ตอนที่ 817 บุปผาเมามาย ProjectZyphon
แกนวิญญาณระดับสูงหกร้อยชิ้น หยกควบรวมจิตระดับสูงสามสิบชิ้น และหยกควบรวมจิตระดับกลางหกสิบหกชิ้น
ตอนที่หลินสวินเดินออกจากหอหิมะล้ำค่า สายแร่วิญญาณและชีพจรปราณวิญญาณหลายเส้นที่เขาได้จากป่าลึกรกร้างเมื่อหลายวันก่อน ก็กลายเป็นความมั่งคั่งดังกล่าว
ในใจเขานับว่าพึงพอใจมาก
ความมหัศจรรย์ของนัยน์ตาเฉาเฟิงอยู่ที่การเสาะหาชีพจรปราณ แต่สำหรับหลินสวิน นี่เท่ากับได้ครอบครองวิธีหาเงินอย่างหนึ่ง
หลินสวินหยิบแผนที่ซึ่งทำจากม้วนหยกออกมา ด้านบนวาดภาพเกี่ยวกับที่ตั้งและเส้นทางแต่ละแคว้นใหญ่ในแดนฐิติประจิม
นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งซื้อจากหอหิมะล้ำค่า
‘ที่นี่ห่างจากแคว้นหงส์สถิตอีกสิบกว่าแคว้น ห่างออกไปราวหนึ่งล้านลี้ ไวที่สุดก็ต้องใช้เวลาสิบวันจึงจะไปถึง…’
หลินสวินใคร่ครวญเงียบๆ
ตอนนี้เขาถูกเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬติดประกาศนำจับ แม้ไปแคว้นหงส์สถิต ก็ทำได้เพียงเลือกเดินทางผ่านป่าลึกเก่าแก่ที่รกร้างไม่มีผู้คน
หากเป็นเช่นนี้ การจะไปถึงแคว้นหงส์สถิตต้องใช้เวลามากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
บนถนนผู้คนพลุกพล่าน ร้านค้าเรียงราย เจริญรุ่งเรืองครึกครื้น หลินสวินเดินไปตามทางศิลาครามผ่านเมืองที่คึกคักนี้ สุดท้ายมาถึงหน้าหอสุราแห่งหนึ่ง
บุปผาเมามาย
ชื่อหอสุราสง่างามมาก หอสูงร้อยจั้ง ตัวหอก่อขึ้นจากหินหยกสีเขียวทั้งหมด ล้อมรอบด้วยหมอกจางๆ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นดอกก่วมหิมะ มีกลิ่นอายเก่าแก่
‘ที่นี่แหละ’
หลินสวินมองชื่อหอสุราแวบหนึ่งก็ก้าวเข้าไป
บุปผาเมามายแห่งเมืองก่วมหิมะเป็นหอสุราที่เก่าแก่ที่สุด ภายในพิเศษมาก ลูกค้าส่วนใหญ่มาจากตระกูลชนชั้นสูงในเมือง ไม่ขาดผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของเมือง ไม่เพียงแค่กำลังดื่มสุราเท่านั้น ยังพูดคุยถกปัญหากันด้วย
หลินสวินตรงไปชั้นบนสุด เลือกตำแหน่งข้างหน้าต่างแล้วนั่งลง สั่งเหล้าเก่า ‘ก่วมหิมะบ่ม’ อันเป็นเหล้าเฉพาะของหอสุรากาหนึ่งกับเนื้อกวางวิญญาณสามชั่ง
“อีกสามเดือนเทศกาลโคมกถามรรคจะเริ่มขึ้นแล้ว เท่าที่ข้ารู้ หลี่ชิงฮวนผู้นำรุ่นเยาว์สำนักยุทธ์สมุทรครามแห่งแคว้นเมฆาหยก อู่ต้วนหยาศิษย์สืบทอดอันดับหนึ่งของสำนักตะวันทมิฬแห่งแคว้นจันทร์กระจ่าง องค์ชายสามเผ่าอินทรีทองแห่งแคว้นพฤกษาล่อง… ได้เคลื่อนไหวมุ่งหน้าไปที่เขาพยับครามนั่นแล้ว”
“เทศกาลโคมในครั้งนี้ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจริงๆ ปีศาจรุ่นเยาว์ เหล่าผู้กล้ามารวมตัวกันราวกับหมู่ดาว แน่นอนว่าจะต้องเปล่งประกายจรัสแสงในเทศกาลโคม!”
“ไม่ผิด ข้าได้ยินว่าจั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดทั้งห้าจากสำนักกระบี่โผผินแห่งแคว้นล้ำเมฆาของเรา ก็จะนำกลุ่มผู้กล้ารุ่นเยาว์ในสำนักไปแสดงความสามารถที่เทศกาลโคมกถามรรคนั่น!”
