หยางจงได้ฟังคำพูดของหลิงหยุนก็ถึงกับหยุดชะงักในทันที! และได้แต่คิดในใจว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่!
ในระหว่างที่พูดนั้นหลิงหยุนก็ได้หันไปมองตี้เสี่ยวอู๋ที่กำลังเดินตรงไปที่รถ Mercedes-Benz ของตนเอง และดูเหมือนพวกเขาพร้อมที่จะขับรถชนแล้ว..
ส่วนถังเมิ่งนั้นไม่เพียงยืนดูนิ่งเฉยหนำซ้ำยังจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างไม่ยี่หระอีกด้วย แต่ก็อดที่จะร้องเตือนหยางจงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่ได้..
“นี่เพื่อน..นายมีเวลาเพียงแค่ยี่สิบวินาทีสำหรับการเลื่อนรถออก ถ้านายไม่รีบมาขับรถของนายออกไปแล้วล่ะก็ เชื่อมั๊ยว่ารถของนายจะกลายเป็นแค่เศษเหล็ก”
ส่วนตี้เสี่ยวอู๋นั้นไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวเขาเดินตรงเข้าไปที่รถ Maybach ซึ่งจอดขวางทางไว้ นับว่าหยางจงมีทักษะในการขับรถที่ยอดเยี่ยมมาก เพราะเขาจอดได้แนบชิดกับท้ายรถของหลิงหยุน จนไม่เหลือช่องว่างให้คนสามารถเดินผ่านได้ ตี้เสี่ยวอู๋จึงร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห..
“หึ..แกคอยดูให้ดีว่าฉันจะเข้าไปที่รถได้ยังไง”
หยางจงยืนกอดอกจ้องมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าแน่นิ่งแต่สีหน้าของเขานั้นเริ่มที่จะไม่เป็นปกติแล้ว เพราะตี้เสี่ยวอู๋กำลังกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ..
ร่างสูงใหญ่บึกบึนที่สูงกว่าหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรและหนักเกือบหนึ่งร้อยกิโลกรัมของตี้เสี่ยวอู๋ กำลังลอยละลิ่ว และค่อยๆตกลงไปบนหลังคารถ Maybach ของหยางจง..
อีกทั้งตี้เสี่ยวอู๋ยังจงใจถ่ายเทกำลังภายในลงไปบนฝ่าเท้าทั้งสองของตนเองด้วยทำให้ทันทีที่ฝ่าเท้าของตี้เสี่ยวอู๋กระแทกกับหลังคารถ Maybach เข้า ก็ถึงกับยุบลงในทันที และรถก็สั่นสะเทือนไปทั้งคัน..
“ห๊ะ!ชิบหายแล้ว!” หยางจงกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจและเสียใจ แล้วรีบทิ้งหญิงสาวข้างกายวิ่งตรงเข้าไปหารถยนต์คันใหม่ของตนเองทันที!
หยางจงพบว่า..รถหรูคันใหม่ของตนนั้นยังไม่มีอะไรเสียหายมากนัก นอกจากรอยฝ่าเท้าทั้งสองข้างบนหลังคารถที่ยุบ!
ถังเมิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่ถอนหายใจออกมา และพูดขึ้นว่า “เฮ้อ.. ฉันอุตส่าห์เตือนนายแล้ว!”
ในจังหวะนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ได้กระโดดลงจากหลังคารถMaybach และเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ Mercedes-Benz ของหลิงหยุน แล้วจัดการสตาร์ทรถทันที!
บรื้น..บรื้น..
ตี้เสี่ยวอู๋เหยียบคันเร่งเสียงดังแต่รถยังคงนิ่งไม่เคลื่อนตัว..
หยางจงถึงกับหน้าเปลี่ยนสีและร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พวกแกกล้าเหรอ!” ถังเมิ่งพ่นควันบุหรี่ออกมาอย่างสบายอกสบายใจแล้วจึงตอบไปว่า “เมื่อครู่ฉันบอกนายให้ขับรถออกไป นายก็ไม่เชื่อ!”
“ตอนนี้ฉันขอแนะนำให้นายถอยออกไปให้ห่างจากรถล่ะจะได้ไม่เจ็บตัว!”
ในเวลานั้น..รถ Mercedes-Benz ของหลิงหยุนก็เคลื่อนตัวไปข้างหน้าราวหนึ่งเมตร จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ขับถอยหลังกลับมาอย่างรวดเร็ว และท้ายรถ Mercedes-Benz ก็ได้ชนเข้ากับประตูด้านขวาของรถ Maybach เข้าอย่างแรง จนเป็นรอยยุบลงไปอย่างเห็นได้ชัด!
