ตอนที่ 1958 เจิดจรัส! (8) โดย Ink Stone_Fantasy

มหาชั้นฟ้าต้าวยี่สวมชุดคลุมเต๋าเรียบง่าย เขาก้าวเดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม มองดูหวังหลินที่อยู่นอกตำหนักระดับสิบสอง

หวังหลินเองก็มองมาที่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่เช่นกัน เขาขบคิดเล็กน้อยก่อนจะคำนับฝ่ามือ

“ข้าจำได้ หากข้าผ่านตำหนักระดับเก้าได้ มหาชั้นฟ้าต้าวยี่จะมาชวนข้าอีกครั้ง”

“เรื่องนี้ไม่ต้องเร่งรีบ สหายน้อยหวังหลินสามารถลองชั้นสิบสองได้ก่อน” มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยิ้มและมองมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

สายตาทั้งสองคนจ้องมองกันอย่างดุเดือด

เซียนทั้งหมดในตอนนี้ต่างก็มองเห็น ผู้สูงส่งชั้นฟ้าล้วนมีสายตาแปลกประหลาด นอกจากผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวแล้ว นี่ถือเป็นครั้งที่สองที่พวกเขาได้เห็นเหล่ามหาชั้นฟ้าต่อสู้เพื่อแย่งชิงกันเอง!

มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงเผยแววตาเย็นเยียบและเอ่ยขึ้น “ต้าวยี่ ข้าหมายตาเด็กคนนี้ อย่ามาสู้กับข้า!”

มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ยิ้มและส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกไป “หวู่เฟิง แม้เราจะไม่สามารถบังคับผู้สูงส่งชั้นเทวะได้ แต่นี่ขึ้นอยู่กับตัวเลือกของเขา เจ้าหมายตาเขาไม่ได้หมายความว่าเขาจะเลือกเจ้า!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เขากำลังจะลองตำหนักระดับสิบสอง เมื่อเขาผ่านได้เขาจะเทียบชั้นกับเมิ่งต้าว ลืมเรื่องเจ้าและข้าไปได้เลย แม้แต่สหายเฒ่าจิ่วตี้อาจมาร่วมวงด้วย…”

“และยังมีจักรพรรดิเทพนั่นอีก ข้าไม่รู้ว่าเขาสัญญากับเมิ่งต้าวไว้อย่างไรถึงเชิญชวนไปได้”

ขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกันด้วยสัมผัสวิญญาณ หวังหลินในท้องฟ้าสูดหายใจลึกและก้าวเข้าสู่ตำหนักระดับสิบสอง!

พอเขาเข้าไป ต้าวยี่และหวู่เฟิงจึงหยุดพูดและมองขึ้นไป เหล่าเซียนทั้งหมดที่นี่ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าหรือผู้สูงส่งชั้นเทวะต่างก็มองไปยังเบื้องบน

คนเพียงไม่กี่คนที่กำลังมองดูจากด้านนอกบททดสอบชั้นฟ้าก็กำลังมีความคิดที่แตกต่างกัน ชายวัยกลางคนในสำนักตะวันม่วงมองดูกระจกอย่างขมขื่นและถอนหายใจยาว

‘อาา เขาผ่านตำหนักระดับสิบเอ็ดได้อย่างไรกัน…ถึงระดับสิบเอ็ดจะดี แต่เขาไม่น่าผ่านระดับสิบสอง…เมื่อทะลวงผ่านไปได้ แล้วข้าจะใช้อะไรไปเชิญเขามา…’

‘ข้ากลัวว่าเขาจะถูกจักรพรรดิเทพและมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ดึงตัวไปทันที แม้แต่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และหวู่เฟิงยังเทียบกับสองคนนั้นได้ยาก…’

‘โชคร้ายจริง หากมหาชั้นฟ้าชวงจื่อของสำนักตะวันม่วงไม่เจออุบัติเหตุระหว่างการเกิดใหม่ครั้งล่าสุด เราคงเทียบกับจักรพรรดิเทพและจิ่วตี้ได้…’

ชายวัยกลางคนถอนหายใจอย่างขมขื่นและกำลังจะล้มเลิกความคิดการเชิญชวนเข้าร่วม แต่วินาทีนั้นประตูถูกเตะเปิดออกมาและมีสาวน้อยชุดแดงวิ่งเข้าหา

“กุ้ยหยาน้อย ทำไมเจ้ายังมองกระจกแตกๆ นั่นอีก? ออกมาช่วยข้าและฮานฮานสอนบทเรียนเจ้าสุนัขน้อยนี่เสียดีกว่า วันนี้เจ้าสุนัขน้อยทำตัวแย่มาก! ข้าจะสอนบทเรียนให้มัน!”

