Ch.52 – ล่ากระต่าย

Translator : Reheikichi / Author

วันรุ่งขึ้นหลังจากได้รับใบอนุญาตนักผจญภัย

เราไปที่กิลด์อีกครั้งและกำลังมองหาคำขอที่ติดอยู่บนกระดานข่าวหน้าเคาน์เตอร์

 

[ มิเซ่ มีคำขอไหนที่เหมาะสำหรับมือใหม่บ้างไหมนะ? ]

[ เอ่อ ตัวอย่างเช่น… นี่เหรอคะ? ]

 

มิเซ่ตอบคำถามของผมและชี้ไปยังกระดาษแผ่นหนึ่งบนกระดานข่าว

[ คำขอเก็บสมุนไพร ค่อนข้างปลอดภัยและเหมาะกับมือใหม่ ]

[ อืม แต่ค่าตอบแทนก็น้อยไปด้วยนะ ]

[ มันก็จริงนะคะ… ถ้าแบ่งกันสี่คนล้วก็ได้กันคนละนิดเดียวเอง คำขอเก็บสมุนไพรนี้คงจะเหมาะกับคนทั่วไปมากกว่า ]

ก็จริงที่ผมไม่ได้ลงทะเบียนที่กิลด์เพื่อเงิน ก็แค่ว่าอยากเพิ่มระดับความยากขึ้นสักนิด อีกสามคนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเราจึงมองหาคำขออื่นกันต่อ

[ ถ้าอย่างนั้นนี่ล่ะ? ปราบปรามกระต่ายแหลมคมและเก็บเล็บมันมา ]

กุเร็นพูดขณะที่มองกระดาษใบอื่น

เมื่ออ่านคำขอ เอลิเซียก็เอียงหัว

[ กระต่ายแหลมคมนี่เป็นมอนสเตอร์ประเภทหนึ่งสินะ? ]

[ อา พูดง่ายๆ ก็คือเป็นกระต่ายที่มีกรงเล็บยาว เล็บของมันสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้ผ่านกระบวนการแปรรูปและยังใช้เป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย ]

ผมรู้จักกระต่ายแหลมคมเป็นอย่างดี

มันเป็นมอนสเตอร์ที่มีโภชนาการสูงมาก อย่างไรก็ตามเพราะมีจำนวนมาก มีความแข็งของเล็บ และผิวหนังที่เหนียวจึงจัดเป็นมอนสเตอร์ประเภทที่ [ ถ้าพบให้ล่า ]

[ ผมไม่ว่าอะไรหรอก ว่าแต่กุเร็นคงรู้จักกระต่ายแหลมคมดีใช่มั้ย? ]

[ เคยล่าสัตว์ตอนอยู่บ้านเกิดน่ะ หากเลวร้ายจริงๆ ก็ปล่อยให้ฉันจัดการได้เลย ]

[ ไม่เอาหรอก ให้ขอร้องนายนี่น่าขายหน้าจะตาย ]

[ หมายความว่าไงนั่น ]

กุเร็นพูดด้วยรอยยิ้มสับสน

จริงๆ ถ้าเป็นกระต่ายแหลมคมอย่างเอลิเซียคงจะจัดการได้สบายมาก ภาระจึงไม่ไปกระจุกอยู่ที่กุเร็นคนเดียว เป็นคำขอที่ทั้งสี่คนพอจะจัดการได้

[ ต้องไปทางไหนล่ะกุเร็น? ]

[ เอ่อ อา… ทางป่าโดโบส เดินจากที่นี่ประมาณ 30 นาที ]

ตอนเดินไป-กลับที่จริงก็อยากใช้รถม้าเพราะต้องขนเล็บมาด้วย แต่เมื่อนึกถึงจำนวนเงินรางวัลแล้วเดินเอาจะดีกว่า

