GGS:บทที่ 858 ดอกไม้ไฟสุดแสนจะน่าตกตะลึง (1)

 

งานเลี้ยงครบรอบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุนก็ได้เข้ามาสู่ช่วงสุดท้ายจริงๆ

หลังจากที่บทเพลงบรรเลงกู่จิ้งของซูจิ้งที่มีชื่อว่า “หลงลืมแอ่งน้อยในบึงใหญ่” ได้จบลง ทุกๆคนต่างประทับเสียงบรรเลงกู่จิ้งเอาไว้จำฝังใจ

พวเขานั้นรู้สึกได้จนหมดใจว่าพวกเขานั้นคุ้มค่าแล้วที่ได้มาฟังบทเพลงนี้ หากพวกเขาไม่ได้มาฟังกับตัวเองแล้วรู้ข่าวเข้าทีหลังล่ะก็ต้องอิจฉาจนตายแน่ๆ

ในเมื่อมาถึงช่วงสุดท้ายของงานเลี้ยงนี้แล้ว นั่นก็ย่อมหมายความว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการจุดดอกไม้ไฟเฉลิมฉลองเป็นการปิดท้ายตามธรรมเนียมปฎิบัติตามที่เคยมีมา

ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้ถือว่าเป็นเวลาที่ช้าเกินไป แต่ก็มีเด็กอีกหลายคนที่ยังอยู่นานไม่ได้ และต้องรีบกลับเพราะพรุ่งนี้ต้องมีเรียนแต่เช้า

จึงเป็นเรื่องดีที่จะรีบเริ่มการแสดงพลุไฟก่อนที่จะมีเด็กพลาดโอกาสนี้ไป

 

“คุณซู ดอกไม้ไฟของคุณซูพร้อมรึยังครับ” ครูหลิวได้รีบเข้ามาถามซูจิ้งในทันที เพราะเขาเองไม่อยากให้เด็กที่เสียเวลามาแล้วต้องพลาดโอกาสนี้ไป

“แน่นอนครับ ผมเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ครูหลิวสามารถพาเด็กนักเรียนออกไปรอที่ข้างนอกได้เลย” ซูจิ้งพูดออกมา

“ได้ครับ” ครูหลิวได้ยินดังนั้นจึงส่งสัญญาณให้พิธีการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

เมื่อเห็นสัญญาณ พิธีการได้บอกทุกคนว่าให้เตรียมออกไปข้างนอกห้องประชุมและตรงไปยังลานกิจกรรมของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุน

ลานกิจกรรมที่ว่านี้ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนแต่ว่าได้ถูกจัดตั้งอยู่นอกโรงเรียนที่ทางประตูฝั่งทิศตะวันออก โดยมีถนนกั้นโรงเรียนเอาไว้กับสนามกิจกรรม

ที่นั่นไม่เพียงจะมีสนามฟุตบอล แต่ยังมีสนามบาสเก็ตบอล บาร์โหนแบบต่างๆ มีแม้แต่บาร์ต่างระดับ และอุปกรณ์ประกอบกิจกรรมการแจ้งอื่นๆซึ่งดูๆไปแล้วก็ถือว่าดูใช้ได้เลยทีเดียว

ด้วยการที่บริเวณโดยรอบสนามไม่มีอาคารสูงใดๆเลย จึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะแก่การจุดดอกไม้ไฟอย่างยิ่ง จึงถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่สามารถจุดดอกไม้ไฟได้อย่างถูกกฎหมายโดยไม่ต้องขออนุญาตใดๆ

โดยปกติแล้วการจุดดอกไม้ไฟนั้นจะไม่อนุญาตให้จุดในเขตเมืองแต่อย่างใด หากว่าจะมีการจุดบ้างนัดสองนัดก็คงไม่มีปัญหาเพราะยังซะพื้นที่แถบนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นเขตชานเมือง

แต่ด้วยการที่ครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงครบรอบร้อยปีของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจองหยุนทั้งที จุดแค่ดอกสองดอกคงเป็นไปไม่ได้

แต่ยังไงซะ ทางโรงเรียนก็ได้ไปทำเรื่องขออนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีปัญหาและสามารถเพลิดเพลินได้อย่างเต็มที่

 

ครูใหญ่และคณะจารย์ได้เดินนำเหล่าศิษย์และศิษย์ปัจจุบันออกไปจากหอประชุมมุ่งสู่ลานกิจกรรมเพื่อพอกันไปชมดอกไม้ไฟ

ถึงแม้ว่าเหล่านักเรียนจะทำหน้าเบื่อหน่ายขนาดไหนก็ตามแต่ก็ยังคงเดินไปอยู่ดี ซึ่งเรื่องนี้ซูจิ้งเองก็คิดไว้แล้ว ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

