Ch.42 – ห้าคนของหวงเฉา

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่****42 – ห้าคนของหวงเฉา

 

“ออฟขี้กลัว?” ยังไม่ทันหันกลับไปดูข้างหลัง แต่คำเรียกพิเศษที่เสียงด้านหลังพูดขึ้นมาทำให้เหออวี้สงสัยมาก

“หมายถึงเป็นตัวออฟเลนที่ขี้กลัวที่สุดน่ะ” เกาเกอกล่าว

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องอธิบายก็ได้มั้ง” โจวม่อเซ็งสุด ๆ

“พี่ไม่ได้ขี้กลัวสักหน่อย แต่เป็นคงเส้นคงวาต่างหากล่ะ” เหออวี้ว่าอย่างจริงจัง

“ขอบใจนะ พี่รู้ นายไม่ต้องมาอธิบายให้พี่ฟังหรอก” โจวม่อยังคงเซ็งต่อไป

ตอนนี้เองเหออวี้ถึงได้หันหน้ากลับไปดู ส่วนเกาเกอกับโจวม่อแค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าเป็นใคร ผู้มาก็คือจางเฉิงห่าว แล้วก็ยังมีอีกสี่คนที่มาด้วยกัน สองคนเหออวี้รู้จักแล้ว ในวันนั้นที่เล่นสนามรบฉางผิงเป็นเพื่อนร่วมทีมที่เล่นกับจางเฉิงห่าว ชื่ออะไรก็จำไม่ได้แล้ว ส่วนอีกสองคนก็คงจะเป็นสมาชิกอีกสองของทีมหวงเฉาล่ะมั้ง

เหออวี้คิดอย่างนี้แล้วก็หันไปมองเกาเกอและโจวม่ออย่างถามไถ่ ตอนนี้โจวม่อก็หันกลับไปมองแล้วเหมือนกัน จากนั้นก็กลับมาแนะนำให้เหออวี้ฟังว่า “คนซ้ายสุดชื่อเจิงเสี่ยวปอ เป็นซัพพอร์ตของหวงเฉา คนที่อยู่ติดกับเขาชื่อหยางจั๋ว เล่นเลนกลาง”

เลนกลางก็คือพวกที่เดินดันเลนกลาง หยางจั๋วคนนี้มาถึงตอนนี้ก็หันไปมองเกาเกอที่นั่งอยู่กับพวกเขาตรง ๆ ด้วยสายตาที่เหมือนกับจะพ่นไฟได้ เหออวี้นึกถึงสไตล์การเล่นของเกาเกอขึ้นมาทันที คาดว่าคงจะโดนเกาเกอลอบฆ่าจากในพุ่มไปเป็นสิบ ๆ รอบแล้วล่ะมั้ง

ทั้งห้าคนก้าวเข้ามาข้างหน้าเรื่อย ๆ ทำอย่างกับว่าจะมาตีฐานด้วยการล้อมโต๊ะของพวกเหออวี้เอาไว้ เกาเกอเงยหน้าขึ้นมองพวกเขาโดยไม่พูดอะไร รอให้ทั้งห้าคนเปิดปากก่อน

พวกจางเฉิงห่าวทั้งหลายดูเหมือนมีท่าทีไม่รีบไม่ร้อนอะไร ทั้งหมดหันไปมองเลนกลางหยางจั๋วที่มีสายตาลุกเป็นไฟ

“หวังว่าเกมนี้จะได้เจอเธออีกนะ” หยางจั๋วกัดฟันพูดกับเกาเกอ

“จะรอนายในพุ่มนะ” คำตอบของเกาเกอสงบนิ่งมาก เมื่อภาพเหตุการณ์แสนอนาจเหมือนฝันร้ายครั้งนั้นปรากฏขึ้นในสมองของหยางจั๋วอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก็แสดงความอับอายและคลั่งแค้นขึ้นมาทันที

“มีอะไรเหรอครับ” เหออวี้รู้สึกว่าการคาดเดาของเขาคงจะไม่ได้ผิดเพี้ยนไปหรอก แต่ก็ยังถามโจวม่อเพื่อยืนยัน

“เจ็ดครั้ง” โจวม่อบอกเหออวี้ “ครั้งสุดท้ายที่ทั้งสองคนเจอกันในเกม หยางจั๋วโดนเกาเกอฆ่าไปรวมเจ็ดครั้ง สติแตกไปเลย”

“แย่จังเลยนะ…” เหออวี้ฟังแล้วยังสยอง ในเกมอาชีพบางครั้งทั้งเกมยังฆ่ากันได้แค่เจ็ดคิล แน่นอนว่าเกมของผู้เล่นทั่วไปไม่เป็นแบบนั้น แต่ว่าการที่คนคนหนึ่งโดนฆ่าถึงเจ็ดครั้ง งั้นก็คงจะพังทลายลงไปแล้ว ในกรณีนี้ถ้าเพื่อนร่วมทีมมาเตือนว่า “อย่าแจก ขอบคุณ” เหออวี้ก็คงไม่มีอะไรจะพูด

