จระเข้ยักษ์ว่ายวนเวียนอยู่แถวนั้นชั่วครู่ แล้วหลังจากนั้นมันก็กระดิกห่างอย่างรุนแรงและพุ่งหายเข้าไปในความมืด
หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะล่องลอยไปในทะเลอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นก็มีสัญญาณเตือนให้เขาเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬอีกครั้ง
ปัง!
จระเข้พุ่งเข้ามาโจมตีใส่เขาทีเผลออีกครั้ง
ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก!
หลิงฮันส่ายหัวและอย่าได้ดูถูกเจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนี้กันเชียว ยังไงซะมันก็เป็นสัตว์อสูรระดับสุริยัน นี่มันฝึกฝนมานานแค่ไหนกันถึงไต่เต้ามาถึงระดับนี้ได้? ตั้งแต่ระดับทลายมิติเป็นต้นไป สัตว์อสูรก็เริ่มมีสติปัญญาเป็นของตนเอง เช่นนั้นเมื่อมันมีชีวิตอยู่มานาน สติปัญญาของมันจึงไม่ด้อยไปกว่าเผ่ามนุษย์
หากดูถูกมันอาจต้องตาย!
แต่ทว่าจระเข้ยักษ์ก็งับโดนฟองน้ำอีกครั้ง แล้วทำให้หอคอยทมิฬเคลื่อนที่อย่างเป็นธรรมชาติและไหลตามกระแสน้ำ
สัตว์อสูรระดับสุริยันจันทราทรงพลังแค่ไหน? แค่แรงกัดของมันก็น่าสะพรึงกลัวมากแล้ว และทำให้หอคอยทมิฬลอยตามกระแสน้ำไปไกลหลายสิบไมล์
หลิงฮันรออยู่พักหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ จากนั้นเขาก็ออกมาจาหอคอยทมิฬอีกครั้ง
ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา ความรู้สึกที่น่าขนลุกก็เพ่งเล็งมาที่เขาอีกครั้ง เขารีบเข้าไปหลบในหอคอยทมิฬทันที และทันใดนั้นจระเข้ยักษ์ก็ปรากฏตัวอีกครั้ง
แล้วแบบนี้มันจะกัดเขาโดนได้อย่างไร?
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก นี่หรือว่าเจ้าจระเข้ยักษ์จะไม่รู้ว่าเขาหายตัวไปอย่างผิดปกติและมันคิดว่ามีเขาสมบัติล้ำค่าอยู่กับตัว?
ถึงกระนั้นหลิงฮันก็ไม่มีเวลามากพอที่จะให้ความสนใจจระเย้ยักษ์ที่อยู่ด้านนอกและไม่ได้สังเกตว่าหอคอยทมิฬกำลังตกลงไปในช่องแคบ
ช่องแคบนี้มีความลึกมากและดำมืดสนิท
จระเข้ยักษ์เคยว่ายน้ำมาที่นี่มาก่อน ทันใดนั้นเองมันก็กระดิกหางหันหลังกลับและว่ายน้ำหนีไปด้วยความกลัว
ถ้าหลิงฮันตระหนักว่าหอคอยทมิฬจะไหลเข้าไปในช่องแคบ เขาคงจะปรากฏตัวออกมาจาหอคอยทมิฬไปแล้ว และไม่ปล่อยให้หอคอยทมิฬดำดิ่งลงไปในช่องแคบที่มืดมิดราวกับหุบเหวที่ไร้ที่สุดสุดแบบนี้
ตอนนี้หลิงฮันกำลังจู่จี๋กับสุ่ยเยี่ยนยวี่อยู่ ซึ่งคิดจะปล่อยให้จระเข้ยักษ์หมดความอดทนและว่ายน้ำจากไปเอง
พรึบ หลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬ
“แคร๊ก!”
สิ่งเดียวที่เขารู้สึกคือกระดูกของเขากำลังถูกบดขยี้ และเกิดเสียงแตกหัก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หลิงฮันไม่เข้าใจว่าทำไมแรงดันน้ำของที่นี่มันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้ แม้จะใช้พลังปราณก่อเกิดสร้างเป็นเกราะกำบังแต่ก็ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ข้าไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้!
หลิงฮันรีบเข้าไปในหอคอยทมิฬทันที จากนั้นเขาก็โคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ภายในระยะเวลาหนึ่งธูปหมด กระดูกของเขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ทำไมที่นี่ถึงมีแรงกดดันน่าสะพรึงกลัวขนาดนี้?” หลิงฮันสังเกตการณ์อยู่ด้านในหอคอยทมิฬ แต่สภาพแวดล้อมภายนอกนั้นมืดมิดมาก ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
ด้านหน้ามีแสงสว่างเลือนลาง
“สถานการณ์ในตอนนี้เลวร้ายมาก ข้าไม่รู้ว่ากระแสน้ำที่จระเข้ยักษ์สร้างขึ้นพัดพาข้ามาที่ไหน”
หลิงฮันถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้เขาจู๋จีกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และทำให้เขามาลงเอยในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้
“แรงดันน้ำที่นี่สะพรึงกลัวมาก แม้แต่กระดูกของข้ายังถูกบดขยี้ภายในไม่กี่ลมหายใจ แล้วข้าจะกลับขึ้นสู่ผิวน้ำได้อย่างไร?”