บนอินเตอร์เน็ตเองก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้ง บางคนก็ว่าน่าจะไม่ธรรมดา บางคนก็ว่าซูจิ้งไม่ใช่มืออาชีพ งานน่าจะล่มไม่เป็นท่า

บ้างก็ว่าน่าสนใจและเฝ้ารอดูว่าจะล่มอีท่าไหน แต่สำหรับนักเรียนของโรงเรียนมัธยมต้นที่หนึ่งแห่งเมืองจงหยุนแห่งนี้ สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ชาวเน็ตสักเท่าไหร่

ทุกคนต่างก็คิดว่าการแสดงก่อนหน้านี้อย่างเพลงหมัดออกกำลังกายยามเช้า และการเล่นเพลงหลงลืมแอ่งน้อยในบึงใหญ่นั้นไม่ได้เลวร้ายตามที่ทุกคนคิดแต่อย่างใด

ดังนั้นแล้วการแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้งเองก็สมควรไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ทุกคนคิดเช่นเดียวกัน

 

ณ จุดกึ่งกลางสนามฟุตบอล ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาตามรูปแบบมาตรฐานนั้น ตรงนั้นเองดูเหมือนว่าจะมีดอกไม้ไฟมากมายหลากหลายวางไว้อยู่ มีเพียงซูจิ้งยืนอยู่ตรงนั้น และคนอื่นๆได้ขึ้นไปนั่งชมอยู่บนสเตเดี้ยม

“คุณซู คุณเย่ โปรดเชิญมาข้างหน้าด้วยครับ” อาจารย์ใหญ่ได้เดินเข้ามาหาพ่อและแม่ของซูจิ้งเพื่อพาทั้งคู่ไปดูในจุดที่ชัดกว่าคนอื่น

“ไม่ล่ะ พวกเราขอดูอยู่ห่างๆ เว้นที่ว่างให้หนุ่มสาวได้ดูกันชัดๆดีกว่า” เย่ฉิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

“อย่าห่วงพวกเราไปเลยครับอาจารย์ใหญ่ ครูใหญ่ไปจัดการงานต่อเถอะครับ” ซูเซิ่นเชวี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน

“ถ้าอย่างงั้นพวกเราไปนะครับ” ครูใหญ่และหัวหน้านักเรียนและคณาจารย์คนอื่นๆเองเมื่อเห็นว่าทั้งสองทำยังไงก็ไม่น่าจะไปจึงได้แต่ยอมทำตาม แต่ก็ยังมีหลายๆคนที่เลือกที่จะยืนอยู่เป็นเพื่อนของทั้งคู่

มันก็จริงที่ว่าสถานะของทั้งคู่นั้นไม่เหมือนแต่ก่อน นั่นก็เพราะว่าลูกชายของทั้งคู่พึ่งจะบริจาคเงินกว่าสิบล้านหยวนให้กับโรงเรียนที่ทั้งสองคนสอนซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นทั้งสองคนได้หน้าไปเต็มๆ

อีกทั้ง ซูเซิ่นเชวี่ยและเย่ฉิงนั้น ถือได้ว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในจรรยาของตัวเอง ต่อให้ลูกชายของตัวเองร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีนับหมื่นล้าน

แต่พวกเขาก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในฐานะครูต่อไป ไม่ยึดติดกับเงินทอง หรือเรียกร้องอะไรจากใคร

ทั้งคู่ชอบสอนและให้ความรู้กับคนอื่นๆ ซึ่งกับทั้งสองคนแล้วการที่ซูจิ้งรวยขึ้นมาแบบนี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะได้ทำหน้าที่ครูได้อย่างเต็มที่

ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังอีกต่อไป ทำให้ทุกคนที่รู้ต่างก็นับถืออย่างแท้จริง

 

“หลีกหน่อยหลีกหน่อย” ถังเสี่ยวหยูได้เดินแหวกฝูงชนโดยลากซูหยาตามไปด้วยเพื่อที่จะเข้าไปให้ใกล้ซูจิ้งมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

“เฮ้ มาก่อนได้ก่อนสิ จะมาแทรกกันทำไมเนี่ย” นักเรียนชายที่อยู่ข้างหน้าในตอนนี้เมื่อถูกเบียด เขาจึงแสดงท่าทางไม่พอใจออกมา

“หยวนๆหน่อยน้า… ก็พวกเราตัวเตี้ยนี่นา อยู่ข้างหลังก็เห็นกันพอดี” ถังเสี่ยวหยูแสดงท่าทางออดอ้อนออกมา

หลังจากเห็นใบหน้าของถังเสี่ยวหยูที่อยู่ท่ามกลางแสงจันทร์แล้ว ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นก็ส่องเป็นประกายออกมา

