ทั้งความรวดเร็วและการตอบสนองอย่างว่องไวนี้ทำให้ เสินเซ่อเทียนชะงักเล็กน้อย
เขารีบร่นถอยหลัง จึงหลบกระบวนท่าคร่าชีวิตของเยี่ยเม่ยนี้ไปได้ !
สตรีนางนี้เปลี่ยนอารมณ์ไวกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก บอกว่าจะลงมือก็ลงมือทันทีก็แล้วไปเถอะ แต่เมื่อลงมือแล้วถึงกับใช้กระบวนท่าคร่าชีวิต!
เสียงแหบพร่าเย็นชาของเยี่ยเม่ย ดังขึ้นมาว่า “ในเมื่อภายหน้าข้าอาจจะเสียใจ พิสูจน์แล้วว่าท่านมีเจตนาร้ายกับข้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ชิงสังหารท่านก่อน กันไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยากในภายหลัง !”
เสินเซ่อเทียนเห็นท่าทางเกรี้ยวกราดของนาง กลับรู้สึกอยากหัวเราะ อดไม่ไหวกล่าวออกไป “ข้าบอกว่าอาจจะเท่านั้น!”
“ในเมื่ออาจจะ ข้าก็ไม่คิดเฝ้ารอ!” เยี่ยเม่ยจ้องแววตาเสินเซ่อเทียนที่ยังนิ่งสงบ
คราวนี้เสินเซ่อเทียนเริ่มจริงจังขึ้นมาบ้าง รู้อยู่แก่ใจว่าสตรีนางนี้พูดจริงทำจริง ทั้งรู้ว่านางหาได้ล้อเขาเล่นไม่
หากรู้ว่ามีของบางอย่างไม่ดีกับตัวเองในภายภาคหน้า เช่นนั้นตอนนี้ก็สมควรเลือกกำจัดทิ้งเสีย?
เขายังไม่เคยพบสตรีที่ฝีมือโหดเ**้ยมและตัดสินใจเด็ดขาดรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่เมื่อครู่นางเพิ่งมีเมตตามอบนกย่างให้เขา ดังนั้นเขาก็เข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หากเขาเป็นคนไม่รู้จัก นางย่อมมีน้ำใจ แต่หากเขาเป็นศัตรู เช่นนั้น…
นางไม่มีทางยั้งมือ ต่อให้เป็นอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ก็ต้องกำจัดต้นตอของมันเสีย!
นิสัยเช่นนี้ เสินเซ่อเทียนรู้สึกว่าถูกอกถูกใจเขาแทบตายแล้ว
นัยน์ตาเสินเซ่อเทียนฉายความขบขัน ขณะที่เยี่ยเม่ยลงมือ เขาก็ล้วงแขนเสื้อหยิบป้ายออกมาอันหนึ่งส่งให้นาง น้ำเสียงศักดิ์สิทธิ์เอ่ยตามมาว่า “ในเมื่อเจ้ารับขลุ่ยหยกโลหิตของกูเยว่อู๋เหินไปแล้ว คิดว่ารับป้ายของข้าเอาไว้ก็คงไม่เป็นไร ในเมื่อจะเลือกสามี มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตัวก็ยิ่งดี ไม่ใช่หรือ”
“หา?” เยี่ยเม่ยเกิดตอบสนองไม่ทัน
มือยังถือมีดเตรียมฆ่าคน ยังไม่วางลง ทว่าแววอำมหิตในดวงตากลับหายไปกว่าครึ่งเพราะคำพูดเหล่านั้นของเขา ทั้งยังรู้สึกอึ้งอยู่บ้าง
เยี่ยเม่ยจ้องบุรุษตรงหน้า ถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “ก่อนหน้านี้หนึ่งวินาที ท่านเพิ่งบอกว่าภายหน้าข้าอาจจะเสียใจที่ช่วยท่าน!”
