Ch.42 – การพบกับระหว่างราชาแห่งชายแดน กับเจ้าหญิง (ขั้นพบหน้า)

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

 ──วันพบปะ ณ ที่ราบใกลัๆชายแดน──

 

พวกเราเดินไปตามถนน ก็เจอกับรถม้า2คันที่อีกฝั่ง

 

คันหนึ่งเป็น เกวียนที่บรรทุกไม้

 

อีกคันหนึ่งเป็น รถม้าที่มีหน้าต่างกับหลังคา มีพวกทหารสวมเกราะก็เดินอยู่ข้างๆ

 

พอทางนั้นเห็นพวกเรา รถม้าก็หยุดลง

 

มีเพียงรถม้าที่มีผู้เฒ่าเป็นสารถีที่เข้ามาใกล้ทางนี้

 

“…สารถีคนนั้น ผู้เฒ่าที่มาที่หมู่บ้านก่อนหน้านี้สินะคะ”

 

ริเซ็ตที่เดินอยู่ข้างๆพูดออกมา

 

“หมายความว่า นั่นคือรถม้าขององค์หญิงซิลเวียร์สินะคะ ท่านพี่”

“ก็คงงั้น เขียนในจดหมายว่าจะปลอมเป็นพ่อค้ามาด้วยสิ”

 

[องค์หญิงซิลเวียร์]ปลอมตัวมาที่นี่

เป็นการปลอมตัวไม่ให้เจ้าเมืองคนอื่นหรือพี่น้องขององค์หญิงซิลเวียร์รู้ตัว

 

“ที่ปกป้องรถม้ามีสารถี1นาย ทหาร1นาย ผู้ร่วมทางทั้งหมด2นาย จำนวนตรงตามที่ว่ามา”

 

หมายความว่า องค์หญิงซิลเวียร์รักษาสัญญา สินะ

ผิดคาด

 

“ทหารที่อยู่ใกล้ๆ…ไม่สินะคะ”

 

ริเซ็ตหันมองซ้ายขวา แล้วซ้ายหน้า คุณกาลุงก้าเผ่ายักษ์เองก็ทำแบบเดียวกัน

ที่พวกเราอยู่ก็ตือจุดกึ่งกลางระหว่างชายแดนกับ[หมู่บ้านมาวารุ]

 

ซ้ายขวาของถนนเป็นที่ราบอันคุ้นเคยแผ่กว้าง สิ่งที่อยู่ในสายตานั้นไม่มีอะไรเลย ถ้ามีทหารซ่อนอยู่ก็รู้ได้ทันที ถัดจากที่ราบก็เป็นป่า กับลำน้ำแห้งที่มีหญ้าสูงๆงอกออกมา แต่ว่า ก็ค่อนข้างอยู่ห่างจากที่นี่ ถ้ามีอะไรผิดปกติ ทางนี้ก็สามารถหนีได้ทันที

 

ตอนที่รถม้าอยู่ห่างจากผมประมาณไม่กี่10เมตร ก็หยุดลง

ประตูรถม้าเปิดออก มีเด็กสาวสวมชุดสีขาวลงมา

 

สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาก็คือ ชุดเดรสสีขาว เป็นของชั้นสูงที่ถูกเย็บมาเป็นอย่างดี ถึงจะเป็ฯของที่เคยเห็นในรูปถ่ายที่โลกเดิม แต่ก็พึ่งจะเคยเห็นด้วยตาครั้งแรกนี่ล่ะ ดูเหมือนริเซ็ตเองก็เหมือนกับ เธอมองเทียบกับชุดลำลองของตัวเองแล้วก็ถอนหายใจออกมา

 

“บุตรีคนสุดท้องของ[เจ้าเมืองคิโทล]ท่านพ่อผู้ยิ่งใหญ่ ซิลเวียร์ คิโทลค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก[ราชาแห่งชายแดน]”

 

เด็กสาวลงจากรถม้า แล้วก้มหัวให้ผมเล็กน้อย

แล้วใช้สายตาที่เชิดขึ้นเล็กน้อยชวนรู้สึกตึงมองมาทางนี้

 

พวกเราหันหน้าเข้าหากันโดยเว้นระยะไว้

ทั้งสองฝ่าย ไม่ได้เชื่อใจกันโดยสมบูรณ์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะได้รับมือได้

 

“ยินดีที่ได้พบเป็นครังแรก ผมคือผู้ที่อาศัยอยู่ชายแดน คิริว โชมะ ถึงจะถูกทุกคนเรียกเกินไปว่า[ราชาแห่งชายแดน]ก็เถอะ”

 

ผมหันหน้าเข้าหาองค์หญิงซิลเวียร์แล้วพูดออกมา

 

“ยังไงก็ต้องขอขอบคุณที่อุตส่าห์มาถึงที่นี่ องค์หญิงซิลเวียร์ ขอเคารพในความกล้าของคุณที่อุตส่าห์มาถึงชายแดน”

 

วิธีพูดแบบราชา แบบนี้ได้สินะ

ถึงจะไม่คิดประจบประแจงคนมีอำนาจของมนุษย์ แต่จะให้อีกฝ่ายที่เดินทางไกลมาโกรธก็ไม่ได้

การรักษาสมดุลในส่วนนี้นี่ยากจังเลยนะ แบบนี้ดีแล้วจริงสินะ…?

 

“…[ราชาแห่งชายแดน]เอง ก็ให้ค่าดิฉันสูงเกิดไปหรือเปล่า?”

