บทที่ 2542 คางคกริอาจหมายปองเนื้อหงส์ฟ้า! / บทที่ 2543 แต่ก็มีขอบเขตนะ

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2542 คางคกริอาจหมายปองเนื้อหงส์ฟ้า!

จากนั้นก็ชี้ไปยังคู่แฝดที่คนหนึ่งสวมชุดเขียวคนหนึ่งสวมชุดเทา

“พวกเขาคือเจ้าหกกับเจ้าเจ็ด เทียนซิ่วซิ่ว เทียนเหม่ยเหม่ย เทียนซิ่วซิ่วเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิด เทียนเหม่ยเหม่ยเชี่ยวชาญไสยเวทและการฝึกฝนปีศาจ เป็นจอมขมังเวทย์”

ต่อมาก็ชี้ไปที่สตรีชุดแดงเพียงหนึ่งเดียว สตรีนางนั้นรูปโฉมเย้ายวน เรือนร่างร้อนแรง สวมชุดสีดำสลับแดง ที่คล้องอยู่บนข้อมือคืออสรพิษสีแดงเพลิงที่ดูค่อนข้างประหลาดและเฉียบแหลม

“นางคือลำดับที่แปดในหมู่พวกเรา เฟิงหรูฮั่ว เชี่ยวชาญวิชาดาบและการฝึกสัตว์”

ระยะเวลาที่กู้ซีจิ่วอยู่ในตำหนักมารมีจำกัดยิ่งนักจริงๆ ดังนั้นเธอจึงเพิ่งเคยพบห้าคนนี้เป็นครั้งแรก

เพียงแต่เห็นได้ชัดว่าพวกองครักษ์จินทั้งสองได้แจ้งฐานะของกู้ซีจิ่วไว้แล้ว ดังนั้นพอองครักษ์จินแนะนำเสร็จ พวกเขาก็ทำความเคารพกู้ซีจิ่วอย่างพร้อมเพรียง

“แม่นางกู้”

เห็นได้ชัดว่าเป็นมารยาทของลูกน้องเมื่อได้พบกับเบื้องสูง

กู้ซีจิ่วก็เข้าใจดี เช่นนี้คือพวกเขาทราบความสัมพันธ์ของตนกับตี้ฝูอีแล้ว…

เนื่องจากตี้ฝูอีออกมาอย่างเร่งด่วน ยังไม่ทันได้แจ้งฐานะของกู้ซีจิ่วต่อลูกน้องทั้งหมด ดังนั้นห้าคนนี้จึงทราบเรื่องราวระหว่างกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีไม่กระจ่าง และองครักษ์จินกับองครักษ์หวาก็บอกเล่าเพียงคร่าวๆ เท่านั้น

บอกเพียงว่าแม่นางกู้ผู้นี้มีความสามารถล้ำเลิศ เป็นนางในดวงใจขององค์ราชัน ไม่อาจหมิ่นแคลนได้แม้เพียงน้อย หากไม่เหนือจากที่คาดการณ์ไว้ นางคือว่าที่ราชินีแห่งอาณาจักรมาร…

องครักษ์ของอาณาจักรมารเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ

นิสัยใจคอก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ล้วนแต่เป็นนายเหนือที่หยิ่งผยองอยู่แล้ว ไม่ยอมรับนับถือผู้ใดง่ายๆ

ในอดีตกว่าตี้ฝูอีจะสยบพวกเขาได้ก็สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปมากมายนัก

ดังนั้นความเคารพที่พวกเขามีให้กู้ซีจิ่วเป็นเพราะเธอคือสตรีขององค์ราชันเท่านั้น ทว่าไม่ได้นับถือเลย

ทำความเคารพเสร็จก็ไม่พูดจามากความอีก

“แม่นางกู้ องค์ราชันอยู่ที่ไหน?”

นี่คือคำถามสำคัญที่เจ็ดองครักษ์สนใจ

กู้ซีจิ่วหลุบตาลงเล็กน้อย เธอเคยฟังมาจากตี้ฝูอีแล้ว องครักษ์แปดคนนี้ของเขาเชื่อใจได้เต็มร้อย จงรักภักดีต่อเขา…

เธอสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง เสี่ยงเดิมพันสักตั้ง

“องค์ราชันของพวกเจ้าได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้กลายเป็นรูปสลักหยกตกอยู่ในกำมือของอวิ๋นเยียนหลี ข้าหาเขาไม่พบชั่วขณะ…”

รูปสลักหยก?!

รูปสลักหยกก็คือองค์ราชันของพวกเขาหรือ?!

สององครักษ์จินหวาตื่นตะลึงก่อนใคร

คนที่เหลือมองหน้ากันเหลอหลา…

“องค์ราชันของพวกเรากลายเป็นรูปสลักหยกไปได้อย่างไร?”