มีบริการให้เช่ารถม้าราคาถูกในกิลด์และติดราคาไว้ที่หน้าเคาน์เตอร์ แต่เมื่อตรวจสอบดูดีๆ ถ้าเช่ารถม้าและทำคำขอปราบกระต่ายแหลมคม ผลกำไรสุดท้ายก็จะเท่ากับเก็บสมุนไพร

ไม่ได้ต้องเงินหรอกนะ แต่… พอคิดถึงผลลัพธ์ในการทำงานครั้งแรก ถ้าแทบไม่ได้กำไรเลยก็น่าเศร้าใจ

[ มิเซ่ ตกลงพวกเรารับคำขอนี้นะ? ]

[ ค่ะ ]

[ ตกลงกันตามนี้นะ ]

จากนั้นเราจึงกรอกแบบฟอร์มขอปราบปรามกระต่ายแหลมคมที่อยู่บนกระดานข่าวและไปที่เคาน์เตอร์พร้อมกันสี่คน

เมื่อแสดงใบอนุญาตให้พนักงานต้อนรับดู เราได้สามารถรับคำขออย่างเป็นทางการได้แล้ว

 

 

 

 

เราใช้เวลาเดิน 30 นาทีจากเมืองหลวง

เมื่อถึงป่าโดโบสก็ทำการค้นหากระต่ายแหลมคมทันที

[ กระต่ายแหลมคมเป็นมอนสเตอร์ที่ระมัดระวังตัว ดังนั้นจึงมักจะซ่อนตัวในพุ่มไม้หรือต้นไม้… ปกติแล้วถ้าไม่เข้าไปใกล้ก็ปลอดภัยล่ะนะ แต่ก็มีบางตัวที่ชอบกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ทีเผลอ ดังนั้นขอให้รีบใช้ 《เสริมพลัง》ในทันทีนะ ]

กุเร็นที่มีประสบการณ์ในการล่ากระต่ายแหลมคมอธิบายขณะที่มองหาเป้าหมาย

มิเซ่จึงใช้《เสริมพลัง》ตามคำแนะนำ ออร่าบางๆ ของเวทมนตร์จึงแผ่ขยายและปกคลุมตัวเธอ

[ แล้วพวกคุณทรูเอทล่ะ ไม่ใช้《เสริมพลัง》เหรอคะ? ]

เมื่อถูกมิเซ่ถาม เราสามคนจึงบอกความคิดของแต่ละคนออกไป

[ ฉันชินแล้วไม่เป็นไรหรอก ]

กุเร็นพูด

[ ฉันใช้ได้ทันทีเลยไม่มีปัญหานะ ]

เอลิเซียพูด

[ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ตอนนี้เพราะยังจำวี่แววไม่ได้นะ ]

ผมตอบไป

แม้ว่าจะมีเหตุผลต่างกัน แต่ว่าแต่ละคนต่างก็มีจุดแข็งของตัวเองและตัดสินใจตามสถานการณ์ให้ถูกต้อง

เมื่อได้ยินคำตอบของเรา มิเซ่ก็ทำหน้าเศร้าใจ

[ …จะระวังไม่ให้เป็นตัวถ่วงให้มากที่สุดนะคะ ]

ผม กุเร็น และเอลิเซียต่างทำหน้าอึดอัดใจเมื่อได้ยินเสียงแผ่วเบาของมิเซ่

พวกเราจึงแอบปรึกษากันเบาๆ โดยไม่ให้มิเซ่ได้ยิน

[ เดี๋ยวสิ ทำอะไรสักอย่างสิยะ มิเซ่หดหู่เลยเห็นไหมเล่า ]

[ ถ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ… ท ทรูเอท ฝากนายด้วยนะพวก! ]

[ อย่ามางี่เง่านะเห้ย ]

แต่แรกเราก็ไม่คิดว่ามิเซ่เป็นตัวถ่วงอยู่แล้ว

แต่เราทั้งสามคนต่างแค่ใช้ประโยชน์จากความฝัน [ อยากเป็นนักผจญภัย ] ของเธอ ดั่งเดิมเราจึงไม่ใช่คนดูแลมิเซ่

[ หืม? …ตรงนั้น กระต่ายแหลมคม ]

กุเร็นหยุดชะงักและพูดด้วยเสียงเบา

มีกระต่ายอยู่ในพุ่มไม้ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร ขนตัวมันเป็นสีขาว แต่มีเล็บสีดำยาวเหยียดออกมาจากเท้าทั้งสองข้าง

[ จากนี้ฉันจะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ทั้งสามคนคอยดูนะ ]

กุเร็นย่องไปหากระต่ายแหลมคมเพียงคนเดียว

เข้าไปประชิดอย่างช้าๆ เกือบจะไร้เสียงฝีก้าว บางทีตอนที่อยู่บ้านเกิดเขาอาจจะล่ากระต่ายแหลมคมบ่อยก็ได้ เมื่อไปถึงระยะ

หลังจากเข้าสู่ระยะที่กระต่ายแหลมคมเริ่มไหวตัวทัน กุเร็นก็ใช้เวท《เสริมพลัง》

ทันใดนั้นกระต่ายแหลมคมก็กระโดดและทำท่าจะใช้กรงเล็บฟันที่คอของกุเร็น แต่ทว่าการเตะของกุเร็นที่ถึงร่างของกระต่ายแหลมคมก่อนเล็บของมัน

กระต่ายแหลมคมชนเข้ากับต้นไม้ข้างหลังและหล่นลงมาดังตุ๊บ

ดูเหมือนจะตายแล้ว

[ เป็นไงบ้าง? ]

[ ไม่ว่าจะดูยังไง ก็แค่เข้าไปใกล้แล้วเตะเองนี่นา ]

[ น่า ก็ใช่แล้วล่ะ แบบนี้จัดการได้เร็วดีนะ ]

เมื่อมองดูเอลิเซียกับกุเร็นคุยกัน ผมก็สังเกตเห็นมิเซ่ที่อยู่ข้างๆ กำลังประหม่า

กุเร็นอาจจะจัดการกระต่ายแหลมคมได้อย่างง่ายดาย แต่กระต่ายแหลมคมก็พยายามโต้กลับอยู่ครู่หนึ่ง หากเขาถูกโจมตีโดยไม่มีการป้องกันใดๆ ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะได้บาดแผล เลวร้ายที่สุดก็อาจจะเป็นบาดแผลสาหัส

แม้จะตัวเล็ก แต่มันก็เป็นมอนสเตอร์ จะประมาทไม่ได้

ผมอ่านความตึงเครียดของมิเซ่ออก จึงพยายามจะบอกให้เธออย่าประหม่าให้มากที่สุด

[ ทำใจให้สงบไว้มิเซ่ ]

มิเซ่ที่ถูกทัก แม้จะแสดงท่าทีไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็หายใจเข้าลึกๆ และทำให้จิตใจสงบลงได้

[ พุ่มไม้ที่ต้นถั่วกำลังโตตรงนั้น… มีกระตายแหลมคมแอบอยู่ข้างหลัง ]

[ อ อ๊ะ จริงเหรอคะ? ]

[ อา … เวทยิงระยะไกลใช้ได้ใช่มั้ย? ]

[ ค ค่ะ คิดว่า… ]

[ ถ้าอย่างนั้นผมจะไปล่อกระต่ายแหลมคมออกมาจากพุ่มไม้ให้ มิเซ่คอยใช้เวทมนตร์จัดการมันทีนะ ]

[ ขะ เข้าใจแล้วค่ะ ]

มิเซ่พยักหน้าและรีบใช้เวทมนตร์ทันที

ผมแอบเข้าไปหลังเจ้ากระต่ายแหลมคมที่ยังไม่รู้สึกตัว

ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อให้สัญญาณกับมิเซ่ที่อยู่ด้านหน้า