“ก็เหมือนกับคำขอบคุณที่อุตส่าห์ตอบรับการพบเจอกันครั้งนี้น่ะ”

“แหมแหม”

“คุณรักษาสัญญาที่ว่าจะมีผู้ร่วมทางมา2คน แล้วก็มายืนอยู่ตรงหน้าผมคนนี้ ต่อหน้า[ราชาแห่งชายแดน] ก็ต้องแหงอยู่แล้วที่จะขอสรรเสริญในความกล้าหาญนั่น ถ้าเกิดว่าเจ้าหญิงต้องการ ให้ข้าไม่ใช้พลังที่แม้แต่เทพธิดาศัตรูคู่อาฆาตยังหวาดกลัวกับคุณแล้วล่ะก็ด้วยนามของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]ขอสัญญาแค่กแค่กแค่ก!”

 

ผมรีบเอามือปิดปาก

อันตราย… เปิดประตูผิดบานซะแล้ว

ที่ต้องเปิดมันไม่ใช่[ประตูจูนิเบียว] แต่[ประตูความสามารถในการจัดการกับความเป็นจริง]ต่างหาก

เพราะถูกเรียกว่า[ราชาแห่งชายแดน]ก็เลยเผยใบหน้าของ[คิริวโอ โชมะ]ออกไป แย่จริงๆ

 

“ยังไงก็ตาม ขอขอบคุณที่มาถึงโต๊ะเจรจา ก็แค่นั้นล่ะ”

“…ทางนี้เอง ก็รู้สึกผิดกับการทำเสียมารยาทของลูกน้องเช่นกันค่ะ”

 

องค์หญิงซิลเวียร์มองบนใส่ผมแล้วพูดออกมา

 

“…ดีมุสถูกไล่ออกไปแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่ได้อยู่กับฉันแล้วค่ะ”

“ดีมุส…?”

 

อาา เคยมีด้วยสินะคนแบบนั้น

คนที่คิดจะทำลายรั้วจนโดนฮารุกะซัดปลิว

งั้นเหรอ ตกงานแล้วเหรอเนี่ย

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ยิ่งกว่านั้น อยากจะขอยืนยันเงื่อนไขการเป็นพันธมิตรได้ไหม?”

“เงื่อนไขก็ง่ายๆค่ะ ก็เป็น[ข้อตกลงว่าจะไม่สู้กับซิลเวียร์ คิโทล][การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างอาณาเขตขององค์หญิงซิลเวียร์กับหมู่บ้านฮาซามะ]น่ะค่ะ”

“ถ้าให้พูดง่ายๆก็[จะไม่มีการบุกอาณาเขตของกันและกัน][การแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญ]สินะ”

“ค่ะ ก็ตามนั้นล่ะค่ะ”

 

ผมมองข้ามไหล่ไปหาริเซ็ต

เธอพยักหน้าไปมา

ถึงจะมองจากสายตาของอมนุษย์ ก็ยังเป็นเงื่อนไขที่ดีอยู่สินะ

 

โดยเฉพาะ[ข้อตกลงไม่ต่อสู้]นี่สำคัญมาก เพราะลูกสาวของ[เจ้าเมืองคิโทล]ยอมรับหมู่บ้านอมนุษย์ว่าเป็นคู่ที่ทัดเทียม

[แลกเปลี่ยนข้อมูล]ก็ดี

เพราะข้อมูลราคากลางหรือความเป็นไปของสังคมมนุษย์มาไม่ถึงที่ชายแดนเลย

ตอนที่[หมู่บ้านฮาซามะ]ขยายที่ดินรอบๆออกไป จนเก็บผลผลิตได้มากขึ้น ข้อมูลในส่วนนั้นก็จะสำคัญมากแน่ๆ

 

สำหรับทางนี้มันไม่มีปัญหาอะไร…แต่ว่า

ตามสามัญสำนึกของโลกเดิมมันมีคำที่ว่า“เรื่องดีๆมักมีเบื้องหลัง”อยู่

ยังไงก็ต้องตรวจสอบดูสักหน่อย

 

“ช่วยบอกเหตุผลที่มอบเงื่อนไขที่ดีขนาดนั้นออกมากันล่ะ?”

 

ผมพูดออกไป

https://lh6.googleusercontent.com/gR8RQxKCApbOqfEAWIKA4wIltU1BC-UXqZ7u8ukBYEqmW22RhzCpF-XZtDKrJc65bxSFskOo6JKGXgf7dXJKJa-CachJ197N1PL7LJyBhbxtG5q-hCZ31GwkSl7Y3MVQCeyIow9- “ไม่พอใจเหรอคะ?”

 

องค์หญิงซิลเวียร์เอียงคอสงสัย

 

“…ก็ขอเป็นพันธมิตรทันที่ที่ปฏิเสธตอนที่ไปสเก๊าต์ตัวคุณ ก็อาจจะทำให้สงสัยสินะคะ…”

“ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วยละกัน”

“เปล่า ก็แค่สงสัยน่ะ ประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ไล่มนุษย์ไปที่ชายแดน ดิฉันเองก็รู้ค่ะ”

 

องค์หญิงซิลเวียร์ทำสีหน้าครุ่นคิดเล็กน้อย

 

“เหตุผลที่รีบเป็นพันธมิตร ก็เพื่อไม่ให้พ่อของเราต้องถูกแทงจากข้างหลังค่ะ”

 

เธอเดินออกมาจากเงาร่มหนึ่งก้าว แล้วพูดออกมา

 

“ท่านพ่อของเราผู้ถูกเรียกว่า[เจ้าเมืองคิโทล]เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานค่ะ ความทะเยอทะยานที่จะกอบกู้ยุคมืดนี้ แล้วนำราชวงศ์ใหม่ไปสู่จุดสูงสุด ดิฉันเองในฐานะบุตรีก็เลยทำการรวบรวมบุคลากร แล้ววางแผนการรบเพื่อช่วยท่านพ่อ มันก็เท่านั้นเองล่ะค่ะ”

“…อย่างนี้นี่เอง”

 

เข้าใจง่ายดี

สาระสำคัญก็คือ [เจ้าเมืองคิโทล]คุณพ่อขององค์หญิงซิลเวียร์คนนี้มีเป้าหมายที่จะรวมแผ่นดิน เพื่อที่จะช่วย องค์หญิงซิลเวียร์คนนี้ก็เลยรวบรวมบุคลากร วางแผนอยู่เบื้องหลัง ในตอนที่เกิดสงครามจะได้ไม่ถูกแทงจากข้างหลัง เพื่อการนั้นก็เลยจะเป็นมิตรกับอมนุษย์ สินะ

 

“แล้ว?”

