เฉินจิงเย่ขมวดคิ้วเบาๆ มองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น แล้วอธิบายว่า “ฉันเฉินจิงเย่ กลับมาร่วมงานประชุมประจำปีของตระกูลโดยเฉพาะ”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นมองเฉินจิงเย่อย่างประเมิน ท่าทางไม่เป็นมิตร “เฉินจิงเย่คือใคร ไม่เคยได้ยินมาก่อน นายเป็นญาติห่างๆ สายเลือดไหนของตระกูลเฉิน”

“บอกชื่อมา ฉันจะตรวจดู!”

ระหว่างที่พูด เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นจะเดินเข้าไปในห้อง

เฉินจิงเย่โมโหจนหน้าแดงระเรื่อ เขาเป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลเฉินแท้ๆ ลูกแท้ๆ ของผู้นำตระกูลเฉิน คิดไม่ถึงว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านตัวเอง จะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นญาติห่างๆ!

โดยเฉพาะต่อหน้าลูกชายและภรรยาของเขาด้วย ถ้าเป็นคนที่นิสัยไม่ดี คงก่นด่าออกมายกใหญ่แล้ว

“ตอนนี้ใครรับผิดชอบด้านความปลอดภัยของตระกูลเฉิน” เฉินจิงเย่ถามเสียงขรึม

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นจ้องเฉินจิงเย่อย่างไม่พอใจ “ฉันให้นายบอกมาว่าเป็นสายเลือดฝ่ายไหน แต่นายกลับมาสอบสวนฉัน เชื่อไหมว่าวันนี้ฉันจะไม่ให้นายเข้าไป!”

ครั้งนี้เฉินจิงเย่โมโหแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาเป็นสายเลือดโดยตรงของตระกูลเฉินอย่างแท้จริง ถึงเป็นญาติห่างๆ ของตระกูลเฉิน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยธรรมดาๆ คนนี้ ก็ไม่ควรไร้เหตุผลแบบนี้!

“ใครเป็นคนหานายมา เฉินตงซุ่นหรือเฉินตงหวา!” เฉินจิงเย่พูดด้วยเสียงเย็นชา เสียงสูงขึ้นไม่น้อย

เมื่อได้ยินเฉินจิงเย่เรียกชื่อบุคคลที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลเฉินทั้งสองคน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเริ่มร้อนตัวแล้ว

มองครอบครัวของเฉินโม่อย่างละเอียดอีกครั้ง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยวิ่งกลับไปในป้อมยาม แล้วพูดทิ้งท้ายว่า “นายรอสักครู่ ฉันขอโทรถามก่อน”

เฉินโม่ยืนอยู่หน้าประตูตระกูลเฉิน มองผ่านหน้าต่างป้อมยาม เห็นสีหน้าของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นไม่สู้ดีขึ้นเรื่อยๆ รอจนเขาวางสาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นรีบวิ่งออกมา โค้งคำนับเฉินจิงเย่อย่างนอบน้อม

“คุณชายรอง ผมมีตาหามีแววไม่ คุณอย่าถือสาเอาความผมเลยนะครับ หวังว่าคุณจะมีถือโทษคนรู้น้อยอย่างผมนะครับ!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้น พูดอ้อนวอนด้วยสีหน้าโศกเศร้า

ในสายเลือดของเฉินกั๋วเหลียง เฉินจิงเย่อาวุโสเป็นอันดับที่สอง ด้วยเหตุนี้คนตระกูลเฉินจึงเรียกเขาว่าคุณชายรอง แต่นี่เป็นสรรพนามเมื่อนานมากแล้ว

ถึงแม้สายเลือดของเฉินจิงเย่จะไม่เป็นที่รักยังไงก็แล้วแต่ ทว่าเฉินกั๋วเหลียงยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีใครกล้าดูถูกเขาจนเกินไป

ถ้าในเวลาปกติ เฉินจิงเย่อาจไม่ถือสาเอาความคนแบบนี้ แต่ที่นี่คือตระกูลเฉิน เป็นบ้านของเขา ถ้าปล่อยให้คนแบบนี้กำเริบเสิบสาน จะทำให้ภาพลักษณ์ของตระกูลเฉินเสื่อมเสียไม่ใช่หรือไง

“นายชื่ออะไร” เฉินจิงเย่ถามด้วยใบหน้าเย็นชา

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนนั้นตกใจจนหน้าซีด ไม่กล้าบอกชื่อตัวเอง เอาแต่คำนับอ้อนวอนเฉินจิงเย่ไม่หยุด “คุณชายรอง ผมผิดไปแล้ว คุณปล่อยผมไปสักครั้งเถอะครับ ผมแค่กลัวว่าจะมีคนมาสร้างความวุ่นวายในงานประจำปีของตระกูลเฉิน จึงเข้มงวดนิดหน่อยครับ ไม่มีเจตนาล่วงเกินคุณชายรองเลยครับ”

“เข้มงวดเหรอ นี่เรียกว่าเข้มงวดเหรอ นี่นายจงใจทำให้คนอื่นลำบากใจชัดๆ!” เฉินจิงเย่พูดอย่างโมโห ชีวิตของเขาไม่ยอมทนต่อสิ่งที่ตัวเองรับไม่ได้ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดียว จะกลับผิดเป็นถูกได้เหรอ

“โอ๊ะ ลุงรองกลับมาแล้ว!”

ขณะนั้นเอง มีชายหนุ่มดูหน้าตาหล่อเหลา รีบวิ่งออกมาจากคฤหาสน์ ยิ้มทักทายเฉินจิงเย่จากไกลๆ

เฉินโม่จำคนนี้ได้ เฉินเหล่ย พี่ชายฝั่งพ่อของเขา

คนอายุน้อยสายเลือดของปู่สามของเฉินโม่

“เสี่ยวเหล่ย!” สีหน้าเฉินจิงเย่ผ่อนคลายลง เขาค่อนข้างอ่อนโยนกับเด็กในตระกูล

เฉินเหล่ยมองเฉินโม่แวบหนึ่ง ความดูหมิ่นแวบขึ้นมาในแววตา แต่เมื่อมองไปยังหลี่ซู่เฟิน แววตากลับมีความหวาดกลัวฉายออกมา

สุดท้ายสายตาของเฉินเหล่ยหยุดลงที่เฉินจิงเย่ เขาโค้งตัวคำนับแล้วพูดว่า “ลุงรอง คุณมาแล้วก็รีบเข้ามาสิครับ! พวกคุณปู่บ่นถึงคุณว่าจะกลับมาเมื่อไรอยู่หลายวันแล้ว”