Ch.41 – การพบกับระหว่างราชาแห่งชายแดน กับเจ้าหญิง (ขั้นเตรียมตัว)
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
ที่เขียนอยู่ในสารจากองค์หญิงซิลเวียร์มี3จุดต่อไปนี้
・อยากจะขอเป็นพันธมิตรกับราชาผู้ปกครองอมนุษย์แล้วก็ทำข้อตกลงว่าจะไม่ต่อสู้กัน
・เงื่อนไขของพันธมิตรไว้ตัดสินกันในวันที่คุยกัน
・สถานที่พบปะ อยากจะให้เป็นสถานที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างทั้งสองเขต
・ผู้ติดตามแค่ฝ่ายละ2คนเท่านั้น
–เท่านี้
หลักๆก็คือ การมาตัดสินเนื้อหาสัญญาโดยการให้ผู้มีอำนาจมาพบปะกันสินะ
เป็นอีเวนท์ระดับสูงที่โลกเดิมก็ไม่เคยทำด้วยสืนะ…
เอาตามตรง มันน่าคาญจนอยากปฏิเสธ แต่ว่า อีกฝ่ายเป็นผู้มีอำนาจ ขืนปฏิเสธไปแบบดูไม่ดีล่ะก็ คงจะใช้มันเป็นเหตุผลโจมตี[หมู่บ้านฮาซามะ]–เองก็เป็นไปได้ เป็นตัวเลือกที่ยากจริงๆ
“ขอฟังความเห็นของทุกคนหน่อยได้ไหม?”
ด้วยเหตุนั้น ผมก็เลยมาฟังความเห็นของริเซ็ต ฮารุกะ แล้วก็ยูกิโนะ
“เราเกลียดคนพวกนั้นดังนั้นขอค้าน”
“เป็นคำตอบที่ตรงสุดๆไปเลยนะ ฮารุกะ”
“ก็เป็นหัวหน้าของพวกคนที่หันดาบใส่ท่านพี่นี่นา? เชื่อใจไม่ได้หรอก!”
ฮารุกะเอากำปั้นทุบโต๊ะ
ยังเบาแรงให้อยู่ ถ้าฮารุกะทุบจริงๆ โต๊ะหักไปแล้วล่ะ
“ก็เห็นด้วยกับพวกคุณลุงกัลลุงก้าด้วยอยู่หรอก ถ้าเกิดท่าน[เจ้าเมืองคิโทล]ยอมรับ ก็ปฏิบัติต่ออมนุษย์อาจจะดีขึ้นก็ได้…แต่เรา เกลียดการที่ต้องมาก้มหัวให้กับเจ้านายของคนที่หันดาบใส่ท่านพี่”
“ถ้าแค่ไปคุยล่ะ?”
“คิดว่าเราคงจะเอากระบองฟาดใส่แบบไม่ถามเลยล่ะ”
ฮารุกะนี่คงต้องให้อยู่เฝ้าที่นี่ล่ะ
ถึงจะลองถามพวกฮาร์ปี้ดู แต่ก็ไม่มีข้อมูลขององค์หญิงซิลเวียร์ เพราะว่าพวกฮาร์ปี้มีรูปร่างที่ผิดกับมนุษย์อย่างมาก ก็เลยเข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้านไม่ได้ เพียงแต่ ตอนที่เดินเล่นบนท้องฟ้า ก็ยังพอเห็นหน่วยที่เหมือนกับกองทัพของ[เจ้าเมืองคิโทล]กำลังฝึกอยู่ ที่รู้ก็มีแค่นั้น
“ความเห็นของริเซ็ตล่ะ?”
“เห็นด้วยกับการพบกันระหว่างท่านพี่โชมะกับองค์หญิงซิลเวียร์ค่ะ โอกาสที่จะได้เจอกับบุตรีของเจ้าเมืองไม่ได้มีบ่อยๆนะคะ การที่จะทำให้โอกาสที่จะได้เป็นพรรคพวกหนีหายไปมันก็น่าเสียดายค่ะ”
ริเซ็ตพยักหน้าเห็นด้วยอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
“เพียงแต่เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน ดังนั้นก็ควรจะที่เตรียมตัวรับมือไว้ระดับหนึ่งด้วยค่ะ”
“ได้ยินมาว่าเมื่อก่อนองค์หญิงซิลเวียร์ใจดีกับอมนุษย์สินะ?”