“แล้ว เหรอคะ?”

“ก็หลังจาก[เจ้าเมืองคิโทล]ได้แผ่นดินมาครองแล้ว ก็คงจะไม่มาโจมตีชายแดนสินะ”

“……”

“ถ้า[เจ้าเมืองคิโทล]รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว แน่นอนว่าคงจะคิดว่าจะเอาชายแดนเป็นอาณาเขตของตัวเองด้วยสินะ? ตอนที่ประเทศกลายเป็นของทางนั้นแล้ว ก็มีความเป็นไปได้ที่ชายแดนจะแยกตัวออกไปโดดเดี่ยว? พันธมิตรที่จะไม่สู้กันเองจะมีผลไปถึงตอนนั้นด้วยหรือเปล่าน่ะ?”

“……”

 

เดี๋ยวสิ ทำไมหลบตาล่ะ

 

“ขอพูดก่อนเลยที่นี่ มันเกินกว่าที่คนจะรับมือนะ”

 

ผมพูดออกไป

องค์หญิงซิลเวียร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“งั้นคุณรับมือได้เหรอคะ?”

“…ก็เพราะเป็น[ราชาแห่งชายแดน]ยังไงล่ะ”

“น่าแปลกนะคะ ดิฉัน รู้สึกอยากจะเชื่อใจคุณขึ้นมาเลยล่ะค่ะ”

“ทำไมล่ะ?”

“ในอดีต ดิฉันเคยมีเพื่อนที่เป็นอมนุษย์อยู่ค่ะ ตอนเล็กๆ…เรา3พี่น้องก็ได้แบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ช่วงที่กำลังสับสน ก็ได้ช่วยฮาร์ปี้ที่หลงทางไว้ค่ะ”

 

องค์หญิงซิลเวียร์มองไปยังที่ห่างไกล

 

“แต่ว่า อยู่ๆก็หายไปค่ะ ตอนนั้น ดิฉันก็ได้เข้าใจค่ะ อมนุษย์คือคนที่จะไม่ยึดติดอยู่กับมนุษย์ คุณเองก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะคะ? [ราชาแห่งชายแดน]”

“ก็คงงั้น”

 

พวกเรายืนเงียบไปสักพัก

องค์หญิงซิลเวียร์ก้มหน้าคิดเล็กน้อย จากนั้นก็มองหน้าลูกน้องซ้ายขวา

ผู้เฒ่า กับทหารถือร่มกันแดด–สีหน้าของทั้ง2คนไม่เปลี่ยน

 

ริเซ็ตจับมือของผม

นิ้วบางๆเขียนเป็นตัวอักษรบนมือ “ถ้ามีอะไรฉุกเฉิน จะใช้พลังนั้นนะคะ”

ผมก็รีบทำนิ้วเป็น “กากบาท” ให้เห็นทันที

 

พลังที่มอบให้วันก่อนมันค่อนข้างจะอันตรายไปหน่อย ก็เลยอุตส่าห์บอกว่าห้ามใช้ที่นี่ไปแล้วแท้ๆ

 

“ขอทวนอีกสักครั้ง ความปรารถนาของผม–ไม่สิ ความปรารถนาของชานแดนก็คือการขออยู่เฉยๆไม่ยุ่งอะไร”

 

ผมพูดออกไป

 

“เพื่อยืนยันเรื่องนั้นผมเลยมาที่นี่ องค์หญิงซิลเวียร์คิดอย่างไรล่ะ?”

 

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ตัดสินใจเร็วๆ สำเนียงในตอนนี้ ก็ทำเอาเหนื่อยสุดๆเลยล่ะ

 

“ได้สิคะ มาทำพันธมิตรว่าจะไม่ต่อสู้กันแบบถาวรระหว่างดิฉันกับคุณกันเถอะค่ะ”

 

ผ่านไปสักพัก องค์หญิงซิลเวียร์ก็เปิดปากพูดออกมา

 

“อย่างน้อยก็อยากจะขอเป็นพันธมิตรกับคุณ ในฐานะส่วนตัวของซิลเวียร์ คิโทล ถึงท่านพ่อจะส่งทหารมาที่ชายแดน ดิฉันก็จะขอสัญญาว่าจะไม่ส่งทหารมาด้วยค่ะ …ในฐานะบุตรีที่3ของ3พี่น้อง ลางสังหรณ์ที่ถูกลอบสังหารมาตลอดมันบอกน่ะค่ะ ว่า อย่าเป็นศัตรูกับคุณ”

“เรื่องพันธมิตรมีเอกสารสินะ?”

