บทที่ 574 ครั้งสุดท้าย

The king of War

เมื่อหม่าชาวขับรถมาถึงบ้านของหยางเฉิน หยางเฉินก็รออยู่หน้าบ้านแล้ว

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมพวกคุณถึงมารับผมถึงที่เลยล่ะ?”

หลังจากขึ้นรถ หยางเฉินก็ถามด้วยความสงสัย

ก่อนที่จะมารับหยางเฉิน หม่าชาวก็ได้โทรหาเขาก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดให้เขาฟังก่อน

ในเวลานี้ ดวงตาของอ้ายหลินยังคงแดงและบวมอยู่ และยังมีละอองน้ำอยู่ในดวงตาของเธอด้วย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งร้องไห้เสร็จ

อ้ายหลินถอนหายใจแล้วค่อยๆ อธิบาย

จากนั้นหยางเฉินรู้สึกโกรธมากเมื่อรู้ข่าวว่าอ้ายหลินถูกไล่ออกจากบ้านตระกูลอ้าย แม้แต่อ้ายชวนก็ออกไปจากบ้านนี้แล้ว

เขาเคยสัญญากับครอบครัวตระกูลอ้ายแล้วว่าจะรักษาความรุ่งโรจน์ของพวกเขาให้นานนับร้อยปี เพราะเห็นแก่หม่าชาวกับอ้ายหลิน และเห็นแก่อ้ายชวนคนนี้ด้วย

อ้ายชวนเป็นคนพูดเก่ง เมื่อเห็นอิทธิพลความสามารถที่หาที่เปรียบไม่ได้ของหม่าชาวกับหยางเฉินแล้ว เขาก็อยากสละตำแหน่งผู้นำให้กับอ้ายหลินทันที ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากแค่ไหน

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เขากลับถูกบีบบังคับให้ออกจากตระกูลอ้ายด้วย แม้แต่อ้ายหลินผู้เป็นลูกสาวคนนี้ยังถูกตัดขาดความสัมพันธ์จากครอบครัว

“พ่อคุณจะเสียใจเอง!”

หยางเฉินพูดอย่างเย็นชา

ถ้าอ้ายหลินไม่ใช่ลูกสาวของอ้ายหมิงซวี่ ด้วยการกระทำของอ้ายหมิงซวี่ในวันนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้หยางเฉินไปฆ่าเขาแล้ว

อ้ายหลินยิ้มพูดอย่างขมขื่น “ก่อนออกจากบ้าน คุณปู่ก็บอกกับฉันแบบนี้เหมือนกัน”

“พี่เฉิน พี่คงไม่ได้จะทำอะไรคุณลุงอ้ายหรอกนะ?”

จู่ ๆ หม่าชาวก็รู้สึกประหม่าและรีบอธิบายว่า “เขาก็น่าสงสารเหมือนกันนะครับ ไม่เคยเจอโลกภายนอกสักเท่าไหร่ เป็นคนหัวโบราณ เขาไม่มีทางรู้ถึงศักยภาพของพี่หรอกครับ”

“ไม่อย่างนั้น ต่อให้เขากล้าหาญมากแค่ไหนก็ไม่มีทางตัดสินใจทำแบบนี้ครับ”

สำหรับคำอธิบายของหม่าชาว พี่เฉินถึงกับพูดไม่ออก ได้แต่เพ่งมองไปที่เขาแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ในสายคุณ ผมเป็นคนไม่มีกาลเทศะขนาดนั้นเลยเหรอ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หม่าชาวก็ถึงกับทำตัวไม่ถูก

“คุณน่ะ เป็นห่วงจนฟุ้งซ่านไปนะ ต่อให้พี่เฉินอยากฆ่าพ่อฉันสักแค่ไหน อย่างน้อยพี่เฉินก็คงเห็นแก่พวกเราแล้วไว้ชีวิตพ่อฉัน มากสุดก็แค่ให้บทเรียนกับเขาหน่อยก็เท่านั้น”

ในทางตรงกันข้าม กลับเป็นอ้ายหลินที่ยิ้มพูดอย่างขมขื่นเพราะรู้ว่าหยางเฉินจะไม่ทำอะไรอ้ายหมิงซวี่อยู่แล้ว

ในขณะนั้น หม่าชาวก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก และเขาก็รีบพูดว่า “พี่เฉินครับ พี่อย่าเก็บไว้ในใจนะครับ ผมก็แค่เป็นห่วงมากเกินไป ผมกลัวอ้ายหลินจะลำบากใจครับ”

“เขาว่ากันว่า ในความสัมพันธ์ของคู่รัก มักจะเป็นฝ่ายหญิงที่งมงาย แต่ทำไมผมรู้สึกว่าคนผู้ชายอย่างคุณจะงมงายมากกว่านะ?” หยางเฉินพูดอย่างจนใจ

“คิคิ!”