“พวกแก!” หยางจั๋วไม่อยากจะพูดถึงความทรงจำนี้อีกตลอดกาล ผลก็คือโจวม่อกลับมาอธิบายซ้ำให้เหออวี้ฟังซะอย่างงั้น ฟังแล้วเขาก็โมโหขึ้นมาทันที

“ใจร่ม ๆ ครับ ใจร่ม ๆ ครั้งหน้าระวังให้มากหน่อยก็พอแล้ว” เหออวี้ก็แนะนำ

“แกมันตัวอะไร เสือก” ผลก็คือหยางจั๋วไม่ตอบรับไมตรีจิตสักนิด

“ถ้าพวกคุณจะเจอกันอีกครั้งผมก็เจอด้วยเหมือนกัน” เหออวี้พูด

“คู่แข่งของนายคือฉัน” โจวมู่ถงพูดขึ้นมา

“อ้อ คุณคือ…หยางเจี่ยนใช่ไหม” เหออวี้จำได้ว่านี่เป็นเป็นคนที่เขาเล่นด้วยในสนามรบฉางผิงวันนั้นเหมือนกัน แต่ว่าใช้ไอดีอะไรก็นึกไม่ออกจริง ๆ

“แม่ง กูเป็นเห่าฟ้านะโว้ย*” โจวมู่ถงที่แม้แต่ชื่อคนก็ยังจำไม่ได้ร้องคำราม

ทุกคนต่างตกตะลึง ถึงเห่าฟ้าจะเป็นสุนัขสวรรค์ แต่ยังไงก็เป็นหมาตัวหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้สูงส่งเท่ามนุษย์ โจวมู่ถงเอาตัวเองไปเทียบอย่างนี้ทุกคนก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดีเลย

ตัวโจวมู่ถงเองพูดจบแล้วถึงได้มีสติกลับมา ใบหน้าแดงก่ำ มองดูสีหน้าของเหออวี้แล้วยิ่งรู้สึกโกรธเกลียดไปกันใหญ่ “แกตายแน่ ใครจะปกป้องแกก็ไม่มีประโยชน์”

เหออวี้หันไปมองเกาเกอ ผลก็คือหยางจั๋วเองก็พุ่งเข้ามาสบถสาบานกับเกาเกอในตอนนี้ด้วยเหมือนกัน “ถ้าโดนเธอซุ่มฆ่าได้อีกรอบล่ะก็ฉันจะยอมแพ้เลย!”

“ต้องเว่อร์ขนาดนี้เลยเหรอ” เกาเกอพูดอย่างเฉยชามาก ฟังเหมือนว่ากำลังตอบคำพูดของหยางจั๋ว แต่เหออวี้ฟังแล้วคิดว่าจะใช้ตอบโจวมู่ถงก็ไม่ผิดอะไร เกาเกอจะเล่นเป็นตัวซัพพอร์ต การปกป้องเขาไม่ใช่หน้าที่ของเกาเกอหรือไง

แต่หยางจั๋วย่อมไม่รู้เรื่องนี้ เพียงคิดว่าเกาเกอตอบเขาเท่านั้น ส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “ฮาฮา” ขึ้นมา ในเสียงหัวเราะนั้นดูเหมือนจะมีเลศนัยแอบแฝงอยู่

“งั้นพวกเราก็ไปเจอกันในเกมเถอะ” จางเฉิงห่าวเอ่ยปาก “หวังว่าจะได้เจอกันนะ”

“ถ้านายยื่นมือเข้าสอดก็ทำให้แน่ใจว่าพวกเราจะได้เจอกันแล้วไม่ใช่เหรอ” เกาเกอพูด

“เธอพูดเรื่องอะไร” จางเฉิงห่าวโกรธ

“นายเตรียมการไว้อยู่แล้วใช่ไหมล่ะ” เกาเกอพูด

“ขี้เกียจจะพูดกับเธอแล้ว ไม่มีเหตุผล!” จางเฉิงห่าวมีสีหน้าโมโห หันหลังแล้วเดินหนีไปเลย หันหน้าหนีไปได้หนึ่งวินาทีสีหน้าก็กลายเป็นอาการร้อนตัวทันที

“เฉิงห่าว นายไม่กินข้าวเหรอ” ผลก็คือเพื่อน ๆ ของเขาที่เห็นเขาหันหลังจากไปต่างก็มึนงง มีคนร้องเรียกขึ้นมาทันที

“ไม่มีกับข้าวแล้ว ไปกินข้างนอก!” จางเฉิงห่าวพูดโดยไม่หันหน้ากลับมา

ทั้งสี่คนหันไปมองหน้ากันสักพัก มาถึงเวลานี้แล้วแม้แต่โรงอาหารที่สองก็ไม่มีกับข้าวอะไรแล้วจริง ๆ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วหรอกเหรอ เพียงแต่มึนงงก็ส่วนมึนงง สุดท้ายแล้วทั้งสี่คนก็เดินตามออกไป โจวมู่ถงที่ก้าวเท้าเร็วที่สุดไปถึงข้างกายจางเฉิงห่าวเป็นคนแรก