“ก็ไม่มีอะไรยืนยันค่ะ ดังนั้นท่านพี่โชมะควรจะให้ความสำคัญกับตัวเองที่สุดค่ะ”
“ยังไง…ข้อมูลมันก็น้อยเกินไปสินะ”
ข้อมูลในอาณาเขตของมนุษย์ มาไม่ถึงชายแดนนี้
เข้าใจเลยว่าในชวงสงครามของโลกเดิม สปายมีความสำคัญขนาดไหน
“ยูกิโนะเดินทางมาจากเมืองหลวงใช่ไหม? ไม่มีข้อมูลอะไรพวกนั้นเลยเหรอ?”
“ฉันแค่หา[นายที่แท้จริง]ก็เต็มกลืนแล้วล่ะค่ะ…”
ยูกิโนะพูดอย่างรู้สึกผิด
“แถม เพราะดูเหมือนเด็ก ก็เลยเข้าไปรวบรวมข้อมูลในที่อย่างร้านเหล้าไม่ได้”
ก็จริง
ร่างกายของยูกิโนะที่โผล่มาจากโต๊ะ ก็ยังเตี้ยกว่าริเซ็ตกับฮารุกะประมาณ2หัวได้
เพราะว่าเหมือนเด็ก ก็เลยไปสถานที่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลยาก
“ยังไง ก็มีแต่ต้องหามนุษย์ที่น่าจะเป็นพรรคพวกได้จริงๆสินะ…”
พอคิดแบบนั้น ข้อเสนอขององค์หญิงซิลเวียร์ก็ดีกับพวกเราจริงๆ
ปัญหาก็คือ อีกฝ่ายจะเชื่อใจได้ไหม เท่านั้น
“ไม่ต้องไปพึ่งพลังขององค์หญิงพรรค์นั้นหรอก ท่านพี่!?”
ฮารุกะส่งเสียงออกมา
“ก็แค่ให้อมนุษย์สักคนปลอมเป็นมนุษย์แล้วแฝงตัวเข้าไปในสังคมมนุษย์ก็พอแล้วล่ะ!”
“ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกนะคะ แต่ว่า การจะให้อมนุษย์แฝงตัวไปกับมนุษย์ก็คิดว่าคงจะยากค่ะ…”
ผม ริเซ็ต แล้วก็ฮารุกะทำท่าครุ่นคิด
“ถ้าแปลงเป็นนักทำนายจะเป็นยังไงล่ะคะ?”
อยู่ๆยูกิโนะก็พูดออกมา
“คนที่ทำนายให้ฉันที่เมืองหลวงบอกมาน่ะค่ะ นักทำนายนั้นมีโอกาสได้ฟังเรื่องราวของผู้คนอยู่มากมาย ถ้าจะรวบรวมข้อมูลก็มาหาได้ คนคนนั้นเองก็ตัวเล็ก แล้วก็เหมือนเด็กแบบเดียวกับฉัน แต่ว่าก็สวมผ้าคลุมแล้วทำหน้าแบบ[มีความสามารถแบบนั้นอยู่]ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
“ก็มีเหตุผลนะ”
“ที่เหลือก็จำเป็นต้องมีทักษาการทำนายสินะคะ…มีคนแบบนั้นอยู่แถวนี้ด้วยเหรอคะ?”
“ฮาร์ปี้ถนัดอะไรแบบนั้นนะคะ?”