เทียนซิ่วซิ่วขมวดคิ้ว

“ใช่แล้ว พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

เทียนเหม่ยเหม่ยคล้อยตาม

“วรยุทธ์ขององค์ราชันพิสดารเลิศล้ำ ไม่แน่ว่าการกลายเป็นรูปสลักหยกอาจเป็นวิชายุทธ์แขนงหนึ่ง!”

ว่านหงซิ่วดีดนิ้วใส่นกที่อยู่บนบ่าเล็กน้อย พลางเอ่ยตอบ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ท่าทางอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด

“ชิ ช่างเรื่องพวกนี้ก่อนเถอะ ไม่ว่าองค์ราชันจะกลายเป็นอะไรไปแล้วก็ยังคงเป็นองค์ราชันของพวกเรา รีบคิดหาทางพาตัวองค์ราชันออกมาดีกว่า!”

เฟิงหรูฮั่วรูปโฉมงดงามทรงเสน่ห์ ทว่ามุทะลุดุดัน พอเปิดปากเอ่ยก็เผยความห้าวหาญออกมา

“ใช่แล้ว คุนเสวี่ยอี๋ล่ะ?”

สุ่ยจวิ้นโจวที่ทำตัวจืดจางมาโดยตลอดเอ่ยขึ้น

“เขาแปลงเป็นข้ารั้งอยู่ในเมืองลั่วฮวา ถ่วงรั้งอวิ๋นเยียนหลีไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

กู้ซีจิ่วก็ไม่ปิดบังอำพราง

“อวิ๋นเยียนหลีหมายปองแม่นางกู้ งานวิวาห์ใหญ่ที่เขาจัดเตรียมขึ้นในครั้งนี้ก็จัดเตรียมเพื่อแม่นางกู้”

ว่านหงซิ่วสืบข่าวมาแล้ว เขาเคยเข้าเมืองไปก่อนแล้ว ได้สืบทราบตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวในเมืองมาบางส่วนแล้ว

“คางคกริอาจหมายปองเนื้อหงส์ฟ้า!”

เทียนเหม่ยเหม่ยเยาะหยัน

“สตรีขององค์ราชันเราเขาก็ยังกล้าหมายปอง เบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วสินะ!” เทียนซิ่วซิ่วเบะปาก

“ฮ่าๆ วันหน้าพี่สาวจะสั่งสอนเขาเองว่าเป็นมนุษย์ควรทำตัวอย่างไร!”

เฟิงหรูฮั่วเล่นกับงูเพลิงบนข้อมือ มุมปากแต้มรอยยิ้มกระหายเลือดเอาไว้

————————————————————————————-

บทที่ 2543 แต่ก็มีขอบเขตนะ

แล้วตบไหล่กู้ซีจิ่วเบาๆ

“แม่นางกู้ อย่ากลัวเลย ท่านเป็นคนขององค์ราชัน นับว่าเป็นนายของพวกเราครึ่งตัวแล้ว พวกเราจะปกป้องท่านเอง จะไม่ปล่อยให้คนแซ่อวิ๋นมาเอาเปรียบแน่นอน!”

เฟิงหรูฮั่วเป็นกันเองอย่างยิ่ง แขนข้างหนึ่งแทบจะโอบไหล่ของกู้ซีจิ่วไว้แล้ว ท่าทางราวกับพี่น้องที่กลมเกลียวกัน

“เฟิงหรูฮั่ว นางคือคนขององค์ราชัน เจ้าระเห็จอุ้งเท้าของเจ้าออกไปซะ! หากองค์ราชันรู้เข้า เจ้าเละแน่!”

องครักษ์จินรีบเอ่ยปราม

“เจ้าสี่ เจ้าร้อนรนอะไรกัน? ถึงแม้พี่สาวอย่างข้าจะชมชอบสตรี แต่ก็มีขอบเขตนะ”

ถึงแม้จะเอ่ยเช่นนี้ เฟิงหรูฮั่วก็ยังคงชักมือกลับมาจากไหล่ของกู้ซีจิ่ว

ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วถึงได้กระจ่างแจ้ง

เฟิงหรูฮั่วผู้นี้เป็นเลสเบี้ยน…

“พวกเรามาหารือกันเถอะว่าขั้นต่อไปจะเอาอย่างไรดี”

ชายชุดดำผู้ครองลำดับสองพูดน้อย ทว่าทุกประโยคล้วนรวบรัดทรงพลัง

“ตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา อวิ๋นเยียนหลีปล่อยข่าวออกมาว่า จะทำพิธีสยบมารในงานสมรสวันมะรืนนี้ ได้ยินว่าจะทำลายรูปจำลองมารชิ้นหนึ่งทิ้งต่อหน้าสาธารณชน หากไม่ผิดไปจากที่คาดไว้ ก็น่าจะเป็นรูปสลักหยกที่จำแลงมาจากองค์ราชันมาร” ว่านหงซิ่วเอ่ยออกมาอย่างมาอย่างเนิบนาบไม่อนาทร ทว่าข้อมูลที่กล่าวออกมากลับน่าแตกตื่นนัก

สุ่ยจวิ้นโจวหันหลังออกเดิน ถูกเทียนซิ่วซิ่วรั้งตัวไว้

“พี่สอง ท่านจะไปไหน?”