“ยายนั่นรู้อะไรเปล่านะ” โจวมู่ถงกระซิบพูดกับจางเฉิงห่าว

“นายบอกใครปะล่ะ” แววตาของจางเฉิงห่าวค่อนข้างดุดัน

“เปล่านะ” โจวมู่ถงรีบบอก

“งั้นก็ไม่มีเรื่องหรอก” จางเฉิงห่าวใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้วก็ผ่อนคลายขึ้นมาทันที ตอนที่เกาเกอพูดออกมาเขาก็คิดจริง ๆ ว่าเกาเกอทราบระแคะระคายอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะแตกตื่นขึ้นมานิดหน่อย แต่มาตอนนี้ที่ได้คิดทบทวนอย่างใจเย็นแล้ว การรับสมัครก็ยังไม่เสร็จสิ้น การจัดตารางแข่งยังไม่ได้เริ่ม ความคิดของเขาก็ยังเป็นเพียงความคิดในสมอง ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มลงมือทำอะไรจริง ๆ เลย! นอกจากโจวมู่ถงแล้วแม้แต่เพื่อนร่วมทีมอีกสามคนก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขามีการเตรียมการเอาไว้แบบนี้ ดังนั้นตราบใดที่โจวมู่ถงไม่ได้ไปบอกใครก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนอื่นรู้ได้เลย เกาเกอก็แค่เป็นแมวตาบอดจับหนูตายได้ ส่วนตัวเอง…เอิ่ม ก็เป็นพวกกินปูนร้อนท้องอะนะ

“งั้นยังจะทำไหม” โจวมู่ถงถามขึ้นมาอีกครั้ง

“ทำ! ทำไมจะไม่ทำ” จางเฉิงห่าวสงบจิตใจได้แล้วก็ยิ่งตั้งใจแน่วแน่ขึ้นไปอีก “ถ้าเกิดว่านายไม่พูดก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครรู้เรื่อง”

“ฉันไม่พูดแน่ ๆ” โจวมู่ถงส่ายหัว

“พวกนายสองคนคุยอะไรกัน” เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนก็เดินตามทั้งสองคนมาจนทันแล้วในตอนนี้

“พวกเราสองคนกำลังพูดว่า ถ้าเกิดเราได้ไปเจอกับคลื่น7 รอบแรกจะน่าตื่นเต้นสักแค่ไหนกัน” จางเฉิงห่าวที่มีท่าทางหายโกรธแล้วพูดขึ้นมา

“งั้นก็เยี่ยมเลย!” หยางจั๋วกำมือแน่นแล้วพูด “ให้พวกมันตกรอบแรกไปเลย”

พวกหวงเฉาห้าคนมาล้อมแล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารแล้ว โจวม่อหันไปมองเกาเกอ “เธอว่าพวกเขาจะสอดมือเข้าไปไหม”

“ไม่รู้ แล้วก็ไม่สนด้วย” เกาเกอพูด

“งั้นทำไมถึงพูดแบบนั้นไปล่ะ” โจวม่อถาม

“ก็แค่พูดตอบโต้ไปตามสถานการณ์เปล่าครับ” เหออวี้พูด

“รู้จักกันมาแปดปียังไม่เข้าใจฉันไม่เท่าเหออวี้ที่รู้จักกันแค่แปดวันเลย” เกาเกอพูด

“แปดปีเหรอครับ” เหออวี้ประหลาดใจ

“พวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว” โจวม่อกล่าว

“อ้ออ้อ มิน่าล่ะ” เหออวี้พูด

“มิน่าล่ะนี่หมายความว่ายังไง” เกาเกอหันไปมองเขา

“ไม่มีอะไรครับ ดีมาก น่าอิจฉาสุด ๆ ผมกินอิ่มแล้ว กลับก่อนนะครับ ลาก่อน” เหออวี้พูด

………………………………………………..

* เห่าฟ้า(哮天犬) สุนัขสวรรค์คู่ใจของเทพสามตาเอ้อร์หลังเสิน อย่าถามว่าทำไมด่าอย่างนี้ ไม่รู้เหมือนกัน แปลมาค่อนข้างตรง ๆ เลยค่ะ

แมวตาบอดจับหนูตาย (瞎猫碰着死耗) ความหมายก็ค่อนข้างตรงตัว คือเดาสุ่มตรงประเด็น

กินปูนร้อนท้อง สำนวนจีนคือ 心里有鬼 แปลตรง ๆ ว่า “ในใจมีผี” ความหมายตรงกันก็เลยเอาสำนวนไทยมาใช้ค่ะ

 

เป็นตอนที่แปลง่ายแล้วก็ตลกมากเลย