บทที่ 1146 กลั่นแกล้ง โดย Ink Stone_Fantasy
“ฮ่าฮ่า!” ตอนนี้เองที่จู่ๆ ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าสหายน้อยท่านนี้จะเอาธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไปทำอะไรหรือ?”
อี้อวิ๋นขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเมื่อครู่นี้จั่วชิวเฮ่าอวี้คงส่งเสียงคุยอะไรบางอย่างกับปรมาจารย์ฮูเหยียนแน่นอน เดิมทีพวกเขาสองคนก็รู้จักกัน ทั้งจั่วชิวเฮ่าอวี้ยังทำการขัดขวาง เกรงว่าการซื้อขายครั้งนี้คงไม่ราบรื่นนัก
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนแค่ขายโอสถ ไม่จำเป็นต้องถามข้าว่าใช้ทำอะไรกระมัง เมื่อครู่นี้ท่านบอกราคาห้าแสนห้าหมื่น ข้าน้อยยินดีรับราคานี้”
เสียเอ๋อร์กำลังอยู่ในอันตราย อี้อวิ๋นได้แต่ระงับอารมณ์ในใจ แต่ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกลับทำแค่ลูบครางที่ไร้เคราโดยไม่ตอบอะไร บนใบหน้ามีรอยยิ้มสนุกสนาน
อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “หรือท่านจะกลับคำ?”
อี้อวิ๋นพยายามไม่แสดงความร้อนใจ คนทั้งสองจะได้ไม่ใช้จุดนี้มาเล่นงานเขา แต่ในความเป็นจริงเขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร หากชักช้าต่อไปก็จะทำให้เสียเอ๋อร์เกิดโรคตกค้างแน่นอน
“กลับคำ? เจ้าถามข้าหรือ?” สีหน้าปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนจมลงเล็กน้อย “ข้าคือปรมาจารย์โอสถ ข้าจะขายโอสถของตัวเองให้ใครก็เป็นอิสระของข้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้อาวุโสจากกลุ่มอิทธิพลที่มาซื้อโอสถจากข้าก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างสุภาพกันทั้งนั้น!”
ใจอี้อวิ๋นจมลง ฟังจากน้ำเสียงก็เห็นได้ชัดว่าคงไม่ยอมขายโอสถให้ง่ายๆ ทั้งยังให้โอกาสนี้มาบีบคั้นอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นนิ่งไปสักพักแล้วพูดว่า “ข้าได้ยินจากท่านเจ้าเมืองฉินและเทพธิดาอู๋เสียว่าโรงโอสถฟ้าประทานมีปรมาจารย์โอสถที่หลอมธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณเป็นจึงมาซื้อ”
ขณะที่อี้อวิ๋นพูดก็นำแผ่นหญิงสีแดงโลหิตออกมา บนแผ่นหยกมีตราประทับของเจ้าเมืองฉิน ไม่มีทางเป็นของปลอม
“หืม? เจ้าเมืองฉิน?” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ เขารู้ว่าอี้อวิ๋นยกชื่อเจ้าเมืองฉินมาพูดเพื่อกดดันเขา หากมีอี้อวิ๋นเพียงคนเดียวเขาก็เล่นงานได้ตามใจชอบ แต่หากมีเจ้าเมืองฉินด้วยก็ต้องคิดคำนึงให้มากขึ้น
เมื่อครู่นี้จั่วชิวเฮ่าอวี้ส่งเสียงบอกที่มาของอี้อวิ๋นให้เขารู้ จั่วชิวเฮ่าอวี้ส่งคนไปสืบค้นข้อมูลของอี้อวิ๋น รู้ว่าอี้อวิ๋นเพิ่งมาเมืองสรรพสิ่งได้ไม่นาน ไม่มีทางมีความเกี่ยวข้องกับเจ้าเมืองฉิน
หากเจ้าเมืองฉินจะซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณก็ไม่มีทางส่งเด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาให้มาซื้อ เช่นนั้นความเป็นไปได้เดียวที่มีคืออี้อวิ๋นจะซื้อเองและยืมอักขระสรรพสิ่งจากเจ้าเมืองฉิน
เหตุใดเจ้าเมืองฉินจึงให้เขายืมอักขระสรรพสิ่งมากถึงเพียงนี้?
ในตอนนี้เองที่จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะเสียงดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน “น้องชายช่างมีความสามารถ! ทำให้เทพธิดาอู๋เสียช่วยเอ่ยปากยืมอักขระสรรพสิ่งจากท่านเจ้าเมืองให้เจ้าได้ นับว่ามีความสามารถด้านการเกาะผู้หญิงกินระดับหนึ่งแล้ว นับถือ นับถือ!”
จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดเย้ยหยันด้วยสายตาเย็นชา
เขาใช้ความพยายามมากมาย ส่งของขวัญล้ำค่าต่างๆ ไปให้และเชิญชวนครั้งแล้วครั้งแล้วก็ยังไม่อาจโน้มน้าวเทพธิดาโยวฉินหรือเทพธิดาอู๋เสียแม้แต่คนเดียว แต่อี้อวิ๋นผู้นี้ไม่เพียงไม่ส่งของขวัญใดๆ ก็กลับได้ความช่วยเหลือจากเทพธิดาอู๋เสีย เทพธิดาอู๋เสียดีต่อคนประเภทนี้มากกว่าเขาถึงเพียงนี้
จะไม่ให้จั่วชิวเฮ่าอวี้โมโหได้อย่างไร?
“ดูแล้วเจ้ากับเทพธิดาอู๋เสียคงมีความสัมพันธ์ที่เลวต่อกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็เชิญนางมาที่นี่สักครั้ง ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณก็จะขายให้เจ้า” จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดเรียบๆ
แววตาอี้อวิ๋นมีประกายเย็นยะเยือก จั่วชิวเฮ่าอวี้ผู้นี้ได้คืบจะเอาศอก ถึงขั้นพูดข้อเสนอที่เลยเถิดมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้เขากับองค์หญิงจิ้งจอกขาวจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ถึงกระนั้นเขาจะตอบตกลงเงื่อนไขเช่นนี้แทนนางได้อย่างไร
จั่วชิวเฮ่าอวี้มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขารู้ว่าข้อเรียกร้องของตัวเองไร้เหตุผล จงใจกลั่นแกล้งอี้อวิ๋น สอนบทเรียนให้อีกฝ่ายรู้ว่าจอมยุทธ์เช่นเขาไม่นับเป็นอะไรสำหรับเมืองสรรพสิ่งทั้งนั้น
จั่วชิวเฮ่าอวี้มีทั้งอิทธิพลและเส้นสาย เพียงแค่ขยับริมฝีปากก็ทำให้อี้อวิ๋นทุกข์ทรมานได้แล้ว
จั่วชิวเฮ่าอวี้คิดว่าในเมื่ออี้อวิ๋นยอมยืมอักขระสรรพสิ่งจากเจ้าเมืองฉินเพื่อซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ เช่นนั้นเขาก็คงต้องคว้าโอสถมาให้ได้จึงจงใจกลั่นแกล้งอีกฝ่าย
“เฮ้อ คุณชายเฮ่าอวี้ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนพูดยิ้มๆ “ในเมื่อเป็นอักขระสรรพสิ่งที่ท่านเจ้าเมืองให้ยืม เช่นนั้นข้าก็จะไว้หน้าท่านเจ้าเมืองฉิน แบบนี้แล้วกัน เมื่อครู่ข้าได้ยินคุณชายเฮ่าอวี้บอกว่าเจ้ากับเขามีความขัดแย้งต่อกัน เช่นนั้นหากเจ้าขอโทษเขาที่นี่ก็ปล่อยจะให้เรื่องนี้จบไป ข้าขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณให้เจ้าในราคาเก้าแสนอักขระ”
เก้าแสน?
