เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เจ้าแห่งโลกเขตแดนทั้งสามรู้สึกตกใจอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหาร พวกเขาลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังรับมือกับสัตว์เทพกิเลน
สุดท้าย สัตว์เทพกิเลนก็พ่นเปลวเพลิงเหมันต์สีน้ำเงินไปยังเหล่าทหารที่พุ่งเข้ามา ก่อนจะหมุนตัวไปหาอวิ๋นจิ่น
มันเกรงว่าขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปจะชนคุณชายเข้า สัตว์เทพกิเลนที่ลอยอยู่กลางอากาศจึงเปลี่ยนมาเป็นสัตว์เลี้ยงตัวน้อยน่ารัก
เมื่อเหาะลงมา ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจอย่างมาก
คุณชาย พวกเราคิดถึงท่าน ท่านอย่าทำเช่นนี้!
คุณชาย…
ซูจิ่นซีในเวลานี้ได้สติจากความเศร้าโศก อย่างไรก็ตาม นางไม่รู้ว่าอวิ๋นจิ่นคิดจะทำอันใดกับตน นางไม่อาจขยับเขยื้อนร่างกาย ทำได้เพียงมองอวิ๋นจิ่นกระทำทุกอย่างโดยไม่อาจควบคุมได้
เมื่อมองจิ้งจอกเก้าสีและสัตว์เทพกิเลนที่นอนอยู่ไม่ไกล สายตาของเขาโศกเศร้าอย่างมาก
“ไม่ อวิ๋นจิ่นอย่าทำเช่นนี้! เจ้าคิดจะทำอันใด? เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้… ”
ซูจิ่นซีส่ายศีรษะอย่างควบคุมไม่ได้ นางตระหนักได้ว่าคำพูดของตนก่อนหน้านี้ อาจทำให้อวิ๋นจิ่นสะเทือนใจ
ทว่านางไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อครู่ นางตกใจมาก ทั้งยังโศกเศร้าเกินไป จึงไม่รู้ตัวว่าตนเองทำสิ่งใดหรือพูดสิ่งใดออกไป
นางพยายามยับยั้งอวิ๋นจิ่นอย่างสุดกำลัง และพยายามตะโกนเรียกอวิ๋นจิ่นจนสุดความสามารถ
“อวิ๋นจิ่น อย่า… ”
“อวิ๋นจิ่น เจ้าหยุด… ”
“อวิ๋นจิ่น เจ้าต้องการจะทำอันใด? เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้… ”
อย่างไรก็ตาม อวิ๋นจิ่นไม่มีความคิดที่จะหยุดแม้แต่น้อย
เขาหันไปแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ซูจิ่นซี
เป็นรอยยิ้มที่มีให้ซูจิ่นซีเท่านั้น
รอยยิ้มนั้นสดใสและสวยงามยิ่งกว่าดอกไห่ถัง
รอยยิ้มนั้นทิ่มแทงดวงตาของซูจิ่นซี และทิ่มแทงหัวใจของนาง
นางหันไปตะโกนใส่อวิ๋นจิ่นอย่างบ้าคลั่ง
“อาจารย์ หยุด! ท่านหยุดเถิด… ข้าขอร้อง ท่านหยุดได้หรือไม่? ซีเอ๋อร์ไม่อาจอยู่ได้หากไม่มีท่าน ซีเอ๋อร์อยู่ไม่ได้หากไม่มีอาจารย์… อาจารย์ ซีเอ๋อร์ขอร้องท่าน ขอร้องท่าน… อาจารย์ ท่านหยุด… หยุดเถิด… ”
เสียงสุดท้ายของซูจิ่นซีแหบพร่าอย่างมาก ร่างของนางนอนอยู่บนพื้น แม้ไม่สามารถขยับตัวได้ ทว่านางพยายามคลานไปหาอวิ๋นจิ่นอย่างสุดกำลัง
