ตอนที่ 8.3 (เล่มสอง)

ยอดนางร้ายมืออาชีพ 最佳女配

เซียวอี้ 3

เริ่มแรกสุดตอนที่องค์กรสร้างร่างทดลองรุ่นที่เก้าออกมานั้น พวกเขามัวแต่ขบคิดกันอยู่แค่เรื่องเดียวว่าจะทำอย่างไรให้สมองของร่างทดลองพัฒนาไปจนถึงขีดจำกัดสูงสุดได้ โดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างกายของร่างทดลองจะสามารถทนรับภาระหนักหน่วงจากสมองที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลระดับสูงไหวหรือไม่

ถ้าให้ยกตัวอย่าง พูดไปก็เหมือนกับเวลาพัฒนาคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่สักรุ่น แต่ดันทุ่มเงินลงทุนและแรงงานคนทั้งหมดไปไว้ที่ปัญหาเรื่องทำยังไงถึงจะสร้างซีพียูที่ประมวลผลได้เร็วที่สุดออกมาได้ แต่กลับไม่พิจารณาเลยว่าส่วนประกอบอื่น ๆ จะทนรับภาระจากการประมวลผลความเร็วสูงแบบนั้นได้ไหม

เพราะต้องรับภาระจากการที่สมอง ‘ประมวลผลด้วยความเร็วสูง‘ มาโดยตลอดตั้งแต่ลืมตาดูโลก ร่างกายของเซียวอี้จึงเปราะบางเป็นที่สุด เขามีระบบภูมิคุ้มกันและสภาพร่างกายอ่อนแอกว่าคนรุ่นเดียวกันจนเทียบไม่ได้เลยสักนิด ดังนั้นสมัยก่อนเขาจึงมีกำหนดเวลาที่ตายตัวสำหรับการฝึกฝนร่างกายในแต่ละวันแค่ช่วงเดียว ส่วนคนรับหน้าที่กำกับแนะนำก็คือเหออวี่ฉีนั่นเอง

หลังฝึกไปได้ระยะหนึ่ง สภาพร่างกายของเซียวอี้ก็แข็งแรงขึ้นมาในระดับหนึ่งจริง ๆ แต่ความคืบหน้าของการทดสอบทางสมองที่ต้องทำจำนวนไม่น้อยกลับต่ำลงแทน หลังจากชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียแล้ว องค์กรก็หยุดการฝึกฝนร่างกายของเขาอย่างไม่ลังเล และขอให้เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการพัฒนาสมองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

น้ำหนักตัวของเซียวอี้ในตอนนี้ไม่ถึงน้ำหนักของเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันด้วยซ้ำ ตัวเบาอย่างกับมีแต่หนังหุ้มกระดูก เมื่อมองจากมุมของอวี่ฉีที่ได้รับการเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแกร่งจนเกินขีดจำกัดมนุษย์แล้ว เขาก็ยิ่งเบาจนเกือบจะไร้น้ำหนัก

ดังนั้นต่อให้แบกเขาเอาไว้บนหลัง ความเร็วในการเคลื่อนที่ของอวี่ฉีก็ไม่ได้ลดลงเลย ซ้ำยังเร็วกว่าก่อนหน้านี้ที่เธอต้องชะลอฝีเท้าให้ช้าลงเพื่อดูแลเขาเสียอีก

ผ่านไปได้ไม่เท่าไร เซียวอี้ที่พิงอยู่บนหลังของเธอเงียบ ๆ ก็เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “หยุด ตรงนี้ละ เธอลองคลำด้านบนเหนือหัวดูว่ามีฝาท่อทรงกลมอยู่หรือเปล่า”

จุดที่เซียวอี้เลือกใช้ในการหลบหนีคือจุดซ่อมบำรุงท่อระบายน้ำใกล้กับโกดังเก็บของ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าระบบระบายน้ำในบริเวณใกล้เคียงเกิดปัญหาขึ้น แถว ๆ นี้ต้องมีฝาท่อที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถเปิดลงมาทำการซ่อมแซมในท่อระบายได้

อวี่ฉียกมือขึ้นคลำผนังท่อเหล็กเหนือศีรษะรอบหนึ่ง ก่อนออกแรงดันขึ้นไปด้านบน แต่กลับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง

เซียวอี้เงียบไปพักหนึ่ง “ฉันลืมเอาความคลาดเคลื่อนจากการวัดที่มีโอกาสผิดพลาดรวมเข้าไปคำนวณด้วย ขอโทษที เธอเดินไปข้างหน้าอีกก้าวแล้วลองดูใหม่”

อวี่ฉีก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เอื้อมมือผลักขึ้นไปด้านบนเหนือศีรษะ เธอดันฝาท่อทรงกลมเปิดขึ้นไปได้ตามที่คาดการณ์ไว้ เสี้ยววินาทีนั้นแสงสายหนึ่งที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วก็ส่องเข้ามาในท่อน้ำอันมืดมิด

เธอผ่อนลมหายใจ ปลดกระเป๋าสะพายโยนขึ้นไปบนพื้นด้านนอกก่อน จากนั้นก็ใช้มือหนึ่งยันกำแพง อีกมือดันฝาเอาไว้ แล้วพลิกร่างทั้งร่างขึ้นไปอย่างคล่องแคล่วว่องไว แล้วทิ้งตัวลงบนพื้นได้อย่างหมดจด ถึงขั้นว่าไม่เกิดเสียงใด ๆ เลยแม้แต่น้อย

เธอและเซียวอี้มาถึงโกดังเก็บของขนาดใหญ่ที่สุดของฐานปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว ถ้าตัวเธอเพียงคนเดียวต้องเผชิญหน้ากับข้าวของในคลังจำนวนมหาศาลขนาดนี้ เธอคงไม่มีทางรู้แน่ว่าต้องหยิบของอะไรบ้างถึงจะเหมาะสมที่สุด ยังดีที่ตอนนี้เธอมีเซียวอี้อยู่

 

ในส่วนของเสื้อผ้านั้น เพื่อลดน้ำหนักสัมภาระให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายตัว เซียวอี้เลือกเพียงชุดสำหรับผลัดเปลี่ยนกับเสื้อกันหนาวที่ให้ความอบอุ่นขณะพักผ่อนสำหรับสองคนอย่างละชุด นอกจากนี้เขายังตั้งใจเลือกชนิดเนื้อผ้าที่ระบายอากาศและสามารถกักเก็บรักษาความอบอุ่นรวมไปถึงกันน้ำได้อีกด้วย

ในส่วนของถุงนอนสองแบบที่อวี่ฉีค้นออกมาได้ เขาเลือกชนิดที่ทำจากวัสดุใยฝ้ายสังเคราะห์ที่มองแล้วราคาถูกกว่าหน่อย โดยให้เหตุผลว่าอีกชนิดที่เป็นแบบดาวน์[1] นั้น ถ้าเปียกขึ้นมาจะลำบากมากเวลาต้องตากให้แห้ง

เขาหยิบขนมปังแข็งสำหรับทหารกับน้ำกลั่นติดตัวไปไม่น้อย แน่นอนว่ากระทั่งก้อนเกลือ เนยแท่งกับก้อนเนื้อแห้งจำนวนมากก็ถูกหยิบไป ถึงยังไงสิ่งที่ขาดแคลนที่สุดในยุคสิ้นโลกก็คงไม่พ้นอาหารจริง ๆ นั่นละ

นอกจากสิ่งเหล่านี้แล้ว เขายังค้นเอาของหน้าตาพิลึกกึกกือออกมาอีกไม่น้อย ทั้งไม้ขีดไฟ เทียน หินเหล็กไฟคุณภาพดี ไฟฉายที่ทหารใช้ ก้อนเชื้อเพลิงแข็ง เข็มกับด้าย เข็มทิศแบบน้ำ[2] รวมถึงไฟเบต้าไลท์ขนาดประมาณเหรียญกษาปณ์ แล้วยังมีลวดทองแดงเส้นเล็กยาวแปดสิบเซนติเมตรหนึ่งเส้น เซียวอี้บอกว่าสิ่งนี้สามารถเอามาใช้วางกับดักได้