“มีเอกสารค่ะ จะเขียนว่าซิลเวียร์ คิโทลต้องการเช่นนั้นให้ทุกคนเข้าใจได้ แล้วจะให้ทูตส่งสำเนาไปให้ในภายหลัง”

“ต้องขอขอบคุณ”

 

จากนั้นผมกับองค์หญิงซิลเวียร์ก็แยกกัน

ในเวลาเดียวกัน เธอก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

ถึงจะมีทหารล้อมรอบแต่ก็ต้องมาอยู่ข้างๆราชาแห่งอมนุษย์ ก็คงจะเครียดสินะ

ถ้าดูจากฝ่ายนั้นแล้วก็คงจะเหมือนกับสัตว์ร้ายล่ะนะ

 

“มีเรื่องที่ยังไงก็ต้องขออภัยอย่างหนึ่งค่ะ”

 

อยู่ๆองค์หญิงซิลเวียร์ก็มองมาทางนี้

 

“ดิฉันคิดเผื่อไว้ว่าคุณอาจจะทำอันตรายใส่ดิฉันได้ ก็เลยวางกำลังทหารไว้ค่ะ”

 

องค์หญิงซิลเวียร์ชี้นิ้วไปยังลำน้ำแห้งกับป่าที่อยู่อีกฝั่งของที่ราบ

 

“ตามสัญญาก็แค่บอกว่า[คนร่วมทาง2คน] คนที่อยู่ที่นี่มี2คนค่ะ ไม่ผิดแน่นอน ที่บอกเรื่องนี้ ก็ช่วยคิดว่าเพราะเคารพเรื่องที่คุณรักษาสัญญาตามที่เขียนไว้ค่ะ”

“อะไรกันล่ะคะนั่น!”

 

ริเซ็ตจับฝักดาบแล้วส่งเสียงออกมา

 

“ท่านพี่โชมะอุตส่าห์เชื่อใจคุณถึงมาถึงที่นี่นะคะ!?”

“ดังนั้นก็เลยต้องขออภัยยังไงล่ะคะ”

 

องค์หญิงซีลเวียร์เสยผมสีทองแล้วพูดออกมา

 

“เราไม่รู้ว่า[ราชาแห่งชายแดน]เป็นคนแบบไหนค่ะ คนใกล้ตัวก็เลยแนะนำมา ว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม”

“คนที่เสนอก็คือ ข้าเอง ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ตัดใจเสียเถอะ”

 

ผู้เฒ่าที่เป็นสารถี ออกมาตรงหน้า

 

“เพราะว่า องค์หญิงซิลเวียร์น่ะถูกนักฆ่าเล็งเล่นงานมาตั้งแต่สมัยเด็ก–”

“ช่างเถอะ โดกัล ถึงจะพูดเรื่องของพี่น้องไปก็มีแต่จำทำให้[ราชาแห่งชายแดน]ไม่พอใจเปล่าๆ”

“…ขออภัยที่เสียมารยาทครับ”

 

ผู้เฒ่าโดกัลไม่ขยับ ชี้คอมาทางนี้

 

“งั้นในตอนฉุกเฉินก็คิดจะยิงใส่งั้นเหรอ?”

“ไม่ได้คิดจะฆ่าหรอก ก็แค่ผนึกการเคลื่อนไหว เพื่อให้ดิฉันมีเวลาหนีเท่านั้นเอง”

 

องค์หญิงซิลเวียร์ก้มหน้าตอบคำถามของผม

 

“แต่ว่า อาวุธยิงมันก็อันตรายกับคุณเองด้วยไม่ใช่เหรอไง? องค์หญิงซิลเวียร์”

“เตรียมวิธีรับมือไว้เพื่อการนั้นอยู่แล้วค่ะ”

 

พอองค์หญิงซิลเวียร์พูดจบ ผู้ชายที่ถือร่มกันแดด ก็ท่องคาถาเบาๆ

จากนั้นก็หันร่มกันแดดมาทางนี้ เบื้องหน้ามีกำแพงโปร่งแสงอยู่

 

“…เวทมนตร์ป้องกันค่ะ ท่านพี่โชมะ”

“เป็นพวกที่ควบแน่นพลังเวทแล้วนำมากางเป็นสนามพลังป้องกันโปร่งแสงสินะ”

“รู้อย่างนั้นเหรอคะ!?”

 

ไอ้แบบนี้ก็เลยอิมเมจเทรนนิ่งที่โลกเดิมอยู่น่ะ

ถึงจะเบื่อ ก็เลยเปลี่ยนไปเป็นสายโจมตีเลยทันทีก็เถอะ

 

“อย่างนี้นี่เอง เตรียมการไว้ป้องกันอาวุธยิงแล้วสินะ”

“ต้องขออภัยที่เสียมารยาทอีกครั้ง [ราชาแห่งชายแดน]”

“ช่างมันเถอะ แต่ว่า อยากจะตรวจสอบเรื่องหนึ่ง”

 

ผมพูดออกไป

เป็นเรื่องสำคัญเลยล่ะ ยังไงก็ต้องตรวจสอบให้ได้

 

“ทหารขององค์หญิง ซ่อนอยู่ในป่ากับทุ่งหญ้าในลำน้ำแห่งสินะ?”

“จริงๆแล้ว ก็แบ่งเป็นกลุ่มๆวางกำลังไว้น่ะค่ะ”

“แบ่งเป็นกลุ่มน้อยงั้นเหรอ? ประมาณ10คน?”

“กลุ่มละ3คน รวมแล้วประมาณ30คน”

“สั่งไปว่าห้ามขยับไปไหนจนกว่าจะมีสัญญาณด้วย?”

