ตอนที่ 715
กินได้หรือเปล่า
“เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”หน้าประตูสีแดงขนาดใหญ่ที่มีเหล่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณยืนเฝ้าอยู่นับสิบคนกลับปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาที่หน้าประตูของสำนักธารโลหิตตามลำพังเพียงคนเดียว
“เจ้าโง่ ออกมาเดี๋ยวนี้”ชายที่เดินทางมายังไม่ทันได้ตอบ อยู่ๆก็มีชายในเครื่องแบบของสำนักอีกคนหนึ่งกระโดดลงมาเขกหัวชายคนนั้นก่อนจะลากมันออกไปให้พ้นทางทันที
“ขออภัยขอรับ เจ้านี่เป็นศิษย์ใหม่ไม่รู้จักท่าน”ชายคนนั้นตอบก่อนจะก้มหัวให้ผู้มาเยือนด้วยท่าทีนอบน้อม
“ไม่เป็นไร เจ้าสำนักอยู่หรือไม่ข้าแวะมาทักทายพอดี”ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบายๆไม่ถือสาผู้น้อยแต่อย่างไร
“อยู่ขอรับ ให้ข้าส่งคนไปแจ้งท่านเจ้าสำนักล่วงหน้าดีหรือไม่ขอรับ”ชายผู้เฝ้าประตูถามพลางประสานมือให้อย่างนอบน้อมราวกับเป็นแขกคนสำคัญ ไม่สิต้องบอกว่าที่ทำแบบนั้นก็เพราะเป็นแขกคนสำคัญต่างหาก
“ขอบใจ”ไม่ต้องเกรงใจให้มากความ ในเมื่ออีกฝ่ายยินดีบริการชายหนุ่มก็ตอบรับอย่างยินดี แถมไม่ต้องรอให้คนเฝ้าประตูที่คุยอยู่กับชายหนุ่มเอ่ยปากก็มีชายคนหนึ่งอาสาวิ่งเข้าไปในสำนักเพื่อแจ้งข่าวให้ท่านเจ้าสำนักทราบ
“ศิษย์พี่ คนๆนั้นเป็นใครหรือขอรับ”ศิษย์ใหม่ที่พึ่งปล่อยไก่ไปถามออกมาด้วยท่าทีงุนงง ตั้งแต่เข้ามาเป็นศิษย์ในสำนักธารโลหิตมันก็ไม่เคยเห็นชายผู้นั้นมาก่อนเลย
“เรียกว่าศิษย์เก่าก็ได้กระมัง”ศิษย์พี่ตอบด้วยท่าทีเกร็งๆ โชคดีจริงๆที่ชายคนนั้นไม่ได้เป็นคนถือตัว ไม่อย่างนั้นแค่การเสียมารยาทเล็กๆน้อยๆของศิษย์ใหม่ก็อาจจะทำให้สำนักมีปัญหาได้
.
.