ฮารุกะยกมือขึ้น
“ฮาร์ปี้มีความสามารถในการอ่านสายลม แถมในตอนที่บินตอนกลางคืนก็สามารถเลือกทิศทางจากการดูดวงดาวได้ล่ะ บางครั้งก็เลยมีเด็กที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถในการทำนายด้วย”
“พึ่งเคยได้ยินครั้งแรกนี่ล่ะค่ะ ฮารุกะ”
“ช่วงนี้ตอนที่ได้เย็บเสื้อให้พวกเด็กๆฮาร์ปี้ก็ได้สนิทกันล่ะ เราเอง ก็เลยทำเสื้อให้ลูกๆของพวกคุณลุง ก็เลยถนัดอะไรแบบนั้น”
เป็นทักษะที่เกินคาด
ฮารุกะนั้นถึงจะทำอะไรทื่อๆ แต่ก็เป็นแม่บ้านเกิดคาด ตอนที่เจอกันครั้งแรกเอง ก็ดูแลเด็กๆนี่นะ
“เข้าใจแล้ว ถ้าจบเรื่องขององค์หญิงซิลเวียร์ จะไปปรึกษาผู้เฒ่าฮาร์ปี้ดู ขอบคุณมาก ยูกิโนะ”
“…คะ คำขอบคุณ ไว้ไปพูดกับนักทำนายที่ทำนายให้ฉันเถอะค่ะ”
ยูกิโนะหลบหน้าอย่างเขินอาย
“อย่าง…ให้ไปที่ชายแดน เป็นคนที่สอนอะไรหลายๆอย่างให้อย่างใจดีค่ะ เพราะว่าชื่อคล้ายๆกับ[ดราก้อนไชนด์] ก็เลยรู้สึกเข้ากันได้น่ะค่ะ”
“เห ชื่ออะไรล่ะ?”
“บอกมาว่าชื่อ พริมเทียร์ เบบี้ฟินิกส์ น่ะค่ะ”
…เป็นชื่อที่เคยได้ยินมาก่อน
พริมเทียร์ เบบี้ฟินิกส์ เรียกย่อๆว่า พริม…เหรอ
“ฮาร์ปี้ไม่ใช่เหรอน่ะ”
“คุณหลานสาวของคุณผู้เฒ่านาไนร่าสินะคะ”
“ที่ถูกขอให้ตามหาสินะ…”
ผม ริเซ็ต แล้วก็ฮารุกะมองหน้ากัน
พริมคือหลานสาวของคุณผู้เฒ่าฮาร์ปี้ ลูกครึ่งของมนุษย์กับฮาร์ปี้ เป็นฮาร์ปี้ที่ไม่มีปีก
มีแขนแทนที่จะเป็นปีก ก็เลยมีรูปร่างแบบเดียวกับมนุษย์โดยสมบูรณ์ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยออกเดินทางเพื่อเรียนรู้เรื่องของโลกใบนี้ คุณผู้เฒ่าบอกมาแบบนี้
งั้นเหรอ…พริมเทียร์ทำงานเป็นนักทำนายอยู่ที่เมืองหลวงเหรอ
“ขอบคุณมาก ยูกิโนะ เพราะแบบนี้ก็เลยได้รู้ข้อมูลที่สำคัญ”
“งะ งั้นเหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นก็รู้สึกยินดีอยู่หรอกค่ะ…”
“ทำเอาอยากเมินองค์หญิงซิลเวียร์ แล้วไปหาตัวเอาตอนนี้เลยล่ะ”
พริมเทียร์มีสกิลในการทำนาย แถมยังรู้เรื่องราวในเมืองหลวง
เพราะมีความอยากรู้อยากเห็นที่แรงกล้า ดังนั้นคงจะมีข้อมูลของเจ้าเมืองกับคนที่เกี่ยวข้องด้วยสินะ
สำหรับพวกเราที่อยู่ชายแดนแล้ว เป็นบุคลากรที่อยากจะได้ในทันที
“การที่จะทำให้พริมเทียร์มาเป็นลูกน้อง…คงจะยากสินะ”
ยูกิโนะก้มหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
“เธอพูดเอาไว้น่ะค่ะ ว่า[ยามที่ดวงดาวยอมรับ เราก็จะได้พบกับนายเหนือหัวยังไงล่ะ]”
“…ท่าทางจะเป็นคนที่รับมือยากแฮะ”
“แล้วก็พูดไว้แบบนี้ด้วยค่ะ ว่า[มะ ไม่ได้ศึกษาหรือรวบรวมข้อมูลเพื่อสันติภาพของโลกหรืออะไรหรอกนะ! อย่าเข้าใจผิดเชียวนะยะ!!]”