“จะว่าไปเทศกาลโคมกถามรรคในครั้งนี้ คนที่สะดุดตาที่สุดคือจี้ซิงเหยาธิดาเทพแห่งยุคของเรือนกระบี่เร้นปุจฉา ได้ยินว่าผู้กล้าไร้เทียมทานอวี่หลิงคงที่มาจากแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งแดนกาฬทักษิณ ก็จะตามจี้ซิงเหยาไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วย!”
“น่าเสียดาย งานระดับนี้เป็นของผู้ถูกเลือกชั้นหนึ่งแห่งยุค คนธรรมดาอย่างข้าแม้แต่สิทธิ์เข้าร่วมยังไม่มี”
ชั้นบนสุดของหอ กลุ่มผู้ฝึกปราณกำลังวิพากษ์วิจารณ์ พูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือและข่าวสารของเทศกาลโคมกถามรรค พลางส่งเสียงถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง
นี่ทำให้หลินสวินแปลกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้ยังไม่ทันเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ กลับได้รับความสนใจขนาดนี้แล้ว
ตอนอยู่ในแคว้นวิญญาณอัคนี เขาเคยถูกเยวี่ยเจี้ยนหมิงผู้กล้ารุ่นเยาว์แห่งสำนักยุทธ์พันเวทเชิญชวน อยากให้เขาไปร่วมเทศกาลโคมกถามรรคด้วย
ภายหลังฟางหลินหานแห่งอาศรมดาบแปดวิทูรเองก็เคยกล่าวว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปเห็นเทศกาลโคมกถามรรคสักครั้ง
จนถึงตอนนี้แม้แต่ในเมืองชายแดนของแคว้นล้ำเมฆา ยังได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเทศกาลโคมกถามรรค นี่จะไม่ให้หลินสวินตะลึงได้อย่างไร
‘ดูเหมือนว่ายามเทศกาลโคมกถามรรคครั้งนี้เริ่มขึ้น คงจะดึงดูดความสนใจของทั้งแดนฐิติประจิม…’
หลินสวินดื่มเหล้าพลางกินเนื้อกวางวิญญาณ
ก่วมหิมะบ่มหวานชื่น กลมกล่อมติดปาก มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนเนื้อกวางวิญญาณนั้นหมักดองด้วยวิธีลับ หอมเผ็ดเข้มข้น รสชาติยอดเยี่ยมมาก
บางครั้งบางคราวหลินสวินจะเหลือบตามองไปยังห้องส่วนตัวห้องหนึ่งอย่างคล้ายจงใจแต่ก็ไม่ได้ตั้งใจ
ภายในห้องส่วนตัว เงาร่างกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ บุคลิกน่าเกรงขาม แต่ละคนสีหน้าหยิ่งผยองและเคร่งขรึม ไม่ต้องวิเคราะห์โดยละเอียดก็สามารถรู้ได้ว่า พวกเขามาจากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ!
จากข่าวที่หลินสวินได้รับจากต้นข่าวสารก่อนหน้านี้ ผู้ฝึกปราณคนใดที่ได้เบาะแสเกี่ยวกับเขา ล้วนสามารถรับรางวัลเป็นแกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันจากมือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
จุดประสงค์ที่หลินสวินมาหอสุราบุปผาเมามายในครั้งนี้ง่ายมาก เขาอยากดูว่าหากตนปรากฏตัวด้วยตัวเอง จะสามารถได้รับรางวัลนี้หรือไม่!