“สั่งแบบเด็ดขาดเลย”

“เข้าใจแล้ว งั้นรีบเรียกมารวมตัวที่นี่เถอะ ไม่งั้นจะตายเอานะ”

 

ผมพูดออกไป

รอบข้างตกอยู่ในความเงียบ

ริเซ็ตกับคุณกัลลุงก้า เข้าใจเรื่องที่ผมอยากจะพูดสินะ ก็เลยปิดปากแล้วเงี่ยหูฟัง

องค์หญิงซิลเวียร์กับพวกทหารทำท่าสงสัย

แต่ว่า ใบหน้านั่นก็ค่อยๆแข็งทื่อ สิ่งที่ผมได้ยิน พวกเธอเองก็คงจะได้ยินสินะ

 

“…อึก ยะ อย่าเข้ามา” “…อสูรของชายแดนถูกจัดการหมดแล้วไม่ใช่เหรอ…?” “แข็ง…อะไรกัน เจ้าก็อบลินนี่…”

 

มีเสียงกรีดร้องของพวกทหารดังมาจากทางป่าและลำน้ำแห้ง

 

“อสูร!? ทำไมกัน!?”

“เรื่องที่ชายแดนมีอสูรอยู่เยอะ ถ้าเป็นบุตรีของ[เจ้าเมืองคิโทล]ก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

 

อสูรนั้นโดยพื้นฐาน–ถ้าเกิดว่ามีคนควบคุมมันก็จะต่างออกไปหรอก–แต่มันจะไม่โจมตีกลุ่มที่แข็งแกร่งกว่าตนเอง

พฤติกรรมในส่วนนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ต่างไปจากสัตว์ป่า

ดังนั้น[องค์หญิงซิลเวียร์]ที่มีทหารเกือบ20คนล้อมรอบจึงไม่ถูกโจมตี

ที่พวกเราไม่ถูกโจมตี ก็เพราะบินมาจนถึงใกล้ๆนี้

 

แต่ว่า ทหารที่อยู่เดี่ยวๆในทุ่งหญ้าหรือป่าน่ะผิดกันเลย

ถ้าเป็นกลุ่มละ3คนถือว่ามีจำนวนน้อย ก็จะถูกอสูรโจมตีเป็นปกติ

แถมยังสั่งให้ทหารไม่ให้ขยับไปไหน ไม่ส่งเสียงอะไร ถือว่าเป็นเหยื่อชั้นเลิศสำหรับอสูรเลยล่ะ

 

“การที่เอาทหารมาแยกกลุ่มวางกำลังอยู่ในชายแดนที่มีอสูรเนี่ย มันก็ต้องโดนโจมตีแหงอยู่แล้วสิ”

“…คุณเป็น[ราชาแห่งชายแดน]ไม่ใช่เหรอคะ?”

“แล้วเกี่ยวไร?”

“คุณบอกไว้แน่ๆค่ะ ว่าอสูรที่ชายแดน ตัวเองไล่ไปหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้น ที่นี่ก็ไม่น่าจะมีอสูรไม่ใช่เหรอไงกันคะ!!”

“คนที่บอกว่าให้มานัดเจอกับที่[สถานที่กึ่งกลาง]คือทางนั้นไม่ใช่เหรอไงกัน?”

“–!?”

“ดังนั้น ก็เลยคลายผลของพรแถวๆนี้ออกไป ที่นี่ตอนนี้ไม่ใช่เขตแดนของผมหรอกนะ ดังนั้นก็เลยมีอสูร มันก็แค่นั้น”

 

ที่เมื่อวานปรับ[เขตแดน]กับฮารุกะก็เพื่อการนั้น

[เขตแดน]ถูกกางโดยใช้งานพลังเวทของพื้นดิน ดังนั้นพลังเวทก็เลยไม่หมด ระหว่างที่อยู่ในเขตแดน [Enchant(เสริมแกร่ง)]ของอาวุธหรือเครื่องมือจะทำงานไปเรื่อยๆ อสูรก็ไม่สามารถเข้ามาได้

 

แต่ว่า สิ่งที่องค์หญิงซิลเวียร์ร้องขอมาคือ การพบปะที่[สถานที่กึ่งกลาง]

ถ้ามี[เขตแดน]ตรงนั้นก็คืออาณาเขตของผม ดังนั้นก็เลยเปลี่ยน[เขตแดน]ของ[หมู่บ้านฮาซามะ] ลองทำให้มันแหว่งแค่ที่ตรงนี้ดู แล้วมันก็ทำได้

 

เขตแดนของ[ปราสาทร้าง]กับ[ป้อมปราการ]ก็ยังเป็นแบบเดิม ดังนั้นระหว่างที่อยู่ของฮาร์ปี้กับ[หมู่บ้านมาวารุ]ก็เลยไม่มีอสูรออกมา พวกคนของ[หมู่บ้านฮาซามะ]ก็บอกไว้แล้วว่าอย่าบอกมาข้างนอก เรื่องที่มีคาราวานอยู่ตามถนนไหม ก็ให้พวกฮาร์ปี้ตรวจสอบแล้ว

 

หลังจากที่การพบปะจบลง ก็แค่ทำให้[เขตแดน]กลับไปขนาดใหญ่สุดเหมือนเดิม

 

“[ราชาแห่งชายแดน]ได้รักษาสัญญาแล้ว ที่อสูรกลับมาก็แค่ผลลัพธ์ของมันเท่านั้นเอง ถ้าทางนั้นไม่วางกำลังทหาร ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ”

“อ๊าาาาาาาาาาา!!”

 

ตอนที่ผมพูดจบ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น

พวกทหารหลายคนวิ่งออกมาจากลำน้ำแห้ง ร่างกายเปียกปอน ดวงตาหมุนไปมา

 

“พิษของ[ฺBlack Centipede]ค่ะ!”

