บทที่ 2546 เขาโหดเหี้ยมทารุณขนาดนี้เสียที่ไหน?! / บทที่ 2547 เข้าคู่ได้เป็นอย่างดี...

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 2546 เขาโหดเหี้ยมทารุณขนาดนี้เสียที่ไหน?!

กู้ซีจิ่วตะลึง เวรเอ้ยทำไมบทพูดนี้มันคุ้นหูขนาดนี้กันนะ!

ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแดนเบื้องบนหรือโลกใบนี้ นักฝึกปีศาจก็หาได้ยากนัก กู้ซีจิ่วอาศัยคลุกคลีมาสามโลกแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้พบนักฝึกปีศาจ เธอก็ค่อนข้างสนใจใคร่รู้เช่นกัน อยากเห็นว่านักฝึกปีศาจจะฝึกฝนปีศาจเช่นไร

เห็นได้ชัดว่าเจ้าสิงโตเคยเสียเปรียบเทียนเหม่ยเหม่ยมาแล้ว จึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เขายิ่งนัก

แต่เทียนเหม่ยเหม่ยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาคว้าจับอย่างแม่นยำ หิ้วหนังคอของเจ้าสิงโตอีกครั้ง จากนั้นก็ลากมาไว้ตรงหน้าเทียนซิ่วซิ่ว เทียนซิ่วซิ่วถอยหลังไปสองก้าวด้วยความเดียดฉันท์

“เทียนเหม่ยเหม่ย เจ้าไปตายซะ! เจ้ารู้อยู่แล้วชัดๆ ว่าข้ารังเกียจสุนัขเป็นที่สุด!”

“เจ้าสิงโต เจ้าเห็นหรือเปล่า? เขารังเกียจหมาเป็นที่สุด ปกติแล้วถ้ามีหมาเข้าใกล้เขาในระยะสามจั้ง ล้วนจะถูกเขาถลกหนังเลาะกระดูกแล่เส้นเอ็น…แต่เมื่อกี้เจ้าวนรอบตัวเขาถึงแปดรอบเชียวนะ! คิดดูสิว่าเขาจะลงทัณฑ์เจ้าอย่างไร?”

เจ้าสิงโตเข้าใจภาษามนุษย์ เส้นขนทั่วร่างฟูฟ่องชี้ชันขึ้นมา พยายามหดตัวถอยไปด้านหลังอย่างสุดชีวิต…

“เด็กโง่ เจ้าถอยไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาเจ้าคิดเจ้าแค้นมาก ต่อให้เจ้าหนีไปจนสุดขอบฟ้าเขาก็จะจับเจ้ากลับมาถลกหนังเลาะเอ็น จะถลกทั้งเป็นด้วยนะ ให้เจ้าได้รับความทุกข์ทรมานอย่างน้อยแปดวัน…”

เทียนเหม่ยเหม่ยเอ่ยอย่างเห็นอกเห็นใจผู้อื่น

เทียนซิ่วซิ่วพูดไม่ออกเลย เขาโหดเหี้ยมทารุณขนาดนี้เสียที่ไหน?! มากสุดเขาก็แค่เตะหมาออกไปเท่านั้น!

ในดวงตาเจ้าสิงโตมีน้ำตาเอ่อคลอ ร่างกายสั่นเทาแล้ว

เทียนเหม่ยเหม่ยลูบหัวมัน

“อย่ากลัวไปเลย ขอเพียงเจ้ายอมสยบต่อข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง จะทำให้ผู้อื่นไม่กล้าแตะเจ้าอีกแม้เพียงเส้นขน”

