บทที่ 2544 ลูกน้องของตี้ฝูอีล้วนเป็นเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ... / บทที่ 2545 ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2544 ลูกน้องของตี้ฝูอีล้วนเป็นเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ…

งูที่รอคอยไม่มา มีแต่ทหารที่อวิ๋นเยียนหลีส่งออกมาตรวจสอบ

หนนี้กองทหารชั้นยอดของอวิ๋นเยียนหลีล้วนมาที่เมืองลั่วฮวากันหมด ดังนั้นคนที่ถูกส่งออกมาเหล่านี้ล้วนเป็นยอดอัจฉริยะ พลังวิญญาณล้วนอยู่ในชั้นเสี่ยวเซียน อีกทั้งยุทธโปกรณ์ที่พวกเขาตระเตรียมมาก็เป็นของชั้นเลิศ

ไม่น่าเชื่อจะมีสุนัขพันธุ์อ๋าวฝูงเล็กๆ ด้วย

สุนัขอ๋าวเหล่านี้ล้วนมีขนาดเท่าเสือ ดุร้ายเหมือนหมาป่า ขนดำมันวาว นัยน์ตาเขียวเรืองรอง ไม่เพียงแต่มีประสาทรับกลิ่นที่น่าตะลึงเท่านั้น ยังมีแรงกัดที่น่าตกตะลึงด้วย ถึงขั้นที่ใช้เวทวิชาได้ด้วย…

พวกกู้ซีจิ่วซ่อนตัวอยู่ในป่าลึกที่เต็มไปด้วยขวากหนาม สุนัขอ๋าวเหล่านี้ก็เหินทะยานเข้ามา กระโดดข้ามพงหนามประหนึ่งโผบิน พอพบกับอุปสรรค พวกมันจะพ่นลำแสงสีเงินยวงออกมา ทุกที่ที่คมแสงพาดผ่าน ขวากหนามจะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย…

ในป่ามีสัตว์ร้ายอยู่ไม่น้อย ในบรรดานั้นไม่ขาดแคลนสิงสาราสัตว์ที่ดุร้ายเลย…

ปกติสัตว์ร้ายจำพวกนี้จะวิ่งเพ่นพ่านอยู่ภายในป่า แต่พอสุนัขอ๋าวเหล่านี้มาถึง พวกมันก็แทบจะเผ่นหนีทันทีที่ได้กลิ่น…

ขณะที่สัตว์ร้ายเหล่านี้แตกตื่น ก็ได้ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มของกู้ซีจิ่วพอดี

ขณะที่กู้ซีจิ่วกำลังจะบอกว่า ‘พวกเราออกจากที่นี่ก่อนเถอะ’

เธอไม่ได้กริ่งเกรงคนที่ไล่ล่าสังหารเหล่านี้ แต่เธอไม่อยากต่อสู้วุ่นวาย จนดึงดูดอวิ๋นเยียนหลีมา ดังนั้นจึงมีวิธีเดียวคือล่าถอยไปก่อนชั่วคราว

เธอยังไม่ทันเอ่ยประโยคนี้ออกมา องครักษ์ลำดับที่สองสุ่ยจวิ้นโจวพลันเงื้อมือ หมอกดำสายหนึ่งแผ่ออกมาจากรอบกายเขา ปกคลุมพวกเขาทั้งหมดเอาไว้อย่างรวดเร็ว

จากนั้น ทุกคนที่ยังนั่งก็คงก็นั่ง ส่วนที่ยืนอยู่ก็นั่งแล้ว ที่แทะลูกหลี่อยู่ก็แทะต่อไป ไม่สนใจคณะค้นหาที่กำลังจะมาถึงเลย

กู้ซีจิ่วมึนงง

เฟิงหรูฮั่วยิ้มละไม

“แม่นางกู้วางใจเถอะ คาถาเงาของพี่สองสุ่ยพวกเราร้ายกาจอย่างยิ่ง สามารถปิดกั้นการติดตามจากทุกอย่างได้ ต่อให้สุนัขอ๋าวเหล่านั้นพบเบาะแสของพวกเรา ก็ไม่มีทางหาตัวพวกเราพบ”

“คาถาเงา?”

กู้ซีจิ่วเพิ่งเคยได้ยินวิชายุทธ์แขนงนี้เป็นครั้งแรก

“ง่ายมาก เพียงแค่พาพวกเราทุกคนเข้าไปอยู่ในเงาของต้นไม้ใหญ่รอบข้าง ใครเล่าจะสามารถจับตัวคนจากเงาได้ท่านว่าไหมล่ะ? นี่คือทักษะเฉพาะตัวของพี่สองสุ่ย องค์ราชันก็ชื่นชมยิ่งนัก ออกมาครั้งนี้เดิมทีองค์ราชันก็คิดจะพาเขาออกมาด้วย ผลคือพบว่าเขาออกไปจัดการธุระอื่นอยู่ ยังไม่กลับมา…เพราะเรื่องนี้เขาถึงโศกสลดอยู่เนิ่นนานนัก”