ต่อจากนั้นก็เป็นของใช้ประเภทยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะ มีดผ่าตัดสองแบบอย่างละเล่ม พลาสเตอร์ยาแปะแผลหลากหลายชนิด สำลีชุบแอลกอฮอล์ที่ใช้ทางการแพทย์ หรือแม้กระทั่งผงคลอรีนไดออกไซด์ก็ถูกรวมไปด้วย เพราะในเวลาที่ไม่สามารถต้มน้ำฆ่าเชื้อโรคได้ เจ้าผงนี้ว่าเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว 

เมื่อเห็นเขาใส่แค่ของน้ำหนักเบาที่พกพาสะดวกไม่กี่อย่างลงไปในกระเป๋าของตัวเอง แต่กลับยัดของใช้จำเป็นจำนวนมากลงมาในกระเป๋าสะพายของเธอแทน อวี่ฉีก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “นายไม่กลัวว่าฉันจะยึดของพวกนี้ไว้เองคนเดียวหรือไง?”

เซียวอี้เหลือบตาขึ้นมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็หลุบแพขนตาหนาลงอีกครั้ง ใส่ของทั้งหมดลงไปในกระเป๋าสะพายอย่างรวดเร็วโดยยึดตามหมวดหมู่กับระดับความจำเป็น ก่อนจะอธิบายอย่างเยือกเย็น “มีของหลายอย่างที่เธอไม่มีทางใช้เป็น” เขาพูดก่อนเสริมขึ้นมาอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเทียบกับการหยิบเอาของทุกอย่างแล้วออกไปคนเดียว การร่วมมือกับฉันจะทำให้อัตราความน่าจะเป็นในการมีชีวิตรอดต่อไปของเธอสูงขึ้นได้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง”

อวี่ฉีหลุดหัวเราะ เอื้อมมือขึ้นลูบเส้นผมราวกับหยกดำของเขา “อันที่จริงนายไม่ต้องคิดมากขนาดนี้ก็ได้ ฉันบอกแล้วว่าจะไม่มีทางทิ้งนายเอาไว้ ก็ต้องทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้อยู่แล้ว”

เซียวอี้รูดซิปปิดกระเป๋าสะพายแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบว่า “สิ่งที่ไม่น่าไว้ใจที่สุดในโลกก็คือคำสัญญา เทียบกับความน่าเชื่อถือเมื่อมีผลประโยชน์ไม่ได้เลยสักนิด” เขาหยุดพูด เอียงศีรษะมามองเธอ “วัคซีนต้านไวรัสวางไว้ในจุดไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่ อยากไปเอามาไหม?”

อวี่ฉีพยักหน้ารับ เพราะถึงแม้พวกเขาจะเป็นร่างทดลองที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าถูกซอมบี้ข่วนจนเกิดแผลเข้า ก็ยังมีโอกาสติดเชื้อไวรัสในระดับหนึ่งอยู่ดี ดังนั้นวัคซีนจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้

ในเวลานี้เซียวอี้พอจะฝืนเดินด้วยตัวเองได้แล้ว เพียงแต่ยังโซเซอยู่บ้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผ่านไปประมาณสามนาที พวกเขาก็หยิบเอาวัคซีนสี่หลอดมาเก็บไว้กับตัวได้สำเร็จ ดูท่าทางเซียวอี้จะยังไม่ลืมคำพูดที่บอกเอาไว้ในท่อระบายน้ำ เขาหมุนตัวยื่นหลอดวัคซีนส่งให้อวี่ฉี

เธอเลิกคิ้วขึ้น เปิดกระเป๋าของเขาแล้วใส่วัคซีนต้านไวรัสลงไป จากนั้นก็รูดซิปปิด

เซียวอี้หันตัวมามองเธอด้วยความลังเลสงสัย สีหน้าแฝงร่องรอยความงุนงงที่แทบไม่เคยเห็นเอาไว้

อวี่ฉีแย้มรอยยิ้ม พลางยื่นมือไปลูบผมดำอ่อนนุ่มของเขา “นายน่าจะวางใจได้แล้วนะ ตอนนี้มันเป็นไปตามทฤษฎีผลประโยชน์สูงสุดที่นายเคยบอกแล้ว ถึงจะเพื่อวัคซีนแค่ไม่กี่หลอดพวกนี้ แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้ฉันก็ไม่มีทางทิ้งนายได้ง่าย ๆ แล้วละ”