เจ้าสิงโตมองเขา แววตาไม่ยอมจำนน

เทียนเหม่ยเหม่ยไม่ละความพยายาม

“เจ้าเป็นปีศาจ จะขายชีวิตให้มนุษย์ไปทำไม? อาณาจักรมารสิถึงจะเป็นสถานที่ที่เจ้าสมควรมา ว่ากันตามจริงแล้ว แบบที่เจ้าทำอยู่ น่าจะนับได้ว่าเป็นการทรยศเผ่าปีศาจนะ รู้ไหมว่าเผ่าปีศาจจัดการผู้ทรยศอย่างไร? จะสับมันแล้วเอาไปให้นกกินไงล่ะ”

พลางชี้นิ้วไปยังมังกรไฟน้อยที่แสร้งว่าเป็นนกที่เกาะอยู่บนไหล่ว่านหงซิ่ว

“เห็นนกโง่ตัวนั้นไหม? กินผู้ทรยศมาไม่น้อยกว่าหมื่นตัวแล้ว…”

มังกรไฟตัวน้อยพ่นลูกไฟใส่เทียนเหม่ยเหม่ยอย่างเกรี้ยวกราด มันกินแค่หน่อไม้เท่านั้น ไปกินผู้ทรยศที่ถูกสับจนเละตั้งแต่ตอนไหนกัน?!

หลังจากเทียนเหม่ยเหม่ยทั้งขู่ทั้งปลอบอยู่เช่นนี้ ในที่สุดเจ้าสิงโตก็ ‘หันหลังให้ความมืดมุ่งหน้าสู่แสงสว่าง’ แล้ว เต็มใจยอมสยบต่อเทียนเหม่ยเหม่ย ขอแค่เขาอย่าได้ข่มขวัญมันอีกเลย…

เทียนเหม่ยเหม่ยถึงเริ่มจรดนิ้วร่ายอาคม แสงสีเหลืองสายแล้วสายเล่าครอบคลุมลงบนร่างเจ้าสิงโต…

ผ่านไปครู่หนึ่ง เงาร่างของเจ้าสิงโตก็เลือนหายไปจากจุดเดิม

“เช่นนี้ก็นับว่าสยบได้แล้วหรือ? เจ้าเอามันไปไว้ที่ไหนแล้ว?”

กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้

เทียนเหม่ยเหม่ยทำมุทราอีกครั้ง ผ่านไปครู่หนึ่ง เจ้าสิงโตก็หล่นลงมาจากอากาศ ร่อนลงตรงหน้าเทียนเหม่ยเหม่ย ค้อมหัวรอรับคำสั่งจากเขา

“ไปหาพวกพ้องเหล่านั้นของเจ้า พาพวกมันมุ่งหน้าไปยังทิศใต้…”

เทียนเหม่ยเหม่ยสั่งการ

เจ้าสิงโตเห่าทีหนึ่ง แล้วหันหลังวิ่งออกไป ว่องไวยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ หายลับไปในพริบตา

กู้ซีจิ่วค่อนข้างคุ้นเคยกับภูมิประเทศของที่นี่ รู้ว่าทางทิศใต้คือหนองน้ำใหญ่ที่มีดงหญ้าเขียวขจี หนองน้ำนั้นโหดเหี้ยมยิ่งนัก ขอเพียงสิ่งมีชีวิตเหยียบย่างเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นช้างหรือกระต่าย ล้วนจะถูกกลืนกินทันที…

ที่สำคัญคือ ถ้ามองอย่างผิวเผินแล้ว หนองน้ำนั้นจะเป็นเพียงทุ่งหญ้าผืนหนึ่ง บนนั้นยังมีบุปผาไหวโอนเอนอยู่ด้วย!

“เจ้าไม่กลัวว่ามันจะไปแล้วไปลับหรือ?”

กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว

เทียนเหม่ยเหม่ยเช็ดมือเรียวเสลาของตน ยิ้มอย่างขลาดเขิน

“ไม่หรอก ข้าน้อยทำพันธสัญญากับมันแล้ว ชั่วชีวิตนี้มันจะภักดีต่อข้าน้อยคนเดียว”

“เช่นนั้นเจ้าไม่กลัวว่ามันจะเผลอเข้าไปในหนองน้ำแห่งนั้นหรือ?”