“…ท่าทางบางทีคงจะเป็นคนที่รับมือยากสินะ”
แล้วนั่นซึนเดเระใส่ใครฟะ คนคนนั้น
ยังไงก็ตาม เรื่องของพริมก็คงต้องพักเอาไว้ก่อน
เรื่องที่เป็นนักทำนายอยู่ที่เมืองหลวง ก็ไว้ไปบอกกับผู้เฒ่าฮาร์ปี้ละกัน
“ถ้าอย่างนี้การพบปะกับองค์หญิงซิลเวียร์…ก็มีแต่ต้องรับเท่านั้นสินะ”
ถึงจะน่ารำคาญ แต่ก็อยากจะทำให้มันจบๆไป
ขืนปล่อยให้มันค้างคาไม่จบสิ้น ก็คงจะไปเมืองหลวงไม่ได้
“ตอบไปว่า ขอยอมรับการพบปะ แล้วจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็มาเตรียมรับมอกันเถอะ ก่อนอื่นก็…ฮารุกะ”
“ค่ะ! ท่านพี่!”
“หลังจากนี้ช่วยตามมาที่ห้องวงเวทด้วย”
“ได้อยู่แล้ว แต่ว่า มีอะไรเหรอ?”
“อยากจะลองปรับ[เขตแดน]ดูสักหน่อยน่ะ”
ตอนนี้วงเวทสร้าง[เขตแดน]ออกมาในขนาดที่ใหญ่ที่สุด
อยากจะทดสอบว่าสามารถเปลี่ยนขนาดของมันได้ไหม ถ้าเปลี่ยนขนาดแล้วภายใน[เขตแดน]จะเกิดผลกระทบอะไร
“เข้าใจแล้ว ท่านพี่ พร้อมตามไปทุกเมื่ออยู่แล้วค่ะ!”
“เป็นการทดลองสกิลของจักรพรรดิมังกรสินะคะ? ถ้าอย่างนั้น…”
ไม่รู้ทำไมริเซ็ตถึงเอามือแตะหน้าอกแล้วมองมาที่ผม
“ถ้ายังไง ริเซ็ตเองก็มีเรื่องจะขอร้องค่ะ”
“เรื่องขอร้อง?”
“อยากจะให้ทดสอบ[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]ของท่านพี่โชมะกับริเซ็ตค่ะ”
ริเซ็ตมองตรงมาที่ผมแล้วพูดออกมา
“สกิลนั้นสามารถเสริมแกร่งให้กับไอเทมได้สินะคะ? ถ้าเกิดว่ามอบชื่อใหม่ให้กับริเซ็ต ก็อาจจะเสริมแกร่งพลังกับสกิลได้ด้วยนะคะ”
เรื่องนั้น…ไม่เคยคิดเลย
[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]เป็น[สกิลของจักรพรรดิมังกร] ด้วยการใช้ตัวอักษรที่ออกเสียงแบบเดียวกับไอเทม ก็จะสามารถเพิ่มอัตลักษณ์ให้ได้ อย่างเช่นการเปลี่ยน[ดาบยาว長剣ちょうけん]เป็น[โครตแข็ง超堅ちょうけん] ก็จะแข็งขึ้นอย่างมาก
“แต่ว่าการจะใช้[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]ได้มีแค่เป็นของของผมเท่านั้น ริเซ็ตไม่ใช่ของของผมสักหน่อยนะ?”
“แต่ว่าท่านพี่โชมะเป็น[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]สินะคะ?”
“……”
“?? ท่านพี่?”
“หืมม?”
“……คือว่า ท่านพี่?”
“อะไรเหรอ? ริเซ็ต พูดอะไรไม่เห็นได้ยินเลยน้า”
“……คือว่า…”
“…หืมม?”
“……ท่านพี่โชมะเป็น[ราชาแห่งชายแดน]สินะคะ?”
คำพูดของริเซ็ต ทำให้ผมต้องถอนลมหายใจเฺฮือกใหญ่
จากนั้นก็ปรับลมหายใจนิดหน่อย แล้วตอบไป
“……เอาเถอะ ก็คงแบบนั้นล่ะ”
“ละ แล้ว ริเซ็ตก็เป็นเจ้าปราสาทของ[ปราสาทร้าง] เป็นลูกน้องค่ะ ก็อยู่ใต้การปกครองไม่ผิดแน่ค่ะ”
“ก็มีเหตุผลอยู่”
“แถมท่านพี่ก็ยังมีการเสริมความสามารถของตัวเองอย่างสุดยอดด้วยการใช้ชื่อ[คิริว โชมะ]เป็น[คิริวโอ โชมะ]ค่ะ ดังนั้นก็พูดได้ว่าท่านพี่มีความสามารถอย่าง[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]อยู่แล้ว…”
ไม่รู้ทำไมริเซ็ตตาเป็นประกายมองมาที่ผม
“ดังนั้น ริเซ็ตเองก็อยากจะให้ทำแบบเดียวกันค่ะ ขอร้องล่ะค่ะท่านพี่โชมะ! ริเซ็ตเอง ก็อยากจะได้[ชื่อเท่ๆ]แบบเดียวกับท่านพี่ค่ะ!!”