เซียวอี้เม้มริมฝีปากบางเบา ๆ พลางหรี่ตาลงทั้งสองข้างอย่างติดเป็นนิสัยราวกับพบปัญหาที่ยากจะแก้ไข ภายในน้ำเสียงสงบนิ่งแฝงความไม่เข้าใจให้ได้ยินอย่างชัดเจน “ทำแบบนี้จะไม่เป็นผลดีกับเธอ”

อวี่ฉีระบายยิ้มเล็กน้อย “ก็มีหลายครั้งออกนะ ที่เวลาคนเราทำเรื่องบางอย่างโดยไม่ต้องการผลประโยชน์อะไร”

“ทำไมล่ะ?”

เธอตอบกลับไปด้วยท่าทางใจเย็น “เพราะสิ่งที่คนคนนั้นให้ความใส่ใจมากกว่าไม่ใช่ผลประโยชน์ แต่เป็นใครสักคนต่างหาก” พูดจบ เธอก็หยิกแก้มเขาไปมาอย่างสนิทสนม “เข้าใจหรือเปล่า?”

เซียวอี้ยังคงขมวดคิ้วทั้งสองข้างเหมือนเรื่องที่เธอพูดนั้นเข้าใจยาก ดวงหน้าเกลี้ยงเกลาอ่อนเยาว์เมื่อเข้าคู่กับสีหน้าที่จะแสดงออกมาเฉพาะเวลาพวกคนเรียนเก่งเจอปัญหาวิชาการยาก ๆ แบบนี้แล้ว มันช่างดูไม่เข้ากันเลย ให้ตายสิ

อวี่ฉีเพียงแค่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่คาดหวังให้เขาเข้าใจว่าความรู้สึกคืออะไรได้ในทันที

แล้วเซียวอี้ก็ไม่ทำให้เธอประหลาดใจจริง ๆ เขาส่ายศีรษะปฏิเสธอย่างจริงใจเป็นที่สุด แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองไม่สามารถเข้าใจมันได้เลย

ทั้งคู่เดินทางต่ออีกครั้ง ราวห้านาทีถัดมาเธอและเซียวอี้ก็เดินตามกันออกจากฐานปฏิบัติการได้สำเร็จ

ทว่าสิ่งที่ตามมากับแสงอาทิตย์ไม่ใช่กลิ่นอายอันอบอุ่น แต่กลับเป็นแรงอาฆาตเย็นเยียบจากรังสีเข่นฆ่าของร่างทดลองรุ่นที่สามสองคนที่มารอต้อนรับพวกเธอ การที่พวกเขาใจกล้าบ้าบิ่นพอจะเอาชีวิตมาเสี่ยงด้วยการท้าทายร่างทดลองรุ่นแรก ก็เพียงเพื่ออุปกรณ์ที่อวี่ฉีกับเซียวอี้หยิบติดตัวออกมาจากฐานปฏิบัติการเท่านั้น

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังหวาดกลัวอวี่ฉีอยู่ดี รุ่นที่สามทั้งคู่แทบจะเล็งอาวุธทั้งหมดที่มีมายังเธอ เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

อวี่ฉีปลดกระเป๋าสะพายขว้างมันไปทางอื่น พร้อมกับรีบม้วนตัวหลบห่ากระสุนปืนจากตำแหน่งเดิม การเคลื่อนไหวสองกระบวนท่านี้เสร็จสิ้นภายในชั่วพริบตาจนมองตามแทบไม่ทัน

สองสิ่งที่สามารถเห็นได้คือรอยกระสุนเจาะลึกเป็นชุดที่หลงเหลืออยู่บนพื้นดินตรงจุดที่เธอม้วนตัวหลบออกมา กับฝุ่นละอองลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณด้วยแรงกระแทกจากลูกกระสุนปืน

 

[1] ขนเป็ดหรือขนห่าน มักมาจากส่วนท้อง ในที่นี้คือถุงนอนอีกแบบทำจากขนเป็ดหรือขนห่าน 

[2] liquid filled compass เข็มทิศมาตรฐานของชาวเรือ ชนิดใช้กระปุกบรรจุส่วนผสมของแอลกอฮอร์กับน้ำ และมีเข็มชี้ทิศลอยอยู่