเหมือนกันทุกอย่าง! ชาวตันชื่นชอบรสเผ็ด นอกเสียจากอาหารที่ทำจากผักใบเขียวแล้ว อาหารจานอื่นๆล้วนแต่รสจัดจ้านออกไปทางจะเผ็ดมากทั้งหมด

 

 

“อร่อยไหม?”

 

 

“อร่อยค่ะ!” อวี้เฟยเยียนยิ้มออกมา ริมฝีปากมันแผล็บ

 

 

ตี้อู่เจ๋อลงมือฉีกส่วนขาซึ่งเป็นส่วนที่อร่อยที่สุดของกระต่างออกมา ส่งให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

“เมื่อครู่ข้ายังเกรงว่าเจ้าจะกินไม่ได้เพราะไม่คุ้นเคยกับรสชาติ นึกไม่ถึงเลยว่า เจ้าจะกินเผ็ดเก่งขนาดน้องๆของแม่ของเจ้าเลยก็ว่าได้!”

 

 

“พริกเขียว และผักเหล่านี้ท่านป้าท่านลุงของเจ้าปลูกมันด้วยตัวเองเชียวนะ! ยังมีเห็ดสน เห็ดเผาะ ล้วนแต่เจริญเติบโตอยู่ในป่า เป็นของดีที่อยู่ในธรรมชาติล้วนๆ! เจ้าต้องกินให้มากๆละ!”