ตอนที่ 152-2 พี่เป็นหมาน้อย เจ้าก็เป็นกระดูก

จำนนรักชายาตัวร้าย

ตี้อู่เจ๋อพูดไม่หยุด จนลืมเลือนคนอื่นไปเสียหมด ในสายตาของเขาตอนนี้มีเพียงหลานสาวคนดีเท่านั้น เมื่อเห็นเช่นนั้น ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยจึงร้องประท้วงขึ้นมา

 

 

“ท่านปู่ พอน้องสาวกลับมา ท่านปู่ก็ลำเอียงไปถึงไหนต่อไหน!”

 

 

“ไปๆ!”

 

 

เมื่อตี้อู่เฮ่อเจี๋ยประท้วงขึ้น ตี้อู่เจ๋อจึงหยิบขาไก่ป่าใส่ลงในชามของตี้อู่เฮ่อเจี๋ยกล่าวว่า

 

 

“ข้ามีหลานชายหกคน มีหลานสาวกับเขาเพียงแค่คนเดียว ข้าไม่รักนางแล้วจะให้ไปรักใครเล่า!”

 

 

กล่าวจบ ตี้อู่เจ๋อก็วางตะเกียบในมือลง แล้วมองไปยังบรรดาหลานชายของตน

 

 

“หากพวกเจ้าแน่จริงก็มีลูกสาวสักคนเสียสิ ข้ารับรองเลยว่ายุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม! พวกเจ้ามีสักคนสิ!”

 

 

คำพูดของตี้อู่เจ๋อเรีกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้เป็นอย่างดี

 

 

สมาชิกในชนเผ่าต่างก็รู้ดี หัวหน้าเผ่าคิดถึงหลานสาวจนแทบจะเป็นบ้า ทุกครั้งที่ลูกสะใภ้ให้กำเนิดลูกหลาน เขาก็ได้แต่ภาวนาว่าให้มีหลานสาวกับเขาสักคนเถอะ! แต่ทุกครั้งความจริงกับความฝันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน เด็กที่คลอดออกมาล้วนแต่เป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนท้วนจ้ำม่ำน่ารักเสมอ

 

 

ตอนนี้หลานตาของหัวหน้าเผ่ากลับมา ทั้งนางมีนิสัยและรูปร่างหน้าตาที่น่ารักน่าชังเช่นนี้อีกด้วย ทำให้หัวหน้าเผ่ายิ่งรักยิ่งหลงนางเข้าไปใหญ่

 

 

“พี่สี่ ทำไมท่านไม่มีลูกสาวสักคนเล่า!”

 

 

“ข้า? เจ้าดูอย่างพี่ใหญ่พี่รองสิ แล้วเจ้าว่าข้ามีวาสนาจะได้ลูกสาวกับเขาหรือ?”

 

 

ลูกของตี้อู่หรงอี้อายุสองขวบ ลูกของตี้อู่เย่ไหลหกเดือน ล้วนแต่เป็นเด็กผู้ชายทั้งสิ้น ครอบครัวใหญ่ครอบครัวนี้ขาดก้แต่เพียงลูกสาวเท่านั้น!

 

 

เมื่อพินิจพิจารณาตี้อู่เย่ไหลอย่างละเอียดแล้ว ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา

 

 

“ไม่มี พี่สี่ ท่านจะต้องได้ลูกชายอย่างแน่นอน!”

 

 

“ก็ใช่นะสิ! ดังนั้น หน้าที่สำคัญอันยากลำบากนี้ก็มอบให้เป้นหน้าที่ของเจ้าและน้องหกก็แล้วกัน!” ตี้อู่เย่หานจ้องมองน้องชายทั้งสองคนอย่างเอาใจช่วย

 

 

“เจ้าจะต้องสู้ๆนะ!”

 

 

“ข้าคือพี่หก!”

 

 

ตี้อู่เฮ่ออี้ไม่ชอบใจกับคำเรียกขานนี้เลยสักนิด

 

 

“ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่า น้องสาวกลัวมาแล้ว ข้าก็เลื่อนขั้นเป็นพี่หก!”

