ในความคิดของเย่เทียนสุ่ยนั้น..หลิงหยุนไม่ต่างจากปีศาจเลยแม้แต่น้อย!
วันนี้คือวันที่7 กันยายน และในวันที่ 30 สิงหาคมนั้น หลิงอี๋กับหลิงชีได้มาที่บ่อนคาสิโนของเย่เทียนสุ่ย และได้วางเงินเดิมพันไว้หนึ่งพันล้านหยวน หากตระกูลหลิงเป็นฝ่ายชนะการประลอง ก็จะได้เงินตอบแทนถึงสิบห้าเท่า
ดังนั้น..ตลอดเจ็ดแปดวันที่ผ่านมานี้ เย่เทียนสุ่ยจึงแทบไม่ได้กินไม่ได้นอน เพราะเฝ้ารอวันนี้ที่จะมาถึงด้วยความหวาดระแวง
เพราะตระกูลหลิงสามารถเอาชนะการประลองได้จริงๆ!
แม้เย่เทียนสุ่ยจะล่วงรู้ผลการประลองแล้วแต่เงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนนั้นก็ไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆเลย และหากหลิงหยุนนำเงินจำนวนนี้กลับไป ก็เท่ากับว่าเย่เทียนสุ่ยต้องทำงานฟรีตลอดทั้งปี และทุกครั้งที่นึกถึงเงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนที่จะต้องสูญเสียไปนั้นเย่เทียนสุ่ยก็ถึงกับเศร้าใจจนต้องอัดควันซิการ์เข้าปอดอีกครั้ง เขาไม่สามารถทนเห็นหลิงหยุนเดินถือเงินจำนวนนี้ออกไปจากบ่อนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น..ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนเป็นต้นมา เย่เทียนสุ่ยก็ต้องมีชีวิตอยู่กับความหวาดผวามาโดยตลอด เขาเฝ้าภาวนาให้หลิงหยุนอย่ามาที่นี่เพื่อนำเงินจำนวนนี้กลับไปเลย และเฝ้าภาวนาให้หลิงหยุนลืมเรื่องการเดิมพันในครั้งนี้ไปเสีย..
แต่เย่เทียนสุ่ยก็รู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝันลมๆแล้งๆของตนเองที่เชื่อว่าหลิงหยุนจะไม่มา เพราะในที่สุดแล้วหลิงหยุนก็มาจริงๆ!
เย่เทียนสุ่ยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ตรงหน้าแต่ยิ่งจ้องมองนานเท่าไหร่ จิตใจของเขาก็ยิ่งเศร้าหมองมากขึ้นเท่านั้นในที่สุดก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจตอบไปว่า
“ให้พวกเขารออยู่ที่หน้าประตู!”
จากนั้นร่างอ้วนท้วนเจ้าเนื้อนั้นก็ทรุดนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่ทันที..
เย่เทียนสุ่ยกำลังตัดสินใจและใคร่ครวญหาวิธีที่จะไม่ให้หลิงหยุนนำเงินก้อนนี้ออกไปจากบ่อนของตนได้ หรืออย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่เงินก้อนโตขนาดนี้
หลังจากที่ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่เย่เทียนสุ่ยก็จุดซิการ์มวนใหม่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง เขาดูดเอาควันจากซิการ์ตัวใหญ่นั้นเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะค่อยๆ พ่นควันออกมาเบาๆ เพื่อเป็นการสงบจิตสงบใจ
ในเวลาเดียวกันนั้น..เสียงของพนักงานรักษาความปลอดภัยด้านหน้าประตูก็ดังขึ้นที่จอมอนิเตอร์
“คุณชายทั้งสี่..คุณชายเย่ให้พวกท่านรออยู่ที่หน้าประตูนี่ก่อน!” เย่เทียนสุ่ยเงี่ยหูฟังทันทีว่าหลิงหยุนจะตอบกลับมาเช่นใด
จากนั้นเสียงของหลิงหยุนก็ดังขึ้นแต่เขาไม่ได้พูดกับพนักงานรักษาความปลอดภัย แต่จงใจหันไปพูดกับกล้องวงจรปิด เพื่อสื่อสารกับเย่เทียนสุ่ยโดยตรง..
“เจ้าอ้วน!หากเจ้ายังไม่เปิดประตูให้พวกข้าเข้าไป ข้าจะเป็นฝ่ายพังประตูเข้าไปเอง!”
“บัดซบ!”
เย่เทียนสุ่ยสบถออกมาด้วยความโมโหและแทบจะน้ำตาร่วงเมื่อได้ยินหลิงหยุนเรียกตนเองว่า ‘เจ้าอ้วน!’ เพราะทั่วทั้งปักกิ่งยังไม่เคยมีผู้ใดกล้าเรียกเขาด้วยคำเช่นนี้มาก่อน!
แต่จากข้อมูลเกี่ยวกับหลิงหยุนที่เย่เทียนสุ่ยได้รับมานั้นเขาเชื่อว่าหลิงหยุนกล้าทำตามที่พูดอย่างแน่นอน เย่เทียนสุ่ยไม่มีทางเลือก จึงได้แต่ลุกขึ้นตะโกนใส่หน้าจอมอนิเตอร์ตรงหน้าอีกครั้ง..
“เปิดประตูใหญ่ให้พวกเขาเข้ามาได้!” หลังจากได้รับคำสั่งของเย่เทียนสุ่ยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้านหน้าจึงเปิดประตูให้หลิงหยุนกับคนอื่นๆเข้าไปด้านในทันที
และที่สำคัญ..เย่เทียนสุ่ยสั่งให้พวกเขาเปิดประตูใหญ่ให้หลิงหยุนกับเพื่อนๆ เข้าไปด้วย นั่นย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่า ชายหนุ่มทั้งสี่คนนั้นเป็นแขกของเย่เทียนสุ่ยจริงๆ!
“นี่มัน..”
หยางจงที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากประตูทางเข้าไปไกลนักเมื่อเห็นประตูใหญ่ของคาสิโนแห่งนี้ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกต้อนรับหลิงหยุนกับเพื่อนๆ ก็ได้แต่ตกตะลึง และเริ่มรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที..
นั่นเพราะหยางจงรู้ดีว่าเย่เทียนสุ่ยจะสั่งเปิดประตูใหญ่ของบ่อนคาสิโนให้ก็เฉพาะกับคนสำคัญในปักกิ่งเท่านั้น!
ชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้มีฐานะอย่างไรกันแน่นะ! ยิ่งคิด..หยางจงก็ยิ่งรู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก และได้แต่คิดในใจว่าครั้งนี้ตนคงจะเดินสะดุดตอเข้าจริงๆแล้ว และน่าจะเป็นตอที่ใหญ่มากด้วย!
หยางจงแทบอยากจะหันหลังแล้ววิ่งหนีกลับออกไปทันที แต่ก็รู้ดีว่าคงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะหากเขาทำเช่นนั้นหายนะจะต้องเกิดแก่ตัวเขาทันที อีกทั้งหยางจงเองก็อยากจะรู้ฐานะที่แท้จริงของชายหนุ่มทั้งสี่คน เพื่อที่จะหาทางแก้ตัวกับอีกฝ่ายได้..
หยางจงได้แต่แอบคิดว่า..ยังโชคดีที่เขานั้นไม่ได้ดึงดันที่จะมีเรื่องจนสุด ไม่เช่นนั้นวันนี้ไม่เพียงตัวเขาเองจะโชคร้าย แต่ยังจะทำให้ตระกูลของเขาโชคร้ายไปด้วย!
“คุณชายหยาง..เป็นอะไรมากมั๊ย หรือว่าไม่สบาย?”
หญิงสาวชุดแดงเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหยางจงยืนร่างกายสั่นสะเทิ้ม แต่หยางจงกลับหันไปตอบด้วยความโมโห
“หุบปากได้แล้ว!เธอไม่พูดก็ไม่มีใครด่าว่าโง่หรอกนะ!”
เวลานี้ไม่เพียงหยางจงจะไม่สนใจหญิงสาวที่อยู่ข้างๆแต่ยังรู้สึกหงุดหงิด แล้วก็เบื่อหน่ายอย่างมากด้วย!
เมื่อประตูทางเข้าหลักเปิดออกแล้วหลิงหยุนจึงเป็นฝ่ายเดินนำทุกคนเข้าไปด้านใน แต่แล้วก็มีเสียงร้องตะโกนเรียกดังขึ้น..
“คุณชายทั้งสี่ครับ..”
หลิงหยุนชะงักและหันไปถามทันที “มีอะไร!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบกลับไปว่า“เอ่อ.. ตามกฏแล้ว คุณชายทั้งหมดต้องแสดงหลักฐาน..”
ที่บ่อนคาสิโนแห่งนี้มีกฏว่า..ผู้ที่ต้องการจะเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนแห่งนี้ จะต้องมีเงินไม่ต่ำว่าหนึ่งร้อยล้านหยวนเท่านั้น!
แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าชายหนุ่มทั้งสี่คนนี้เป็นแขกของเย่เทียนสุ่ยก็รีบกลืนคำพูดกลับลงไปทันที! “เอ่อ..ผมแค่จะบอกว่า เจ้านายกำลังรอพวกคุณทั้งหมดอยู่ที่ชั้นห้า!”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“ขอบใจมาก!”
หลังจากพูดจบ..หลิงหยุนก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตึกด้านหน้า และตรงขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นหนึ่งทันที
“สวัสดีค่ะคุณชายทั้งสี่..ไม่ทราบว่าจะขึ้นไปนั่งชั้นสอง หรือห้องวีไอพีที่ชั้นสามดีคะ”
พนักงานต้อนรับสาวสวยภายในคาสิโนเดินออกมาต้อนรับหลิงหยุนกับเพื่อนๆทุกคนล้วนแล้วแต่ตัวสูง รูปร่างอ้อนแอ้น และหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
‘โอ้โห!รูปร่าง หน้าตา รอยยิ้ม สวยกว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินอีก!’
ถังเมิ่งเห็นพนักงานต้อนรับสาวสวยทั้งสองคนยิ้มหวานให้เช่นนั้นก็ได้แต่แอบถอนหายใจออกมาอย่างนึกเสียดาย..
หลิงหยุนหันไปยิ้มให้กับถังเมิ่งก่อนจะหันไปตอบพนักงานต้อนรับ “พวกเรานั่งรออยู่ที่ห้องนี้ดีกว่า!”
พูดจบ..หลิงหยุนก็เดินนำทุกคนไปนั่งรอเย่เทียนสุ่ยที่โซฟาภายในห้องรับรอง ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาต่างก็เดินตามไปนั่งด้วยเช่นกัน
จากนั้น..พนักงานต้อนรับสาวสวยทั้งสอบคนก็เดินถือแก้วน้ำชามาเสริฟให้กับชายหนุ่มทั้งสี่คน
ถังเมิ่งหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและอดที่จะเอ่ยชมกับการบริการที่ยอดเยี่ยมของคาสิโนแห่งนี้ไม่ได้
“โอ้โห!บ่อนที่มาเก๊ายังบริการไม่ยอดเยี่ยมเท่าที่นี่เลยนะครับ!”
“ขอบคุณคุณชายทั้งสี่ค่ะ!”
พนักงานต้อนรับสาวสวยทั้งสองคนเอ่ยขอบคุณถังเมิ่งออกมาพร้อมกันหลังจากเสริฟชาให้ทุกคนแล้ว ทั้งคู่ก็ขอตัว และกลับออกไป
หลิงหยุนได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า..ที่นี่เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ เพราะคนที่เข้ามาเล่นพนันในนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีฐานะร่ำรวยทั้งสิ้น!
แต่เวลานี้..เรื่องใดก็ไม่สำคัญเท่ากับเย่เทียนสุ่ย!
ภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนนั้นเวลานี้เย่เทียนสุ่ยกำลังสวมเสื้อ และไม่กล้าปล่อยให้หลิงหยุนต้องรอนานนัก หลังจากสวมเสื้อเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงรีบลงลิฟท์มาทันที..
ทันทีที่เดินออกมาจากลิฟท์ร่างอ้วนท้วนของเย่เทียนสุ่ยก็เดินตรงเข้ามาหาหลิงหยุน และเพื่อนๆทันที ใบหน้าที่เต็มไปด้วยไขมันนั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และรีบปรี่เข้ามายื่นมือให้หลิงหยุนตามแบบธรรมเนียมตะวันตก
“ฮ่า..ฮ่า.. คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนผู้นำตระกูลหลิง ประธานถังแห่งบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่น จะให้เกียรติมาเยี่ยมเยียนคาสิโนเล็กๆของข้าเช่นนี้ เย่เทียนสุ่ยรู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก”
หลิงหยุนได้แต่นึกหยันอยู่ในใจแต่ก็ยื่นมือออกไปจับมืออ้วนๆของเย่เทียนสุ่ย พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ที่นี่ไม่เลวเลย!
เย่เทียนสุ่ยจับมือหลิงหยุนเขย่าอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินไปจับมือทักทายถังเมิ่ง แต่เมื่อเหลือบไปเห็นตี้เสี่ยวอู๋กับโม่วู๋เตาเข้า จึงรีบเอ่ยทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ทั้งสองท่านนี้..คนหนึ่งคงจะเป็นตี้เสี่ยวอู๋แห่งจิงฉูสินะ ส่วนท่านนี้ก็น่าจะเป็นท่านนักพรตโม่วู๋เตาศิษย์สำนักเหมาซาน!”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า..เย่เทียนสุ่ยนับว่าเป็นคนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก แม้ทั้งสองฝ่ายจะไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่เย่เทียนสุ่ยก็ดูเหมือนจะไปสืบเรื่องราวของหลิงหยุนมาอย่างละเอียด และดูเหมือนไม่คิดที่จะปิดบังหลิงหยุนด้วย!
ส่วนตัวเขาเองนั้น..กลับรู้เพียงแค่ว่าเย่เทียนสุ่ยเป็นคนตระกูลเย่แห่งปักกิ่งเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นหลิงหยุนก็ไม่รู้อะไรเลย! “ถูกต้อง..นี่คือถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ แล้วก็โม่วู๋เตา!”
แม้หลิงหยุนจะครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจแต่สีหน้าของเขานั้นกลับนิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา อีกทั้งยังแนะนำเพื่อนทั้งสามให้เย่เทียนสุ่ยได้รู้จักอย่างเป็นปกติ..
หลิงหยุนรู้ดีว่า..เย่เทียนสุ่ยนั้นเป็นคนประเภทหน้าเนื้อใจเสือ และคนประเภทนี้ก็จัดการได้ไม่ง่ายนัก เวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้เผชิญหน้ากันแล้ว ที่เหลือก็เพียงแค่สังเกตการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายเท่านั้น
และหลิงหยุนก็แทบไม่ต้องรอนานเพราะเย่เทียนสุ่ยเป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นก่อน..
“คุณชายหลิง..ท่านประธานถัง.. ที่นี่ไม่เหมาะแก่การพูดคุย พวกเราเปลี่ยนไปนั่งคุยกันข้างบนน่าจะเหมาะกว่า!”
เย่เทียนสุ่ยเอ่ยปากเชิญชวนหลิงหยุนด้วยความสุภาพนอบน้อม..
แม้หลิงหยุนจะมาที่นี่ในวันนี้เพราะเหตุผลสองข้อ..คือเรื่องหนี้สินระหว่างเขากับเย่เทียนสุ่ย และเรื่องของหลิงซิ่ว!
แต่จุดประสงค์ที่สำคัญกว่านั้นของหลิงหยุนก็คือการทดสอบปฏิกิริยา และทัศนคติของตระกูลย่ที่มีต่อตระกูลหลิงนั่นเอง!
ไม่เช่นนั้น..เมื่อครั้งที่อยู่หน้าประตู หลิงหยุนคงจะไม่จงใจเรียกเย่เทียนสุ่ยว่า ‘เจ้าอ้วน’ เป็นแน่ หนำซ้ำยังบอกกับเย่เทียนสุ่ยว่าเขาจะพังประตูเข้าไปเองด้วย!
หนี้สินเป็นเพียงแค่เรื่องบังหน้าเท่านั้น..
ปรากฏว่าเย่เทียนสุ่ยกลับยินยอมเปิดประตูให้เขาเข้ามาอย่างง่ายดายและเมื่อเข้ามาในอาคารแล้ว หลิงหยุนก็จงใจที่จะนั่งอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่าง เพื่อจงใจดูว่าเย่เทียนสุ่ยจะลงมาต้อนรับเขาด้วยตนเองหรือไม่
และเย่เทียนสุ่ยก็ลงมาต้อนรับเขาด้วยตัวเองจริงๆทำให้หลิงหยุนไม่สามารถหาเรื่องกับเย่เทียนสุ่ยได้..