ความกลัวและความรู้สึกที่แท้จริงจากก้นบึ้งของหัวใจ ทำให้ซูจิ่นซีแสดงอารมณ์ที่แท้จริงของนางออกมาในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย
กระทั่งชื่อเรียกก็เปลี่ยนไป
นางลืมไปว่าม่านหมอกบางๆ ที่คั่นระหว่างตนเองกับอวิ๋นจิ่นยังไม่ถูกทำลาย
นางลืมไปแล้วว่า ระหว่างตนเองกับอวิ๋นจิ่นยังอยู่ในสภาวะหยั่งเชิง ต่างฝ่ายต่างปิดบังสถานะของตน
นางลืมไปแล้วว่า ตนเองยังไม่ได้เปิดเผยตัวตนของอวิ๋นจิ่น และอวิ๋นจิ่นยังไม่ยอมรับว่าแท้จริงแล้วเขาคือจิ่วหรง
ตอนนี้ สำหรับซูจิ่นซี สิ่งที่นางหวาดกลัวคือ เมื่อพันปีที่แล้ว นางคือซีเอ๋อร์ ผู้ที่ติดตามจิ่วหรงไปทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นทะเลทั้งสี่ หรือเก้าอาณาจักร
ส่วนอวิ๋นจิ่นก็คือจิ่วหรง คุณชายจิ่วที่มองข้ามสรรพชีวิต ดีดพิณร้องเพลงเพียงลำพังในตำหนักเซียนหลินที่หุบเขาเทียนอี
“อาจารย์ ท่านไม่ต้องการซีเอ๋อร์แล้วหรือ? อาจารย์… ซีเอ๋อร์ขอร้องท่าน! อาจารย์ ท่านหยุดเถิด… ท่านหยุด… ได้หรือไม่… ซีเอ๋อร์ผิด… ซีเอ๋อร์รู้ดีว่ามันผิด… อย่าลงโทษซีเอ๋อร์ด้วยวิธีนี้ได้หรือไม่? ”
อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ไม่ไกลจากซูจิ่นซี เมื่อเห็นซูจิ่นซีเป็นเช่นนั้น รอยยิ้มอบอุ่นของเขาก็ปรากฏที่มุมปาก ทว่ารอยยิ้มนั้นดูอบอุ่นน้อยกว่าปกติเล็กน้อย
เมื่อแสงที่อยู่รอบตัวอวิ๋นจิ่นและซูจิ่นซีขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้าเหนือโลกเขตแดนก็ปรากฏช่องว่าง เลือดสีแดงสดค่อยๆ ไหลรินออกมาจากปากของอวิ๋นจิ่น
คอของซูจิ่นซีแหบแห้ง ไม่อาจส่งเสียงได้อีก นางทำได้เพียงมองดูอวิ๋นจิ่นโดยไม่อาจช่วยเหลืออันใดได้ ทั้งยังร่ำไห้ไม่หยุด… น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย…
นางไม่เคยรู้เลยว่า นางต้องเสียน้ำตามากมายถึงเพียงนี้
ไม่รู้เลย
“ซีเอ๋อร์… ”
ทันทีที่เอ่ยปาก เลือดก็พุ่งออกมาจากปากของอวิ๋นจิ่นมากขึ้น เขาไอสองครั้งและพูดด้วยความยากลำบาก
“เมื่อพันกว่าปีก่อน แม้เจ้าจะเป็นผู้เสียสละดวงวิญญาณแห่งหยิน ทว่าในตอนนั้น จิ่วหรงได้ตายไปแล้ว เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกพันปี เพียงเพื่อให้เจ้าเดินทางกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง! ”
“ซีเอ๋อร์ อย่าเศร้าไปเลย! อาจารย์ดีใจยิ่งนัก จากกันเช่นนี้ อย่างน้อยก็เห็นว่าแท้จริงแล้ว ในหัวใจของเจ้ายังมีข้าอยู่!