ในขณะเดียวกันนั้น..กระจกทางด้านประตูขวาของรถ Maybach ก็ได้แตกละเอียด แล้วรถทั้งคันก็กระเด็นถอยออกไปไกลเกือบหนึ่งเมตร!
“ไม่นะ!!!”
หยางจงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะกล้าชนรถของตนเองจริงๆตัวเขาเองยังกระโดดหลบแทบไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร มีเพียงใบหน้าที่ซีดเผือด และเต็มไปด้วยความหวาดกลัว..
รถMaybach ของหยางจงถูกถอยชนอย่างรุนแรงจนกระจกแตกละเอียด แต่ดูเหมือนตี้เสี่ยวอู๋จะไม่สนใจ เขาขับรถไปข้างหน้า และถอยกลับมาชนรถ Maybach อีกเป็นครั้งที่สอง..
ตูม!
และครั้งนี้..ตี้เสี่ยวอู๋ได้เร่งความเร็วแรงขึ้นกว่าครั้งแรกมาก ทำให้ครั้งนี้รถ Maybach ของหยางจงกระเด็นถอยหลังออกไปไกลกว่าสามเมตร!
“ไม่..ไม่นะ!”
ตามมาด้วยครั้งที่สามครั้งที่สี่ ครั้งที่ห้า และอีกเรื่อยๆ จนกระทั่งรถ Maybach ของหยางจงถอยไปอยู่กลางถนน ตี้เสี่ยวอู๋จึงขับรถ Mercedes-Benzกลับไปจอดที่เดิม แล้วจึงเปิดประตูเดินลงมาจากรถ..
หยางจงมองรถMaybach ราคาแพงลิบลิ่วของตนที่เวลานี้มีสภาพไม่ต่างจากเศษเหล็กด้วยความตกตะลึง และตกใจ เสียงตูมๆ ยังคงดังกึกก้องอยู่ในหูของเขา..
หญิงสาวชุดแดงที่ยืนอยู่ข้างๆหยางจง ก็ได้แต่ยืนอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง และตกใจเช่นกัน!
หลิงหยุนเดินตรงเข้าไปหาหยางจงที่ยังคงยืนนิ่งไปด้วยความตกตะลึงเขายกมือขึ้นโบกไปมาตรงหน้าหยางจงช้าๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“นี่..ตื่นได้แล้ว! ตื่นขึ้นมาเจรจาว่าแกจะรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้อย่างไรบ้าง”
หลังจากที่หายตกตะลึง..หยางจงแทบอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ก็ไม่มีน้ำตา!
….
ก่อนหน้านี้ราวครึ่งเดือน..หยางจงได้เสียพนันให้กับบ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ยไปมากมาย เรียกได้ว่าจำนวนเงินที่เสียนั้นสามารถซื้อรถ Maybach ได้หลายสิบคันเลยทีเดียว แต่เขากลับไม่รู้สึกเสียใจเท่ากับครั้งนี้
เพราะครั้งนี้มันคือการที่หยางจงต้องยืนมองรถMaybach แสนรักของตนถูกชนจนมีสภาพไม่ต่างจากเศษเหล็ก แต่ความเจ็บช้ำใจนั้นก็ไม่หนักหนาเท่ากับความรู้สึกเสียหน้า!
การกระทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าหนุ่มเพลย์บอยที่มาจากครอบครัวร่ำรวยอย่างหยางจงหากภาพที่ถูกบันทึกไว้ถูกนำไปเผยแพร่ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน เพราะนี่ไม่ต่างจากการถูกผู้อื่นตบหน้าให้ได้รับความอับอายเลยแม้แต่น้อย..
เวลานี้รถMaybach จึงกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปแล้ว แต่เรื่องเสียหน้านั้นกลับเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่า..
“นี่พวกแกบ้าไปแล้วเหรออยากตายนักหรือยังไง? พวกแกคงไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงบ้างสินะ?”
หยางจงร้องตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและเวลานี้เส้นเลือดมากมายก็ปูดขึ้นตามหน้าผากของเขาเพราะความโมโห หยางจงกัดฟันกรอดพร้อมกับหันไปร้องตะโกนใส่หน้าหลิงหยุน
“นี่..แกเป็นฝ่ายขับรถชนรถของฉัน แต่กลับมาถามหาความรับผิดชอบจากฉันนี่นะ!”