ใบของถังเสี่ยวหยูที่เขาเห็นนั้นช่างขาวกระจ่างและสดใสประดุจดั่งหยกขาว ช่างทรงพลังและน่ารักอย่างมาก

เมื่อซูหยาเห็นท่าทางตื่นตะลึงของชายหนุ่ม เธอเองก็หรี่ตามองอย่างรู้ทัน

ก่อนนี้เธอคิดอยู่ว่าจะใช้อำนาจในฐานะของน้องสาวของซูจิ้งเพื่อขึ้นไปอยู่หน้าๆ ก็คงมีคนยอมอยู่บ้าง แต่ดูเหมือนเธอเองน่าจะไม่ต้องออกโรงอะไรแล้ว

และในขณะที่ซูหยายังไม่ได้ทำอะไรตามที่คิดนั้น ชายหนุ่มทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้เปิดทางให้กับทั้งคู่โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้ร้องขอแต่ประการใด โดยมีคนหนึ่งพูดกับพวกเธอว่า “เป็นซูหยากับถังเสี่ยวหยูนี่เอง ขึ้นหน้าไปได้เลย”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถังเสี่ยวหยู และซือหยาจึงได้เดินนำหน้าไปแทน โดยมีคนอื่นๆเดินตามๆกันไปโดยไม่ได้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแต่ประการใด

“ดอกไม้ไฟที่คุณชายของเธอเตรียมไว้นี้มีความวิเศษวิโสยังไงเหรอ บอกกันหน่อยสิ” ลู่ชิงหยาอดไม่ได้ที่จะถามฉือชิงออกมา โดยตอนนี้ทั้งฉือชิง ลู่ชิงหยา หยางเว่ย จูเจียนฮัว และเป็งหมิง ได้นั่งรวมกลุ่มกันอยู่แถวหน้าของสเตเดี้ยมเรียบร้อยแล้ว

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะ” ฉือชิงส่ายหัวออกมาพลางยิ้มตอบ

“ทำไมมันแลดูเหมือนมีดอกไม้ไฟน้อยจัง คงไม่ใช่ว่าจุดไปได้ปังสองปังก็หมดแล้วนะ” หยางเว่ยค่อนแคะออกมา

“ฉันก็ว่างั้นนะ” จูเจียนฮัวเองก็คิดเหมือนกันว่ามันดูธรรมดาเกินไป

ต่อให้เป็นคนทั่วไปก็สามารถจัดการแสดงดอกไม้ไฟได้ เพียงต้องจัดเตรียมดอกไม้ไฟให้ครบ และจุดให้ได้ตามลำดับด้วยเวลาที่เหมาะสม ดอกไม้ไฟที่จุดออกมาก็จะมีความสวยงาม

และยิ่งดอกไม้ไฟที่จัดแสดงนั้น ยิ่งลูกใหญ่เท่าไหร่ก็จะยิ่งดูสวยงามและอลังการมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้มีการจุดแบบผสมผสานมากมายขนาดไหนก็ยากที่จะตกใจได้

 

“อืมมม ฉันว่าพวกมันรูปร่างแปลกๆนะ” เป็งหมิงพูดออกมา

“ดูแล้วสงสัยว่าจะเป็นดอกไม้ไฟยิงปิ้วๆธรรมดานะ ถึงฉันบริจาคเงินไปกว่าล้านหยวนแล้วแต่ฉันยังมีเงินเหลือพอที่จะซื้อดอกไม้ไฟช่วยนายได้อยู่นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจียเจิ้งหนิงได้หัวเราะออกมาอย่างดัง

“ดอกไม้ไฟชุดเล็กนั้นมันไม่ค่อยจะดีนะฉันว่า เพราะวงมันแคบมาก ฉันว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้นะ” หยางตงและหลิวหยงพูดออกมาพลางหัวเราะตาม

 

“ในขณะเดียวกันคนที่กำลังทำการสตรีมอยู่ใจตอนนี้ก็ยังคงติดตามสตรีมซูจิ้งต่อไป และก็ได้มีคนติดตามดูการสตรีมนี้อยู่ในอินเตอร์เน็ตอย่างล้นหลามเช่นเดียวกัน

ในสำนักงานแห่งหนึ่ง เผิงเหวินซู่ได้เดินเข้ามาในห้องและเปิดจอคอมเพื่อรอดูฉากเด็ดๆที่เขาเฝ้ารอคอยและหวังอย่างมากที่จะได้เห็น”

“หัวหน้าคิดว่าดอกไม้ไฟที่ไอ้บ้านี่เอามาจัดแสดงคิดว่าเป็นยังไงบ้างครับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม

“แน่นอนว่าไม่มีทางเทียบกับดอกไม้ไฟของเราที่เตรียมเอาไว้ใช้สำหรับงานเลี้ยงหรอกน่า” หญิงสาวอีกคนหนึ่งได้พูดสำทับออกมา

“ฮ่าฮ่า คนทั่วไปนั้นไม่มีทางเข้าใจความยากในการจัดแสดงดอกไม้ไฟอยู่แล้ว เรามารอดูกันดีกว่า” เผิงเหวินซู่พูดออกมาอย่างสบายอารมณ์ก่อนที่จะยิ้มออกมา

“ฉันกลัวแต่ว่าต่อให้ดอกไม้ไฟที่เขาเตรียมมาสวยขนาดไหนก็ตาม แต่ดอกไม้ไฟของเขาดูเล็กจริงๆ ฉันว่าดอกไม้ไฟที่ออกมาน่าจะเล็กแน่ๆเลย” หญิงวัยกลางคนที่ไว้ผมสั้นได้พูดออกมา

 

“พูดมามันก็จริงนะ ดอกไม้ไฟเล็กๆแบบนั้นจะไปทำอะไรได้ มันต้องเป็นดอกไม้ไฟรูปดาวตกที่เผยแพร่ว่อนอินเตอร์เน็ตเมื่อหลายวันก่อนสิ

นั่นแหล่ะคือสุดยอดดอกไม้ไฟที่ทุกคนต่างต้องการเห็น” ชายวัยกลางคนได้หัวเราะออกมาอย่างดัง นี่ทำให้คนที่อยู่รอบๆเขาต่างก็หัวเราะตามกันไปหมด

พวกเขาเองก็ได้เห็นภาพวีดิโอดอกไม้ไฟอันแสนวิจิตรที่ถูกถ่ายไว้ด้วยมือถือและถูกเผยแพร่อยู่บนอินเตอร์เน็ตก่อนหน้านี้มาแล้ว และพวกเขาตีค่ามันว่าเป็ฯของปลอม

โดยเผิงเหวินซู่นั้นได้จัดทำไมโครบลอคเพื่อวิเคราะห์วีดิโออันนั้นอย่างเป็นเรื่องเป็นราวจนทำให้ไม่ว่าใครต่างกันเชื่อว่ามันคือของปลอมที่ใช้เทคนิคพิเศษทำขึ้นมา

 

ในขณะเดียวกันเหล่าบริษัทดอกไม้ไฟที่เคยติดต่อขอแสดงดอกไม้ไฟผ่านเว่ยเสี่ยวหยวนก่อนหน้านี้แต่ถูกปฏิเสธไปต่างก็รอได้ว่าซูจิ้งจะขายหน้าจากงานแสดงดอกไม้ไฟของเขามากน้อยขนาดไหน ทุกบริษัทต่างก็ดูแคลนและเชื่อว่าการแสดงดอกไม้ไฟของซูจิ้งไม่มีทางประสบความสำเร็จลงได้ และต่างก็คิดว่าซูจิ้งนั้นสมควรจ้างพวกเขาดีกว่าทำเองแบบนี้

 

ณ กลางสนามบอลในตอนนี้ที่ลานแสดง ซูจิ้งได้พูดด้วยเสียงอันก้องกังวานและทรงพลัง เสียงของเขาไม่ได้ดังมากแต่เสียงกลับส่งผ่านไปยังทุกคนที่อยู่บนสเตเดี้ยมโดยรอบได้อย่างน่าสงสัย

“ผมเชื่อว่าคืนนี้ผมจะทำให้ทุกคนได้จดจำเอาไว้ได้นานแสนนาน ต่อให้ผ่านไปอีกหลายปี ผมก็ยังเชื่อได้ว่าทุกคนจะจำภาพที่สวยงามในยามค่ำคืนนี้ได้อย่างชัดเจน

ผมนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกคน จะจดจำชื่อของดอกไม้ไฟเหล่านี้ไว้ ว่าสามารถสร้างภาพจำฝังใจให้ทุกคนตลาดชีวิต ดอกไม้ไฟพวกนี้ผมตั้งชื่อพวกมันเอาไว้ว่าดอกไม้ไฟวิเศษ หากอยากรู้ว่าทำไมผมถึงได้ตั้งชื่อพวกมันอย่างนั้นล่ะก็ เมื่อทุกคนได้เห็น ก็จะเข้าใจเอง”

 

หลังจากซูจิ้งพูดจบ เขา ได้ทำการจุดชนวนที่ได้เชื่อมไปยังสายที่ระโยงระยางและต่อเข้าไปยังดอกไม้ไฟรูปร่างประหลาดขนาดยักษ์