อย่างไรก็ตาม วันนี้มาเร็วกว่าที่ข้าคาดไว้อยู่บ้าง… ยังมีบางเรื่อง… ที่อาจารย์ไม่ได้ทำ”
“ซีเอ๋อร์ จดจำคำพูดของอาจารย์ให้ดี หลังจากที่เจ้าได้รับหญ้าเสินเซียนแล้ว ให้ไปที่หุบเขาเทียนอีเพื่อค้นหาสุสานจิ่นอีโหว มีเพียงการเข้าไปในสุสานจิ่นอีโหวเท่านั้น จึงจะสามารถรวบรวมดวงวิญญาณทั้งสามของเจ้าได้”
ไม่รู้ว่าซูจิ่นซีฟังคำพูดของอวิ๋นจิ่นอยู่หรือไม่ ทว่านางจ้องมองอวิ๋นจิ่น พลางส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง… ทั้งยังกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึมออกมา
อวิ๋นจิ่นมองซูจิ่นซีด้วยแววตาเศร้าโศก
“ซีเอ๋อร์เป็นเด็กดี เจ้าต้องเชื่อฟังอาจารย์”
“ซีเอ๋อร์โตแล้ว เอาแต่ใจไม่ได้แล้ว! ”
…
อวิ๋นจิ่นไม่มีกำลังให้ยืนหยัดอีกต่อไป เมื่อช่องว่างบนท้องฟ้าใหญ่พอให้คนผ่านไปได้ เขาก็ใช้กำลังทั้งหมดเหวี่ยงซูจิ่นซีออกไป
ในเวลาเดียวกัน สัตว์เทพกิเลนและจิ้งจอกเก้าสีก็กลายเป็นลำแสงสองดวงหายเข้าไปในอาคมอาคมกำไลปี่อั้นของซูจิ่นซี
ตอนที่ซูจิ่นซีลอยลงมาบนพื้น ท้องฟ้ายังคงปรากฏช่องว่างที่กำลังทอแสงประกาย
เมื่อลงมาอยู่บนพื้น ซูจิ่นซีก็รีบลุกขึ้นและเหาะไปทางช่องแสงนั้น
ทันใดนั้น สัตว์เทพกิเลนก็กระโดดออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น และกระแทกซูจิ่นซีจนตกลงมา มันส่งเสียง “โฮกโฮก” ใส่ซูจิ่นซีด้วยดวงตาแดงก่ำ
จิ้งจอกเก้าสีก็ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้นเช่นกัน มันช่วยสัตว์เทพกิเลนขัดขวางซูจิ่นซีที่กำลังร้องไห้
สัตว์เทพกิเลนราวกับกำลังพูดว่า เจ้านาย ท่านไม่อาจทำให้การเสียสละของคุณชายต้องสูญเปล่า คุณชายเดิมพันไว้มากมาย หากกลับไปอีก เท่ากับว่าคุณชายสละชีวิตอย่างไร้ประโยชน์
ทันทีที่ซูจิ่นซียืนขึ้น นางก็ถูกสัตว์เทพกิเลนชนให้นั่งลงกับพื้น เมื่อนางลุกขึ้นอีกครั้ง สัตว์เทพกิเลนก็กระแทกให้นางนั่งลงอีกครั้ง
แน่นอนว่าสัตว์เทพกิเลนยังคงระมัดระวังไม่ให้ตนเองทำร้ายซูจิ่นซีจนได้รับบาดเจ็บ
ซูจิ่นซีร้อนใจจนแทบบ้า นางเรียกกระบี่เฟิ่งอวี่ออกมาจากอาคมกำไลปี่อั้น และชี้ปลายดาบไปทางสัตว์เทพกิเลน
“สัตว์เทพกิเลน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้าทราบหรือไม่ว่าเขาคือผู้ใด? ”
สัตว์เทพกิเลนร้อง ‘โฮก… ’ น้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาของมัน
ซูจิ่นซีไม่เข้าใจความหมายของสัตว์เทพกิเลน นางกัดริมฝีปากแน่น ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้ม
“เขาคือคุณชาย คุณชายจิ่วที่เคยช่วยเจ้าและพ่อแม่ของเจ้าที่ดินแดนสือฮวงจิ่วเมื่อหนึ่งพันปีก่อน”
แน่นอน สัตว์เทพกิเลนรู้ว่านั่นคือคุณชายจิ่ว เป็นผู้มีพระคุณของตน
มันรู้มานานแล้ว
ในโลกนี้ นอกจากซูจิ่นซีผู้เป็นนายที่สามารถเรียกสัตว์เทพกิเลนได้ มีเพียงคุณชายจิ่วผู้เดียวที่สามารถเรียกสัตว์เทพกิเลนออกมาได้
เป็นเพราะอวิ๋นจิ่นคือจิ่วหรง
อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถปล่อยให้นายของมันต้องเสี่ยงอันตราย!
มันเข้าใจความหมายของคุณชาย
คุณชายเสียสละชีวิตเพื่อช่วยนายท่านออกมาจากโลกเขตแดน เพียงเพื่อให้นายท่านมีชีวิตที่ดี และมีชีวิตต่อไปกับโยวอ๋อง
“โฮก… ”
เสียงของสัตว์เทพกิเลนเศร้าโศกอย่างมาก มันเงยหน้าขึ้นขัดขวางซูจิ่นซีด้วยน้ำตาที่ไหลพราก