“ไม่กลัว มันรู้จักหนองน้ำแห่งนั้นแล้ว ไม่กระโดดเข้าไปเองหรอก”

————————————————————————————-

บทที่ 2547 เข้าคู่ได้เป็นอย่างดี…

“แม่นางกู้วางใจเถิด เสี่ยวเหมยเหม่ยกับปีศาจที่เขาฝึกฝนมีกระแสจิตเชื่อมต่อกัน แถมยังมีคาถาเรียกตัวด้วย ต่อให้เจ้าสิงโตตัวนั้นตกลงไปในหนองน้ำ เสี่ยวเหมยเหม่ยก็สามารถเรียกมันกลับมาได้ในชั่วพริบตา ขนสักเส้นก็ไม่หายไป”

เอาเถอะ กู้ซีจิ่วสบายใจแล้ว

เพียงแต่ เธอยังมีคำถามอีกข้อหนึ่ง

“แม่นางเฟิง แล้วเจ้ากับอสรพิษแดงของเจ้ามีกระแสจิตเชื่อมถึงกันไหม? ตอนนี้มันไปถึงไหนแล้ว? หารูปสลักหยกพบหรือไม่?”

เฟิงหรูฮั่วกระแอมคราหนึ่ง

“ข้าไม่ใช่นักฝึกปีศาจ ไม่มีกระแสจิตเชื่อมกับมัน แต่ท่านวางใจได้ เสี่ยวฉือฉลาดมาก มันเป็นวิชาดำดิน หลังจากเข้าเมืองไปแล้ว มันกับงูตัวอื่นๆ จะแยกกันปฏิบัติการ ขอเพียงมีงูตัวใดตัวหนึ่งพบรูปสลักหยก มันจะกลับมารายงานทันที”

“แล้วมันจะถูกจับไหม?”

“ไม่หรอก เสี่ยวฉือตื่นตัวยิ่งนัก ซ้ำยังเชี่ยวชาญการพรางตัว ยังไม่มีใครสามารถจับมันได้เลย…”

เฟิงหรูฮั่วเชื่อมั่นในเจ้างูของบ้านตนยิ่ง

กู้ซีจิ่วพยักหน้านิดๆ ไม่พูดอะไรอีก

เธอรู้จักอวิ๋นเยียนหลีดี ยามกระทำการชอบดำเนินการไปทีละขั้นทีละตอน รอบคอบอย่างยิ่ง

ในเมื่อเขาสงสัยว่ารูปสลักหยกนั้นคือตี้ฝูอี ย่อมต้องนำรูปสลักหยกไปซ่อนไว้ในสถานที่ ที่ลึกลับยิ่ง เกรงว่าคงจะติดตั้งเขตแดนไว้อย่างแน่นหนาด้วย โอกาสที่จะหาพบมีน้อยนิดเหลือเกิน….

ไม่สนแล้ว!

หากตามหาให้เจอก่อนเวลาไม่ได้ เธอก็จะหาทางปะปนเข้าไปในงานวิวาห์วันนั้น รอจังหวะช่วยเขาออกมา…

ในวันนั้นอวิ๋นเยียนหลีจะจัดการรูปสลักหยกต่อหน้าสาธารณชน เธอจะมีโอกาสในการขโมยรูปสลักหยกเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย…

แน่นอน ในเมื่ออวิ๋นเยียนหลีวางแผนเช่นนี้ จะต้องติดตั้งกลไกไว้ในละแวกใกล้เคียงอย่างหนาแน่นแล้วแน่นอน รอให้คนของอาณาจักรมารมาติดกับด้วยตัวเอง แต่บางครั้งกับดักก็เป็นโอกาสได้เหมือนกัน…

….

พวกกู้ซีจิ่วรออยู่หนึ่งคืนเต็ม งูพวกนั้นก็ไม่กลับมาเลยสักตัว…

ชัดเจนยิ่งนัก เกิดเรื่องแล้ว!

