ตอนที่ 1959 เจิดจรัส! (9) โดย Ink Stone_Fantasy

ผู้สูงส่งชั้นฟ้า ผู้สูงส่งชั้นเทวะและมหาชั้นฟ้าแห่งเผ่าเทพเกือบทุกคนล้วนเห็นการกระทำอันบ้าคลั่งของหวังหลิน

เรื่องแบบนี้หาได้ยากยิ่งในเผ่าเทพ มีเพียงผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวเท่านั้นที่ได้รับความสนใจแบบนี้ในอดีต

อย่างไรก็ตามความสนใจนี้ไม่ได้เป็นของผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวอีกต่อไปแล้ว ส่วนหนึ่งแบ่งออกมาและอยู่ที่หวังหลิน!

ตั้งแต่นี้ต่อไปในประวัติศาสตร์ของเผ่าเทพ ชื่อของหวังหลินจะคงเปล่งประกายเจิดจ้าและทุกคนรู้ดีว่าเขามีคุณสมบัติโดดเด่น!

แม้แต่ในอนาคตอันใกล้ แม้แต่เผ่าโบราณก็ยังได้ยินเรื่องนี้!

ผู้สูงส่งชั้นเทวะคนที่ 49 ของเผ่าเทพ หลังจากกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขาได้ข้ามผ่านระดับสิบเอ็ดและสิบสอง ตอนนี้กำลังลองระดับสิบสาม!

มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ที่อยู่บนภูเขาจักรพรรดิไม่ทำตัวขี้เกียจอีกต่อไปแล้วแต่จ้องมองใบไม้แห้งเบื้องหน้าอย่างตั้งใจ ท่าทีเคร่งเครียดยิ่ง

เขาเข้าใจดีว่าการผ่านระดับสิบสามด้วยเกราะวิญญาณ นั่นหมายความว่าคนผู้นี้ไม่ใช่คนที่ไร้ค่าเกินไป…

ส่วนทางด้านจักรพรรดิเทพที่เผยตัวเองออกมาในพระราชวัง ดวงตาเผยประกายแสงแปลกประหลาด เขามองภาพมายาตรงหน้าพลางเฝ้าดูหวังหลินเข้าไปในระดับสิบสามด้วย

ด้านหลังเขานั่น ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวได้นั่งลงแล้ว เขารวมสัมผัสวิญญาณไว้บนหน้าผากและกำลังจะมุ่งหน้าเข้าสู่บททดสอบชั้นฟ้า!

เวลานี้ในบททดสอบชั้นฟ้า มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ขมวดคิ้วและถอนหายใจ เขารู้ว่าหวังหลินตอนนี้ได้ก่อให้เกิดคลื่นพายุลูกใหม่ขึ้นมาแล้ว หากมหาชั้นฟ้าต้องการเซียนเช่นนี้คงต้องจ่ายราคาที่เหมาะสม

แต่ไม่ว่าจะแลกด้วยสิ่งที่มีค่าแค่ไหน มันก็คุ้มค่าอยู่ดี เมื่อคนผู้นี้ได้กลายเป็นมหาชั้นฟ้า ผลประโยชน์ก็จะดียิ่งกว่าคุ้มค่า การได้มีมหาชั้นฟ้าอีกคนเป็นสหายและมีความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้จะช่วยให้สถานะของมหาชั้นฟ้าคนใดก็ตามเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล

มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงถอนหายใจออกมาเช่นกัน เขาเล็งเห็นว่าหวังหลินได้สร้างสถานการณ์ให้มหาชั้นฟ้าทั้งสี่คนนอกจากมหาชั้นฟ้าชวงจื่อเข้าต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงคนคนเดียว

เว้นแต่จะมีเหตุบังเอิญเกิดขึ้น…

บททดสอบชั้นฟ้าเงียบสนิท เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ตลอดทั้งวันพวกเขารู้สึกว่าช่องว่างระหว่างตัวเองและหวังหลินกำลังห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ระดับห้าจนถึงตอนนี้ก็ระดับสิบสองไปแล้ว

พวกเขานึกย้อนไปถึงตอนที่หวังหลินเพิ่งจะผ่านระดับห้าและดูเหมือนเป็นเรื่องตลก ด้วยระดับบ่มเพาะของแต่ละคนจึงมีคุณสมบัติไปออกความเห็นผู้สูงส่งชั้นเทวะได้ แต่ตอนนี้อย่าว่าแต่การผ่านระดับสิบสองเลย!