“หรือว่าข้าจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต?”
“เดี๋ยวก่อน มันมีบางอย่างกำลังส่องแสงอยู่ด้านหน้า บางทีมันอาจช่วยข้าพลิกสถานการณ์นี้ได้!”
ในขณะนั้นหลิงฮันแวบออกมาจากหอคอยทมิฬและเคลื่อนที่ไปในทิศทางของแสง ก่อนที่จะกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬอย่างรวดเร็ว และใช้แรงเฉื่อยเคลื่อนที่ไปหาแสงที่ส่องประกายตรงนั้น”
แน่นอนมันช้ามากกว่าหลิงฮันจะไปถึงแสงตรงนั้น ยิ่งไปกว่านั้นกระแสน้ำมักจะลอยไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ดันนั้นความเร็วของเขาจึงช้าลงไปอีก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเคลื่อนที่ได้ช้าแค่ไหน หลังจากผ่านไปครึ่งวันในที่สุดหลิงฮันก็มาถึง
แสงสว่างนั่นที่แท้คือกล่องหยกที่กำลังส่องแสงเปล่งประกายระยิบระยับ
มันคือกล่องหยกใบนั้น!
หลิงฮันจำได้ทันทีว่ามันเป็นกล่องหยกที่จู่เล่อหยุนและโฮ่วหยางต่อสู้เพื่อแย่งมันมา แต่ทว่ากลับไม่มีใครได้ครอบครองมัน และกล่องหยกดังกล่าวก็ตกลงมาอยู่ที่นี่
“นี่ข้าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่เนี่ย?”
หลิงฮันเกาหัว ถ้าจะบอกว่าเขาโชคดีแล้วเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าเขาจะโชคร้ายเสียมากกว่าที่กล่องหยกที่จอมยุทธระดับดาราสองคนต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงมันมาตกอยู่ไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่นัก
“แต่ไม่ว่าข้าจะโชคดีหรือโชคร้าย ข้าก็จะขอรับมันเอาไว้ก่อน”
หลิงฮันเคลื่อนที่เข้าออกจากหอคอยทมิฬซ้ำไปซ้ำมาไปที่กล่องหยกใบนั้น
เขาเข้าใกล้กล่องหยกใบนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดมันก็ห่างแค่เอื้อม
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและคว้ากล่องหยกอย่างรวดเร็ว แล้วกลับเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง แต่ในขณะนั้นเอง หมอกดำที่ซ่อนอยู่ใต้กล่องหยกก็แผ่กระจายออกมาเหมือนหนวดปลาหมึกและบีบรัดหลิงฮัน
ในช่วงเวลานั้นหลิงฮันสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่รุนแรง หากเขาเข้าไปพัวพันกับกล่องหยกใบนี้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าถูกจอมยุทธระดับดาราทุบตีซะอีก
เขารีบออกมาจากหอคอยทมิฬทันที แต่หมอกดำก็ติดหนึบเขาแน่นเหมือนกับเงาและเข้าออกหอคอยทมิฬด้วยกัน ยิ่งกว่านั้นความเร็วในการแพร่กระจายของมันรวมเร็วเกินไป ในไม่ช้ามันก็ห่อหุ้มแขนของหลิงฮันแล้ว
สติของหลิงฮันเริ่มเลือนลาง ราวกับเขากำลังจะบ้าคลั่ง
“พรึบ!”
หอคอยน้อยปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน
ทันใดนั้นเองราวกับว่าหมอกดำถูกพัดหายไป มันกลายเป็นเส้นใยอย่างฉับพลันและมีความเหนียวมาก และพยายามเจาะเข้าไปในร่างกายของเขาอยู่ตลอดเวลา
ปัง!
เสียงการต่อสู้ทำให้หลิงฮันได้สติ และมีจอมยุทธสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่ท้องฟ้าอย่างดุเดือด ดวงดาวที่อยู่ในระยะไกลยังถูกปัดเป่า แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังสูญเสียสีสันของมันไปอย่างสมูบรณ์
หลิงฮันรู้สึกตกตะลึง พวกเขาเป็นจอมยุทธระดับไหนกัน?
จอมยุทธระดับสรรพสิ่ง?
หนึ่งในทั้งสองคนเป็นชายชราที่มีผิวสีทองหัวโล้น รูปร่างอ้วน ท้องกลมและมีติ่งหูที่ยานมากจนแตะไหล่ และให้ความรู้สึกที่สูงส่งราวกับเขาอยู่เหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลก