ตอนที่ 818 บีบบังคับหนักหน่วง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

ตอนที่ 818 บีบบังคับหนักหน่วง ProjectZyphon

ชั่วขณะนั้น บรรยากาศในหอสุราชั้นนี้เงียบสงบ สายตาของแขกมากมายต่างมองมา

ในเวลานี้กล้ารายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬต่อหน้าทุกคน การกระทำเช่นนี้ไร้ยางอายมากอย่างไม่ต้องสงสัย น่ารังเกียจนัก

ถึงอย่างไรเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬก็ชื่อเสียงฉาวโฉ่ แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ แทบจะเป็นเผ่าที่ทำให้ทุกคนในโลกฝึกปราณเดือดดาล

“แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันชิ้นหรือ นี่ไม่พอหรอกนะ”

หลินสวินไม่แสดงสีหน้า “ข้าไม่เชื่อว่าจุดประสงค์ที่พวกเจ้าจะจับกุมมีมูลค่าแค่นี้”

ชายหนุ่มชุดคลุมดำขมวดคิ้ว ดวงตาสีเลือดแปลกประหลาดสาดประกายเย็นเยียบ ราวกับคิดไม่ถึงว่าคนที่มารับรางวัลกลับกล้าเสนอหน้าต่อราคากับเขา

นี่ทำให้ไอสังหารพลุ่งพล่านในใจเขาอย่างควบคุมไม่อยู่

“พี่โก่วฉี ดูเหมือนว่าสหายท่านนี้จะมั่นใจมาก ขอเพียงแค่เขาสามารถให้เบาะแสของไอ้สารเลวนั่น ให้แกนวิญญาณเยอะหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหา”

ด้านข้างหญิงสาวที่รูปลักษณ์งดงามอย่างยิ่ง ผมสีเงินราวกับหิมะเอ่ยปาก นางดูเย้ายวนหยดย้อย ริมฝีปากแดงสด หน้าอกอวบอิ่มขยับขึ้นลง ขาวกระจ่างเรียบเนียน รูปร่างร้อนแรงมาก

เพียงแต่เมื่อได้ยินคำพูดของนาง ประกายเย็นเยียบที่ยากจะสังเกตสายหนึ่งเห็นแวบผ่านดวงตาดำที่อยู่ใต้ปีกหมวกของหลินสวิน

สารเลวหรือ

ด้วยคำพูดนี้ นางก็ถูกหลินสวินหมายหัวแล้ว

เคร้ง!

ชายหนุ่มชุดคลุมดำที่ถูกเรียกว่าโก่วฉีโยนถุงเก็บของออกมาอีกใบ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ในนี้มีแกนวิญญาณระดับสูงสามร้อยชิ้น บวกกันก็เป็นแกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันสามร้อยชิ้น ข้าเชื่อว่าราคาระดับนี้เพียงพอที่จะซื้อชีวิตของราชันกึ่งระดับคนหนึ่งแล้ว หากเจ้ายังไม่รู้จักพอ อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

หลินสวินส่ายหน้าพูดโดยไม่มองด้วยซ้ำ “ไม่พอ ข้าสามารถบอกตำแหน่งอย่างชัดเจนของเป้าหมายนั่น เชื่อว่าเบาะแสนี้ ใช่ว่าแกนวิญญาณเพียงเท่านี้จะสามารถเทียบได้”

แม้แต่เหล่าลูกค้าที่อยู่ข้างๆ ยามนี้ต่างอดจุ๊ปากไม่ได้ เจ้าหมอนี่โลภมากจริงๆ ไม่กลัวท้องแตกตายหรือ

แกนวิญญาณระดับสูงหนึ่งพันสามร้อยชิ้นเชียวนะ นี่เป็นราคาที่สูงมากแล้ว สามารถทำให้ราชันกึ่งระดับยอมถวายชีวิตอย่างไม่ลังเล!

แต่เจ้าหมอนี่… กลับยังเกี่ยงว่าไม่พองั้นหรือ

“สหาย เจ้าทำเกินไปแล้ว!”