อ้ายหลินอดไม่ได้และหัวเราะออกมา

รอยยิ้มนี้ ทำให้ความทุกข์ที่ฝังแน่นในใจเธอเริ่มลดน้อยลง

และนี่ก็คือผลลัพธ์ที่หยางเฉินต้องการ แม้การที่อ้ายหมิงซวี่ตั้งใจจะให้อ้ายหลินกับหม่าชาวออกไปรับโทษนั้น ทำให้หยางเฉินโกรธมาก และอดไม่ได้ที่จะฆ่าอ้ายหมิงซวี่ แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเรื่องภายในของครอบครัวตระกูลอ้าย

เว้นแต่อ้ายหลินยืนหยัดจะเป็นศัตรูกับตระกูลอ้าย และจะลงมือกับตระกูลอ้าย ไม่อย่างนั้นเขาจะทำอะไรตระกูลอ้ายได้อย่างไร?

ถึงแม้เรื่องราวในตอนนี้จะฟังดูซับซ้อนมาก เพราะตระกูลอ้ายไม่เพียงแต่จะมีเรื่องกับตระกูลเถียน และยังมีเรื่องกับตระกูลซุนด้วย แต่สำหรับหยางเฉินแล้วมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

รถแล่นไปตลอดทาง และในเวลาเพียงสิบห้านาที รถก็จอดที่หน้าบ้านตระกูลอ้าย

เดิมทีหม่าชาวกับอ้ายหลินตั้งใจจะไปบ้านตระกูลเถียนแล้ว แต่หลังจากได้รับสายจากอ้ายหมิงซวี่เพื่อบังคับให้อ้ายหลินแต่งงานกับตระกูลซุน อ้ายหลินก็เข้าใจทันทีว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นต้องเคลียร์กันที่บ้านตระกูลอ้ายเท่านั้น

“ไอ้ลูกไม่รักดี แกยังกล้ากลับมาอีกเหรอ!”

เมื่อเห็นอ้ายหลินกลับมาอีกครั้ง อ้ายหมิงซวี่ก็ตะโกนพูดด้วยความโกรธ

ถ้าไม่ใช่เพราะหม่าชาวกับหยางเฉินยืนอยู่สองข้างของอ้ายหลิน เขาแทบทนไม่ได้ที่จะเข้าไปตบหน้าอ้ายหลินสักชุดหนึ่ง

อ้ายหลินพูดอย่างเฉยเมยว่า “หนูบอกแล้ว พวกหนูจะจัดการเรื่องนี้เอง จะไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลอ้าย!”

“ข้าสั่งให้แกไปรับโทษที่บ้านตระกูลเถียน แต่แกไม่ยอมไป แล้วข้าให้แกไปจดทะเบียนสมรสกับบ้านตระกูลซุน และแกก็ไม่ยอมไป ไหนแกบอกข้าหน่อยสิ ว่าแกจะเอาอะไรไปรับมือกับสองครอบครัวจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู?”

อ้ายหมิงซวี่ถึงกับตะโกนออกมา

ส่วนคนอื่นๆ ของตระกูลอ้ายก็มองไปที่อ้ายหลินด้วยความเกลียดชังและตะคอกซ้ำเติมเธอ

“ไอ้ตัวซวย ตัวสร้างหายนะ ตอนนี้เธอสร้างปัญหาใหญ่ให้กับตระกูลอ้ายขนาดนี้แล้ว คำเดียวสั้นๆ ว่าเธอจะแก้ไขปัญหานี้ได้ แล้วเธอคิดว่าจะทำได้อย่างที่พูดงั้นเหรอ?”