 

ริเซ็ตส่งเสียงออกมา

 

“ที่ลำน้ำแห้งมี[ฺBlack Centipede]ตะขาบยักษ์ที่มีพิษทำให้ประสาทหลอนอยู่ค่ะ! ดังนั้นในช่วงฤดูนี้ ผู้คนในชายแดนก็จะไม่เข้าใกล้ลำน้ำแห้งกันทั้งนั้นล่ะค่ะ!”

“แย่แล้วสิ แบบนั้นเดี๋ยวก็จะกลายเป็นโจมตีพวกเดียวกันหรอก!”

 

ผมตะโกนใส่เจ้าหญิง

 

“สั่งการพวกทหาร! จับทหารเหล่านั้นไว้! คนอื่นๆให้ไปที่ลำน้ำแห้งกับป่า! ไปทำการช่วยเหลือคนที่ถูกโจมตีซะ!”

“ไม่ได้ ต้องเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง เพื่อคุ้มกันเจ้าหญิง!!”

 

องค์หญิงซิลเวียร์ กับผู้เฒ่าผู้ติดตามออกคำสั่ง

พวกทหารจับอาวุธ แล้วเริ่มขยับตัวทันที

 

“…เรื่องแบบนี้มัน…เป็นไปไม่ได้…”

“ที่นี่คือชานแดนค่ะ องค์หญิงซิลเวียร์”

 

ริเซ็ตพูดกับองค์หญิงซิลเวียร์ที่ตัวสั่น

 

“ท่านพี่โชมะก็แค่ใช้กำลังทำให้มันอยู่ในสภาวะสงบเท่านั้นเองค่ะ ตามจริงแล้วมันมีอสูรชุกชุม แค่เดินไปตามถนนก็อันตรายแล้ว ที่นี่ก็เป็นที่แบบนั้นล่ะค่ะ เข้าใจไหมคะ? องค์หญิงซิลเวียร์”

“………อะ อะ อาา”

“ถ้าท่าน[เจ้าเมืองคิโทล]คิดจะทำให้ชายแดนเป็นอาณาเขตของตัวเองล่ะก็ พวกริเซ็ตจะหนีไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ

กลับกัน ผู้บุกรุกก็จะไม่ได้รับพรของท่านพี่หรอกนะคะ กองทัพของท่านเจ้าเมืองก็จะจมอยู่กับฝูงของอสูรค่ะ

ต้องกางเต้นท์ในป่าที่มีก็อบลินเดินเตร็ดเตร่ ต้องนอนกลางฝูงของกองทัพ[ฺBlack Hound]ที่กินคน คิดจริงๆเหรอว่าจะทำสงครามในสภาพแบบนั้นได้น่ะค่ะ?”

“……”

 

องค์หญิงซิลเวียร์พูดอะไรไม่ออก

 

“…ท่านพี่ ริเซ็ตโมโหค่ะ กับคำโกหกของเจ้าหญิงเผ่ามนุษย์นี่”

 

ริเซ็ตใช้สายตาดุดันมองมาที่ผม

 

“ท่านพี่โชมะ อุตส่าห์รักษาสัญญา พามาที่นี่แค่ริเซ็ตกับคุณกัลลุงก้าเท่านั้นค่ะ แต่ทั้งๆแบบนั้นองค์หญิงซิลเวียร์กลับพาทหารมาจำนวนมากค่ะ ถ้าแค่นั้นยังพอให้อภัยได้ แต่ว่า กลับวางทหารไว้เพื่อยิงท่านพี่เนี่ยสิคะ ด้วยนามของริเซ็ต รูจผู้ยึดถือในความถูกต้อง ไม่ยอมปล่อยผ่านคำโกหกนี้ไปได้ค่ะ”

“ไม่ว่าจะยังไงเหรอ?”

“ไม่ว่าจะยังไงค่ะ”

“…เข้าใจแล้ว เพียงแต่ เอาแค่แสดงให้เห็นก็พอนะ”

 

พอผมพูดออกไป ริเซ็ตก็พยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“คิดจะทำอะไรน่ะ เด็กสาวอมนุษย์!”

“ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นค่ะ เพียงแต่อยากจะให้ลองหัน[สนามพลังป้องกัน]มาที่ทางนี้ดูค่ะ”

 

องค์หญิงซิลเวียร์พยักหน้าให้กับคำพูดของริเซ็ต

ทหารที่อยู่ข้างๆองค์หญิง หัน[ร่มกันแดด]มาทางนี้

 

“…หึ”

 

ทหารที่ถือร่มกันแดด แค่นเสียงหัวเราะออกมา

 

“กะอีแค่อมนุษย์ จะทำอะไรเจ้านี่ได้เหรอไง? จะลองดูก็ได้”

“ขอบอกอย่างหนึ่งค่ะ ถ้าเกิดว่าพวกคุณหันธนูใส่ท่านพี่โชมะ…คนที่จะบาดเจ็บก็มีแต่พวกคุณเท่านั้นล่ะค่ะ”

 

ริเซ็ตพูดแบบนั้น แล้วหยิบกิ่งไม้ที่อยู่ตรงเท้าขึ้นมา

 

“ตราบใดที่มีชื่อใหม่ที่ได้รับมาจากท่านพี่ เวทมนตร์ทั้งปวงก็ไม่อาจจะทำอะไรริเซ็ตได้ค่ะ!

จนตื่นขึ้น อีกนามหนึ่งของริเซ็ต–นามนั้นคือ[ไร้กฎล้างคำสาป(理絶途=流呪 อ่านว่า ริเซ็ต รูจ)]”

 

ริเซ็ตสะบัดกิ่งไม้เล็กๆลง

 

ฉับ

 

[สนามพลังป้องกัน]ที่ถูกกางอยู่ตรงหน้าร่มกันแดด แตกเป็นสองเสี่ยง

 

“…เอ๊ะ?”