“ศิษย์พี่ ไม่ได้พบกันตั้งนาน”ทันทีที่เข้ามาในสำนักชายหนุ่มก็ตรงเข้าไปที่ห้องของเจ้าสำนักทันที แต่ไม่ต้องรอไปถึงเจ้าสำนักธารโลหิตก็รีบออกมาหาด้วยตนเองอย่างรวดเร็ว
“ศิษย์พี่อะไรกัน เจ้าเรียกข้าแบบนั้นข้าไม่กล้ารับจริงๆ”ชายชราที่ยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มตอบพลางหัวเราะออกมาด้วยท่าทีขำขัน
“ข้าได้ข่าวว่าหลานของศิษย์พี่พึ่งคลอด ข้าเลยนำสิ่งนี้มารับขวัญหลาน”ชายหนุ่มตอบพลางยื่นกล่องไม้กล่องหนึ่งให้กับชายชราตรงหน้า
“ของเจ้านี่คงไม่ธรรมดาแน่ๆ เอาไว้หลานข้าโตแล้วค่อยมอบให้แล้วกัน”ชายชราหัวเราะก่อนจะรับกล่องมาอย่างไม่เกรงใจ
“ตอนนี้สำนักเป็นอย่างไรบ้างขอรับศิษย์พี่”ชายหนุ่มพอเห็นอีกฝ่ายยอมรับของขวัญไปแต่โดยดีก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจก่อนจะมองไปในสำนักด้วยท่าทีคิดถึง สระน้ำสีเลือดกลางสำนักยังคงเหมือนเดิม ยังไงมันก็เป็นชื่อสำนักคงจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้ แต่สำนักก็ใหญ่ขึ้นมากจากสำนักเล็กๆกลายเป็นสำนักระดับกลางไปแล้ว
“ก็ดี ศิษย์เก่งๆก็มีมาตลอดถึงจะไม่เหมือนเจ้าก็เถอะนะ น่าเสียดายที่ข้ามาได้แค่นี้ก็เลยเลื่อนสำนักเป็นสำนักใหญ่ไม่ได้”เจ้าสำนักหัวเราะออกมาด้วยท่าทีขำๆ ตัวมันนั้นอยู่เพียงระดับก่อกำเนิดพลังเซียนเท่านั้น แม้จะพยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทะลุไประดับอื่นได้เสียที คงได้แต่ยอมรับและทำใจแล้วว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นยอดฝีมือได้
“แบบนี้ก็ดีไม่ใช่หรือขอรับ คอยฟูมฟักเด็กรุ่นใหม่และส่งต่อให้สำนักใหญ่อีกที”ชายหนุ่มตอบยิ้มๆพลางมองไปที่ลานฝึกที่มีเหล่าลูกศิษย์กำลังนั่งเล่นบ้างฝึกฝนบ้างกันด้วยท่าทีสบายๆ
“ใช่ ดีที่สุดที่ข้าทำได้แล้ว”ชายชราตอบพลางสลักท่าทีเศร้าๆก่อนหน้านี้ทิ้งไป
“ว่าแต่เจ้าเถอะ ชีวิตเป็นอย่างไรบ้างล่ะไป๋จูเหวิน”เจ้าสำนักธารโลหิต หรือ เฟิงชิว อดีตศิษย์พี่ของไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางไป๋จูเหวินด้วยท่าทีสงสัย ถึงตอนนี้ก็ผ่านมานานมากแล้วตั้งแต่เจ้าเด็กนี่เดินเข้ามาในประตูสำนัก ไม่นึกเลยว่าเด็กคนนั้นจะกลายเป็นจักรพรรดิไป๋และสร้างโลกใบใหม่ที่ทั้งคนทั้งอสูรสามารถอยู่ร่วมกันได้ออกมาแบบนั้น
“มีความสุขดีขอรับ ข้าได้มีภรรยา มีลูก มีหลาน ชีวิตข้าคงบอกว่าขาดอะไรไม่ได้แล้วขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทียินดี แม้จะมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นบ้าง แต่ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็ต้องค่อยๆแก้ ค่อยๆประคองกันไป
“หึ…ขืนเจ้าบอกขาดละก็ข้าจะตีเจ้าคนแรกเลย”เฟิงชิวหัวเราะออกมาเบาๆ
“จริงสิ ดูเหมือนลูกชายข้ากำลังจะวางแผนมีลูกด้วยนะขอรับ ข้าคงจะได้หลานเพิ่มอีกคนแล้วล่ะ”ไป๋จูเหวินเล่าพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีดีใจ แม้เด็กคนนี้จะเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่ไม่มีปู่คนไหนหรอกที่จะปฏิเสธหลานที่กำลังจะเกิดออกมา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตนเองเตรียมพร้อมหลายๆอย่างเอาไว้แล้วด้วย รับรองว่าเด็กคนนี้จะต้องโตมาเป็นคนดีแน่นอน
“ดีสิ เอาไว้หลานเจ้าคลอดแล้วข้าจะเอาของรับขวัญไปให้ แต่อย่าหวังราคาค่างวดนักนะ”เฟิงชิวหัวเราะออกมาดังลั่นเช่นสมัยมันยังหนุ่มๆความจริงเรื่องบุตรของไป๋จูล่งเป็นความลับควรบอกใคร แต่เฟิงชิวไม่ทราบว่าจูล่งเป็นตัวตนแบบไหน และมีความเสี่ยงเท่าไหร่ในการให้กำเนิดเด็กคนนั้นออกมา แต่อาจจะเพราะเฟิงชิวไม่รู้ก็ได้ไป๋จูเหวินเลยอยากเล่าให้มันฟัง บางทีมันก็อยากได้ยินคำแสดงความยินดีแบบเรียบง่ายธรรมดาเหมือนกัน
.