“ทุ่มชีวิตขโมยรูปสลัก!”

สุ่ยจวิ้นโจวเอ่ยออกมาห้าคำ แสดงถึงการตัดสินใจของเขา

ประโยคนี้ได้รับความเห็นชอบจากองครักษ์อีกเจ็ดคน

ต่อให้พวกเขาต้องสละชีวิตของตน ก็ต้องช่วยองค์ราชันออกมาให้ได้!

เฟิงหรูฮั่วพลันตวัดข้อมือ อสรพิษแดงฉานตัวนั้นร่วงลงบนพื้นทันที ชูคอส่งเสียงฟ่อๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง มีเสียงสวบสาบแว่วออกมาจากรอบข้าง กู้ซีจิ่วเหลียวมองทันที ใจเต้นแวบหนึ่ง

ภายในกอหญ้า ดงวัชพืช มีอสรพิษนับไม่ถ้วนเลื้อยยั้วเยี้ย บ้างใหญ่ บ้างเล็ก บ้างดำสนิท บางฉูดฉาด บ้างสั้น บ้างยาว…มีนับพันตัว!

ขลุ่ยกระดูกเลาหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเฟิงหรูฮั่ว วางจรดริมฝีปากคล้ายจะเป่าบรรเลง

กู้ซีจิ่วไม่ได้ยินเสียงขลุ่ย แต่อสรพิษแดงฉานตัวนั้นราวกับฟังเข้าใจ ยืดตัวขึ้นแล้วขู่ฟ่อๆ อีกครั้ง…

ไม่น่าเชื่อว่าฝูงงูจะพากันผงกหัว อสรพิษแดงฉานมุดศีรษะใหญ่โตลงไปเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะมีรูงูโพรงหนึ่งปรากฏขึ้นบนพื้นดินทันที หายลับไปเลย ส่วนงูที่เหลือก็เลื้อยตามลงรูงูไปทีละตัว…

ฉากนั้นน่าตื่นตาอย่างยิ่ง

กู้ซีจิ่วมองไปที่เฟิงหรูฮั่ว

“นี่คือ?”

“พวกมันติดตามเสี่ยวฉือเข้าไปตามหารูปสลักหยก แม่นางกู้ ท่านวางใจเถอะ งูพวกนี้แทรกซึมไปได้ทุกที่ ไม่มีที่ไหนที่พวกมันไปไม่ถึง เชื่อว่าไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พวกเราก็จะได้รับข่าวแล้ว คนๆ เดียวอาจจะหาพบยาก แต่รูปสลักหยกชิ้นหนึ่งยังคงหาได้ง่ายดายนัก”

คนที่เหลือยังคงวางใจในวิชาสะกดงูของเฟิงหรูฮั่วยิ่ง เริ่มจัดสรรหน้าที่ หลังจากตามรูปสลักหยกพบกันแล้ว พูดคุยว่าจะเข้าไปขโมยออกมาอย่างไร…

กู้ซีจิ่วฟังพวกเขาหารือกันอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เปิดปากแล้ว

“ขอเพียงทราบตำแหน่งที่ตั้งชัดเจน ข้าก็มีวิธีไปพาเขาออกมา! พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือ เตรียมการอย่างอื่นเถิด อย่างเช่นจัดเตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้”

เห็นได้ชัดว่าผู้มาใหม่ทั้งห้าไม่เชื่อถือสักเท่าไหร่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นยอดอัจฉริยะของอาณาจักรมาร เดินทางออกมาภายนอกอยู่บ่อยครั้ง ซ้ำยังทราบถึงขุมกำลังและฝีมือของอวิ๋นเยียนหลีด้วย คิดจะชิงรูปสลักมาจากเงื้อมมือเขาอาศัยแรงคนๆ เดียวจะราบรื่นได้อย่างไร?

องครักษ์จินและองครักษ์หวากลับทราบถึงฝีมือของกู้ซีจิ่วอย่างล้ำลึก พวกเขาเชื่อ รีบพนักหน้าตอบรับ

“แม่นางกู้เป็นวิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา พอทราบตำแหน่งของรูปสลักหยกชัดเจนแล้ว ปล่อยให้นางไปขโมยกลับมาจะดีที่สุด”

พวกเขาวางแผนไว้ยอดเยี่ยมยิ่ง เพียงแต่เรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ พวกเขารออยู่ค่อนคืน งูเหล่านั้นก็ไม่กลับมาเลย…