“เจ้าอมนุษย์!! คิดจะทำอะไรองค์หญิงน่ะ!!?”

 

ถ้าดูจากที่ไกลๆ ก็คงจะเข้าใจผิดสินะ

ดูเหมือนจะคิดว่าจะโจมตีองค์หญิงซิลเวียร์ ทหารที่สวมผ้าคลุมก็เลยปล่อยลูกไฟเล็กๆใส่ริเซ็ต

 

“ไม่ได้ผลหรอกค่ะ”

 

ริเซ็ตก็ใช้กิ่งไม้ในมือปัดออก

ไปเรื่อยๆ

ราวกับใช้การเต้นรำอันงดงามลบล้างเวทมนตร์ที่พุ่งเข้ามาหา

 

นี่คือพลังของ[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]ที่ผมใช้กับริเซ็ต

ผมมอบอัตลักษณ์ใหม่ให้กับชื่อ[ริเซ็ต รูจ]

 

ก็คิดไว้เยอะแยะ…แต่ก็มอบชื่อให้ไปตามที่เจ้าตัวต้องการว่า[ไร้กฎล้างคำสาป(ริเซ็ต รูจ)]

ถึงรูปลักษณ์จะดูจูนิเบียว แต่ความสามารถนั้นสูง

 

ก็เพราะ เป็นพลังที่ทำให้[กฎเกณฑ์]ทั้งหมดถูกทำให้[ไร้ผล] [บทสวด]ต้อง[ถูกล้างออก]ไป

 

ด้วยสิ่งนี้ ทำให้เวทมนตร์ทั้งหมดที่ริเซ็ตสัมผัสถูกทำให้ไร้ผล

ทั้งเวทป้องกัน ทั้งเวทโจมตี

ไม่ว่าพวกทหารจะใช้เวทแบบไหน ก็ไม่มีผลกับริเซ็ต

 

…เพียงแต่มันมีความเสี่ยงก็[ห้ามใช้]

 

“หยุดเถอะค่ะ!! ทางนี้ผิดเองค่ะ ช่วยหยุดทีเถอะค่ะ!!”

 

องค์หญิงซิลเวียร์ตะโกนออกมา

 

“[ราชาแห่งชายแดน]!”

 

ผงก

 

มันออกจะกะทันหัน

องค์หญิงซิลเวียร์ก้มหัวลงตรงหน้าผม

 

“ดะ ดิฉันผิดไปเองค่ะ! ชายแดนไม่ใช่สถานที่ที่จะไปยุ่งด้วยได้เลย!”

 

พวกทหารหยุดเคลื่อนไหวเพราะคำพูดนั้น

ทุกคนเงียบแล้วมองมาที่เจ้าหญิงที่กำลังตัวสั่น

 

“ยังไงก็ขอร้องเรื่อง[พันธมิตรไม่ต่อสู้กันอย่างถาวร]ด้วยค่ะ ท่านพ่อดิฉันจะไปเทศนาให้เองค่ะ ต้องขอร้อง…จริงๆค่ะ”

“ได้สิ คนที่อยากจะเป็นพันธมิตร มันทางนี้นี่นะ”

 

ผม ริเซ็ต คุณกัลลุงก้าแลกสายตากัน

ทางนี้ก็ไม่ได้จะเป็นศัตรูกับ[เจ้าเมืองคิโทล]สักหน่อย

ถ้าเข้าใจว่าทางนี้ไม่คิดจะเป็นศัตรูได้ แค่นั้นก็พอ

 

“–[ปลุกเผ่ามังกร]–[Breath(มังกรคำราม)]!!”

 

มีเสาไฟเกิดขึ้นบนถนน

ทั้งทหาร แม้แต่อสูร ต่างก็หยุดเคลื่อนไหวไปชั่วครู่

ผมปล่อยขึ้นไปบนฟ้า [Breath(มังกรคำราม)]เต็มแรงกลายเป็นสัญญาณควันขนาดใหญ่–

 

──ขณะเดียวกัน [หมู่บ้านฮาซามะ]──

 

“คุณฮารุกะ! มีการติดต่อมาจากคุณโรโรยฮาร์ปี้ที่ออกลาดตระเวนครับ! ตรวจพบเพลิง[Breath(มังกรคำราม)]ของคุณโชมะ!”

“เยี่ยม ถ้าอย่างนั้น ก็เปิดใช้งาน[เขตแดน]ของวงเวทให้เป็นระดับสูงสุดเลยนะ!”

 

──ชณะเดียวกัน ณ ที่ราบใกล้ๆชายแดน──

 

[โอ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้อ้] [กว๊าาาาาาาาาาาาาา!!] [กุอ้าาาาาาาาา!!]

 

เสียงกรีดร้องของพวกอสูรดังขึ้น

กลายเป็นประกายแสงอยู่รอบๆพวกเรา ฮารุกะเปิดใช้งาน[เขตแดน]แล้ว

แสงหายไปทันที รอบข้างก็กลับเป็นสภาพปกติ

 

จากนั้นพวกอสูรที่อยู่ใน[เขตแดน]–

 

[…กุ๊] […คิ๊ว] [(ชู่)]

 

หายไปไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว

ก็มีแต่อสูรระดับต่ำนี่นะ ก็ช่วยไม่ได้หรอก

 

“…เฮ้อ” “อะ อะไรกัน…”

 

พวกทหารหายใจแรง

คนที่ได้รับ[พิษหลอนประสาท] ก็ถูกทหารรอบๆจับตัวไว้ ไม่มีปัญหาอะไรสินะ

 

“ถ้าอย่างนั้นองค์หญิง พวกเราก็ขอตัวแค่นี้ล่ะ”

 

ผมพูดออกไป

 

“จะรอเอกสารพันธมิตรมาส่ง ขอขอบคุณที่เดินทางมาใกล้ในวันนี้ด้วย ขากลับคงไม่มีอสูรโผล่ออกมาแล้ว แต่ยังไง ก็ระวังตัวด้วยล่ะ”

“ขออภัยที่เมื่อครู่ทหารทุกคนได้ทำเรื่องเสียมารยาทไปค่ะ ยังไงก็ต้องขออภัยกับความไร้มารยาทด้วยนะคะ ลาก่อนค่ะ”

“โทษทีนะ”

 

พูดแบบนั้น แล้วพวกเราก็ออกจากที่นั่นไปอย่างรวดเร็ว–

 

“ริเซ็ต เป็นอะไรไหม?”