.
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่อยู่ทานอาหารก่อน”เฟิงชิวถามหลังจากไป๋จูเหวินเข้าไปเยี่ยมหลานตัวน้อยของมันและทักทายครอบครัวของมันและคนอื่นๆจนเรียบร้อยแล้ว
“คืนนี้ข้าเรียกทุกคนในครอบครัวมากินข้าวพร้อมหน้ากัน คงจะต้องรีบกลับขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางประสานมือลาเฟิงชิวก่อนจะลงจากหน้าสำนักไปหาอสูรบินที่ตนนั่งมา การเดินทางจากสำนักธารโลหิตไปยังเขตอสูรผาไร้ก้นนั้นใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้นเอง
.
.
“ท่านพี่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”ทันทีที่ไป๋จูเหวินกลับมา เหม่ยหลินที่รออยู่ที่บ้านก็เข้าไปทักทายพอดี ตอนนี้คนตระกูลไป๋ไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองจำลองที่กลางเขตอสูรอีกแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมกับการเลี้ยงดูหลานคนใหม่ ไป๋จูเหวินตัดสินใจย้ายครอบครัวของตนมาสร้างบ้านกันที่เขตริมหน้าผา ตรงที่มารดาแมงมุมของมันเคยอาศัยอยู่ แม้แต่ก่อนจะเป็นพื้นที่รกร้างราวกับเขตแดนแห่งความตาย แต่หลังจากตระกูลหวังเข้ามาร่วมอาศัยด้วยก็มีการสร้างบ้านเรือนเพิ่มเติมจนมันกลายเป็นเหมือนหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งขึ้นมาแล้ว
“มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองเข้าไปในบ้านของตนเองที่ตอนนี้สร้างลึกเข้าไปในถ้ำที่อสูรแมงมุมเคยอยู่ แม้จะไม่ใหญ่เท่าวังจำลองแต่ก็อยู่อาศัยกันได้อย่างเหลือเฟือ
“ดูเหมือนซุยเอ๋อจะมีคนรักแล้วเจ้าค่ะ เฟยเอ๋อเลยโวยวายไม่ยอมหยุดเลย”เหม่ยหลินยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดูก่อนจะเดินร่วมกับไป๋จูเหวินเข้าไปในบ้าน
“ท่านพ่อ กลับมาแล้วเหรอเจ้าคะ”ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องอาหาร ไป๋หลินก็เดินเข้ามารับไป๋จูเหวินก่อนเป็นคนแรกพลางมองไปทางชิงชิวที่กำลังพยายามคุยกับหลินเฟยให้เข้าใจ ส่วนข้างๆก็มีชิวซุยที่กำลังยิ้มเจื่อนๆออกมาเพราะไม่คิดว่าพี่ชายของนางจะโวยวายขนาดนี้
“ทีตัวเองมีแฟนไปทั่วละไม่สำนึกเลยเด็กคนนี้”ไป๋จูเหวินถอนหายใจออกมาก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ตอนนี้คนของตระกูลไป๋เหลือเพียงไป๋จูล่งเท่านั้นที่ยังไม่กลับมา
