ตอนที่ 1144 เจ้าเมืองฉิน

True Martial World พิภพเทพยุทธ์

บทที่ 1144 เจ้าเมืองฉิน โดย Ink Stone_Fantasy

“ซื้อได้โดยตรงหรือ?” อี้อวิ๋นตกใจ “ซื้อได้จากที่ไหน?”

“เมืองสรรพสิ่งมีโรงโอสถใหญ่อยู่ทั้งหมดสามแห่ง โรงที่ใหญ่ที่สุดชื่อว่าโรงโอสถฟ้าประทาน ภายในโรงโอสถฟ้าประทานมีปรมาจารย์โอสถที่เชี่ยวชาญด้านโอสถจิตวิญญาณอยู่คนหนึ่ง เจ้าไปซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณจากที่นั่นได้”

“เช่นนี้หรือ…” อี้อวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อย ซื้อโดยตรงดูง่ายก็จริง…

“อี้อวิ๋น เจ้าขาดแคลนอักขระสรรพสิ่งใช่หรือไม่?”

องค์หญิงจิ้งจอกขาวเห็นสีหน้าอี้อวิ๋นก็เดาออกแล้ว อักขระสรรพสิ่งของเมืองสรรพสิ่งจะแลกได้ด้วยวัตถุล้ำค่าเท่านั้น อี้อวิ๋นคงจะเพิ่งมาเมืองสรรพสิ่ง คงไม่ร่ำรวยอะไรนัก

อี้อวิ๋นยิ้มขมขื่นแล้วพยักหน้า

องค์หญิงจิ้งจอกขาวคิดสักพักและพูดขึ้นว่า “คุณชายอี้โปรดรออยู่ที่นี่สักครู่”

นางเพิ่งพูดจบก็กระพริบร่างหายไปจากตรงหน้าอี้อวิ๋น

ภายในจวนเจ้าเมืองเต็มไปด้วยค่ายกลจำกัด องค์หญิงจิ้งจอกขาวถูกส่งไปที่อื่นภายในเสี้ยวพริบตา

ไม่นานเงาร่างนางก็ปรากฏขึ้นอีกขึ้น แต่ครั้งนี้มีชายวัยกลางคนคิ้วรูปกระบี่ดวงตาเป็นประกายดุจดาวปรากฏพร้อมนาง

“ท่านเจ้าเมืองฉิน…”

ก่อนหน้านี้อี้อวิ๋นเคยพบชายวัยกลางคนผู้นี้ที่ตรอกสมบัติสวรรค์

“ท่านลุงฉิน คนผู้นี้เป็นสหายของข้า อี้อวิ๋น” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดพร้อมโค้งตัวลงเล็กน้อย

ครั้งนี้องค์หญิงจิ้งจอกขาวมาแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็เพื่อฝึกฝนจิตวิญญาณและวิถีฉิน ช่วงเวลาระหว่างนี้ย่อมหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายบางอย่างไม่ได้ ฉินอู๋อินผู้เป็นอาจารย์ของนางได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากต้องการอักขระสรรพสิ่งก็ขอจากเจ้าเมืองฉินได้เลย ถึงเวลาแล้วท่านอาจารย์จะคืนให้เอง

องค์หญิงจิ้งจอกขาวรู้ว่าท่านอาจารย์ของนางสนิทสนมกับเจ้าเมืองสรรพสิ่ง ข้อเรียกร้องนี้จึงไม่มีปัญหา แต่เรื่องที่นางจะใช้เงินเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องที่จะใช้เพื่ออี้อวิ๋นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เพราะการช่วยอี้อวิ๋นต้องใช้อักขระสรรพสิ่งก้อนใหญ่ องค์หญิงจิ้งจอกขาวเองก็รู้สึกเกินขอบเขตเล็กน้อย

“หนุ่มน้อย พวกเราพบกันอีกแล้ว”

เจ้าเมืองฉินมองอี้อวิ๋นอย่างสนใจ ตอนที่อยู่ตรอกสมบัติสวรรค์ก่อนหน้านี้ก็สงสัยอีกฝ่ายอยู่ก่อนแล้ว เขาชื่นชมเสวี่ยอู๋เสียมาก เชื่อว่านางจะมีอนาคตที่ดี เสวี่ยอู๋เสียปฏิบัติต่ออี้อวิ๋นเป็นอย่างดี นางถึงขั้นเรียกร้องคำขอที่ล่วงเกินเล็กน้อยเพื่ออี้อวิ๋น