เอาเถอะ ลูกน้องของตี้ฝูอีล้วนเป็นเสือหมอบมังกรซ่อนจริงๆ…

ขณะที่เฟิงหรูฮั่วถ่ายทอดความรู้พื้นฐานให้กู้ซีจิ่วอยู่ สุนัขอ๋าวตัวหนึ่งก็โผล่หน้าออกมาไม่ไกล…

สุนัขอ๋าวตัวนี้ว่องไวดุจสายลม พริบตาเดียวก็มาถึงยังจุดที่พวกกู้ซีจิ่วอยู่แล้ว มันหาตัวคนกลุ่มนี้ไม่พบจริงๆ ถึงขั้นที่อุ้งเท้าข้างหนึ่งของมันตะปบถูกชายชุดของเทียนซิ่วซิ่วแล้ว ทว่ากลับวิ่งผ่านไปราวกับตาบอด…

เทียนซิ่วซิ่วขมวดคิ้วงามน่ามอง ไม่รู้ว่าหยิบกรรไกรอันหนึ่งออกมาจากไหน ตัดชายชุดโยนทิ้งไปด้วยความรังเกียจ

“แม่นางกู้ เจ้าหกคนนี้เป็นโรครักสะอาด ไม่ยอมให้มีฝุ่นธุลีแม้เพียงน้อยเปื้อนอยู่บนร่างเลย ที่สำคัญคือรังเกียจสัตว์ เชื่อได้ยากจริงๆ ว่าเขาคือปรมาจารย์หุ่นเชิด…”

เฟิงหรูฮั่วเบะปาก

ช่วงที่พูดคุยกันอยู่ มีสุนัขอ๋าวกว่าสิบตัววิ่งผ่านออกมาจากด้านหลัง…

พวกมันพุ่งผ่านคนกลุ่มนี้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่หยุดเลยสักนิด พริบตาเดียวพุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของป่าแล้ว

มีเพียงสุนัขอ๋าวตัวสุดท้ายเท่านั้นที่คล้ายว่าจะพบอะไรแล้ว วนเวียนอยู่รอบตัวเทียนซิ่วซิ่ว ดมแล้วดมอีก

“เจ้าสิงโต เจออะไรหรือ?”

เจ้านายมันตามหลังมาแล้ว

สุนัขอ๋าวตัวนั้นรูปลักษณ์คล้ายสิงโตจริงๆ แถมสีขนยังแตกต่างไปจากสุนัขอ๋าวตัวอื่นๆ ด้วย สุนัขอ๋าวตัวอื่นมีขนสีดำ มันกลับมีขนสีแดง แดงฉานดุจเพลิง เสมือนตะวันดวงน้อยที่ลุกโชติช่วงท่ามกลางรัตติกาล

เจ้าสิงโตวนเวียนรอบตัวเทียนซิ่วซิ่วเป็นรอบที่หกแล้ว พ่นลมออกจมูกเป็นพักๆ

————————————————————————————-

บทที่ 2545 ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก

เทียนซิ่วซิ่วทนแล้วทนอีก ถึงได้อดใจไม่ให้เตะเจ้าสัตว์หน้าขนที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาเหมือนดอกทานตะวันให้กระเด็นออกไป

“เจ้าหกซิ่ว เจ้าไม่อาบน้ำมากี่วันแล้ว? หรือเจ้าตัวนี้จะได้กลิ่นตัวเจ้าเข้า?”

ว่านหงซิ่วสัพหยอก

“หุบปาก ข้าอาบน้ำทุกวัน! เจ้าคิดว่าข้าเหมือนเจ้าหรือไง? สองวันถึงจะอาบน้ำสักหน ร่างคลุ้งด้วยกลิ่นนกอยู่ตลอด”

นกตัวนั้นที่เกาะอยู่บนบ่าว่านหงซิ่วร้องแควกๆ อย่างไม่พอใจ พลันกางปีกโผบินขึ้นมา…

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นหน้าตาของนกตัวนั้นอย่างสมบูรณ์แล้ว นี่มันไม่ใช่นกแล้ว!

แต่เป็นมังกรเพลิงตัวน้อยที่แสร้งว่าเป็นนกตัวหนึ่ง ยามที่กางปีกหนังคู่นั้นออกมา ไม่น่าเชื่อว่าจะขยายใหญ่ขึ้นในชั่วพริบตา สูงเท่าตัวคน สยายปีกกว้างไกลสี่เมตร!

จากนั้น ‘นก’ ตัวนี้ก็พ่นเปลวไฟออกมาจากจมูก หากมิใช่เพราะเทียนซิ่วซิ่วต้านรับได้เร็วพอ เส้นผมคงถูกเผาจนโกร๋นไปหมดแล้ว!