โก่วฉีสีหน้าเย็นเยียบ ในดวงตาสีแดงสดเผยประกายน่าหวาดหวั่น “คิดว่าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬโง่จริงๆ หรือ”

“เหอะๆ อยากใช้เบาะแสเดียวมาสร้างความลำบากใจให้พวกเรา บีบบังคับพวกเราอย่างหนัก สหายเจ้าแน่ใจหรือว่าจะทำเช่นนี้”

หญิงงามผมเงินคนนั้นก็ยิ้มเยาะพูด “เป็นมนุษย์ต้องรู้จักประมาณตน ตอนนี้เจ้าให้ความร่วมมือโดยดี บางทียังสามารถได้รับความรู้สึกดีๆ จากเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเรา”

นางพูดถึงขุมอำนาจใหญ่อย่างเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เป็นการเตือนและข่มขู่อย่างไม่ต้องสงสัย

หลินสวินยิ้มน้อยๆ กล่าว “ในความทรงจำของข้า เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเป็นเผ่าใหญ่ที่อิทธิพลแผ่กว้างไปทั่วทั้งดินแดนรกร้างโบราณ แต่ตอนนี้แม้แต่แกนวิญญาณนิดหน่อยยังไม่ยอมควักออกมาหรือ ช่างน่าผิดหวังจริงๆ ดูเหมือนว่าทุกท่านคงไม่อยากได้เบาะแสของเป้าหมาย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ขอตัว”

พูดจบเขาก็จะจากไป

“หยุด!”

โก่วฉีลุกพรวดขึ้น เผยไอสังหารทั่วร่างกาย อานุภาพน่าสะพรึงกลัว ทำให้กลุ่มลูกค้าที่นั่งอยู่ต่างหนาวเยือกไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก

“หากพวกเจ้าลงมือตอนนี้ ก็เท่ากับเป็นการประกาศให้คนทั้งโลกรู้ว่า ประกาศนำจับที่เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬของพวกเจ้าเผยแพร่เป็นเพียงแค่เรื่องบังหน้า จงใจกลั่นแกล้งทุกคน”

หลินสวินพูดอย่างสบายๆ

“เจ้า…”

โก่วฉีโกรธจนหน้าเขียว อยากจะตบไอ้สารเลวนี่ให้ตายในฝ่ามือเดียวจนแทบไม่ไหวแล้ว เขายังไม่เคยเห็นคนที่กล้าข่มขู่เผ่าของพวกเขาแบบนี้มาก่อน!

ตอนนี้เองหญิงงามผมเงินคนนั้นเอ่ยขึ้น “พี่โก่วฉี สหายท่านนี้พูดถูก เราอาจจะเสียความน่าเชื่อถือต่อคนทั้งโลก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สหายก็เสนอราคามาเถอะ”

ไอสังหารวาบไหวในใจนาง ในเวลาเดียวกันก็สื่อจิตถึงโก่วฉี ‘ตามใจมันไปก่อน รอได้เบาะแสแล้ว เราค่อยเอาค่าตอบแทนคืนจากศพของมันก็ยังไม่สาย’

โก่วฉีสีหน้ามืดทะมึน ไม่พูดจา

“อย่างน้อยต้องได้แกนวิญญาณระดับสูงห้าพันชิ้นกระมั้ง” หลินสวินยิ้มพูด

ได้ยินเช่นนี้ เหล่าลูกค้าตาถลนจนลูกตาแทบหลุดออกจากเบ้า คิดว่าตัวเองฟังผิดไป นี่ไม่ใช่แค่เสนอราคา แต่จะสังหารหมาดำเหล่านั้นอย่างเจ็บแค้นดาบหนึ่งชัดๆ!

โก่วฉีโกรธจนแทบระเบิดแล้ว สายตาฉายไอสังหารไปทั่ว “เจ้าแน่ใจหรือ”

หลินสวินพูดสบายๆ “แน่นอน แต่ก็คุยกันได้ ทว่าลดมากไม่ได้ ถึงอย่างไรตอนนี้หลายคนต่างรู้ว่าเป้าหมายที่พวกเจ้าจะเล่นงานเป็นบุคคลอันตราย ข้ารายงานความลับเช่นนี้ เปิดเผยร่องรอยของเขา จะต้องเผชิญผลลัพธ์ที่ถูกเขาแก้แค้นเชียวนะ”

“สหาย นี่เจ้ากำลังขู่กรรโชกชัดๆ!”

หญิงงามผมเงินเองก็โกรธจนจมูกแทบเบี้ยว พวกเขาไม่เคยเห็นคนที่ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงแบบนี้มาก่อน กล้ามาขู่กรรโชกพวกเขา เบื่อว่าชีวิตยังไม่ดีพอหรืออย่างไร

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บนร่างพวกเขาไม่มีแกนวิญญาณมากมายขนาดนี้จริงๆ นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย ทั้งยังมากจนน่าตกใจ เพียงพอที่จะซื้อโอสถสมบัติไร้เทียมทานระดับราชันเม็ดหนึ่ง หรือยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่งแล้ว!

สุดท้ายโก่วฉีอดทนไว้ ตัดสินใจปล่อยอีกฝ่ายไว้ก่อน รอให้ได้เบาะแสของเป้าหมายค่อยคิดบัญชีกับเขา!