และเหตุการณ์ทั้งสองนี้ทำให้หลิงหยุนรู้ว่าเย่เทียนสุ่ยนั้นแม้จะมีร่างกายอ้วนท้วน แต่ก็รู้จักปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ดียิ่งนัก อีกทั้งยังยากที่จะคาดเดาความคิดของเขาได้ถูกต้อง!
ด้วยเหตุนี้..เมื่อเย่เทียนสุ่ยเชื้อเชิญหลิงหยุนขึ้นไปเจรจาข้างบน เขาจึงตอบตกลงทันที เพราะที่นี่ไม่เหมาะที่จะเจรจาจริงๆ
“ฮ่า..ฮ่า.. ขอเชิญคุณชายหลิงขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นห้าของข้า!”
เย่เทียนสุ่ยเห็นหลิงหยุนยอมตกลงง่ายๆเช่นนี้ก็หัวเราะร่วนออกมาทันที พร้อมกับเดินไปโอบไหล่หลิงหยุนราวกับสนิทสนมกันอย่างมาก..
หลิงหยุนไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธจึงเดินตรงไปที่ิลิฟท์พร้อมกับเย่เทียนสุ่ย ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาต่างก็เดินตามมาติดๆเช่นกัน
นับว่าโชคดีที่ลิฟท์อยู่ไม่ไกลนักและเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เย่เทียนสุ่ยจึงต้องปล่อยมือที่โอบไหล่หลิงหยุนไว้ เพราะร่างอ้วนๆของเขานั้น ไม่สามารถเดินเข้าไปพร้อมๆกับหลิงหยุนได้..
หลังจากที่พนักงานต้อนรับสาวสวยเปิดลิฟท์ให้แล้วทั้งหมดก็ขึ้นไปที่ห้องทำงานชั้นห้าของเย่เทียนสุ่ยทันที!
…..
ในขณะเดียวกันที่ด้านหน้าประตูของคาสิโนแห่งนี้..
หลังจากที่หลิงหยุนกับเพื่อนๆเดินเข้าทางประตูหลักไปแล้ว หยางจงกับหญิงสาวของเขาก็จะเดินตามเข้าไปด้วยเช่นกัน แต่กลับถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยห้ามไว้
“คุณชายหยาง..ประตูหลักนี้เข้าได้เฉพาะแขกของนายท่านเท่านั้น ขอเชิญคุณชายหยางเข้าทางประตูข้างด้วย!”
หยางจงทำสีหน้าไม่พอใจพร้อมกับร้องตะโกนถามกลับไปว่า“ทำไม! ฐานะของฉันไม่ใหญ่โตพอหรือยังไง?!”
แม้หยางจงจะรู้ดีว่านี่เป็นกฏของคาสิโนแห่งนี้แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกราวกับถูกตบหน้าไม่ได้ ที่หลิงหยุนกับเพื่อนๆสามารถเข้าไปได้ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าได้ และแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยยังไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตา
“คุณชายหยาง..ท่านก็รู้ว่านี่เป็นกฏที่คุณชายเย่ตั้งไว้!”
หยางจงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“เสี่ยวหวัง.. นี่นายรู้จักผู้ชายทั้งสี่คนนั่นมั๊ย พวกเขาเป็นใครกัน?!”
ระหว่างที่ถามนั้นหยางจงก็เปิดกระเป๋าเงินหยิบเงินสดออกมาปึกใหญ่ แล้วยื่นให้กับเสี่ยวหวังที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู แต่ครั้งนี้เสี่ยวหวังกลับส่ายหน้าปฏิเสธ และไม่ยอมรับเงินของหยางจง..
หยางจงถามขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม! เดี๋ยวนี้กล้าดูถูกเงินของฉันเรอะ?!”
เสี่ยวหวังรีบส่ายหน้าทันทีพร้อมกับตอบไปว่า “คุณชายหวัง.. ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมไม่รู้จักพวกเขาจริงๆ!”แห่งนี้แต่เขาก็อดที่จะรู้สึกราวกับถูกตบหน้าไม่ได้ ที่หลิงหยุนกับเพื่อนๆสามารถเข้าไปได้ แต่เขากลับไม่สามารถเข้าได้ และแม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยยังไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตา
“คุณชายหยาง..ท่านก็รู้ว่านี่เป็นกฏที่คุณชายเย่ตั้งไว้!”
หยางจงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที“เสี่ยวหวัง.. นี่นายรู้จักผู้ชายทั้งสี่คนนั่นมั๊ย พวกเขาเป็นใครกัน?!”
ระหว่างที่ถามนั้นหยางจงก็เปิดกระเป๋าเงินหยิบเงินสดออกมาปึกใหญ่ แล้วยื่นให้กับเสี่ยวหวังที่ทำหน้าที่เฝ้าประตู แต่ครั้งนี้เสี่ยวหวังกลับส่ายหน้าปฏิเสธ และไม่ยอมรับเงินของหยางจง..
หยางจงถามขึ้นด้วยความโมโห“ทำไม! เดี๋ยวนี้กล้าดูถูกเงินของฉันเรอะ?!”
เสี่ยวหวังรีบส่ายหน้าทันทีพร้อมกับตอบไปว่า “คุณชายหวัง.. ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ผมไม่รู้จักพวกเขาจริงๆ!” “คุณชายหวัง..ท่านลองคิดดูเองว่าคนที่กล้าเรียกนายท่านแบบนั้น จะมีฐานะอะไรได้บ้าง!”
หยางจงถึงกับชะงักและกำลังครุ่นคิดว่าในปักกิ่งมีใครบ้างที่กล้าเรียกเย่เทียนสุ่ยว่า ‘เจ้าอ้วน’ บ้าง แต่คิดอย่างไรเขาก็คิดไม่ออก อย่าว่าแต่เรียกต่อหน้าเลย แม้แต่ลับหลังเย่เทียนสุ่ย เขาก็ไม่เคยได้ยินใครกล้าเรียกเย่เทียนสุ่ยเช่นนั้น!
ส่วนคนที่กล้าพูดว่าจะพังประตูบ่อนของเย่เทียนสุ่ยเข้าไปนั้นหยางจงยิ่งไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน!
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ..เย่เทียนสุ่ยไม่เพียงจับชายหนุ่มทั้งสี่คนโยนออกไป แต่กลับเปิดประตูต้อนรับแทน
พวกเขาเป็นใครกันแน่!
ระหว่างที่หยางจงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสี่ยวหวังก็เอ่ยถามขึ้นว่า “คุณชายหยาง.. ท่านจะเข้าไปมั๊ยครับ! ถ้าไม่เข้าผมจะได้ปิดประตู!” “เข้าสิ..เข้า..”
หยางจงระล่ำระลักตอบและรีบหยิบนามบัตรส่งให้เสี่ยวหวังพร้อมกับสั่งว่า “น้องชาย.. ถ้าคนพวกนั้นออกมาแล้ว โทรบอกฉันหน่อยนะ!”
แต่ใช่ว่าหยางจงคิดจะออกมาเอาคืนหลิงหยุนกับเพื่อนๆเขากำลังคิดหาหนทางประนีประนอมกับอีกฝ่ายต่างหาก เพราะเริ่มรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว..
…..
ภายในห้องทำงานชั้นห้าของเย่เทียนสุ่ย..
หลิงหยุนกับเพื่อนๆต่างก็กำลังนั่งมองเย่เทียนสุ่ยที่กำลังรินชาให้กับพวกเขาด้วยตัวเอง ระหว่างนั้นเย่เทียนสุ่ยก็พูดขึ้นว่า
“คุณชายหลิง..ความจริงน่าจะแจ้งข้าก่อนล่วงหน้าว่าท่านจะมา ข้าจะได้เตรียมตัวต้อนรับท่านให้พร้อมกว่านี้!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบเย่เทียนสุ่ยกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า “ข้าเกรงว่าหากเจ้ารู้ล่วงหน้าว่าข้าจะมา เจ้าจะรีบหลบหน้าข้าน่ะสิ!”
“เอ่อ..”
ร่างเจ้าเนื้อของเย่เทียนสุ่ยสั่นเทิ้มแต่ก็แสร้งทำเป็นหัวเราะออกมา และพูดขึ้นว่า “คุณชายหลิงช่างเป็นคนที่มีอารมณ์ขันยิ่งนัก!”