“ท่านตา ก็ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นนี่ขอรับ เป็นคนดีหรือเปล่ายังไม่รู้เลย”หลินเฟยโวยวายพลางเข้ามาฟ้องไป๋จูเหวินเสียอย่างนั้น ไม่รู้ทำไมพ่อของมันอย่างชิงชิวถึงได้ไม่ห้าม หลินเฟยเลยต้องมาหาแนวร่วมกับไป๋จูเหวินนั่นเอง
“เฟยเอ๋อ แม่บอกแล้วไงว่าน้องก็มีสิทธิ์เลือกคนรักของตัวเองเหมือนกัน”ไป๋หลินว่าพลางเดินเข้าไปหยิกหูของหลินเฟยทันที โชคดีที่ชิงชิวผ่านด่านพ่อตาตั้งแต่ก่อนเปิดตัวเสียอีกไป๋จูเหวินเลยไม่หวงไป๋หลินเท่าไหร่
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอซุยเอ๋อ”ไป๋จูเหวินถามพลางเลิกคิ้วสงสัย หลานสาวของมันไม่ใช่คนโง่เลือกคนไม่เป็น อย่างน้อยนางก็ไม่โดนพวกที่เข้ามาจีบก่อนหน้านี้หลอกเอาละนะ
“มันชื่อหลี่เซียนเจ้าค่ะ เป็นรองแม่ทัพที่ 3 ของอาณาจักรจินเป่ย”ชิวซุยตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งอก หากท่านตาหวงนางไปด้วยมีหวังความรักของนางได้ลำบากแน่ๆ
“อ๋อ หลี่เซียนนี่เอง”ไป๋จูเหวินพยักหน้าช้าๆก่อนจะยิ้มออกมา
“ท่านตารู้จักด้วยหรือเจ้าคะ”ชิวซุยถามด้วยท่าทีตกใจ ไม่นึกว่าท่านตาของนางจะรู้จักด้วย
“รู้สิ ตอนร่างสนธิสัญญาตาก็ไปที่อาณาจักรโน้นอาณาจักรนี้ตลอด เลยได้เจอพวกแม่ทัพรองแม่ทัพมาบ้าง หลี่เซียนงั้นหรือ เป็นเจ้าหนุ่มใจดีคนนั้นนี่เอง”ไป๋จูเหวินตอบด้วยท่าทียิ้มแย้ม หลี่เซียนก็คือหลี่เซียนมักจะทำดีกับคนอื่นเสมอ แม้แต่กับไป๋จูเหวินที่เข้าไปในฐานะจักรพรรดิไป๋ก็ไม่เว้น นับว่าหลี่เซียนอาจจะดวงสมพงษ์กับชิวซุยจริงๆก็ได้
“ท่านพี่ ข้าพามาแล้วขอรับ”ระหว่างกำลังวุ่นวายอยู่นั้น ไป๋จูล่งก็พาแขกที่เชิญมาในคืนนี้เข้ามาพร้อมกับน้าๆอสูรที่เดินทางมาถึงพอดี
“พี่ไป๋”แขกที่เชิญมาพอเห็นไป๋จูเหวินเข้าก็เข้าไปกอดทันทีเหมือนสมัยก่อนไม่มีผิด นางคือหลินหลินที่มากับหยงเวยนั่นเอง
“ขอบใจที่มานะ”ไป๋จูเหวินรับกอดของหลินหลินก่อนจะเดินเข้าไปหาหยงเวยด้วยท่าทียินดี แน่นอนว่าเรื่องที่จะคุยก็หนีไม่พ้นเรื่องลูกของไป๋จูล่งหรอก แต่ก่อนหน้านั้นก็ต้องทานอาหารกันให้เรียบร้อยก่อน
“เอาล่ะ…”ไป๋จูเหวินกลับมานั่งที่เก้าอี้ก่อนจะมองภาพเบื้องหน้าด้วยรอยยิ้ม ในถ้ำแห่งนี้มันเคยอยู่กับมารดาแมงมุมเพียงลำพัง ก่อนจะเริ่มมีพวกน้าๆเข้ามาช่วยดูแล ตอนนั้นก็ไม่นึกเลยว่าชื่อตระกูลไป๋ที่พวกท่านน้าช่วยกันตั้งจะกลายเป็นครอบครัวใหญ่เช่นนี้
“ทานอาหารกันเถอะ”ไป๋จูเหวินพูดด้วยท่าทีชื่นใจก่อนจะเริ่มมื้ออาหารด้วยอย่างครื้นเครง
.