เจ้าเมืองฉินมองอี้อวิ๋นอย่างประเมินแล้วพยักหน้าพูดว่า “พรสวรรค์เจ้าไม่เลวเลย เจ้าเป็นสหายของอู๋เสีย อู๋เสียขอยืมเงินแปดแสนอักขระจากข้าให้เจ้า ข้าไม่คิดจะปฏิเสธ แต่ถึงกระนั้นก็อยากมาพบเจ้าด้วยตัวเอง อยากเห็นว่าเจ้ามีอะไรที่ทำให้อู๋เสียปฏิบัติดีด้วยเช่นนี้”

เจ้าเมืองฉินนำแผ่หยกสีแดงเข้มชิ้นหนึ่งออกมามอบให้อี้อวิ๋น

องค์หญิงจิ้งจอกขาวที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า “คุณชายอี้ ข้าจำได้ว่าธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณมีราคาห้าแสนอักขระ แผ่นหยกนี้น่าจะเพียงพอแล้ว ข้านำอักขระมาที่เมืองสรรพสิ่งด้วยไม่มาก ดังนั้นจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากท่านลุงฉิน ข้าเห็นว่าเจ้าร้อนใจมากจึงตัดสินเอง…”

อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดเช่นนี้เพราะกลัวว่าศักดิ์ศรีเขาจะรับไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหยิ่งทะนง อี้อวิ๋นจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ เขารับแผ่นหยกมาแล้วพูดว่า “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉินมากขอรับ ข้าจะคืนให้ได้ภายในสามเดือน!”

สามเดือน?

เจ้าเมืองฉินตกใจเล็กน้อย คืนอักขระสรรพสิ่งจำนวนแปดแสนภายในสามเดือน ไม่ใช่แค่เด็กรุ่นเยาว์ แม้แต่คนรุ่นอาวุโสก็ไม่กล้าคุยโวเช่นนี้

เจ้าเมืองฉินขมวดคิ้วเบาๆ หรือเขาจะมองผิดไป? ที่แท้เด็กคนนี้เป็นคนหยิ่งผยองที่พูดจาไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง?

ความจริงเจ้าเมืองฉินเป็นคนเปิดเผย ไม่ค่อยสนใจเรื่องเงินทอง โดยเฉพาะเงินที่ให้คนอื่นยืมที่เหมือนน้ำที่สาดออกไปในสายตาเขา หากได้คืนกลับมาก็เป็นเรื่องน่ายินดีที่คาดไม่ถึง คิดว่าเก็บได้ด้วยโชค แต่หากไม่ได้คืนก็เป็นเรื่องปกติ เตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้อยู่ก่อนแล้ว

ทุกคนมีราคาในใจเจ้าเมืองฉิน สหายบางคนมีค่าให้เขาบุกน้ำลุยไฟ แต่บางคนก็มีค่าแค่ไม่กี่หมื่นหรือไม่กี่แสนอักขระ หากราคาเกินกว่านี้เขาก็จะไม่ให้ยืม

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เสวี่ยอู๋เสียเอ่ยปากขอยืมเงินแปดแสนอักขระก็ย่อมไม่เป็นปัญหา แม้อี้อวิ๋นจะหายตัวไปหลังจากนี้เขาก็ไม่เอาความ คิดเสียว่าใช้เงินแปดแสนมาทำให้เสวี่ยอู๋เสียเห็นชัดว่าสหายที่นางคบเป็นคนเช่นไร วันหน้าจะได้ไม่พลาดพลั้งไปมากกว่านี้

แต่เจ้าเมืองฉินคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะพูดอย่างจริงจังว่าจะคืนให้ภายในสามเดือน คำสัญญานี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือจริงๆ

“หนุ่มน้อย เจ้าฝึกฝนให้สอดคล้องกับหลักความเป็นจริงก็พอ ข้าให้เจ้ายืมอักขระสรรพสิ่งก็เพราะอู๋เสียขอ เจ้ามีมิตรภาพเช่นนี้กับอู๋เสียได้ก็ควรทะนุถนอมให้ดี ข้าหวังว่าเจ้าจะคืนอักขระก้อนนี้สำเร็จ ส่วนเรื่องระยะเวลาก็ไม่ต้องกำหนด ทำตามกำลังตัวเองก็พอ”

คำพูดของเจ้าเมืองฉินนิ่มนวลมาก เขามองว่าด้วยอายุและพลังของอี้อวิ๋น หากคืนหนี้ก้อนนี้ได้ภายในห้าสิบปีก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว

อี้อวิ๋นย่อมฟังความหมายในคำพูดของเจ้าเมืองฉินออก แต่ตอนนี้ชีวิตหลิงเสียเอ๋อร์ตกอยู่ในอันตราย เขาไม่มีอารมณ์มาอธิบาย

“ขอบคุณท่านเจ้าเมืองฉิน เทพธิดาอู๋เสีย”

อี้อวิ๋นประสานมือพูด เขาไม่มีอะไรจำเป็นต้องพูดอีก อี้อวิ๋นจำบุญคุณครั้งนี้ไว้แล้ว

“ข้าน้อยยังมีเรื่องต้องทำ ขอตัวก่อนขอรับ!”