หลิงหยุนหัวเราะหึๆก่อนจะตอบกลับไปว่า “ถูกต้อง! ในเมื่อตรงนี้ไม่ใช่ที่จอดรถ แต่แกกลับมาจอด.. ฉันบอกให้ถอยรถออก แต่แกเป็นฝ่ายไม่ยอมถอยเองนี่..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางรถของตนเองพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ดูให้เต็มตา! รถของฉันพังยับเยินแบบนั้น แกจะตกลงจ่ายค่าเสียหายให้กับฉันเป็นการส่วนตัว หรือจะตกลงต่อหน้าสาธารณชน..”
“…..”
หยางจงโมโหจนพูดไม่ออกเพราะหลิงหยุนเป็นฝ่ายขับรถชนรถของเขา แต่กลับจะให้เขาเป็นฝ่ายรับผิดชอบค่าเสียหายเช่นนี้!
หยางจงยกมือขึ้นจะชี้หน้าหลิงหยุนแต่ไม่รู้ว่าตี้เสี่ยวอู๋โผล่มาจากที่ใหน จู่ๆก็เข้ามาคว้าข้อมือของหยางจงไว้อย่างรวดเร็ว!
“โอ๊ย..”
หยางจงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเขารู้สึกราวกับว่าแขนทั้งแขนนั้นได้ถูกแผ่นเหล็กแข็งแกร่งทับไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ และเมื่อตี้เสี่ยวอู๋ปล่อยมือออก แขนทั้งแขนของหยางงก็ชาจนไม่สามารถยกขึ้นได้อีก..
หยางจงมีนิสัยชอบชี้หน้าผู้อื่นเช่นนี้เป็นประจำแต่เวลานี้แม้แต่จะกางนิ้วเขายังไม่สามารถทำได้!
ปกติแล้วหยางจงมีนิสัยชอบยกนิ้วชี้หน้าผู้คนเป็นประจำเวลานี้แม้แต่กางนิ้วยังไม่มีโอโกาสได้ทำ!
“พวกแก..พวกแกจะเอายังไงกันแน่!”
หลังจากที่กร่างมานาน..ในที่สุดหยางจงก็เริ่มรับรู้ได้ว่า เท่าที่ผ่านมานั้นตนเองเป็นฝ่ายสูญเสียอยู่ฝ่ายเดียว จึงได้ร้องตะโกนถามออกไปอย่างหมดหนทาง
หลิงหยุนหัวเราะหึๆก่อนจะยกนิ้วขึ้นชี้ไปทางบ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ย แล้วพูดขึ้นว่า “ฉันเองก็จะเข้าไปในบ่อนคาสิโนนี่เหมือนกัน แต่เป็นเพราะแกที่ทำให้ฉันต้องเสียเวลาอยู่นาน..”
หยางจงได้ฟังคำตอบยียวนของหลิงหยุนแล้วก็ได้แต่เดือดดาลอีกครั้ง แต่ก็ไม่กล้าที่จะแสดงอะไรออกมามากนัก จึงได้ตอบสวนกลับไปว่า
“ฉันขอเตือนพวกแกไว้ก่อน..ที่นี่เป็นบ่อนของคุณชายเย่ ถ้าเขารู้ว่าพวกแกมาสร้างปัญหาที่นี่ เขาไม่ปล่อยให้พวกแกเข้าไปแน่!”
เมื่อหยางจงเห็นชัดแล้วว่าอีกฝ่ายไม่เห็นตนอยู่ในสายตาจึงได้อ้างชื่อของเย่เทียนสุ่ยขึ้นมาปกป้องตัวเอง..
“อ่อ..งั้นรึ!พวกฉันก็เพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรกซะด้วยสิ! ก็เลยไม่รู้เรื่องกฏระเบียบพวกนี้สักเท่าไหร่..” หลิงหยุนยกมือเกาศรีษะพร้อมกับถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“ว่าแต่พวกฉันควรทำยังไงดีล่ะคราวนี้!”
“หึ..ทำยังไงดีงั้นเรอะ เดี๋ยวพวกแกก็รู้เอง..” หยางจงร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยความโมโห
“แหม่..ฟังคำพูดของแกแล้ว ฉันก็อยากจะรู้จริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกฉันบ้าง!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเกาคางเบาๆคล้ายคนกำลังครุ่นคิด จากนั้นจึงเอื้อมมือไปตบบ่าหยางจงและพูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..ถ้างั้นก็เข้าไปข้างในด้วยกันเลยก็แล้วกัน แกจะได้หนีไปใหนไม่ได้ เพราะยังต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับฉันก่อน!”
จากนั้นหลิงหยุนก็โบกมือให้ชายหนุ่มทั้งสามคนเดินตามตนเองกับหยางจงเข้าไปที่ประตูทางเข้าคาสิโนทันที..
“เอ่อ..”