“บรรพชนน้อย…” ชายวัยกลางคนดูเหมือนกำลังจะร้องไห้

“เอ๋? คนที่อยู่ในกระจกดูคุ้นๆนะ…” สาวน้อยชุดแดงมองกระจกและขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง

“อาา…บรรพชนน้อย ท่านต้องคุ้นหน้าคุ้นตาพวกเขาแน่นอน นั่นคือมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงและมหาชั้นฟ้าต้าวยี่…” ชายวัยกลางคนถอนหายใจและคิดจะล้มเลิกการเชิญชวน

“ไปเถอะบรรพชนน้อย ข้าจะช่วยท่านจัดการกับ…สุนัขน้อยนั่น…” ชายวัยกลางคนถอนหายใจ เขาสงสารเซียนน่าสงสารที่ชื่อทันหลางคนนั้น

“ไม่ใช่เจ้าหัวล้านตายด้านกับเจ้าใบหน้าเสแสร้งนั่น คนนี้ต่างหาก!” สาวน้อยยกแขนขึ้นมาชี้ใส่หวังหลินที่ได้ก้าวเข้าสู่ตำหนักระดับสิบสอง

“เอ๋ เขาเข้าตำหนักนี่ คุ้นหน้าคุ้นตามาก…ขอข้าคิดสักครู่…” สาวน้อยขบคิดและจากนั้นดวงตาก็พลันส่องสว่างขึ้นมา!

“เขาชื่อหวังหลิน!! ข้าจำได้แล้วตอนที่ข้าพบสุนัขน้อย ข้าก็เห็นเขาเช่นกัน ข้าจำได้ว่าฮานฮานและข้าช่วยเขาไว้ครั้งหนึ่ง…และข้าดูเหมือนเคยเจอเขามาก่อน!”

“คนที่เจ้าพูดว่าต้องการเชิญชวนก็คือเขาสินะ ดีดีดี ข้าและฮานฮานจะไปกับเจ้าด้วย” สาวน้อยกะพริบตาปริบๆ และปรบมือพร้อมกับหัวเราะ

ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายและจ้องมองสาวน้อยอย่างตกตะลึง ผ่านไปสักพักสีหน้าท่าทางจึงเปลี่ยนเป็นตื่นเต้น

“ท่าน…บรรพชนน้อย ท่านมั่นใจหรือไม่ว่ารู้จักเขามาก่อนและกระทั่งเคยไปช่วยเขาอีก?”

สาวน้อยขมวดคิ้วและชี้ใส่ชายวัยกลางคนที่กำลังตื่นเต้น นางพูดด้วยน้ำเสียงวางท่า “กุ้ยหยาน้อย เจ้าไม่เชื่อหรือ?”

“มหาชั้นฟ้าชวงจื่อช่างมีสายตากว้างไกลจนไปช่วยเหลือเขามาก่อน เพียงเท่านี้บางทีเราอาจจะเชิญเขามาได้จริงๆ!” ชายวัยกลางคนหัวเราะอย่างตื่นเต้น ใบหน้าดูมีสีสันขึ้นมาเล็กน้อย กระทั่งหว่านล้อมบรรพชนน้อยเบื้องหน้าเหมือนเด็กๆ

เพียงสาวน้อยได้ยินเรื่องนี้ไม่นาน นางก็ยิ้มออกมาและดูภูมิใจมาก

“ฮึ่ม ตอนนี้เจ้ารู้แล้วสินะว่าข้าและฮานฮานทรงพลังและมีสายตากว้างไกลแค่ไหน ข้าบอกเจ้าให้ลืมเรื่องพวกที่ทิ้งเราไป แต่เจ้าก็ไม่ฟัง”