“นี่คือแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น หากเจ้ายังไม่พอใจ งั้นเรื่องนี้ก็คงต้องจบเท่านี้”

พวกของโก่วฉีทั้งเจ็ดแปดรวมแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้นเต็มๆ ใส่เข้าไปในถุงเก็บของ

จากนั้นเขาหันมองหลินสวินด้วยสายตาเย็นยะเยือก “ตอนนี้เจ้าคงบอกเบาะแสของเป้าหมายได้แล้วกระมัง”

ยอมจ่ายแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้นเพื่อซื้อเบาะแสเดียว!

ลูกค้าที่นั่งอยู่ในใจสั่นไหวจนถึงขีดสุด และตระหนักได้ว่าความเด็ดเดี่ยวในการจับกุมและโจมตีเป้าหมายนั่นของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยิ่งใหญ่เพียงใด

ในระหว่างที่พูดคุยกัน แม้แต่ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผิน และลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิงที่อยู่ในห้องส่วนตัวยังตกใจ

“คนผู้นี้เป็นใคร กล้ามากจริงๆ ถึงขั้นมารีดไถเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ” ลู่จิ่วเกอยิ้มเยาะ เขาอยู่ในชุดคลุมสีแดงเพลิง เข็มขัดหยกขาว ใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางเย่อหยิ่งมีราศี

“คนผู้นี้ข้าเคยเจออยู่ครั้งหนึ่ง”

จั๋วขวงหลันขมวดคิ้วเบาๆ “เขามาจากโลกชั้นล่าง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเลือกรายงานความลับกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ หน้าไม่อายจริงๆ”

ตอนที่พูดก็เคลื่อนสายตาไปมองเซี่ยอวี้ถังที่อยู่ข้างๆ

“เขา? ตอนแรกเป็นเพียงเด็กหนุ่มหยาบคายที่มาจากถิ่นทุรกันดาร เพียงแต่ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าเขาจะไม่มีศักดิ์ศรีขนาดนี้ นับจากวันนี้เป็นต้นไปข้ากับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีก!”

เซี่ยอวี้ถังสีหน้าเรียบเฉย ในใจโกรธเคืองเล็กน้อย คิดว่าหลินสวินทำให้เขาขายหน้าต่อหน้าทุกคน ท่าทางรังเกียจเหมือนอับอายที่ถูกมองเป็นพวกเดียวกับหลินสวิน

ลู่จิ่วเกอขานรับว่าอ้อแล้วยิ้มพูด “ข้าสงสัยมากว่า เป้าหมายที่เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬจะเล่นงานเป็นอริยเทพจากไหนกัน เพื่อเบาะแสเดียว กลับทำให้พวกเขายอมตกรางวัลใหญ่เป็นแกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น”

ทันใดนั้นผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินคนหนึ่งพูดขึ้น “พูดถึงเรื่องนี้ ข้าได้ยินว่าเมื่อไม่นานมานี้ต้นข่าวสารในเมืองเผยแพร่ข่าวว่า เป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินสวิน…”

เขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับที่หลินสวินถูกประกาศจับรอบหนึ่ง และยังพูดถึงการประลองตะลึงโลกระหว่างหลินสวินและหญิงสาวที่สวมหน้ากากสีเงินสั้นๆ

ได้ยินเช่นนี้ แม้แต่จั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอต่างรู้สึกประหลาดใจและหวั่นไหว คิดไม่ถึงว่าโลกนี้จะมีบุคคลแห่งยุคเพิ่มมาอีกคน

“จริงสิ ศิษย์น้องเซี่ย ข้าจำได้ว่าเด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างนั่นก็ชื่อหลินสวินไม่ใช่หรือ” จู่ๆ ในใจจั๋วขวงหลันก็กระเพื่อมไหว สายตาเผยความสงสัย

เซี่ยอวี้ถังได้ยินทั้งหมดนี้ ในใจก็ตื่นตะลึงอย่างที่สุด ส่ายหน้าพูด “ไม่มีทางเป็นเขาเด็ดขาด คงจะชื่อซ้ำ”

พูดเป็นเล่น!

หากหลินสวินนั่นเป็นผู้กล้าแห่งยุค แล้วเขาเซี่ยอวี้ถังเป็นตัวอะไร

นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!

คนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็คลายใจ ก็จริง เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง จะมีความโดดเด่นพลิกฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยอวี้ถังที่รู้จักเด็กหนุ่มโลกชั้นล่างนั่นก็ปฏิเสธเองกับปากแล้ว หลินสวินสองคนนี้ไม่มีทางเป็นคนเดียวกันเด็ดขาด

ในเวลาเดียวกัน เมื่อเห็นรางวัลก้อนใหญ่แกนวิญญาณระดับสูงสามพันชิ้น หลินสวินพลันพยักหน้ายิ้มพูด “พอได้”

พอได้งั้นหรือ

ได้ยินเช่นนี้สีหน้าของพวกโก่วฉีและหญิงงามผมเงินยิ่งย่ำแย่ แทบสะกดไอสังหารในใจไม่อยู่

ตอนนี้เองหลินสวินเอื้อมมือไปหยิบถุงเก็บของ แต่กลับถูกโก่วฉีตัดบทต่อว่า “ช้าก่อน! เจ้ายังไม่ได้บอกเบาะแสก็อยากเอารางวัลแล้วหรือ”

“ข้าเพียงตรวจสอบว่าครบหรือไม่”

หลินสวินพูดสบายๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ข้าสงสัยมากว่าพวกเจ้าตอบรับเพียงลมปาก พอข้าพูดเบาะแสออกไป กลัวว่าพวกเจ้าจะเสียใจภายหลัง เพราะฉะนั้นข้าเก็บแกนวิญญาณพวกนี้ไปก่อนจะดีกว่า”

พูดแล้วเขาก็หยิบถุงเก็บของขึ้นมานับ

ยามนี้โก่วฉีคิดอยากจะฆ่าคนแล้วจริงๆ แค้นจนกัดฟันแทบแตก แต่สุดท้ายเขาก็อดกลั้นไว้ พูดเสียงเย็นออกมา “ตอนนี้เจ้าจะพูดได้หรือยัง”

สีหน้าของพวกเขามืดทะมึนขึ้นมา เย็นเยียบอย่างที่สุด ไอสังหารก็แทบจะปิดไม่อยู่แล้ว แกนวิญญาณของพวกเขา… ครอบครองง่ายขนาดนี้ซะที่ไหน

เด็กนี่ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูงเลยจริงๆ!

“ทุกท่านอย่าได้ใจร้อน ข้าอยู่ที่นี่แล้ว หนีไม่รอดหรอก เหตุใดต้องตื่นเต้นขนาดนี้”

หลินสวินเก็บถุงเก็บของไปอย่างเชื่องช้า ก่อนจะยิ้มพูด “เมื่อครู่นี้ข้ายังกินไม่อิ่ม ทุกท่านจะกินด้วยกันสักมื้อก่อนหรือไม่”

“กินบ้าอะไร! ขืนเจ้ายังไม่พูดเบาะแสออกมาข้าจะฉีกเจ้าทั้งเป็น!” ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬคนหนึ่งทนไม่ไหว คำรามเสียงกร้าว

“สหาย เจ้าจะโกงพวกข้าหรือ” โก่วฉีเองก็มีความเดือดดาลเหมือนเพลิงโกรธสุมอก ไอสังหารแผ่กระจายออกมา

สีหน้าของลูกค้าที่นั่งอยู่ในโถงต่างเปลี่ยนไปอย่างมาก นี่จะเปิดศึกกันหรือ

ในห้องส่วนตัวอีกห้อง ผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและลู่จิ่วเกอเองก็จ้องมองมาทางนี้

เซี่ยอวี้ถังสีหน้ายังคงเรียบเฉย เขาอยากให้หลินสวินถูกฆ่าตายซะ จะได้ไม่ทำให้เขาเสียหน้าอีก พาให้เขาเชิดหน้าไม่ได้

ตอนนี้เองหลินสวินพลันหุบยิ้ม สายตากวาดมองพวกโก่วฉีพร้อมพูด “ข้าไม่ได้โกงพวกเจ้า ข้าอยู่ตรงหน้าพวกเจ้ามาโดยตลอด แต่พวกเจ้ากลับเอาแต่ถามเบาะแสของข้า ข้าเองก็จนปัญญามาก บนโลกนี้มีใครโง่เขลากว่าพวกเจ้าอีกหรือไม่”

ทันใดนั้นทุกคนในที่นั้นต่างตะลึง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

“เจ้า… เจ้าก็คือหลินสวิน!?”

และตอนนี้โก่วฉีเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว พลันตะโกนเสียงดัง

พวกหญิงงามผมเงินเองก็สีหน้าเปลี่ยนไป ราวกับถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น

พวกเขาจะคิดได้อย่างไรว่า เป้าหมายที่พวกเขาจะจับกุมจะมาปรากฏตัวตรงหน้าเสียเอง ทั้งยังรีดไถแกนวิญญาณจากพวกเขาอย่างหนัก!

……………..