หยางจงถึงกับอ้ำอึ้งเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสี่คนเดินตามตนเองเข้าไปที่บ่อนจริงๆและได้แต่แอบคิดในใจว่าตนอ้างชื่อของเย่เทียนสุ่ยแล้ว ชายหนุ่มทั้งสี่คนยังจะกล้าตามเข้าไปที่บ่อนจริงๆอีกงั้นรึ!
แม้ระหว่างที่เดินไปนั้นหยางจงอยากจะโทรเรียกให้คนมาช่วยจัดการกับชายหนุ่มทั้งสี่คนจนต้องอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากเขา แต่ก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้ทิ้งเสีย และได้แต่แอบคิดในใจว่า
‘ฉันต้องรู้ให้ได้ก่อนว่าพวกแกเป็นใครและมีฐานะยังไง ขืนทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าลงไป จนเดือดร้อนไปถึงครอบครัว ที่บ้านคงเอาฉันตายแน่เหมือนกัน?’
และนี่คือการใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี้หากจะมีเรื่องกับใคร ก็ต้องสำรวจดูภูมิหลังของอีกฝ่ายให้แน่ชัดเสียก่อน ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายไปทั้งตระกูลได้!
เว้นเสียแต่ว่าตนเองนั้นอยู่ในจุดที่สูงสุดอย่างบรรดาเหล่าตระกูลใหญ่ในปักกิ่งก็คงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร!
เมื่อคิดได้เช่นนี้หยางจงจึงได้รีบวิ่งตามหลิงหยุนและเพื่อนๆไปที่บ่อนของเย่เทียนสุ่ยทันที!
ทางด้านชายหนุ่มทั้งสี่คนที่เดินนำหน้าไปนั้น..หลิงหยุนหันไปทางตี้เสี่ยวอู๋พร้อมกับเอ่ยชมผลงานเมื่อครู่นี้ของเขา
ตี้เสี่ยวอู๋ตอบกลับมายิ้มๆ“มันงานถนัดของฉันน่ะพี่หยุน!”
จากนั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับถามยิ้มๆ“พี่หยุน.. ตอนแรกฉันคิดว่าพี่จะป้องกันรถไว้ก่อนเสียอีก!”
ความจริงแล้วหากหลิงหยุนใช้โล่ลมปราณปกป้องรถไว้รถของเขาก็จะไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนขณะถอยชน แต่ตี้เสี่ยวอู๋ไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลิงหยุนจึงไม่ทำเช่นนั้น..
“ฉันจะทำแบบนั้นไปทำไมในเมื่อมีคนอยากจะซื้อรถคันใหม่ที่ดีกว่าให้!”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับยกนิ้วโป้งชี้ไปทางด้านหลังพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นั่นไง! คนที่จะซื้อรถคันใหม่ให้กับฉันกำลังตามมาแล้ว!”
ทั้งสามคนแทบไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าหลิงหยุนกำลังพูดถึงใคร
…
ไม่นานนักชายหนุ่มทั้งสี่คนก็เดินไปถึงหน้าประตูบ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ยซึ่งมีกำแพงค่อนข้างสูง ที่ประตูทางเข้านั้นกว้างราวห้าเมตร และด้านในคืออาคารสูงห้าชั้น หากมองผ่านหน้าต่างของแต่ละชั้น จะพบว่าภายในนั้นเปิดไฟสว่างไสว แต่ด้านนอกกลับมืดทึบอึมครึม..
แต่ทั้งหลิงหยุนและโม่วู๋เตาต่างก็มีจิตหยั่งรู้ทั้งคู่จึงพบว่าภายในอาคารทั้งห้าชั้นนั้นตกแต่งด้วยทองคำ และหยกได้อย่างวิจิตรงดงาม อีกทั้งยังมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายอีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งความหรูหรา และความสะดวกสบายนั้น เหนือกว่าโรงแรมระดับห้าดาวเสียอีก..
ถึงแม้ภายนอกจะไม่ดูหรูหราอลังการเหมือนอย่างด้านในแต่รูปปั้นปี่เซียะทั้งสองตัวข้างประตูนั้น ก็ปั้นได้สง่างาม และน่าเกรงขามยิ่งนัก สายตาของมันจ้องมองหลิงหยุน และเพื่อนๆ ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ..
“ปี่เซียะดูดเงินดูดทองสินะ!”โม่วู๋เตาพึมพำออกมา..