ว่าไปแล้วก็แปลก หลังจากนกตัวนี้พ่นไฟออกมา ‘เจ้าสิงโต’ ตัวนั้นก็คล้ายจะสิ้นความสงสัยไปแล้ว ไม่วนเวียนรอบตัวเทียนซิ่วซิ่วแล้ว

ดูเหมือนมันจะค่อนข้างหงุดหงิดแล้ว เชิดหน้ากู่ร้อง เสียงดังดุจพยัคฆ์ดั่งหมาป่า ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปสามหน

มันสะบัดหางอย่างรุนแรงคราหนึ่ง ต้นไม้ใหญ่หนาเท่าปากชามต้นหนึ่งที่อยู่ด้านข้างถูกแรงนี้ฟาดจนหักโค่น ล้มลงกองอยู่บนพื้น

เจ้านายของมันขมวดคิ้ว

“เจ้าสิงโต เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เจ้าสิงโตส่ายหัว พ่นลมคราหนึ่ง หันหลังไล่ตามสุนัขอ๋าวตัวอื่นๆ ไปเลย

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนคาถาเงานี้จะร้ายกาจจริงๆ คนเป็นกลุ่มใหญ่อย่างพวกเขาอยู่ตรงนั้นทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่ถูกพบตัว

ไม่น่าเชื่อว่าสุนัขอ๋าวโลหิตตัวนี้ จะมีกำลังมากขนาดนี้ สะบัดหางครั้งเดียวก็โค่นพฤกษาใหญ่ต้นหนึ่งได้แล้ว…

พลันมีเงาดำสายหนึ่งแวบผ่านข้างตัวไป ตามด้วยเงาเขียวสายหนึ่งแวบหายเข้าไปในป่าลึก…

ระดับความเร็วนั้นบอกได้คำเดียวว่าเร็ว! ราวกับพังพอนไล่ตามไก่

สายตากู้ซีจิ่วเฉียบไว มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเงาเขียวสายนั้นคือเทียนเหม่ยเหม่ย

นี่เขาเป็นอะไร?

“แม่นางกู้ เขาแค่โรคเก่ากำเริบเท่านั้น วางใจเถอะ เดี๋ยวเขาก็กลับมาแล้ว”

เฟิงหรูฮั่วอธิบาย

เด็กน้อยอายุเท่านี้ก็มีโรคประจำตัวแล้วหรือ?

กู้ซีจิ่วมองเทียนซิ่วซิ่วที่มีรูปโฉมพิมพ์เดียวกันกับเทียนเหม่ยเหม่ย ดูจากรูปโฉมของพวกเขาแล้วเหมือนเด็กหนุ่มวัยสิบห้าสิบหก พอยิ้มขึ้นมา บนพวงแก้มขาวกระจ่างมีลักยิ้มด้วย

เพียงแต่ลักยิ้มของคนหนึ่งอยู่ทางซ้าย คนหนึ่งอยู่ทางขวา…

เด็กหนุ่มทั้งสองมีรูปลักษณ์ไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย แต่ยามที่เทียนเหม่ยเหม่ยกลับมาอีกครั้ง กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดแบบนั้นอีกแล้ว

ตอนที่เทียนเหม่ยเหม่ยกลับมาได้แบกสุนัขอ๋าวโลหิตตัวนั้นมาด้วย…

อ๋าวโลหิตตัวโตยิ่งนัก ประหนึ่งสิงโต เทียนเหม่ยเหม่ยตัวผอมบาง ตอนที่ลากสุนัขอ๋าวตัวนั้น ดูราวกับโฉมงามกับเจ้าชายอสูรในชีวิตจริง…

แววตาของสุนัขอ๋าวตัวนั้นหวาดผวา ไม่หยิ่งผยองเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ถูกเทียนเหม่ยเหม่ยขยุ้มหนังคอไว้ สี่ขาหดคู้เหมือนลูกหมาตัวน้อย

โรคเก่ากำเริบของเขาคือไปจับหมาหรือ?

กู้ซีจิ่วมองไปที่เฟิงหรูฮั่ว เฟิงหรูฮั่วถอนหายใจ

“เสี่ยวเหมยเหม่ยมีโรคอย่างหนึ่ง เวลาพบเห็นปีศาจน้อยที่มีพรสวรรค์จะสนิทชิดเชื้อด้วยยิ่งกว่าพี่ชายร่วมสายเลือดเสียอีก จะต้องไปจับมาฝึกฝนให้ได้…มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงนอนไม่หลับ”

อย่างไรก็ตามทุกคนหารือแผนการขั้นต่อไปกันพอสมควรแล้ว การรอคอยฝูงงูอยู่ที่นี่ช่างว่างเหลือเกิน ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงมองดูเทียนเหม่ยเหม่ยฝึกฝนปีศาจ…

เทียนเหม่ยเหม่ยวาง ‘เจ้าสิงโต’ ไว้บนพื้น พอเจ้าสิงโตเป็นอิสระก็คิดจะออกวิ่งทันที!

แต่เพิ่งวิ่งไปได้สองก้าวก็สะดุดเชือกล่องหนอันใดจนล้มหน้าทิ่ม…

มันเด้งตัวขึ้นมา เงยหน้าหอนเสียงยาว น่าจะต้องการเรียกพวกพ้องหรือว่าเจ้านายของบ้านตนมา

เทียนเหม่ยเหม่ยยืนกอดอกอยู่ตรงหน้ามัน ยิ้มใสซื่อไร้พิษภัย

“เจ้าร้องไปเถอะ ต่อให้เจ้าร้องจนคอแตกก็ไม่มีใครมาช่วยเจ้าหรอก!”