พวกเขาทำได้แค่มองดูร่างหวังหลินในท้องฟ้าเท่านั้น!

แม้แต่กลุ่มของพิรุณหิมะยังขบคิดเงียบๆ แต่ละคนมีความรู้สึกซับซ้อนอธิบายไม่ถูก นอกจากนี้ช่องว่างก็กว้างใหญ่เกินกว่าที่จะลบล้างความคิดอื่นได้หมด

“ตอนนั้นผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวก็ยังหยุดอยู่ที่ตำหนักระดับสิบสาม…ข้าสงสัยว่าเขาจะข้ามผ่านไปได้หรือไม่…”

“หากผ่านระดับสิบสามไปได้ เขาจะข้ามผ่านผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวในอดีตได้อย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ผู้สูงส่งชั้นเทวะ! ถึงแม้จะเทียบกับเมิ่งต้าวในปัจจุบันไม่ได้ เขาก็อยู่ห่างไม่ไกล!”

ส่วนผู้สูงส่งชั้นเทวะทารกน้อย ใบหน้ากำลังซีดเผือดหลังจากเป็นพยานรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ตอนนี้เขาควรเปลี่ยนความคิดได้แล้วแต่ก็อดคิดไม่ได้

‘ระดับสิบสาม…เขาผ่านไม่ได้แน่นอน!!’

มีผู้สูงส่งชั้นเทวะอีกมากกว่ายี่สิบคนที่มาที่นี่พร้อมกับกลุ่มของพิรุณหิมะ พวกเขากระจายกันไปในบททดสอบเพื่อมองดูและเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์นี้

“เขาจะผ่านระดับสิบสามไปได้หรือไม่…”

“เผ่าเทพของเรามีอยู่เก้าคนที่หยุดอยู่ตำหนักระดับสิบสาม รวมถึงฉายเว่ยและเมิ่งต้าว หากหวังหลินผ่านระดับสิบสามไม่ได้ เขาจะกลายเป็นสุดยอดผู้สูงส่งชั้นเทวะติดอันดับสิบคนแรก!”

“ตำหนักระดับสิบสาม เขาไม่น่าจะผ่านได้ ท้ายที่สุดเขาก็ยังมีขีดจำกัด”

มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าบางคนที่เป็นสหายกันกำลังพูดคุยด้วยสัมผัสวิญญาณ พวกเขามองไปยังเค้าโครงของระดับสิบสามที่ซ่อนตัวอยู่ในก้อนเมฆ

ภายในตำหนักระดับสิบสาม หวังหลินกำลังหน้าซีดขาว ตอนที่เขาเข้ามา หมอกในดาราจักรดวงดาวปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอีกครั้ง หมอกที่นี่หนาแน่นมากกว่าสองตำหนักก่อนหน้านี้

หวังหลินขบคิดอยู่ในหมอกอย่างเงียบงัน

‘กระทิงสวรรค์ปรากฏขึ้นมาในเหล่าเก้าวิญญาณของตำหนักระดับสิบสอง…ข้ารู้สึกได้ว่าการผ่านระดับสิบสองเป็นขีดจำกัดของเกราะวิญญาณแล้ว…’

‘เกราะวิญญาณไม่สามารถทำได้ทุกอย่าง มันสามารถเพิ่มระดับบ่มเพาะและเพิ่มพลังต่อสู้ของข้าได้ แต่ยิ่งระดับบ่มเพาะของข้าเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์ของมันจะค่อยๆ ลดลง นอกจากนี้ ที่ทำไปคือการทำให้ตัวเองเข้าใกล้ระดับเดียวกับกระทิงสวรรค์มากขึ้นเท่านั้น…’

‘แต่ความจริง มันยังมีช่องว่างอยู่’

‘โชคดีที่ข้าได้เรียนรู้เต๋าเพลิงสุดขั้วในระดับสิบเอ็ดและได้เต๋าวารีสุดขั้วในระดับสิบสอง จากแปดเต๋าสุดขั้วที่จักรพรรดิเทพสืบทอดมาจากแผ่นดินเทพบรรพกาล ตอนนี้ข้ามีอยู่สองแล้ว!’