ดื่มเหล้ากินเนื้อจนอิ่มแล้ว หลินสวินกำลังจะเคลื่อนไหว ทว่าจู่ๆ ก็เห็นหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นหอมา แต่ละคนล้วนงดงามหล่อเหลา บุคลิกไม่ธรรมดา ราวกับเทพเซียนโดดเด่นสะดุดตา
ผู้นำคือจั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงทั้งห้าแห่งสำนักกระบี่โผผิน ข้างๆ เขายังมีดรุณจ้าวกระบี่เซี่ยอวี้ถังและอีกหลายคนติดตามมาด้วย
ทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว เสียงพูดคุยในหอสุราก็หายไปทันที เปลี่ยนเป็นเงียบสนิท แต่ละสายตาล้วนถูกดึงดูดไป สีหน้าต่างแฝงความเคารพ
เห็นได้ชัดว่าลูกค้าเหล่านี้ล้วนจำฐานะของพวกจั๋วขวงหลันได้ ในใจจึงเกิดความหวาดหวั่น ราวกับคิดไม่ถึงว่าเหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินอย่างพวกเขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร
ทันทีที่พวกของจั๋วขวงหลันมาถึง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะเบิกบานดังแว่วมาจากห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง จากนั้นชายหนุ่มสง่างามคนหนึ่งพลันก้าวเท้าออกมา
“พี่จั๋ว พวกท่านมาเสียที เชิญๆ”
ชายหนุ่มคนนั้นสวมชุดคลุมสีแดงเพลิง เรียวคิ้วตางาม ระหว่างที่มองมาดูมีชีวิตชีวา บุคลิกองอาจ หากพูดถึงอานุภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าจั๋วขวงหลัน
โดยเฉพาะหว่างคิ้ว ราวกับอักษรสัญลักษณ์ที่มีไฟลุกโชนอยู่ สว่างไสวสะดุดตา ทำให้คนลืมตาไม่ขึ้น ดูน่าอัศจรรย์อย่างที่สุด
ตอนที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ ลูกค้าที่นั่งอยู่ต่างไม่สามารถสงบจิตใจได้ ล้วนเผยสีหน้าตกใจ ท่าทางดูยากจะเชื่อ
“ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าของเผ่าอีกาเพลิง!” มีคนร้องเสียงหลงออกมา
เสียงสูดหายระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
เผ่าอีกาเพลิง นี่สามารถจัดอยู่ในเผ่าใหญ่ห้าอันดับแรกของแดนฐิติประจิม และบุตรเทพลู่จิ่วเกอยิ่งเป็นผู้กล้าที่เต็มไปด้วยตำนานคนหนึ่ง
ตอนที่เขาเกิด หมอกเมฆแสงเพลิงร่วงหล่นจากท้องฟ้า ควบรวมเป็นรอยสลักลับแห่งไฟ ประทับลงบนหน้าอกตรงตำแหน่งหัวใจ ถูกเรียกว่าเป็น ‘ร่างแห่งวิญญาณเพลิง’ แต่กำเนิด มีพรสวรรค์และแก่นกระดูกอันเหลือเชื่อ
ปัจจุบันในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิม ลู่จิ่วเกอเป็นผู้กล้าแห่งยุคอย่างไร้ข้อกังขาคนหนึ่ง ส่องประกายไปไกลนับหมื่นจั้ง ชื่อเสียงสะเทือนแดนฐิติประจิม
ตอนนี้ผู้กล้าระดับตำนานคนนี้ปรากฏตัวในที่แห่งนี้ จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไร
จั๋วขวงหลันหนึ่งในห้าศิษย์สืบทอดแท้จริงแห่งสำนักกระบี่โผผิน ลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิง ผู้กล้าแห่งยุคสองคนมาพบกันที่นี่ด้วยจุดประสงค์อันใดกัน
ทันใดนั้นความสงสัยของทุกคนก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา
‘ผู้กล้าชั้นยอดของเผ่าอีกาเพลิงงั้นหรือ กลิ่นอายนับว่าแข็งแกร่งมาก มีพลังปราณระดับกระบวนแปรจุติแล้ว ไม่ด้อยไปกว่าจั๋วขวงหลันนั่นเลยสักนิด’
หลินสวินคล้ายใคร่ครวญอะไรอยู่
ในเวลาเดียวกัน เซี่ยอวี้ถังเองก็สังเกตเห็น ทว่าเขาเพียงอึ้งไปเล็กน้อยก็เก็บสายตากลับไป
นี่เท่ากับมองข้ามหลินสวินโดยตรง ไม่คิดจะทักทายและปฏิสัมพันธ์กับหลินสวิน
ตรงกันข้าม เมื่อรับรู้ได้ว่าสายตาของหลินสวินมองมา มุมปากของเซี่ยอวี้ถังเผยเส้นโค้งอันหยิ่งยโส มีความรู้สึกเย่อหยิ่งอย่างผู้เหนือกว่าอยู่รางๆ
หลินสวินยิ้มเยาะในใจ เจ้าหมอนี่คิดว่าอยู่กับจั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอแล้ว จะสามารถทำให้ตนมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปและอิจฉาริษยาได้จริงๆ งั้นหรือ
ไม่นาน กลุ่มคนจากสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิงก็เข้าห้องส่วนตัวไปพร้อมกัน
และตอนนี้หลินสวินก็ดื่มเหล้าหมดแล้ว เขาลุกขึ้นก้าวเดินไปยังห้องส่วนตัวอีกห้องอย่างไม่ล่าช้าอีกต่อไป
คนที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวห้องนั้นก็คือผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬนั่นเอง
“เจ้าหมอนี่จะทำอะไร”
แขกที่นั่งอยู่ต่างขมวดคิ้ว กับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ พวกเขาไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ ด้วยเลยสักนิด
ตอนนี้กลับเห็นหลินสวินที่เป็นผู้ฝึกปราณเผ่ามนุษย์ทำทีเหมือนจะไปหาผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ นี่ทำให้พวกเขาอดรู้สึกต่อต้านไม่ได้
“สวมเสื้อคลุมอำพรางตัว แม้แต่หน้าก็ถูกปีกหมวกบังไว้ ทำลับๆ ล่อๆ ไม่ใช่คนดีอะไรแน่ ไม่แน่ว่าจะทำเรื่องเลวๆ อะไร!”
มีคนแค่นเสียงอย่างเย็นชา เขาไม่กล้าพูดตรงเกินไป ด้วยกลัวว่าจะเป็นการยั่วโทสะผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แต่คำพูดต่อว่าหลินสวินนั้นดูไม่เกรงกลัวใคร
“ได้ยินว่าเมื่อครู่นี้ต้นข่าวสารในเมืองติดประกาศนำจับฉบับหนึ่ง เหมือนว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต้องการจับเด็กหนุ่มเทพมารคนหนึ่ง เจ้าหมอนี่คงไม่ได้มาแจ้งเบาะแสเพื่อรับรางวัลหรอกนะ”
“มีความเป็นไปได้!”
“ไร้ยางอายจริงๆ”
แขกในหอสุราวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา สายตาที่มองหลินสวินแฝงความสงสัยและดูถูก
หากไม่ใช่เพราะผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยังอยู่ในห้องส่วนตัวห้องนั้น คำพูดที่พวกเขาพูดออกมาอาจจะยิ่งไม่น่าฟังและเสียดหูกว่านี้
ในใจหลินสวินรู้สึกจนปัญญา เขารู้ว่าตัวเองถูกเข้าใจผิด แต่ก็คร้านจะอธิบาย
ตอนที่เขามาถึงหน้าห้องส่วนตัวนั่น สายตามองไปยังเหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก่อนจะพูดว่า “ได้ยินว่า ไม่ว่าใครที่สามารถให้เบาะแสตามในประกาศนำจับ จะได้รับรางวัลใหญ่งั้นหรือ”
ได้ยินคำพูดนี้ ลูกค้าที่นั่งอยู่พลันนั่งไม่ติดขึ้นมาทันที แต่ละคนสีหน้าอึมครึม ตามคาด เจ้าหมอนี่เป็นพวกไร้ยางอายอย่างที่สุด!
“คนสมัยนี้นี่นะ ถูกผลประโยชน์ครอบงำจนหน้ามืดตามัว เพื่อเงินสกปรกพวกนั้น แม้แต่หน้าและศักดิ์ศรีก็ไม่เอาแล้วงั้นสิ”
ลูกค้าเหล่านี้ไม่กล้าสู้ซึ่งๆ หน้า ทำได้เพียงถากถางและเหน็บแนมหลินสวินอ้อมๆ
“พวกเจ้าอยากรนหาที่ตายหรือ! หุบปาก!”
จู่ๆ เสียงตวาดเย็นเยียบก็ดังจากห้องส่วนตัว นั่นคือชายหนุ่มชุดคลุมดำคนหนึ่ง รูปหน้าตอบยาว นัยน์ตาเป็นสีแดงเลือดดูแปลกประหลาด เต็มไปด้วยความดุร้ายทั่วร่าง น่าหวาดหวั่นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทันใดนั้นลูกค้าในที่นั้นเงียบกริบ สีหน้าอึมครึมไม่กล้าพูดมากอีก
ต่อให้ในใจพวกเขาไม่พอใจเพียงใด แต่ก็ไม่กล้าขัดแย้งกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬซึ่งหน้า กลัวว่าจะนำพาความเดือดร้อนและพิบัติภัยสู่ตน
ในเวลานั้นเอง ชายหนุ่มชุดคลุมดำคนนั้นมองหลินสวินด้วยสายตาสีเลือดแปลกประหลาด แล้วพูดเรียบๆ ว่า “ที่เจ้าพูดไม่ผิด เพียงแค่ให้เบาะแสของเจ้าหมอนั่น แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้นในถุงเก็บของนี้ก็เป็นของเจ้า!”
พลั่ก!
ชายหนุ่มชุดคลุมดำโยนถุงเก็บของใบหนึ่งลงบนโต๊ะพร้อมพูดว่า “ตอนนี้ เจ้ารายงานเบาะแสมาได้แล้ว”
……………….