“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เจ้าเมืองฉินโบกมือพูด

“คุณชายอี้ เจ้ารีบไปเถอะ” องค์หญิงจิ้งจอกขาวมองออกว่าอี้อวิ๋นมีเรื่องสำคัญมากต้องไปจัดการ

อี้อวิ๋นวิ่งตรงไปที่โรงโอสถฟ้าประทานทันทีเมื่อออกจากจวนเจ้าเมือง

เมืองสรรพสิ่งกว้างใหญ่มาก มีขนาดเท่าอาณาจักรเล็กๆ ในโลกของคนธรรมดาเลยทีเดียว ภายในเมืองไม่อนุญาตให้เหาะเหิน อี้อวิ๋นจึงได้วิ่ง

‘เสียเอ๋อร์ อดทนไว้ก่อน!’

……

ข้างทะเลสาบกระจกในจวนเจ้าเมือง เจ้าเมืองฉินมององค์หญิงจิ้งจอกขาวพร้อมพูดว่า “อู๋เสีย อาจารย์เจ้าเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายของข้า ในเมื่อนางส่งเจ้ามาฝึกที่เมืองสรรพสิ่งข้าก็ย่อมดูแลเจ้าอย่างดี สหายของเจ้าคนนี้กลิ่นอายเก็บสงวน พรสวรรค์โดดเด่น นับเป็นอัจฉริยะ”

“เพียงแต่…เขาพูดจาโอ้อวดเกินไปจนทำให้คนอื่นดูถูก หากครั้งนี้เขาไม่ผิดต่อความเชื่อใจของเจ้า เช่นนั้นข้าก็พอชี้แนะให้ได้ แต่หากเขาทำให้ผิดหวัง เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าก็อยู่ให้ห่างเขา ถือเป็นเป็นบทเรียนว่าอย่าเชื่อใจใครง่ายๆ”

เจ้าเมืองฉินสอนองค์หญิงจิ้งจอกขาวอย่างจริงใจ เขามองว่าองค์หญิงจิ้งจอกขาวใส่ซื่อไร้เดียงสา ยากที่เลี่ยงไม่ให้ถูกคนอื่นเอาเปรียบในบางครั้ง

“ไม่หรอกเจ้าค่ะ อี้อวิ๋นไม่ใช่คนที่พูดแล้วทำไม่ได้” องค์หญิงจิ้งจอกขาวพูดพร้อมยิ้มบางๆ ไม่ว่าจะตอนที่อยู่โลกสวรรค์ดึกดำบรรพ์ก่อนหน้านี้หรือตอนที่เป็นศิษย์ราชาสายฝน ผลงานของอี้อวิ๋นก็ทำให้ทุกคนตื่นตะลึงอยู่เสมอ

ปาฏิหาริ์ยเหมือนจะไม่เรียกว่าปาฏิหาริย์อีกต่อไปเมื่ออยู่ในมืออี้อวิ๋น

“ในเมื่อเจ้าเชื่อมั่นเขาถึงเพียงนี้ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก ใช่แล้ว อาจารย์เจ้าส่งเจ้ามาเมืองสรรพสิ่ง นางจะมาร่วมงานซื้อขายในอีกสามปีหรือเปล่า?” แววตาเจ้าเมืองฉินมีประกายอ่อนโยนในขณะที่พูด

องค์หญิงจิ้งจอกขาวส่ายหน้า “เรื่องนี้…อู๋เสียก็ไม่ทราบเช่นกันเจ้าค่ะ หลังจากที่ท่านอาจารย์พาข้ามาส่งที่นี่ก็ออกท่องเที่ยว ข้าไม่รู้เช่นกันว่านางจะร่วมหรือไม่”

“นี่เองก็เป็นนิสัยของนาง…” เจ้าเมืองฉินมองทะเลสาบกระจก บนทะเลสาบมีภาพก้อนเมฆสีขาวส่องสะท้อน สายลมเบาๆ พัดผ่านให้เย็นสบาย พัดผ่านคนที่อยู่ข้างทะเลสาบ เจ้าเมืองฉินถอนหายใจเบาๆ และไม่พูดอะไรอีก…

 …………………………………………….