 

 

“ใช่ๆ พี่หก!”

 

 

บรรดาพี่ชายที่วัยหนุ่มต่างก็ผลัดกันสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงสนุกสนาน พี่ชายที่อายุมากที่สุดสามคนเดินถือไหสุราเข้าไปหาซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“น้องเขย มา พวกเรามาดื่มกัน!” พี่ชายคนโต ตี้อู่หรงอี้ถือไหสุราเต็มอ้อมแขนทั้งซ้ายขวารวมกว่าสี่ไห วางลงตรงหน้าซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“ใช่ น้องเขย! น้องสาวแสนสวยที่น่ารักของพวกเราถูกเจ้าเอาไปครอบครองแล้ว วันนี้เจ้าจึงต้องดื่มเป็นเพื่อนพวกเราสักสามสี่ไหด้วยนะ!”

 

 

พี่รองตี้อู่เย่ไหล่วางไหสุราทั้งสี่ลง

 

 

“นี่พวกเจ้าจะทำอะไรกัน!” ตี้อู่หรงอี้ที่ตามมาอยู่ด้านหลัง ยิ้มพราวในขณะที่วางไหสุราลง

 

 

“น้องเขยอย่าไปฟังพวกเขา! พวกเจ้ากลับมา พี่สามอย่างข้าดีใจยิ่งนัก ข้ามาเพื่อฉลอง! ขอให้เจ้าและน้องสาวรักกันมั่นคง มีลูกมาเป็นพยานรักในเร็ววัน!”

 

 

เมื่อพี่ชายคนที่สามเริ่มต้น พี่ชายคนอื่นๆต่างก็ทยอยเดินเข้ามา ยกเว้นเสียแต่ตี้อู่เฮ่ออี้

 

 

ลูกสาวลูกเขยหมาดๆเข้าบ้านทั้งที จะไม่ถูกมอมสุราได้ที่ไหนกัน!

 

 

มองดูบรรดาพี่ชายทั้งหลายวางมาดเข้าเพื่อจะแข่งดวลสุรากับซย่าโหวฉิงเทียนแล้ว ตี้อู่เฮ่ออี้จึงหลบมายือีกด้านเสียเลย

 

 

เขาจะไม่เข้าไปร่วมวงด้วยเด็ดขาด!

 

 

วันที่อวี้เฟยเยียนแต่งงานวันนั้น เขาไปร่วมงานด้วยและทันได้เห็นกับตาว่าซย่าโหวฉิงเทียนดื่มสุราราวกับน้ำเปล่าก็ไม่ปาน มอมทุกคนเสียจนเมามาย

 

 

‘พวกเขาคิดจะแข่งดื่มกับน้องเขย?’

 

 

แต่เขาไม่เด็ดขาด! เห็นท่าทางของคนหนุ่มสาวเหล่านั้นแล้ว บรรดาผู้อาวุโสทั้งหลายก้ได้แต่ยิ้มและหัวเราะออกมาขณะที่มองภาพความสนุกสนานครื้นเครงนั้นอย่างมีความสุข

 

 

เมื่อเขามิอาจมอมสุราซย่าโหวฉิงเทียนเหมือนดังที่หนุ่มๆกำลังทำได้ จึงได้แต่ยืนมองความสนุกที่เกิดขึ้นก็ไม่ผิดกติกาอะไร

 

 

“พวกเจ้านะ ตั้งใจดื่มเป็นเพื่อนน้องเขยของพวกเจ้าด้วยละ! คนหนุ่มสาวจะไม่ดื่มเหล้าได้อย่างไรกัน!”

 

 

ตี้อู่เจ๋อคอยกระตุ้นอยู่ข้างๆ

 

 

“’วันนี้เป็นวันดี ดื่มให้เต็มที่! เจ้าใหญ่ รีบไปเอาเหล้าดีมาเร็วเข้า! เจ้ารอง เจ้าสาม พวกเจ้าก็อย่าได้อีดออดเหนียมอาย ดื่มแล้วเมาก็ไม่มีอะไรเสียหาย!”