‘ตำหนักระดับสิบสามแห่งนี้ ข้าควรผ่านมันดีหรือไม่…’ หวังหลินจ้องมองและครุ่นคิด

“เต๋าคือสิ่งใด?” เพียงแค่ขบคิด น้ำเสียงเดิมที่เขาได้ยินมาในสองตำหนักก่อนหน้ากำลังดังกึกก้อง น้ำเสียงลอดผ่านอวกาศเข้ามาและเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล

หวังหลินค่อยๆ ลืมตาอย่างสงบนิ่ง เขาตอบคำถามนี้มาแล้วสองครั้ง แต่ละครั้งคำตอบก็แตกต่างกันไป เขาตอบ “ชีวิตและความตายคือเต๋า” ไปในครั้งแรกและ “เวรกรรมคือเต๋า” ไปในครั้งที่สอง

ครั้งที่สาม หวังหลินเข้าใจว่าคำตอบคือ “จริงเท็จคือเต๋า!”

บททดสอบการรู้แจ้งแห่งเต๋าอาจจะยากสำหรับคนอื่น แต่หวังหลินได้ขบคิดเรื่องนี้มาอย่างหนักตั้งแต่อยู่ในโลกถ้ำ

‘มีชื่อเสียงโดดเด่นในคราเดียว…ข้าควรนับได้ว่าทำสำเร็จไปแล้ว หลังจากระดับสิบสามไปข้าก็น่าจะหยุดได้ แม้เหล่ามหาชั้นฟ้าจะรู้ว่าข้ามีเกราะวิญญาณ แค่นี้ก็พอแล้ว’ หวังหลินขบคิดและคิดขึ้นมาในใจ

ขณะที่เสียงดังกึกก้อง ความคิดหวังหลินกระจ่างชัด เขาคิดถึงความฝันของตัวเองบนดาวซูซาคุและเอ่ยขึ้นมา “ชีวิตและความตายคือโซ่ตรวน นี่คือเต๋า โซ่ตรวนเชื่อมต่อกันจนกลายเป็นวงกลมซึ่งคือเวรกรรม นี่ก็คือเต๋า! ผู้คนมีความฝันเป็นม่านกั้น บอกไม่ได้ว่าตื่นอยู่หรือกำลังฝัน ม่านความฝันนี้ได้ขัดขวางทุกชีวิตไม่ให้มองเห็นโลกที่แท้จริง พวกเขาจมอยู่ในความจริงเท็จและไม่สามารถดึงตัวเองออกมาได้ พลังแห่งการทลายม่านความฝันและลืมตาขึ้นมาคือจริงเท็จ นี่คือเต๋า!”

เพียงคำพูดเขาเอ่ยดังกึกก้อง หมอกปกคลุมพื้นที่บริเวณจึงหายไป เผยดาราจักรดวงดาวอย่างสมบูรณ์…

ขณะที่เวลาผ่านไป ผู้คนในบททดสอบชั้นฟ้าต่างก็รอคอยมาหนึ่งก้านธูปไหม้ ตอนนี้สายตาที่มองตำหนักระดับสิบสามค่อยๆ เต็มไปด้วยความเสียใจและลังเล

“นี่มันใช้เวลานานยิ่งกว่าระดับสิบสอง แสดงให้เห็นว่าระดับสิบสามนั้นยากแค่ไหน…”

“ดูเหมือนเขาจะหยุดอยู่ที่ระดับสิบสาม อย่างไรก็ต้องมีขีดจำกัดอยู่แล้ว!”

“นั่นก็ถูก การกลายเป็นสุดยอดหนึ่งในสิบของผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดตอนบรรลุขั้นขึ้นมาก็มากพอให้เขามีชื่อเสียงไปทั่วเผ่าเทพได้แล้ว!”