หลิงหยุนยังคงนิ่งเงียบเพราะกำลังใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจดูภายในชั้นที่ห้าของอาคาร เขาพบชายร่างอ้วนมากผู้หนึ่ง กำลังนั่งสูบซิการ์อยู่บนโซฟาตัวใหญ่หรูหรา และดูเหมือนกำลังจ้องมองบางสิ่งบางอย่างด้วยความตั้งอกตั้งใจ
และจากข้อมูลที่หลิงหยุนดูมาจากแฟ้มลับตระกูลหลิงชายผู้นี้ก็คือเย่เทียนสุ่ยนั่นเอง!
หลิงหยุนจำได้ทันทีที่เห็นแต่ก็อดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อพบว่า ตนเองไม่สามารถมองเห็นขั้นกำลังภายในของเย่เทียนสุ่ย!
หลิงหยุนพึมพำออกมาเบาๆ“หึ.. จะแสร้งทำเป็นหมูหลอกกินเสืองั้นรึ” หากจะพูดไปแล้ว..เรื่องแสร้งทำเป็นหมูเพื่อหลอกกินเสือนั้น เป็นเรื่องที่หลิงหยุนถนัดมากทีเดียว และหลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าแม้เย่เทียนสุ่ยจะสูบซิการ์อยู่ แต่ความจริงแล้วเขากำลังฝึกฝนลมปราณผ่านการดูด และพ่นควันออกมานั่นเอง!
“หึ..น่าสนใจมากทีเดียว!”
หลิงหยุนถอนจิตหยั่งรู้ของตนเองกลับมาและรีบเดินตรงเข้าไปที่หน้าประตูทันที จากนั้นจึงหันไปมองถังเมิ่ง..
ถังเมิ่งเข้าใจความหมายและรีบร้องตะโกนสั่งว่า “เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
ทางเข้าบ่อนคาสิโนแห่งนี้ได้ปิดประตูไว้จะมีก็เพียงประตูด้านข้างเล็กๆทีเปิดอยู่ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเฝ้าอยู่..
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างก็ไม่คุ้นหน้าชายหนุ่มทั้งสี่คนจึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีนัก
“ไม่รู้หรือยังไงว่าที่นี่เป็นของใคร” ถังเมิ่งตอบกลับไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“รู้สิ! ที่นี่เป็นบ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ย ถามทำไมงั้นรึ!”
ทันทีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนได้ยินถังเมิ่งเรียกชื่อเย่เทียนสุ่ยเช่นนั้นก็ถึงกับเย็นซ่านไปทั้งแผ่นหลัง และรีบเปลี่ยนน้ำเสียงทันที..
“เอ่อ..พวกเราไม่เคยเห็นหน้าคุณชายทั้งสี่มาก่อนเลย ไม่ทราบว่าใครแนะนำคุณชายทั้งสี่มาที่นี่ครับ!”
ถังเมิ่งตอบกลับทันที“ไม่มีใครแนะนำมา.. พวกเรามากันเอง!”
ระหว่างที่พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังยืนงงอยู่นั้นหลิงหยุนจึงพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “เย่เทียนสุ่ยเชิญพวกเรามาเอง ไม่เชื่อก็ลองถามเขาดูสิ!”
“นี่…”
เมื่อได้ยินคำตอบของหลิงหยุนพนักงานรักษาความปลอดภัยต่างก็พากันนิ่งอึ้งไป และได้แต่คิดว่าหากเย่เทียนสุ่ยเป็นผู้เชิญมาด้วยตัวเอง ชายหนุ่มทั้งสี่คนย่อมต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่..
“ผมแนะนำให้พวกคุณลองถามเขาดูก่อน!”
หลิงหยุนเข้าในในความยากลำบากของอีกฝ่ายดีจึงได้แนะนำไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และไม่ต้องการสร้างความลำบากใจให้กับพนักงานรักษาความปลอดภัยเหล่านี้..
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบยกโทรศัพท์ต่อสายถามผู้จัดการบ่อนทันที..
“เอ่อ..คุณชายเย่! คุณช่วยดูที่กล้องวงจรปิดหน่อย ไม่ทราบว่าคุณเป็นผู้เชิญชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้มาที่บ่อนหรือไม่ครับ”
ผู้จัดการบ่อนเดินเข้ามารายงานเย่เทียนสุ่ยซึ่งอยู่บนชั้นที่ห้าของอาคารและกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่คนเดียวในห้อง
หลังจากได้รับรายงาน..เย่เทียนสุ่ยก็ลุกขึ้นยืนดูที่จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ และพบว่าหลิงหยุนกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตู!
และซิการ์ในมือของเย่เทียนสุ่ยก็ถึงกับร่วงหล่นลงพื้นไปทันที!
“ในที่สุด..เจ้าก็มาจริงๆสินะ เจ้าปีศาจ!”