“ข้ามหาชั้นฟ้าชวงจื่อ ไม่เคยบังคับให้ใครอยู่ หากพวกนั้นอยากจะไปก็ปล่อยให้ไป ใครจะควบคุมโชคชะตาได้กันเล่า? ไม่ว่าจะเจ้าหรือข้า เข้าใจหรือไม่?” ยิ่งสาวน้อยพูด นางยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากยิ่งขึ้น

“ขอรับ ขอรับ มหาชั้นฟ้าชวงจื่อผู้ควบคุมโชคชะตา กุ้ยหยาชื่นชมยิ่ง ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง…” ชายวัยกลางคนยิ้มรับและมองสาวน้อยเบื้องหน้าด้วยสายตาแห่งความรัก

แม้เขาจะมีระดับบ่มเพาะบกพร่อง ตอนที่มหาชั้นฟ้าชวงจื่อเกิดเหตุบังเอิญระหว่างการเกิดใหม่ เขาเลือกที่จะอยู่ดูแลสองสาวน้อยทั้งสองตอนที่คนอื่นจากไปแล้ว ทุกสิ่งที่เขาทำลงไปจนกระทั่งตอนนี้ก็เพราะความเมตตาที่นางมอบให้เขา

ตอนนั้นเขาเป็นแค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ใต้อำนาจมหาชั้นฟ้าชวงจื่อ แต่ตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียว

ขณะที่เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปในสำนักตะวันม่วง บนภูเขาจักรพรรดิในแคว้นกลาง มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ที่เดิมทีเกียจคร้านกำลังจ้องมองใบไม้แห้งเบื้องหน้าอย่างสนอกสนใจ

“กำลังลองตำหนักระดับสิบสองหลังจากผ่านระดับสิบเอ็ด…คนผู้นี้…นับว่าเป็นคนด้วยหรือ ข้าสามารถยื่นข้อเสนอที่เขาพอใจได้…แต่ไฮ่จื่ออยู่นั่น หากข้าไปก็ขัดกับสิ่งที่ข้าพูดไว้ก่อนหน้านี้อีก…” แม้ชายชราจะพึมพำ เขาก็จ้องใบไม้แห้งตาไม่กะพริบ

“ช่างมันเถอะ เพียงแค่ตำหนักระดับสิบเอ็ดเท่านั้น เด็กคนนี้ยังห่างไกลจากผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าว” ชายชราหันศีรษะกลับมาและหลับตา แต่วินาทีนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งเพื่อจ้องมองใบไม้แห้ง

“เขาจะผ่านได้หรือไม่…”

ทางด้านเมืองหลวงในแคว้นกลาง พระราชวังอันหรูหรา ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวสวมชุดสีดำจ้องมองภาพมายาและขมวดคิ้ว

“เจ้าสังหารเขาในลมหายใจเดียวได้หรือไม่?” เสียงลมหายใจดังขึ้นมาในห้องโถง

ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวขบคิดเงียบๆ จากนั้นพูดขึ้น “หนึ่งลมหายใจก็พอแล้ว!”

เสียงหัวเราะดังกึกก้องและดังอีกครั้ง

“เขาไม่สามารถผ่านตำหนักระดับสิบสองได้ เกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์ของเขาจะเจอกับกระทิงสวรรค์ในตำหนักระดับสิบสอง! ให้คนอื่นสู้แย่งชิงเขาเถอะ จักรพรรดิผู้นี้ไม่มีอะไรสนใจ…” ขณะที่คำพูดเขาเอ่ยดังขึ้นมา เขาก็พลันหยุดก่อนจะพูดจบ บัลลังก์มังกรเกิดระลอกคลื่นดังสนั่น ชายวัยกลางที่ดูหน้าตาคล้ายบรรพชนเทพปรากฏตัวขึ้นมา

เขามองภาพมายาในตำหนักด้วยสายตาแฝงอาการตกตะลึง ตำหนักระดับสิบสองในภาพมายาพลันระเบิดแสงสีทองสว่างจนตาพร่า!!

