เห็นเฉินโม่ยืนหยัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เฉินจิงเย่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา “ช่างเถอะ เพราะยังไงก็โดนหัวเราะเยาะ ถ้านายไม่อยากสละสิทธิ์ งั้นก็เตรียมโดนคนอื่นหัวเราะเยาะไว้ให้ดี!”

“โอเค ไม่มีอะไรแล้ว เราออกเดินทางวันมะรืน นายดูว่าจะไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ ไหม”

เฉินโม่พยักหน้า “อืม”

เฉินโม่หาโอกาสนัดพวกถานกวงเย่า สวีจื่อหาว ส่วนเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน สวีจื่อหาวบอกว่าหลังจากแยกจากกันครั้งก่อน ก็ไม่เจอเธออีกเลย

เฉินโม่เดาว่าเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนได้อะไรดีๆ ที่เขาซูคงไม่น้อย น่าจะซ่อนตัวตั้งใจฝึกฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

ทั้งสามคนรวมตัวกัน เมื่อทราบว่าช่วงนี้เพื่อนสนิททั้งสองคนสบายดี เฉินโม่ก็สบายใจ

เมื่อถึงวันมะรืน เฉินจิงเย่เก็บของเรียบร้อยโดยไม่มีอะไรมาก พาเฉินโม่ออกเดินทางไปเจอหลี่ซู่เฟินที่ฮ่านหยาง

หลังจากมาถึงฮ่านหยาง เป็นวันที่ 27 เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติ หลี่ซู่เฟินให้เวินฉิงอยู่ที่เหม่ยหวา กรุ๊ป ส่วนทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังตระกูลเฉินที่หนานซู

บนรถไฟความเร็วสูง เฉินจิงเย่รู้สึกปลง ตั้งแต่กลับบ้านครั้งที่แล้ว นี่ก็ห่างมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว

ตอนออกจากบ้านในตอนนั้น เขาสาบานว่าจะอาศัยความสามารถของตัวเอง ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จให้ได้ แต่เพียงพริบตาเขาอายุ 40 กว่าปีแล้ว ยังยากลำบากอยู่ในตำแหน่งรองปลัดอำเภอเหมือนเดิม

ตำแหน่งนี้สำหรับคนทั่วไป อาจมีหน้ามีตามากพอแล้ว แต่สำหรับตระกูลใหญ่เป็นร้อยปีอย่างตระกูลเฉินแห่งหนานซู มันธรรมดาจนไม่ต้องพูดถึงเลย ขนาดคนเฝ้าประตูให้ตระกูลเฉินแห่งหนานซู ก็ยังดูถูกเลยมั้ง

ใช่ว่าเฉินจิงเย่ไม่อยากกลับไป แต่ไม่มีหน้ากลับไปต่างหาก!

เหมือนรับรู้ถึงความกังวลของสามี หลี่ซู่เฟินที่อยู่ข้างๆ จับมือเฉินจิงเย่เบาๆ มองเขาด้วยสายตาปลอบประโลม

เฉินจิงเย่ยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไรสักอย่าง ทุกอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องพูด

ความทรงจำของเฉินโม่ต่อตระกูลเฉินแห่งหนานซู นอกจากปู่เฉินกั๋วเหลียง ที่เหลือก็เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดี

ชาติที่แล้วจนถึงตายเฉินจิงเย่ก็ไม่มีชื่อเสียง อยู่ตระกูลเฉินโดนคนหัวเราะเยาะขั้นสุด แต่ด้วยลำดับอาวุโสของเฉินจิงเย่ พวกเด็กๆ ที่ขี้นินทาจึงไม่กล้าเล่นงานเขา

แต่เฉินโม่ที่เป็นเด็กในตระกูลเฉินเหมือนกัน แทบจะกลายเป็นเป้าโจมตีของเด็กๆ ในตระกูลเฉิน โดนดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างรุนแรง

ถ้าไม่ใช่เพราะมีปู่เฉินกั๋วเหลียงอยู่ ความรู้สึกที่เฉินโม่มีต่อตระกูลเฉินแห่งหนานซู คงไม่ต่างจากตระกูลหลี่

หลังผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ครอบครัวเฉินจิงเย่มาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลเฉิน

ตระกูลเฉินแห่งหนานซู เป็นจุดสูงสุดในหนานซูมาโดยตลอด คงอยู่มาร้อยปี ช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด ตระกูลเฉินมีบุคคลระดับประเทศ แต่น่าเสียดายที่หลายสิบปีมานี้ ตระกูลเฉินถดถอยลงทุกวัน แอบมีสัญญาณว่าจะโดนคนอื่นแซง

อีกทั้งแนวโน้มนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พวกอำนาจเล็กๆ จำนวนมากที่เคยพึ่งพาตระกูลเฉิน พากันปรับตัวตามสถานการณ์ ทำให้อำนาจของตระกูลเฉินลดลงเรื่อยๆ ฐานะก็ยิ่งเลวร้ายตามไปด้วย

“ถึงแล้ว”

มองประตูสีแดงแสนคุ้นเคย เฉินจิงเย่หันมามองเฉินโม่ “เสี่ยวโม่ ยังจำบ้านเราได้ไหม”

เฉินโม่พยักหน้า ใบหน้านิ่ง “จำได้อยู่แล้ว”

ใช่ เฉินโม่จะลืมได้อย่างไรล่ะ

ที่นี่มีคุณปู่ที่เขารักและเคารพ และความทรงจำแสนอัปยศที่เขาเกินจะรับไหว

“อีกเดี๋ยวถ้าเจอปู่นาย ต้องอยู่เป็นเพื่อนเขานะ สองสามปีนี้เขาโทรมาถามเรื่องนายไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นห่วงนาย!” เฉินจิงเย่พูดสั่ง

“อืม ผมจะทำครับ” เฉินโม่พยักหน้า เขารักและเคารพเฉินกั๋วเหลียงจากใจจริง

เฉินจิงเย่พยักหน้า “เข้าไปกันเถอะ!”

แต่ทว่าขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะเข้าไป มีเสียงดุดังออกมาจากห้องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตู “หยุดเดี๋ยวนี้ พวกนายเป็นใคร”

ต่อจากนั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวัยรุ่นในชุดเครื่องแบบ พุ่งออกมาขวางทางเฉินจิงเย่ไว้