“แต่ว่าภายหน้าบางทีท่านก็อาจยินดีที่ได้ช่วยข้าในวันนี้!” สายตาเขาทอรอยยิ้ม
เขายื่นมือออกไปคว้ามือเยี่ยเม่ย หญิงสาวคิดหลบไปตามสัญชาตญาณ ทว่านางค้นพบอย่างน่าตกใจว่าตัวเองหลบไม่พ้น เขาเร็วกว่านาง อีกทั้ง…
เขาใช้กำลังภายในควบคุม นางไร้หนทางขัดขืน!
แม้กระทั่งมืออีกข้างที่กุมมีดไว้ของนางยังถูกกำลังภายในไร้รูปสายหนึ่งสะกดไว้ ไม่อาจโจมตีคนตรงหน้าได้
เสียงเตือนภัยดังอยู่ในใจนาง ยามนี้รู้สึกอันตรายมาก
เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว เตรียมใช้กระบวนท่ารักษาชีวิต จากนั้นนางยังไม่ทันออกมือ เสินเซ่อเทียนพลันเอ่ย “ใจเย็นก่อน ข้าไม่คิดทำร้ายเจ้า!”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็วางป้ายลงบนมือนาง
ถัดมา
เขาปล่อยมือออก เยี่ยเม่ยก็รู้สึกว่าขุมพลังที่ควบคุมนางอยู่สลายไปแล้ว ทั้งยังเกิดขึ้นเกือบพร้อมกันกับตอนนี้ที่รับรู้ถึงอันตรายอย่างมาก ความสามารถของบุรุษเบื้องหน้านี้…
เกรงว่านางทุ่มกำลังทั้งหมดออกไป ก็หาใช่คู่มือเขา
เมื่อเห็นแววตาระวังศัตรูตัวฉกาจของเยี่ยเม่ย เสินเซ่อเทียนหัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “เจ้าต้องจำไว้ ใต้หล้านี้ ต่อให้เป็นเป่ยเฉินเสียเยี่ยนก็ไม่แน่จะเป็นคู่ต่อสู้ข้า ดังนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องแตกตื่นกับความสามารถของข้า!”
เยี่ยเม่ยพลันเบิกตากว้าง
ส่วนเสินเซ่อเทียนก็หัวเราะเอ่ยอีกว่า “เจ้าน่าจะสงสัยว่าข้าคือใคร จำชื่อของข้าไว้ให้ดี เสินเซ่อเทียน! ป้ายนี้คือของกำนัลที่ข้ามอบให้เจ้า ความหมายก็เหมือนกับขลุ่ยหยกโลหิตของกูเยว่อู๋เหิน เป้าหมายคือของแต่งงาน ข้าไม่ได้ล้อเล่น ยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมานี้ นี่คือความจริงจังที่หาได้น้อยมาก!”
เยี่ยเม่ยเลิกคิ้ว เสินเซ่อเทียน
ชื่อนี้คล้ายเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
แต่ยามนี้เรื่องนี้ไม่สำคัญแล้ว นางขมวดคิ้วแน่น จ้องคนตรงหน้า เอ่ยว่า “ถึงข้ารู้ดีว่าตัวเองมีเสน่ห์ สติปัญญาล้ำเลิศ คนมักตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ แต่ว่าท่านพบข้าครั้งแรกก็ขอแต่งงานอย่างไร้เหตุไร้ผลเช่นนี้ ท่านออกจะประมาทไปหรือเปล่า”
“ข้าไม่รู้สึกว่าประมาทเลยสักนิด!” เสินเซ่อเทียนตอบกลับทันควัน ใบหน้ามีชีวิตชีวา เพิ่มอำนาจคุกคามที่ไม่อาจล่วงเกินได้ขึ้นมาหลายส่วน “ข้าพบสตรีมาไม่น้อย แต่ว่าคนที่ทำให้ข้ารู้สนใจได้ ทั้งยังถูกใจข้า มีเจ้าเป็นคนแรก! บางทีข้ามีลางสังหรณ์ว่า ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ สตรีที่มีบรรยากาศรอบด้านทรงอำนาจ และตัดสินใจเด็ดขาดฉับไวคู่ควรกับข้า มีเพียงเจ้าเท่านั้น!”
ไฉนยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมา เสินเซ่อเทียนถึงยืนอยู่จุดสูงสุด แต่ไรมาไม่เคยก้มมองสุขทุกข์ความเป็นไปในโลกมนุษย์
นอกจากเขาถูกคนเคารพนับถือเป็นเทพ เรื่องราวในโลกไม่อยู่ในสายตาเขามานานแล้ว
แต่เยี่ยเม่ย
สตรีตรงหน้านี้ ท่าทางอาจหาญ ทั้งยังโอหังลำพองไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย ทั้งมีนิสัยชวนให้คนชื่นชม ทำให้เขาหลงคิดว่า บางทีในยี่สิบเก้าปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยหวั่นไหวก็เพราะรอการปรากฏกายของสตรีนางนี้!
เยี่ยเม่ย “…”
ดังนั้น ที่เขาทำแบบนี้นับว่าชื่นชมนาง หรือว่ายกยอตัวเองกันแน่
ใต้หล้านี้คนที่คู่ควรกับเขามีแค่คนเดียว?
ถือว่าชมไปพร้อมๆ กันทั้งสองคนก็แล้วกัน
เห็นแก่ที่เขาชื่นชมนางไปด้วยกัน นางก็ไม่พูดมากอีก มองป้ายในมือตนทีหนึ่ง ความจริงแล้วนางมีความสัมพันธ์กับเป่ยเฉินเสียเยี่ยนถึงขั้นนี้ กอรปกับขลุ่ยหยกโลหิตของกูเยว่อู๋เหิน
ในใจก็รู้สึกวุ่นวายพอแล้ว ไม่มีอารมณ์ใส่ใจของพวกนี้ นางมองเขา เอ่ยว่า “ป้ายอันนี้..”
นางยังเอ่ยไม่จบ เสินเซ่อเทียนลุกขึ้นส่งสายตาเย็นให้นาง น้ำเสียงทรงอำนาจของเขาก็ดังตามมา “เจ้าจำไว้ให้ดี นอกจากเจ้าตัดสินใจแต่งงาน ไม่เช่นนั้นของที่ข้าเสินเซ่อเทียนมอบออกไปแล้วไม่มีทางรับกลับคืน”
เยี่ยเม่ยหมดคำพูด อย่าทำแบบนี้ได้หรือเปล่า
ขณะที่นางกำลังจะบอกอีกฝ่ายว่า นางไม่สนใจคำขู่
เสินเซ่อเทียนชิงเอยว่า “อีกอย่าง เมื่อครู่เจ้าเดาไม่ผิด ข้าก็แค่อยากกินนกย่างของเจ้า จึงทำร้ายตัวเองปรากฏต่อหน้าเจ้า เจ้าต้องเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของข้า ในโลกนี้คนที่ทำร้ายข้าบาดเจ็บได้ยังไม่ปรากฏ!”
เยี่ยเม่ยเงียบไป นี่ถือว่าโอ้อวดความสามารถของตัวเองหรือเปล่า
เฉิงเสี่ยวจวนที่อยู่ไกลออกไปมองเรื่องที่เกิดขึ้นก็อึ้งทึ่งไปแล้ว! นางสงสัยอย่างแรงกล้าว่า ก่อนจวินซ่างจะออกจากบ้านวันนี้นำสมองออกมาผิดหรือเปล่า ทำไมเรื่องราวถึงเป็นเช่นนี้ไปได้
ถึงนางไม่ขัดขวางให้ตำหนักเขาหลิงซานมีนายหญิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง เพื่อให้ฮ่องเต้เลิกคิดเช่นนั้นกับจวินซ่างได้เสียที แต่ว่าใช้วิธีเช่นนี้หานายหญิง ช่างประมาทไปแล้ว
อ้อ จริงด้วย เมื่อครู่จวินซ่างเอ่ยเองว่า ไม่ประมาท
คราวนี้ก็ดีเลย จวินซ่างเริ่มโอ้อวดความสามารถตัวเองต่อหน้าเยี่ยเม่ย เขาคงไม่คิดแย่งภรรยากับองค์ชายสี่จริงๆ หรอกนะ