ไม่จำเป็นต้องใช้《เสริมพลัง》หากแค่ล่อมันออกมา ผมแอบซุ่มด้านหลังเจ้ากระต่ายแหลมคมที่กำลังนิ่งเฉยในพุ่มไม้ เมื่อกระทืบพื้น เจ้ากระต่ายแหลมคมก็ตกใจและพุ่งออกมาโดยตรงไปที่มิเซ่

[ มิเซ่! ]

[ ค ค่ะ!! ]

ซึ่งในกรณีฉุกเฉิน ผมได้เตรียมใช้เวท《เสริมพลัง》ไว้แล้ว ถ้ามิเซ่เกิดพลาดขึ้นมา

แต่ความเป็นห่วงของผมก็จบลงโดยไม่เกิดอะไรขึ้น เวทยิงระยะไกลของมิเซ่พุ่งทะลุร่างของกระต่ายแหลมคมอย่างรุนแรง

 

กระต่ายแหลมคมรวดเร็ว แต่ไม่ได้อึดนัก

หากสามารถใช้เวทระดับ D ได้ก็สามารถปราบมันได้อย่างง่ายดาย

[ สำเร็จแล้วนะ! ]

ผมบอกมิเซ่ ขณะที่เก็บซากมอนสเตอร์บนพื้นและมองไปยังเธอ

มิเซ่ยังคงเครียดและตื่นเต้นอยู่ เธอพยักหน้าขณะที่เหงื่อท่วมหน้าผาก

 

[ มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นบ้างมั้ย? ]

[ เอ๊ะ? ]

 

[ ครั้งแรกใครๆ ก็ต้องประหม่ากันทั้งนั้น ถ้าชินแล้วเดี๋ยวก็หายกลัวเอง… ผม กุเร็น เอลิเซียต่างก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแล้วก่อนจะเข้าเรียน มิเซ่ไม่ได้เป็นตัวถ่วงหรอกนะ จากนี้ไปเดี๋ยวก็ค่อยๆ เรียนรู้แล้วชินไปเอง ]

การต่อสู้จริงถือเป็นประสบการณ์

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวทมนตร์ที่ใช้จินตนาการและความรู้สึก หากในการต่อสู้จริงสับสนจะทำให้แสดงพลังของเวทออกมาไม่ได้ ความเคยชินจึงเป็นสิ่งสำคัญ

[ ขอบคุณมากค่ะ …ฉันจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ ]

[ อา ]

เมื่อเห็นมิเซ่กลับมาสดใสเหมือนปกติ ผมก็ค่อยโล่งอกหน่อย

หากยังเป็นนักผจญภัยต่อไป อีกไม่นานก็คงจะรู้สึกเคยชินกับการต่อสู้กับมอนสเตอร์ ――เว้นแต่จะมีคนเข้ามาขวาง

[ …แย่ล่ะสิ ทั้งสามคนผมมีธุระด่วนนะ ]

ทั้งสามคนเอียงหัวสงสัย

[ ธุระด่วนอะไรเหรอ? ]

หลังโดนกุเร็นถามมา ผมจึงครุ่นคิดนิดหน่อย

[ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่เมืองหลวงนะ ถ้าใช้《เสริมพลัง》ก็น่าจะไปกลับได้ใน 30 นาที… ขอโทษทีที่มันกระทันหัน แต่ฝากทั้งสามคนจัดการกับคำขอทีนะ ]

[ …เอาเถอะ ถ้าบอกไม่ได้ก็ไม่ต้องบอกหรอก ]

เอลิเซียจ้องมองผมด้วยสายตาสับสนแม้ปากจะบอกว่าเชื่อก็ตาม

จากเรื่องเมื่อหนึ่งเดือนก่อนของเอลิเซีย เธอยังไม่รู้ตัวตนของผมหรอก แต่จากนี้การทำให้เอลิเซียหายสงสัยผมคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

[ ขอโทษด้วยนะ ไว้ผมจะชดเชยให้คราวหน้า ]

หากโดนสอดแนมจะแย่ได้ ผมจึงแยกจากทุกคนมาตรงนี้