“……”
“คือว่า ท่านพี่?”
“……”
“คือว่าคือว่า ทำไมถึงทำตาปลาตายแบบนั้นกันเหรอคะ? ริเซ็ต พูดอะไรไม่ดีไปเหรอคะ? ริเซ็ตอยากจะได้[ชื่อเท่ๆ]แบบท่านพี่–เอ๊ะ อ๊าา ทำไมท่านพี่ก้มหน้าแบบนั้นกันคะ! คือ คือว่าคือว่า…”
“……”
“ขะ ขอร้องล่ะค่ะท่านพี่! ริเซ็ตเองก็อยากจะได้[ชื่อที่สุดยอด]แบบท่านพี่–เอ๊ะ เอ๋~~~!? แบบนี้ก็ไม่ได้เหรอคะ!? ทำไมถึงไถลเก้าอี้ลงไปข้างล่างล่ะคะ!? เอ๊ะ? ช็อคที่คนต่างโลกเองก็โดนแปดเปื้อนซะแล้ว!? ไม่หรอกค่ะ ที่ริเซ็ตขอไม่ใช่เรื่องแบบนั้น………คือว่า คือว่าคือว่า ท่านพี่!”
พอรู้สึกตัว หน้าของริเซ็ตก็มาอยู่ตรงหน้าแล้ว
เธอเบิกตากว้างจนเห็นได้ชัด
“ขอร้องล่ะค่ะท่านพี่โชมะ! เพื่อเอาชีวิตรอดจากยุคมืดนี้[มันเลี่ยงไม่ได้ค่ะ]! ช่วยมอบ[ชื่อน่าอาย]ให้กับริเซ็ตด้วยนะคะ!!”
“…หืมม”
…งั้นเหรอ พูดเรื่อง[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]สินะ
แล้วริเซ็ตนั้นเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นก็เลยอยากให้ผมมอบ[ชื่อน่าอาย]ให้สินะ
รู้สึกเหมือนกับคนต่างโลกเองก็โดนแปดเปื้อนด้วยความจูนิเบียวไปแล้วเลย…แต่คงคิดไปเองสินะ ดีจัง
“[ชื่อน่าอาย]เหรอ”
“ค่ะ [ชื่อน่าอาย]ค่ะ!! ถึงจะน่าอายไม่ผิดแน่ แต่ริเซ็ตเองก็อยากจะแข็งแกร่งขึ้นเพื่อปกป้องทุกคนค่ะ! ถึงจะน่าอายมากๆ แต่ถ้าเป็นท่านพี่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ช่วยใช้คำพูดของท่านพี่ทำให้ริเซ็ตต้องอายด้วยค่ะ!!”
…ไอ้คำพูดชวนเข้าใจผิดแบบนั้นมันยังไงกัน
ริเซ็ต หน้าแดงจนแทบจะมีไอน้ำออกจากหน้า
“เข้าใจแล้ว จะลองใช้[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]กับริเซ็ตดู”
ผมพูดออกไป
ถ้าตื่นขึ้นจากชื่อที่น่าอายได้ก็ดีหรอก
ลองตั้งชื่อที่มีพลังทัดเทียมกับ[คิริวโอ โชมะ]ให้ริเซ็ตดูสักหน่อยก็ดีไม่ใช่เหรอ
ถ้าตื่นล่ะก็…คงจะดีสินะ
ถ้าเป็นริเซ็ต [เทพแห่งนภาเทพแห่งปฐพีเอ๋ย จงรับฟังนามของข้าเสียเถิด! ประตูสู่ต่างโลกจะเปิดออกด้วยพลังของข้า! เอาล่ะ รถไฟที่จะนำข้าไปสู่ต่างโลกเอ๋ย จงมา เพื่อพาไปยังถนนสู่เทพมิติแห่งสวรรค์ชั้น6เถอะ!!]