“กะ ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ…แต่ท่านพี่ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะรีบกลับหมู่บ้านค่ะ…”

 

ริเซ็ตหน้าแดงเข้ามาชิดกับผม

เดินขาพันกันไปมา เอามือปิดอก แค่เดินได้ก็สุดๆแล้ว

 

“ข้าจะวิ่งกลับไปเอง องค์ราชาก็พาท่านริเซ็ตบินไปทางอากาศเถอะ”

 

ฟุ่บ คุณกัลลุงก้าเผ่ายักษ์ชูมือขึ้นแล้วก็วิ่งออกไป

เอาตามนั้นละกัน ยังไงซะ ริเซ็ตก็ไม่มีเวลาแล้วด้วย–

 

พลังของ[ไร้กฎล้างคำสาป(ริเซ็ต รูจ)]ก็คือ การปฏิเสธกฎเกณฑ์ของสิ่งที่ริเซ็ตไปสัมผัส

เพราะอย่างนั้นผลที่ตามมาหลังจากใช้ ก็ทำให้ความเป็นเส้นใยของเสื้อที่ริเซ็ตสวมถูกปฏิเสธไปด้วย

 

ที่ได้รับผลกระทบก็คือ เสื้อทั้งหมดที่สัมผัสกับผิวของริเซ็ต

ผ้าใดๆก็กลายเป็นเส้นด้ายที่คลายออก ไม่เหลือแม้แต่ปมเดียว

ดังนั้น–

 

“เดี๋ยว…ขอร้องล่ะค่ะ ท่านพี่โชมะ เบาแรง…กว่านี้”

 

ริเซ็ตเกาะติดแขนของผม

ผมใช้[ปลุกเผ่าปักษา]ออกบิน จากนั้นก็ตรงไปยัง[หมู่บ้านฮาซามะ] ถ้าเป็นทางอากาศก็ใช้เวลาไม่ถึง1ชั่วโมง แต่วา ในระหว่างนั้นเสื้อของริเซ็ตก็จะหายไปเรื่อยๆ

 

“…ก็ถึงได้บอกว่าอย่าใช้พลังนั้นไง”

“เพื่อ[ความถูกต้อง]ค่ะ! กับคนที่ไม่รักษาสัญญาแล้วพาทหารมา ริเซ็ตยกโทษให้ไม่ได้…อ๊าา กะ กระโปรงแทบไม่เหลือแล้วค่ะ! นะ น่าอายค่ะ…ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ข้างๆท่านพี่…”

“รอบหน้าจนกว่าผมจะอนุญาตก็ห้ามใช้เด็ดขาดนะ”

“ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานการณ์ค่ะ!”

“อย่าเขย่าสิ ริเซ็ต”

“เพื่อชื่อเสียงของท่านพี่กับ[ความถูกต้อง]ค่ะ กะ กะอีแค่นี้ ไม่เท…อาา ท่านพี่แย่แล้วค่ะ!”

“รอบนี้อะไรอีกล่ะ”

“ชุดชั้นในคลายออกจนจะตกลงไปแล้วค่ะ! ทะ ท่านพี่โชมะ ขอดันเข้าไปอีกนิด…อุหวาาาาาา ริเซ็ตทำเรื่องน่าอายไปแล้วค่ะ! ท่านจักรพรรดิมังกร ต้องขออภัยด้วยค่าาาาา!!”

“พยายามเข้า อีกนิดจะถึงแล้ว…”

 

…ในฐานะพนักงานบริษัทวัยสามสิบ ไอ้เรื่องที่มีผ้าสีขาวค่อยๆร่วงลงไปบนพื้น…จะขอไม่มองอะไรทั้งนั้น

ผมบินสุดกำลังไปที่[หมู่บ้านฮาซามะ]

 

การใช้[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]กับคน คงจำเป็นต้องศึกษาให้มากกว่านี้อีกหน่อยล่ะนะ

 

──จากนั้นพวกองค์หญิงซิลเวียร์ที่เหลืออยู่นั้น──

 

“…จะไปยุ่งกับชายแดนไม่ได้เด็ดขาด”

 

องค์หญิงซิลเวียร์พูดออกมาขณะอยู่บนรถม้า

 

“ห้ามเป็นศัตรูกับ[ราชาแห่งชายแดน]เด็ดขาด ขอสั่งขั้นเด็ดขาดกับทุกคนเลย คนคนนั้น…มีพลังระดับเดียวกับศัตรูคู่อาฆาตของคุณพ่อ…หรืออาจจะมีพลังมากกว่าเสียอีก เข้าใจนะ [ห้ามยุ่งกับชายแดน] สิ่งนี้ จาลึกลงไปในคติประจำใจของ[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]เลย!”

 

จากนั้นพอกลับไปถึงปราสาท องค์หญิงก็เอาแต่พูดคำเดิมไม่หยุดกับพวกทหาร