อี้อวิ๋นยิ้มเยาะ ช่างเป็นสิงโตอ้าปากกว้างจริงๆ เขาไม่เพียงแต่จะไม่ขอโทษ เพราะต่อให้ขอโทษแล้วก็มีอักขระไม่ถึงเก้าแสน
“ทำไม? มีอักขระไม่พอหรือ?” จั่วชิวเฮ่าอวี้ย่อมมองออกว่าแผ่นหยกในมืออี้อวิ๋นใส่ได้สูงสุดที่แปดแสนอักขระ “จิๆๆ อักขระที่ยืมมามีไม่พอ? ไม่เป็นไร ข้าให้สัญญาได้ว่าหากเจ้าตบหน้าตัวเองก็จะลดราคาให้หนึ่งหมื่นอักขระในแต่ละครั้ง ยิ่งตบมากก็ยิ่งลดมาก ฮ่าฮ่าฮ่า”
จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่ว ตอนนี้ใจเขารู้สึกสะใจมาก นี่คือประโยชน์ที่เกิดจากอิทธิพลและฐานะ ต่อให้ใช้อำนาจรังแกคนแล้วเจ้าจะทำอะไรได้?
เขารู้ว่าอี้อวิ๋นมีพรสวรรค์ไม่เลว คนประเภทนี้ส่วนใหญ่ภูมิใจในตัวเอง ยิ่งเป็นเช่นนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกชนะที่ได้กดอัดอีกฝ่าย
เขาต้องการให้อี้อวิ๋นทรมานจนกระอักเลือด ให้เขารู้ว่าคนชั้นต่ำเช่นมดแบบเขาต้องก้มหัวให้ต่ำเมื่ออยู่ต่อหน้าตัวเอง
อี้อวิ๋นกำหมัดแน่นแล้วค่อยๆ คลายออก ธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณมีความยากในการหลอมที่ไม่น้อย การจะหลอมได้ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองวัน ทั้งยังต้องเตรียมวัตถุดิบจำนวนมากไว้ล่วงหน้า วัตถุดิบสมุนไพรเหล่านี้ไม่ใช่รวบรวมได้ง่ายๆ ตอนนี้ชีวิตหลิงเสียเอ๋อร์อยู่ในอันตราย อี้อวิ๋นไม่มีเวลามาหลอมธาตุกระดูกด้วยตัวเองแล้ว
วันนี้อี้อวิ๋นเตรียมใจมาแล้วว่าหากอีกฝ่ายไม่ทำเกินไป ไม่ว่าอะไรเขาก็ทนได้ทั้งนั้น แต่ตอนนี้เรื่องราวกลับดำเนินมาถึงจุดที่ไม่อาจถอยกลับ
อี้อวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตัดสินใจ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น แววตาเขาเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง เขามองปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนแล้วพูดว่า “ในเมื่อเจ้าไม่อยากขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณ เช่นนั้นก็เก็บไว้ซื้อโลงศพเถอะ!”
อะไรนะ?
ใบหน้าปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนกลายเป็นสีเขียว เขาคิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นที่เป็นเด็กรุ่นเยาว์จะกล้าพูดคำเช่นนี้กับเขาที่เป็นอรหันต์โอสถ
“ยังมีเจ้า” อี้อวิ๋นหันไปมองจั่วชิวเฮ่าอวี้ “ข้าแนะนำให้เจ้ารีบใช้เวลาที่ตัวเองยังได้ใจมาเก็บโอสถชั้นดี เพราะเมื่อวันหน้าถูกทำให้พิการทั้งร่างแล้วก็คงถูกทางตระกูลทอดทิ้งเหมือนสุนัขข้างทาง ถึงเวลานั้นคงไม่มีเงินซื้อโอสถอีก”
จั่วชิวเฮ่าอวี้ฟังแล้วก็หัวเราะ อี้อวิ๋นเป็นแค่มดตัวหนึ่ง กล้าดีอย่างไรมาพูดจากำเริบเสิบสานเช่นนี้
“หากไม่ใช่เพราะตอนนี้อยู่ในร้าน เจ้าก็คงไม่มีชีวิตกลับออกไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันข้างหน้า” เสียงของจั่วชิวเฮ่าอวี้เย็นยะเยือกขึ้นมาเมื่อพูดถึงประโยคครึ่งหลัง เขาอยากชักกระบี่สังหารอี้อวิ๋นตั้งแต่ตอนนี้ แต่ในเมืองสรรพสิ่งไม่อนุญาตให้สู้กัน ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษจากกลุ่มอิทธิพลทั้งหมดในเมือง
“นี่เองก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากพูดเช่นกัน วันหน้ายังอีกยาวไกล ข้าจำเรื่องวันนี้ไว้แล้ว”
อี้อวิ๋นพูดจบก็หมุนตัวจากไป
“หืม? เจ้า…”
จั่วชิวเฮ่าอวี้เห็นว่าเงาร่างอี้อวิ๋นกระพริบไปที่ทางเข้าโรงโอสถฟ้าประทาน จากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เรื่องนี้ทำให้สีหน้าจั่วชิวเฮ่าอวี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
หรือเขาจะมองผิดไป อี้อวิ๋นไม่ได้ต้องการธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณขนาดนั้น?