แสงสีทองนี้โผล่ออกมาจากบททดสอบชั้นฟ้าอย่างชัดเจน แต่ดูเหมือนแทงทะลุผ่านภาพมายาออกไปจนทำให้พระราชวังแห่งนี้ส่องสว่างขึ้นมาด้วย!

“เขาผ่านระดับสิบสอง!” ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีทองค่อนข้างประหลาดใจ

ชายหนุ่มชุดดำด้านข้างกายพลันปลดปล่อยจิตสังหารทันที เขาจ้องภาพมายาและเผยแววตาเย็นเยียบอย่างที่สุด

เขาเข้าใจว่าหวังหลินที่ผ่านระดับสิบสองคงเหมือนกับเขาในอดีต หวังหลินคงตั้งใจทำให้ทุกคนและเหล่ามหาชั้นฟ้าทั้งหมดอยากรับเขาเข้ามาอยู่ใต้อำนาจ เพื่อที่เขาจะได้เงื่อนไขดีดีในการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

หวังหลินผ่านระดับสิบสองนั่นหมายความว่าเมื่อใดที่มีคนมาคุยกับเขา ชื่อของหวังหลินจะถูกยกขึ้นมา! เรื่องแบบนี้ทำให้คนที่ถูกนับว่าเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะหมายเลขหนึ่งมาเสมอ ถึงกับไม่เป็นสุข!

เมิ่งต้าวขบคิดและพูดขึ้น “แค่ตำหนักระดับสิบสอง มีแค่ไม่กี่คนในเผ่าเทพที่สามารถผ่านได้ การสังหารเขาก็ยังคงใช้แค่ลมหายใจเดียวเท่านั้น!”

แต่ชายวัยกลางคนชุดทองกำลังจ้องมองภาพ ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใด

ขณะเดียวกันบนภูเขาจักรพรรดิ ชายชรายืนขึ้น ดวงตาเปล่งประกายเป็นแสงประหลาด อย่างไรก็ตามหลังจากลังเลอยู่เล็กน้อยจึงค่อยๆ นั่งลง

‘ข้าเคยเจอเขามาแล้วหนึ่งครั้ง เด็กคนนี้มีเกราะวิญญาณกระทิงสวรรค์…การผ่านระดับสิบสองไปด้วยพลังของเกราะวิญญาณนั่นหมายความว่าเขายังเทียบกับผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวได้…เขาก็แค่ผู้สูงส่งชั้นเทวะทั่วไป…เว้นแต่จะผ่านระดับสิบสามด้วยเกราะวิญญาณ…’ ชายชราขบคิดพลางนั่งหลับตาลง

‘อาา เหนื่อย…ช่างเหนื่อยจริงๆ…ข้าควรจะเชิญชวนเขาดีหรือไม่…เขาไม่น่าจะทะลวงผ่านระดับสิบสามได้และน่าจะยอมแพ้…เอ๋!’ ชายชราพลันลืมตา เขาเห็นหวังหลินอยู่นอกตำหนักระดับสิบสอง รอบด้านถูกห่อหุ้มด้วยหยดน้ำที่มองไม่เห็นหนึ่งชั้น แรงกดดันจากระลอกคลื่นได้ทำให้เขารู้สึกได้แม้จะมองผ่านใบไม้แห้ง

“เต๋าวารีสุดขั้ว!”

ขณะที่ชายชรากำลังสังเกตระลอกคลื่นวารีที่มองไม่เห็นรอบร่างหวังหลิน เขาเห็นหวังหลินเคลื่อนไหวอีกครั้ง หวังหลินไม่ได้ล้มเลิกและมุ่งหน้าไปสู่ตำหนักระดับสิบสาม!

พริบตาเดียวร่างหวังหลินก็หายเข้าไปในก้อนเมฆที่ห่อหุ้มตำหนักระดับสิบสามเอาไว้

ฉากเหตุการณ์นี้ทำให้ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวต้องพ่นลมหายใจเย็น แววตาเป็นประกายจิตสังหาร

“ท่านจักรพรรดิเทพ ข้าจะไปบททดสอบชั้นฟ้าเพื่อทดสอบตำหนักระดับสิบหก!”

……………………………………………..