ตอนที่ 1037

Alchemy Emperor of the Divine Dao

ถ้าเผยจี่ยังอยู่ในสภาพปกติเขาก็คงหลบลูกศรได้พ้น

แต่เขาถูกล้อมไปด้วยสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งทั้งห้าแถมยังบาดเจ็บหนัก ด้วยสภาพที่พลังถดถอยเช่นนี้จะให้เขาหลบลูกศรพ้นได้อย่างไร?

เขาชำเลืองมองไปที่หน้าอกของตนเองก่อนจะชี้นิ้วไปยังหลิงฮันและกล่าว “เจ้าหนู ชายชราผู้นี้จะฆ่าเจ้…”

ตูม!

ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดจบหน้าอกของเขาก็ระเบิดออก

ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมและล้มลงกับพื้นโดยที่โลหิตไหลรินไปทั่วพื้น

“แล้วเจอกัน!” หลิงฮันกล่าวและเข้าไปในหอคอยทมิฬ

“บัดซบ!” สัตว์อสูรทั้งห้าเกรี้ยวกราด พวกมันร่วมมือกันเพื่อจับกุมหลิงฮันแต่ตอนนี้พวกมันดันปล่อยให้หลิงฮันหนีไปได้

“ร่างของหมอนี่มันอะไรกัน ทำไมถึงได้แปลกประหลาดเช่นนี้?”

“พวกเราถูกเขาหลอกใช้แล้ว เผ่ามนุษย์ชราคนนี้ไม่ใช่พวกของเขาแต่เป็นศัตรูกัน”

“ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!”

สัตว์อสูรทั้งห้าเกรี้ยวกราดมาก แต่เนื่องจากหลิงฮันได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยพวกมันจึงไม่สามารถทำอะไรได้

หลังจากกล่าวระบายอารมณ์แล้วพวกมันก็จากไป

หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬและเดินออกจากห้องสมบัติ เมื่อร่างสัมผัสกับคลื่นน้ำมหาสมุทรเขาก็เข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้งเพื่อศึกษาแผ่นหินลึกลับ

“หอคอยน้อย เจ้ารู้รึไม่ว่าสิ่งนี้คืออะไร?”

ร่างของหอคอยน้อยปรากฏตัว มันสั่นไหวเล็กน้อยและกล่าว “หินต้นกำเนิดสวรรค์”

หลิงฮันแค่ลองถามไปส่งๆแต่ไม่นึกว่าหอคอยน้อยจะรู้จริงๆ เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “อธิบายให้ชัดเจนหน่อย”

หอคอยน้อยเค้นเสียง “ตั้งแต่โลกถือกำเนิด หินนี่คือหนึ่งในหินที่เก่าแก่ที่สุด มันคือหินที่พัฒนามาจากศิลาต้นกำเนิดความวุ่นวาย”

ศิลากำเนิดความวุ่นวายหลิงฮันรู้จักมันตั้งแต่ตอนที่อยู่ในทวีปฮงเทียน

“งั้นนี่ก็คือสมบัติล้ำค่า!” หลิงฮันตื่นเต้นเล็กน้อย

“ขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง นอกจากความเก่าแก่แล้ว หินต้นกำเนิดสวรรค์นั้นไม่มีพลังอันใดเลย มันเอาไว้ใช้บันทึกข้อความประวัติศาสตร์หรือทักษะยุทธเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าวขึ้นทันใด

“อะไรกัน!” หลิงฮันผิดหวัง เขาโดนทุบตีเพื่อให้ได้สิ่งนี้มาแต่มันกลับไม่ใช่สมบัติ

หลิงฮันกล่าว “ไม่สิ หินนี้สามารถดูดซับการโจมตีทั้งหมดได้โดยไม่แตกหัก แล้วเช่นนี้จะสลักอักษรลงไปได้อย่างไร?”

“เหอะ ถ้ามันไม่สามารถแตกหักได้จริงๆ มันจะกลายเป็นแผ่นเท่านี้ได้อย่างไร?” หอคอยน้อยถาม

เรื่องนี้…

หลิงฮันพยักหน้า “ต่อให้เป็นหินต้นกำเนิดสวรรค์ การโจมตีที่มันสามารถดูดซับได้ก็มีขีดจำกัด เมื่อพลังโจมตีรุนแรงมากเกินไป ต่อให้เป็นหินต้นกำเนิดสวรรค์ก็ต้องแตกหัก”

“แม้แต่เจ้าก็เข้าใจด้วย” หอคอยน้อยกล่าวราวกับเป็นผู้อาวุโส

แต่จะอย่างไรหอคอยทมิฬก็ไม่รู้ว่ามีอยู่มากี่ปีแล้ว บางทีอาจจะร้อยล้านปีหรืออาจะพันล้านปี มันมีคุณสมบัติพอจะถูกเรียกว่าผู้อาวุโส

“หินต้นกำเนิดสวรรค์แม้จะไม่ใช่สมบัติ แต่เนื่องจากมันเป็นสิ่งเก่าแก่จึงถูกผู้คนใช้สร้างเป็นโบราณสถาน มันคือหินหายากที่ใช้เล่าถึงความสำเร็จของคนรุ่นก่อน” หอคอยน้อยกล่าว

หลิงฮันถอนหายใจ “ถึงอย่างนั้นข้าคงไม่นำสิ่งนี้ไปใช้สร้างโบราณสถาน ข้าจะนำมันไปใช้แทนโล่แล้วกัน จริงสิ แล้วต้องเป็นพลังขนาดไหนถึงจะทำลายหินนี้ได้?”