“หากเขาผ่านระดับสิบสามไป เขาจะกลายเป็นสุดยอดหนึ่งในสามผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นรองเพียงแค่ฉายเว่ย…”

“แต่สุดท้าย เขาก็ยังไม่อาจข้ามผ่านผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว…”

ผู้สูงส่งชั้นเทวะส่งข้อความสัมผัสวิญญาณออกมาหากัน บางส่วนรู้สึกเสียใจและบางส่วนก็โล่งอก

‘นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว?’ มหาชั้นฟ้าต้าวยี่มองท้องฟ้าและผ่อนคลายเล็กน้อย การไม่ผ่านระดับสิบสามจะทำให้เขาเชิญหวังหลินได้ง่ายขึ้น

ขณะที่ทุกคนคาดว่าหวังหลินจะหยุดที่ระดับสิบสาม ค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณส่องสว่างมาแต่ไกล ร่างหนึ่งเริ่มควบแน่นขึ้นมา หลังจากแสงหายไปมีชายหนุ่มชุดดำปรากฏตัวเบื้องหน้าทุกคน

การปรากฏตัวของเขาทำให้ฝูงชนแตกตื่นไม่น้อยไปกว่าต้าวยี่และหวู่เฟิง ราวกับได้เกิดคลื่นลูกใหม่ในบททดสอบชั้นฟ้า!

“ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าว!!”

“เขาคือผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวใช่หรือไม่?”

“แม้เขาจะมา หากหวังหลินผ่านระดับสิบสามไปได้ ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวจะทำสีหน้าแบบไหน?” หลายคนที่อยู่ที่นี่ไม่เคยเจอผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวมาก่อน แต่ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันจึงรู้ได้ว่าเป็นใคร ทุกคนมองมาด้วยความเคารพแต่ก็ยิ่งคาดหวังไปตามๆ กัน

พวกเขากำลังรอดูว่าเมื่อหวังหลินปรากฏตัวขึ้นและทั้งสองสบสายตากันจะเกิดอะไร!

“ผู้สูงส่งชั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุด เป็นรองเพียงมหาชั้นฟ้า ผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวตัดสินใจมาที่นี่ในตอนนี้! นี่มันน่าสนใจ!”

“เห็นได้ชัดว่าเมิ่งต้าวไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ หวังหลินกำลังจะข้ามผ่านเขาไป หากเขาไม่มาคงไม่ใช่นิสัยเขา”

“เมิ่งต้าวมักจะทำตัวโอหังอยู่เสมอแต่ไม่มีใครสามารถท้าทายเขาได้ แม้แต่ฉายเว่ยก็ถูกเมิ่งต้าวข่ม”

มีเพียงผู้สูงส่งชั้นเทวะเท่านั้นที่เข้าใจตัวตนของเมิ่งต้าวได้บางส่วน พวกเขามองหน้ากันเองและมีสีหน้าเหมือนกัน แต่ก็เกิดความคาดหวังขึ้นในใจ

“เมิ่งต้าวขอคารวะมหาชั้นฟ้าต้าวยี่และหวู่เฟิง” ชายหนุ่มชุดดำท่าทีเย็นชาไม่ได้มองเหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าหรือผู้สูงส่งชั้นเทวะเลย สองมือคำนับให้กับมหาชั้นฟ้าทั้งสองคน

หวู่เฟิงมองผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวและถอนหายใจ เขาเคยเสนอเงื่อนไขที่ดีมากแต่เมิ่งต้าวก็ยังเลือกจักรพรรดิเทพ แต่จังหวะที่เขากำลังจะพูด พลันหันหน้ามองขึ้นไป

ไม่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่จิตใจทุกคนกำลังสั่นไหวและหยุดให้ความสนใจเมิ่งต้าว ทุกคนต่างก็มองขึ้นไปในท้องฟ้า

ตำหนักระดับสิบสามที่ปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆพลันระเบิดแสงสีทอง แสงสีทองกระจายเข้าไปในก้อนเมฆ ทำให้ทั้งท้องฟ้ากลายเป็นสีทอง!

“เขาผ่านระดับสิบสาม!!”

“ในอดีตตอนที่เมิ่งต้าวกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะ เขาหยุดอยู่ที่ระดับสิบสาม ตอนนี้หวังหลินผ่านระดับสิบสามได้และข้ามผ่านผู้สูงส่งชั้นเทวะเมิ่งต้าวไปแล้ว!!”

เมิ่งต้าวจ้องมองท้องฟ้าพลางหรี่ตาแคบลง สีหน้าท่าทางมืดมนเล็กน้อย

…………………………………