–คงจะไม่ตะโกนอะไรแบบนี้ตอนกลางคืนที่ไม่มีคนเหมือนกับผมในวัยจูนิเบียวแน่ๆ
………ถ้าอย่างนั้น ก็คงไม่เป็นไร
ริเซ็ต ยูกิโนะ แล้วก็ฮารุกะ เอาหน้าเข้าใกล้กันแล้วคุยอะไรสักอย่าง
ด้วยตำแหน่งของผมก็เลยไม่เข้าใจ แต่ใบหน้าของริเซ็ตแดงแจ๋
ท่าทางจะรู้สินะว่าชื่อจูนิเบียวมันน่าอาย
…รู้สินะ?
“อาาาา อายจังเลยค่าาา ริเซ็ตจะถูกท่านพี่ตั้งชื่อที่น่าอายแล้วค่าา”
“เข้าใจแล้ว มาทางนี้สิ”
ผมลุกขึ้นแล้วกวักมือเรียกริเซ็ต
ริเซ็ตหน้าแดงไปทั้งหน้าลามไปถึงแขนขา แล้วก็มาคุกเข่าตรงหน้าผม
ที่ข้างๆก็มีฮารุกะที่วาดนิ้วบนอากาศเป็นตัวอักษรอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ต้องไปสนใจ
ผมแตะหน้าผากของริเซ็ตแล้วใช้งานสกิล
“[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]–ขอมอบอัตลักษณ์ใหม่ให้กับเจ้า จงรับฟังการมอบนามของราชาเสียเถิด!”
“…ขอรับด้วยความยินดีค่ะ ท่านพี่โชมะ…ราชาของข้า”
“คำพูดที่จะมอบให้เจ้าจะเป็นไปดั่งคำที่พูด จาก[ริเซ็ต]–”
จากนั้นก็ใช้งาน[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]จริง
“ริเซ็ตไปพักสักครู่เถอะ เรื่องทดสอบอัตลักษณ์เอาไว้ทีหลัง”
“งั้น ก่อนอื่นก็ไปปรับวงเวทสินะ”
“ตามนั้นล่ะ ยูกิโนะ ก็เฝ้าดูริเซ็ตที ถ้ามีอะไรก็เรียกได้เลย”
ผมพูดแบบนั้นแล้วก็ไปยังห้องวงเวทกับฮารุกะ
──มุมมองริเซ็ต──
“…ได้รับชื่อใหม่มาจากท่านพี่ด้วยค่ะ”
หลังจาก[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]เสร็จ ริเซ็ตก็มองส่งโชมะด้วยความรู้สึกจั๊กจี้หน่อยๆ
โชมะกับฮารุกะไปยัง[ห้องวงเวท] ต่อจากนี้คงจะทำการปรับ[เขตแดน]กัน
“…แต่ว่า ทำไมตอนที่บอกท่านพี่ว่า[คิริวโอ โชมะ]คือ[ชื่อที่เท่] ุคงทำหน้าเหมือนกับช็อคกันนะคะ…”
“ฉันคิดว่าพอจะเข้าใจอยู่ค่ะ”
“เข้าใจเหรอคะ คุณยูกิโนะ!”
ยูกิโนะพยักหน้าให้กับคำพูดของริเซ็ต
“…คุณโชมะ คงจะใช้การคิดว่าชื่อที่แท้จริงมัน[น่าอาย]เพื่อผนึกตัวเองเอาไว้ค่ะ เพื่อไม่ให้พลังที่แข็งแกร่งของตัวเองบ้าคลั่ง”
“…ถ้าอย่างนั้นแล้วคำที่ว่า[ทำให้คนบนโลกนี้ต้องแปดเปื้อน]มันหมายความว่ายังไงเหรอคะ?”
“…คิดว่าเพื่อไม่ให้คนอื่นมาข้องเกี่ยวกับโชคชะตาของตัวเองค่ะ คงจะกลัวการที่[ชะตากรรมถูกแปดเปื้อน]ค่ะ”
“…อย่างนี้นี่เอง!”
“…แถม คุณโชมะที่โลกเดิมก็ทำการต่อสู้กับ[ศัตรูของโลก]มาตลอด เพื่อเอาชีวิตรอด ก็เลยจำเป็นต้องปิดบังตัวตนของตัวเองใช่ไหมล่ะคะ? บางทีการซ่อนนามที่แท้จริงของตัวเอง ก็เป็นการปิดบังตัวตนของตัวเองก็ได้ค่ะ”
“…นิสัยจากตอนนั้น ก็เลยยังเหลืออยู่สินะคะ?”