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนขมวดคิ้วเช่นกัน “คุณชายเฮ่าอวี้ เมื่อครู่ท่านบอกว่าเจ้าเด็กนี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่ใช่หรือ ข้าตั้งราคาสูงขึ้นไปอีกแล้วถือโอกาสรีดไถเขาก็พอไม่ใช่หรือ?”
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนไม่พอใจเล็กน้อยที่เสียการค้าก้อนนี้ แม้เขาจะไม่กังวลว่าจะขายธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ขายที่ราคาห้าแสนอักขระ เมื่อครู่นี้เขารู้สึกว่าหากเรียกราคาที่แปดแสนอักขระอี้อวิ๋นก็ตอบตกลง ได้เงินมากกว่าปกติถึงสามแสน แม้ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนจะร่ำรวยก็ไม่มีทางมองข้ามเงินก้อนนี้ ทว่าตอนนี้อี้อวิ๋นกลับจากไปแล้ว
“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียน ท่านจะสนใจความสูญเสียเล็กน้อยนี้ไปทำไม ข้าไม่เคยผิดต่อสหาย ในเมื่อวันนี้ท่านสูญเสีย หอเซียนสรรพสิ่งของข้าก็จะช่วยท่านหากลับมาแน่นอน”
จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดอย่างหงุดหงิดใจ ตอนแรกเขาคิดว่าวันนี้จะจัดการอี้อวิ๋นได้แน่แล้ว คิดจะเหยียบย่ำอีกฝ่ายให้สาสม คิดไม่ถึงว่าอี้อวิ๋นจะเด็ดขาดและจากไปเลย
แต่จั่วชิวเฮ่าอวี้เชื่อว่าอี้อวิ๋นที่ซื้อธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไม่สำเร็จก็ต้องเสียหายหนักเช่นกัน เรื่องนี้ปลอบใจเขาได้เล็กน้อย
“ในเมื่อคุณชายเฮ่าอวี้พูดเช่นนี้ข้าก็จะไม่พูดอะไรอีก แต่เจ้าเด็กนี่ล่วงเกินข้าถึงเพียงนี้ กล้าบอกให้ข้าเก็บธาตุกระดูกฟื้นวิญญาณไว้ซื้อโลงศพ จะให้ข้าปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร ขอเพียงแค่เขายังกล้าอยู่เมืองสรรพสิ่งต่อ ข้าก็จะทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้แน่นอน”
ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนเชี่ยวชาญด้านวิชาหลอมโอสถ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในเมืองสรรพสิ่งต่างยกเขาเป็นแขกชั้นสูง พากันดึงตัวมาเป็นพวก เคยโมโหแบบนี้และถูกเด็กรุ่นเยาว์ด่าที่ไหนกัน
“หึ ต่อให้ท่านไม่ลงมือข้าก็ไม่ปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่แล้ว” จั่วชิวเฮ่าอวี้ลูบแหวนมิติของตัวเอง ตลอดเวลาหลายปีมานี้ไม่เคยมีใครที่ล่วงเกินเขาแล้วมีจุดจบที่ดี
ส่วนเรื่องเจ้าเมืองฉินเขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรมาก อี้อวิ๋นไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเมืองฉิน เจ้าเมืองสรรพสิ่งกับกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในแดนสวรรค์สรรพสิ่งก็มีความสัมพันธ์ที่ถ่วงดุลซึ่งกันและกัน ขอเพียงไม่ทำผิดกฎก็ไม่ใครฉีกหน้าใคร
…………………………………………