 

 

“พวกเราไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว ทุกคนดื่ม!”

 

 

ได้ยินผู้เป็นบิดากล่าวเช่นนี้ ตี้อู่จิ่งซานและน้องชายอีกสองคนสบสายตากัน ทั้งสามคนส่ายหน้าอย่างจนใจ นี่ตาเฒ่าคิดจะมอมหลานสาวและหลานเขยให้ไปเลยหรืออย่างไรกัน!

 

 

ก็จริงนะ แต่งงานกับแก้วตาดวงใจของเผ่าตันทั้งที วันนี้จึงต้องผ่านด่านนี้ไปให้ได้!

 

 

ในเมื่อตี้อู่เจ๋อเอ่ยปากขนาดนี้แล้ว ลุงอีกสามคนจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วยทันที คนอื่นๆในชนเผ่าจึงค่อยๆเดินเข้าไปห้อมล้อมซย่าโหวฉิงเทียนทันที

 

 

“เยียนเอ๋อร์ มานั่งนี่! นั่งกับยายนี่!”

 

 

จิ่งเหนียนดึงอวี้เฟยเยียนให้เข้ามานั่งข้างตน

 

 

“ให้พวกผู้ชายผู้พวกนั้นดื่มกันไป! แต่เจ้าจะต้องกินให้อิ่มนะ! ที่นี่คือบ้านของเจ้า อย่าได้เกรงใจเป็นอันขาด!”

 

 

“จริงด้วย เยียนเอ๋อร์ กินกับข้าวนี้สิ!”

 

 

หญิงวัยกลางคนสามคนแทบจะแข่งกันคีบกับข้าวที่อร่อยที่สุดให้กับอวี้เฟยเยียนเลยทีเดียว การที่เหล่าไท่ไท่ทำเช่นนี้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้อวี้เฟยเยียนเข้าไปช่วยซย่าโหวฉิงเทียนได้

 

 

ซึ่งสำหรับการนี้ อวี้เฟยเยียนถึงกับจนใจ

 

 

พวกเขาแต่ละคนจ้องแต่จะมอมเหล้าซย่าโหวฉิงเทียน แต่ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ก็ยังไม่แน่นะสิ!

 

 

พวกผู้หญิงก็ดื่มสุราเช่นกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสุราที่หมักจากผลไม้ หมักจากข้าว สุราที่พวกผู้ชายดื่ม คือสุราขาวที่มีดีกรีร้อนแรง ได้กลิ่มหอมเข้มข้นของสุรามาแต่ไกล

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนที่ถูกห้อมล้อมก็ไม่มีเกรงใจแม้แต่น้อย ชามหนึ่งกระดกดื่มลงไป อึกๆ โดยไม่มีเว้นวรรค เรียกเสียงชื่นชมได้อย่างล้นหลาม

 

 

“น้องเขย เหล้าดี! มา พี่ห้าจะดื่มกับเจ้าเอง!”

 

 

ใบบรรดาผู้คนเหล่านั้น ซย่าโหวฉิงเทียนมิใช่ผู้ที่อายุน้อยที่สุด ทว่า อวี้เฟยเยียนคือน้องสาวคนเล็กที่สุด ดังนั้น ฉับพลันซย่าโหวฉิงเทียนจึงมีพี่ชายที่แสนจะเอื้อมอาทรเพิ่มมาถึงหกคนในคราวเดียว

 

 

“ดื่ม!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนและตี้อู่เฮ่อเจี๋ยชนชาม ว่าแล้วสุราก็เกลี้ยงไปอีกชามในครั้งเดียว

 

 

“เหอะ! คอแข็งเพียงนี้! พี่น้อง หากพวกเราไม้งัดความสามรถที่แท้จริงออกมาแสดงเสียบ้าง วันนี้คงจะต้องถูกน้องเขยหัวเราะเยาะเป็นแน่!”

 

 

“พี่ใหญ่พูดถูกต้อง พวกเราจะน้อยหน้ากว่าไม่ได้! น้องเขย ข้าคือพี่สาม มาๆ พวกเรามาดื่มกัน!”