.
“เวลาผ่านไปไวจริงๆเลยนะ”พยัคฆ์อัสนีในร่างมนุษย์เดินผ่านบ้านเมืองที่สร้างขึ้นเลียนแบบเมืองของมนุษย์ภายในเขตป่าเมฆาอัสนีด้วยท่าทีสบายใจ เพื่อเลี้ยงดูลูกของไป๋จูล่งสภาพเขตอสูรผาไร้ก้นตอนนี้เลยเหมือนเมืองมนุษย์เกือบทั้งหมดแล้ว แทบไม่เหลือสภาพป่าเมฆาอัสนีสมัยที่พวกตนยังตีกันเองอยู่เลย พอมานึกถึงตอนนี้แล้วก็อดขำไม่ได้ตอนที่อสูรแมงมุมบุกเข้ามาในเขตของมันเพียงเพื่อจะถามคำถามเรื่องเด็กมนุษย์
เปรี้ยง!!
ยังไม่ทันได้เดินเล่นให้สบายใจ อยู่ๆที่ด้านหลังของพยัคฆ์อัสนีก็มีเสียงบางอย่างเหมือนฟ้าผ่าไม่มีผิด
“ท่านน้า….”ผู้ที่มาไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นไป๋จูล่งนั่นเอง ว่าแต่เช้าแบบนี้มันมีธุระอะไรกัน
“ท่านน้า….ท่านว่าลูกของข้าจะกินเนื้ออสูรได้หรือเปล่า”ไป๋จูล่งถามด้วยท่าทีร้อนรนใจอย่างประหลาด ตอนนี้บุตรสาวของไป๋จูล่งที่เกิดจากหลินหลินและหยงเวยถือกำเนิดมาอย่างปลอดภัยแล้ว แต่เพราะนางเป็นเด็กที่เกิดจากมนุษย์และอสูรคนแรกก็เลยไม่ทราบเรื่องเกี่ยวกับตัวนางนัก ก็เลยทำให้ไป๋จูล่งมีท่าทีกังวลอย่างที่เห็น
“ฮ้าๆ เจ้านี่เหมือนย่าของเข้าจริง”พยัคฆ์อัสนีหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเพราะตนพึ่งนึกถึงตอนที่อสูรแมงมุมบุกเข้ามาหามันอยู่พอดี
-บุตรอสูรบรรพกาล อวสาน-
ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่อ่านมาจนถึงจุดนี้นะครับ ขอบคุณมากจริงๆ
ใจหายเหมือนกันที่เขียนคำว่า อวสาน ลงไป แต่งเรื่องนี้มาก็ 2 ปีแล้วสินะ แต่ก็อาจจะยืดไปหน่อยด้วยซ้ำละมั้ง(555)
หากมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ดีไปบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ และจะพยายามสร้างผลงานต่อไปเรื่อยๆจนกว่าจะต้องเลิกนั่นล่ะนะ
สุดท้ายนี้ถึงจะเขียนคำว่าอวสานไปแล้ว แต่ก็ไม่ใช่จุดจบนะยังไงก็ต้องขอฝากผลงานเรื่องใหม่ที่กำลังจะลงในเร็ววัน(จริงๆก็พรุ่งนี้เลยนั่นล่ะ)ด้วยนะครับ
ฝากติดตาม “Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์” ผลงานชิ้นใหม่ด้วยนะครับ
ตอนต่อไป →