“ผมว่าเราจับมันไปที่กรมทะเบียนตอนนี้ แล้วให้มันจดทะเบียนสมรสกับลูกชายคนสุดท้องของตระกูลซุนดีกว่า”

“แต่ฉันคิดว่าฆ่ามันให้จบๆ ไปจะดีกว่านะ ยังไงตอนนี้ตระกูลเถียนก็ใกล้จะถึงกันแล้ว ให้ตระกูลเถียนเห็นความจริงใจของเรา ไม่แน่พวกเขาอาจจะปล่อยตระกูลอ้ายของเราไปก็ได้”

คนของตระกูลอ้ายต่างก็พากันชี้หน้าด่าอ้ายหลิน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางคนที่คิดจะฆ่าเธอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจที่มีต่อตระกูลเถียน

ใบหน้าของความเป็นทาสของพวกเขานั้นมันช่างน่าเกลียดจริงๆ

หยางเฉินได้แต่หรี่ตามองทั้งหมดนี้และไม่ได้พูดอะไรสักคำ เพราะการโต้เถียงกับคนใจแคบเหล่านี้ มันก็ยิ่งลดสถานะของตนลงไป

ในเวลานี้ เขาอดไม่ได้ที่จะให้คนของตระกูลเถียนและตระกูลซุนมาถึงให้เร็วที่สุด

เพราะหลังจากจัดการกับสองครอบครัวนี้แล้ว เขาจะคอยดูว่าคนของตระกูลอ้ายจะมีท่าทีอย่างไร?

“หุบปากกันให้หมด!”

หยางเฉินสามารถทนได้ แต่หม่าชาวไม่สามารถทนได้อีก เขาจึงตวาดออกไปและกวาดมองสมาชิกของตระกูลอ้ายแล้วกัดฟันพูดว่า “อย่าให้ผมได้ยินว่าพวกคุณกล้าดูถูกอ้ายหลินอีก เพราะผมจะฆ่ามันก่อน!”

“อย่าล้อเล่นกับคำพูดของผมนะ แม้แต่ทายาทสายตรงของตระกูลเถียนผมยังฆ่ามาแล้ว นับประสาอะไรกับพวกคุณ!”

ดวงตาของหม่าชาวในขณะนี้เต็มไปความอาฆาต

เพราะคนเหล่านี้ดูถูกอ้ายหลิน จึงทำให้เขาโกรธจนสุดจะทน

และมันก็ได้ผลจริง หลังจากหม่าชาวข่มขู่ คนของตระกูลอ้ายก็ตะลึงงันและเงียบไป

หม่าชาวนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ก่อนหน้านี้ที่อยู่บ้านตระกูลหวัง คนของตระกูลอ้ายก็ได้เห็นกับตาแล้ว เพราะหม่าชาวคนเดียวก็สามารถจัดการกับยอดฝีมือของตระกูลหวังได้

และในวันนี้ แม้แต่ทายาทสายตรงจากแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูเขาก็สังหารมาแล้ว

ดังนั้น คนกลุ่มที่ตั้งใจจะฆ่าอ้ายหลินก่อนหน้านี้ก็ไม่กล้าอวดดีอีก ทุกคนได้แต่ก้มหน้าก้มตาและกลัวสายตาอาฆาตของหม่าชาวมาก

อ้ายหมิงซวี่ก็ตกใจเช่นกัน เมื่อเห็นหม่าชาวโกรธขนาดนี้ คำพูดที่เขากำลังจะระบายให้กับอ้ายหลินก็ต้องกลืนลงท้องไป

ส่วนอ้ายหลินในขณะนี้ นัยน์ตาเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง สองตาของเธอได้แต่มองผู้คนของตระกูลอ้ายอย่างลึกซึ้ง และสุดท้ายก็มองไปที่อ้ายหมิงซวี่แล้วพูดขึ้นว่า “พ่อไม่ต้องห่วงหรอกนะ เรื่องของวันนี้ ยังไงก็ไม่ลามไปถึงครอบครัวตระกูลอ้ายอย่างแน่นอน”

“และสิ่งที่ฉันบอกกับทุกคนได้ก็คือ หลังจากเรื่องในวันนี้จบลง ฉันกับตระกูลอ้ายก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ อีก ในอนาคตไม่ว่าตระกูลอ้ายจะเจอกับปัญหาอะไรก็ตาม อย่ามายุ่งกับฉันอีก”

“เพราะต่อจากนี้ไป ต่อให้ตระกูลอ้ายจะต้องเจอกับความพินาศ ฉันก็จะไม่มีวันใจอ่อน”

ในดวงตาสีแดงของอ้ายหลินนั้นเต็มไปด้วยความแน่วแน่

ไม่รู้เพราะอะไร อ้ายหมิงซวี่ในตอนนี้รู้สึกกังวลอย่างกะทันหัน ซึ่งดูเหมือนว่าคำพูดของอ้ายหลินจะเป็นจริงได้อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเสียงพูดของอ้ายหลินจบลง ชายวัยกลางคนก็รีบวิ่งเข้ามาและพูดด้วยความตื่นตระหนก “ท่านผู้นำครับ คนของตระกูลเถียนมาถึงแล้วครับ!”