 

 

ฝั่งพวกผู้ชายก็สนุกสนาครื้นเครง ทางด้นฝ่ายหญิงก็ครึกครื้นไม่แพ้กัน

 

 

เด็กๆตัวน้อยไม่เคยพบคนภายนอกมาก่อน ครานี้เมื่อได้พบอวี้เฟยเยียนที่รูปร่างหน้าตางดงามเข้า แต่ละคนต่างก็พากันมองสำรวจนางอย่างถ้วนทั่วไม่วางตา

 

 

“ท่านแม่ นางช่างงดงามจริงเลย!”

 

 

“จริงด้วย! สวยกว่าพี่เสี่ยวฮวาอีกนะคะ!”

 

 

“ต่อไปนางจะอยู่กับเราที่นี่หรือคะ?”

 

 

เสียงกระซิบกระซาบยิงคำถามรั่วเร็วเข้ามาไม่หยุด อวี้เฟยเยียนคือราชาอาวุโส แม้แต่เสียงลมพัดใบไม้ขยับนางยังได้ยิน แน่นอนว่าย่อมต้องได้ยินเสียงเด็กน้อยเหล่านั้นอยู่แล้ว

 

 

สาวน้อยคนหนึ่งอาจหาญเดินเข้าไปตรงหน้าอวี้เฟยเยียน ดวงตากลมโตของเด็กสาวตัวน้อยมองดูอวี้เฟยเยียน

 

 

“พี่สาว ท่านเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ใช่หรือไม่คะ?” คำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อย เรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน

 

 

หญิงสาวชาวตันขวาแต่ละคนล้วนแต่มีรูปร่างหน้าตาที่งดงามหยาดฟ้ามาดิน ท่วงท่าสะโอดสะองนุ่มนวล ตรงกันข้ามหากเป็นชายก็จะมีรูปร่างพอประมาณ สะอาดสะอ้าน คล้ายบัณฑิตผู้เปี่ยมด้วยความรู้ ส่วนเรื่องของหน้านั้นก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

 

 

อวี้เฟยเยียนเมื่ออยู่ท่ามกลางหญิงสาวหน้าตางดงามมากมาย แลดูราวกับดวงจันทรืที่สุกสกาวสว่างไสวสะกดสายตาเป็นพิเศษ

 

 

“ข้าไม่ใช่นางฟ้า เจ้าต่างหากที่เป็นนางฟ้าน้อย!”

 

 

อวี้เฟยเยียนยิ้ม นางคว้าเถาวัลย์สีเขียวสดพวงหนึ่งขึ้นมาถักทอด้วยมืออยู่สักครู่ ไม่นานก็ได้ออกมาเป็นตะกร้าสานใบน้อยหนึ่งใบที่ฝีมือประณีตยิ่งนัก อวี้เฟยเยียนเด็ดดอกไม้ใส่ไว้ภายในตะกร้าบางส่วน แล้วส่งให้กับเด็กหญิงตัวน้อย

 

 

“นางฟ้าน้อย นี่คือตะกร้าน้อยของเจ้านะ!” อวี้เฟยเยียนท่าทางใจดีเป็นมิตร เสียงของนางอ่อนหวานนุ่มนวล จึงทำให้เด็กๆชื่นชอบได้ไม่ยาก

 

 

“ขอบคุณค่ะพี่สาว!” เด็กสาวตัวน้อยไม่มีทางปฏิเสธของสวยๆงามๆได้เลย นางหิ้วตะกร้าสานใบน้อย กระโดดดลดเต้นด้วยความดีใจกลับไปหามารดา

 

 

“ท่านแม่คะ พี่สาวบอกว่าข้าคือนางฟ้าน้อย!” เมื่อมีคนนำร่อง เด็กๆที่เหลือจึงกล้าที่จะวิ่งเข้าไปห้อมล้อมอวี้เฟยเยียน

 

 

“พี่สาว ข้าก็อยากได้!”

 

 

“พี่สาวข้าด้วย!”

 

 

“พี่สาวคนสวย ข้าอยากได้ผีเสื้อสักตัว!”