แต่หลิงหยุนกลับไม่สนใจเขาพูดตรงเข้าประเด็นทันที “เอาล่ะ.. ใหนๆข้าก็มาถึงที่นี่แล้ว หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระ แล้วเข้าเรื่องสำคัญกันดีกว่า!”
“เอ่อ..”
เย่เทียนสุ่ยถึงกับอ้ำอึ้งและพูดอะไรไม่ออก เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันไปหยิบซิการ์สองมวนบนโต๊ะส่งให้ชายหนุ่มทั้งสี่คน..
“คุณชายหลิง..มาถึงยังไม่ทันหายเหนื่อย ก็จะรีบร้อนพูดเรื่องเงินๆทองๆแล้วรึ!”
มีเพียงถังเมิ่งเท่านั้นที่หยิบซิการ์ในมือของเย่เทียนสุ่ยขึ้นมาจุด..
หลิงหยุนโบกมือพร้อมตอบกลับไปทันที“ข้าเกรงว่าถ้าไม่รีบพูด ข้าก็จะไม่ได้เงินน่ะสิ!”
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
เย่เทียนสุ่ยได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดังเขานั่งลงพร้อมกับยกซิการ์ในมือขึ้นดูดเอาควันเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆพ่นควันโขมงสีขาวออกมา
พลังปราณที่พวยพุ่งออกจากร่างอ้วนท้วนหนักหลายร้อยกิโลกรัมนั้นทำให้ถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาถึงกับตกใจ แต่กลับไม่มีผลต่อหลิงหยุนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายหลิง..ท่านจะไม่รีบร้อนไปหน่อยรึ!” เย่เทียนสุ่ยตอบกลับอย่างเชื่องช้า..
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆและตอบสวนกลับไปทันที “แน่นอน! ตระกูลหลิงของข้าไม่ยิ่งใหญ่เหมือนตระกูลเย่ของเจ้า ตอนนี้ข้าเองก็ยากจนมาก และกำลังรอคอยเงินก้อนนี้อยู่..”
เย่เทียนสุ่ยหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับถามขึ้นว่า“ดูท่าท่านคงต้องการที่จะนำเงินกลับไปวันนี้ให้ได้สินะ”
หลิงหยุนตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ“แล้วเจ้าคิดเห็นเช่นใดเล่า”
เย่เทียนสุ่ยถามหลิงหยุนกลับทันทีเช่นกัน“แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ”
หลิงหยุนโน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับถามย้ำ“เจ้าจะไม่มอบเงินให้กับข้าจริงๆรึ”
“ฮ่า..ฮ่า..”
เย่เทียนสุ่ยหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับตอบไปว่า“คุณชายหลิง.. ข้าล้อท่านเล่น! คนอย่างเย่เทียนสุ่ยทำธุรกิจไม่เคยติดหนี้ใคร ชนะคือชนะ แพ้ก็คือแพ้!”
“ข้าได้เตรียมเงินจำนวนนี้ไว้ให้คุณชายหลิงแล้วเพียงแต่เงินก้อนโตถึงเพียงนี้ ข้าไม่สะดวกมอบให้คนอื่นนำไปมอบให้ท่าน..”
ระหว่างที่พูดเย่เทียนสุ่ยก็หยิบบัตรเงินสดสีดำของธนาคารแห่งหนึ่งในตัวออกมายื่นให้กับหลิงยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวน!ไม่มีรหัส..”
หลิงหยุนรับบัตรเงินสดสีดำนั้นมาแล้วโยนให้ถังเมิ่งทันที “ก็แค่นั้น!”
เย่เทียนสุ่ยได้แต่นึกสาปแช่งหลิงหยุนอยู่ในใจเพราะคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะไม่เห็นแก่หน้าของตนเช่นนั้น แต่ก็แสร้งทำเป็นดูดซิการ์ในมือ และเอ่ยถามหลิงหยุนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เอาล่ะ..หลังจากนี้พวกเราก็สามารถเจรจากันได้แต่โดยดีแล้วสินะ”
“อืมม..เชิญ!” หลิงหยุนตอบห้วนๆ
หลิงหยุนเองก็นึกตกใจกับท่าทีของเย่เทียนสุ่ยไม่น้อยเพราะหลังจากที่ได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยค หลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าชายร่างอ้วนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของตนเองนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!