“ด้วยพลังของระดับสร้างสรรพสิ่งจะสามารถทำลายมันได้” หอคอยน้อยตอบ

หลิงฮันชะงัก “งั้นก็หมายถึงมีเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งถึงจะทำได้?”

หอคอยน้อยไม่ตอบ ดูเหมือนว่าคำถามนี้จะดูงี่เง่าเกินจนมันคร้านจะตอบ

“สิ่งนี้ใช้เป็นโล่ได้ไม่ยาก แต่มันมีขนาดเล็กเกินไป” หลิงฮันรู้สึกพึงพอใจอยู่บ้างเนื่องจากแผ่นนี้หินสามารถดูดซับพลังโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากใช้ให้ดีมันจะเกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมมาก

แต่เนื่องจากขนาดที่เล็กของมัน หากพบเจอกับสัตว์อสูรทรงพลังที่มีขนาดใหญ่ราวกับขุนเขา แผ่นหินนี้ก็คงป้องกันการโมตีได้ไม่หมด

“ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้มันยังไง”

หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ ‘พรึบ’ แรงกดดันของน้ำที่รุนแรงเข้าปะทะกับร่างเขาทันที เขาลองนำหินต้นกำเนิดสวรรค์ออกมาซึ่งมันก็ได้ผลดีเยี่ยม ไม่ว่าบริเวณใดที่เขานำแผ่นหินนี้ไปวาง แรงกดดันก็จะหายไปทันที แต่โชคร้ายที่มันสามารถช่วยคุมกันได้แค่พื้นที่ขนาดราวๆฝ่ามือ

หลิงฮันตั้งใจจะใช้มันเป็นกระจกคุ้มกันชีวิตอย่างเช่นบริเวณหัวใจ ศีรษะ หรือไม่ก็ตันเถียน สามส่วนนี้คือจุดที่สำคัญที่สุดของจอมยุทธ สองจุดแรงสามารทำให้สิ้นชีพได้ ในขณะที่ตันเถียนนั้นเป็นจุดกำเนิดของพลังปราณ ถ้ามันถูกทำลายก็เท่ากับความพยายามที่ผ่านมาจะศูนย์เปล่า

เขาค่อยๆลอยขึ้นสู้พื้นผิวมหาสมุทร แต่เพราะแรงโน้มถ่วงที่รุนแรงทำให้ร่างของเขาลอยขึ้นช้ามาก

ครืนน!

คลื่นมหาสมุทรสั่นสะเทือนและปรากฏร่างของสัตว์อสูนขนาดยักษ์ตรงหน้าเขา มันคือจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ถึงหกฟุตและมีความยาวมากกว่าสามร้อยฟุต ร่างของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดขนาดใหญ่และมีหางมากกว่าหนึ่งร้อยหาง

ที่หลิงฮันสามารถมองเห็นมันเป็นเพราะดวงตาสองลูกของมันส่องแสงราวกับบอลเพลิง เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว

ระดับสุริยันจันทรา!

จระเข้ยักษ์สังเกตเห็นเขาเช่นกัน มันสะบัดห่างขยับร่างพุ่งมาทางเขาและอ้าปากกว้าง

หลิงฮันไม่ลังเลที่จะหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬ การกัดของจระเข้ยักษ์ตัวนี้ไม่ใช่สิ่งที่หินกำเนิดสวรรค์จะสามารถต้านทานได้หมด แม้มันจะสามารถคุ้มกันบริเวณหัวใจของเขาเอาไว้ได้ แต่ร่างส่วนอื่นของเขาคงจะกลายเป็นเนื้อบด

เมื่อฟันของจระเข้งับเข้าหากันและหุบปาก ดวงตาของมันก็แสดงออกถึงความประหลาดใจเนื่องจากมันกัดไม่โดนอะไรเลย

หอคอยทมิฬไม่ได้โดนกลืนเข้าไปในปากของจระเข้ยักษ์ เนื่องฟันของมันมีช่องว่างขนาดใหญ่ หอคอยทมิฬจึงลอยออกมา

ระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งเกินไป

เขาเชื่อว่าถ้าหากเขาถูกจระเข้ยักษ์กัด เขาจะต้องกลายเป็นแอ่งโลหิตแน่นอน

ระดับพลังมันต่างกันเกินไป

จระเข้ยักษ์ชะงักหยุดนิ่ง ด้วยพลังบ่มเพาะระดับมันแล้ว สติปัญญาของมันจึงไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ เนื่องจากที่นี่เป็นใต้มหาสมุทรมันจึงไม่ได้แปลงกลายเป็นมนุษย์ ไม่เช่นนั้นคนธรรมดาทั่วไปคงแยกไม่ออกมาว่ามันเป็นสัตว์อสูรแปลงกายหรือมนุษย์จริงๆ

มดปลวกระดับภูผาวารีสามารถหลบหนีการกัดของมันได้งั้นรึ?

ช่างน่าแปลก!