เฟิงหรูฮั่วเป่าขลุ่ยกระดูกเรียกอสรพิษแดง ผลคือนางเป่าอยู่หนึ่งชั่วยาม แม้แต่เกล็ดงูสักชิ้นก็เรียกมาไม่ได้

เทียนเหม่ยเหม่ยถอนหายใจ

“น้องหญิงแปด เมื่อก่อนข้าบอกจะช่วยฝึกมันให้เจ้า ช่วยเจ้าทำพันธสัญญากับมัน เจ้าก็ไม่เอา ตอนนี้เรียกกลับมาไม่ได้แล้วล่ะสิ?”

เดิมทีเฟิงหรูฮั่วก็ร้อนใจดังไฟสุมอยู่แล้ว วาจานี้ของเทียนเหม่ยเหม่ยยิ่งทำให้นางระเบิดอารมณ์ออกมา

“ช่างปะไร! แม่นางอย่างข้าชอบให้อิสระเสรีกับสัตว์วิญญาณของตน มีความคิดมีจิตใจ! ถ้าเอาไปฝึกจริงๆ ก็จะทึ่มทื่อเหมือนนกไม้ รู้จักแต่คำสั่งของเจ้านาย แม้แต่ความคิดของตัวเองก็ไม่มี แม่นางอย่างข้าไม่ต้องการให้เสี่ยวฉือเป็นเช่นนี้!”

เทียนเหม่ยเหม่ยพูดไม่ออกแล้ว ปีศาจน้อยที่เขาฝึกฝนออกมาเหล่านั้นก็มีความคิดเป็นของตัวเองนะรู้ไหม? แค่เชื่อฟังเพราะมีพันธสัญญาเท่านั้น…

เฟิงหรูฮั่วเป็นสตรีโผงผาง งูของบ้านตนไม่กลับมา นางไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดก็ลุกขึ้นหมายจะไปตามหาในเมืองเลย

กู้ซีจิ่วรั้งนางไว้

“อย่าวู่วามสิ!”

เฟิงหรูฮั่วไหนเลยจะไม่วู่วามได้

“แม่นางกู้ ข้าน้อยจะต้องไปตามเสี่ยวฉือกลับมา ข้าน้อยกลัวว่าถ้าไปช้า มันจะไม่อยู่เป็นตัวแล้ว แต่จะอยู่ในหม้อ…”

“วางใจเถอะ อย่าใจร้อนไปเลย เจ้าเปลี่ยนโฉมเป็นไหม?”

“ไม่เป็น แม่นางอย่างข้างดงามถึงเพียงนี้ จะเปลี่ยนโฉมไปไย?”

เฟิงหรูฮั่วเลิกคิ้วสูง

กู้ซีจิ่วดึงนางให้นั่งลงบนหินก้อนหนึ่ง หยิบอุปกรณ์แปลงโฉมออกมาแล้วเริ่มวุ่นวายกับใบหน้าของนาง

“ดวงหน้านี้ของเจ้าโดดเด่นเกินไป จะดึงดูดสายตาบุรุษได้ง่ายๆ ไม่เป็นผลดีต่อการตามหางูของเจ้า จะต้องติดดินหน่อย”

ความเร็วในการแปลงโฉมของกู้ซีจิ่วรวดเร็วยิ่ง ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเค่อ เฟิงหรูฮั่วที่งามหยาดเยิ้มก็กลายเป็นป้าข้างบ้านแล้ว

กู้ซีจิ่วได้แปลงโฉมให้ตัวเองด้วย เหมือนอาซ้อข้างบ้าน เข้าคู่กับเฟิงหรูฮั่วได้เป็นอย่างดี…

หลังจากนั้น กู้ซีจิ่วก็พาเฟิงหรูฮั่วเคลื่อนย้ายเข้าไปในเมือง…