“…คงจะแบบนั้นค่ะ”
“…ที่ท่านพี่บอกปฏิเสธชื่อของตัวเอง ก็เป็นเพราะแบบนั้นเองสินะคะ…ต้องเรียนรู้แล้วค่ะ”
ริเซ็ตกับยูกิโนะมองหน้าแล้วพยักหน้าให้กัน
“ถ้าเป็นแบบนี้…สิ่งที่พวกริเซ็ตทำได้ ก็คือช่วยให้ท่านพี่สามารถแสดง[พลังที่แท้จริง]ออกมาได้สินะคะ ก็ท่านพี่เป็นผู้สืบทอดที่ท่าน[จักรพรรดิมังกร]คาดหวังนี่คะ”
“ใช่แล้วค่ะ ต้องทำให้คุณโชมะเข้าใจว่าไม่จำเป็นต้องปิดบัง[พลังที่แท้จริง]อีกแล้วล่ะค่ะ”
ระหว่างที่ไม่รู้ตัว ทั้ง2คนก็แตะมือกัน
เป็นช่วงเวลาที่ริเซ็ตกับยูกิโนะ–ตั้งเป้าหมายของพวกเธอขึ้นมา
──มุมมองโชมะ──
หลังจากนั้นหลายวัน
ทูตขององค์หญิงซิลเวียร์มาที่[หมู่บ้านฮาซามะ]อีกครั้ง
เพื่อตรวจสอบว่าผมจะยอมรับการพบปะไหม แล้วจะเจอกันที่ไหน
จนกว่าจะถึงตอนนั้นผมได้ให้พวกฮาร์ปี้บินบนท้องฟ้า หาที่นัดเจอที่เหมาะสมเอาไว้แล้ว
พอบอกไป ทูตก็ทำการออกสำรวจแล้วปรับเปลี่ยนสถานที่
การพบปะกับคนมีอำนาจ มันน่ารำคาญจริงๆ
ผ่านไปหลายวัน ทูตก็กลับมา
หลังจากปรับวันและสถานที่ได้ลงตัวเรียบร้อย สถานที่กับวันที่ผมกับองค์หญิงซิลเวียร์จะเจอกันก็ได้ออกมา
สถานที่พบปะก็คือที่ราบตรงกลางระหว่าง[อาณาเขตของเจ้าเมืองคิโทล]กับ[เจ้าเมืองฮาซามะ]
ดูเหมือนที่นั่นจะเป็น[สถานที่ที่อยู่กึ่งกลาง]ที่สุด
ทางผมเอง ก็ไม่ได้มีอะไรจะค้านเป็นพิเศษ
เป้าหมายของทางนี้ ก็คือการตรวจสอบว่าองค์หญิงซิลเวียร์เป็นมิตรกับอมนุษย์หรือเปล่า
ถ้าได้เป็นพวกก็เป็นพวกที่ทำให้อุ่นใจหรอก แต่ก็ยังเชื่อใจไม่ได้
ดังนั้น ก็เลยต้องลองเจอกันดูสักครั้ง
เวลาที่จะได้พบกับองค์หญิงซิลเวียร์คือ อีก3วันให้หลัง
เวลาระหว่างจะถึงตอนนั้น ก็ได้ทำการทดลองวงเวทกับเขตแดน แล้วก็หมดไปกับการตรวจสอบอัตลักษณ์ที่มอบให้กับริเซ็ต
เพราะเขียนเอาไว้ว่าให้ร่วมทางไปได้2คน ก็เลยจะให้ริเซ็ตกับคุณกัลลุงก้าเผ่ายักษ์ไปด้วย
ฮารุกะกับยูกิโนะนั้น มีหน้าที่เฝ้าหมู่บ้าน
“ถ้าอย่างนั้น ฮารุกะกับยูกิโนะก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ล่ะ”
“รับทราบแล้ว ท่านพี่” “ระวังตัวเองด้วยนะคะ คุณโชมะ”
แล้วพอถึงวัน ผมที่เตรียมตัวทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พาริเซ็ตกับคุณกัลลุงก้าเผ่ายักษ์ตรงไปยังสถานที่นัดด้วยการเดินไป