จางเหมาหยุนเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาและพูดตรงไปตรงมา เขาอาจเรียกได้ว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ลักษณะของเขาเหมือนกับคนอายุประมาณ 35 แต่ใบหน้ายังคงดูอ่อนเยาว์
อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาไม่อยากฝึกฝนบ่มเพาะพลังปราณได้ อีกไม่นานนะร่างกายของเขาก็คงจะแก่ชรา ตัวของชิงซีที่พึ่งเรียนรู้วิชาฝังเข็มยังคงห่างไกลจากความสามารถในการรักษาผู้ป่วยที่คนอื่นไม่สามารถรักษาได้ ดังนั้นเธอจึงครุ่นคิดอยู่สักพักใหญ่ก่อนจะกล่าวตอบไปว่า “โปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบเชิญอาจารย์ของข้ามาพบท่าน “
จางเหมาหยุนพยักหน้า “ขอบคุณมาก “
เมื่อชิงสุ่ยได้ยินจากชิงซีว่ามีชายคนหนึ่งสูญเสียทั้งจุดตันเถียนและเส้นลมปราณ เขาจึงตอบกลับอย่างรวดเร็วๆ “ไปดูอาการของเขากัน ข้าจะใช้โอกาสนี้แสดงให้เจ้าเห็นถึงวิธีการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการลักษณะแนวนี้”
ชิงซีตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตัวเธอเองก็ได้รับการรักษาจากชิงสุ่ยเพื่อฟื้นคืนพลังที่ไม่มีใครช่วยเหลือใช้ได้ ดังนั้นในวันนี้ เมื่อเธอเห็นอาการของจางเหมาหยุนที่เหมือนกับเธอ เธอจึงเชื่อว่าชิงสุ่ยจะรักษาจางเหมาหยุนได้
ชิงสุ่ยเดินตรงมานั่งบริเวณเก้าอี้ที่ชิงซีนั่ง ผู้คนมากมายจับตามองสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวตนของจางเหมาหยุนคือบุคคลที่โด่งดังไม่มีใครไม่รู้จัก และอาการบาดเจ็บของเขาเองก็เป็นที่รู้กันทั่วทั้งเมือง พวกเขาได้แต่สงสัยว่าชิงสุ่ยจะมีความสามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้กับจางเหมาหยุนได้หรือไม่?
ภายในเวลาอันสั้น ผู้คนมากมายที่ไม่เกี่ยวข้องก็ต่างกรูกันเข้ามาภายในหอคอยจักรพรรดิ
ชิงสุ่ยรู้ว่าเวลานี้คือโอกาสที่เขามองหา ถ้าหากเขาสามารถรักษาจางเหมาหยุนได้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชน หอคอยจักรพรรดิก็จะมีชื่อเสียงเพิ่มพูนขึ้นอีกหลายเท่า แม้ว่าเขาจะไม่สนใจ แต่การมีชื่อเสียงย่อมสามารถสร้างรากฐานได้ระดับหนึ่ง และอาจจะมีผลต่อบทบาทความสำคัญตัวของเขา
ชิงสุ่ยตรวจสอบชีพจรผู้ป่วยเหมือนทุกครั้ง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “อาการที่ท่านเป็นรักษาหายขาดได้!!”
แน่นอนว่าคำพูดของเขาย่อมทำให้จางเหมาหยุนถึงกับทำหน้าประหลาดใจ และคิดว่าได้ยินผิด เขาสงสัยในสิ่งที่ได้ยิน แต่เขาก็ไม่หวั่นกลัวความล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “มันสามารถรักษาหายได้จริงหรือไม่?”
“รักษาได้ แต่อาจจะลำบากเล็กน้อย”ชิงสุ่ยรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขได้ทันที ถ้าหากแก้ไขได้ง่ายผู้อื่นก็คงจะทำได้กับทุกคน การรักษาอาการบาดเจ็บโดยเฉพาะเส้นลมปราณที่ถูกทำลายถือเป็นการท้าทายสวรรค์ แม้ว่าจะรักษาได้แต่ก็ยังคงใช้เวลานานเพื่อฟื้นฟูพลัง โดยไม่ต่ำกว่า 1 เดือน ฉะนั้นในวันแรก ชิงสุ่ยจะต้องทำให้เกิดผลที่แตกต่างอย่างชัดเจน เพื่อที่จะได้สร้างความหวังให้กับเขา
“ข้าไม่กลัวความลำบาก ท่านได้โปรดช่วยข้าด้วย!!”จางเหมาหยุนขอร้องด้วยใบหน้าจริงจัง
ชิงสุ่ยพยักหน้า “ในวันนี้ข้าจะช่วยเจ้ารวบรวมลมปราณแต่เจ้าเองก็ต้องตามหาตัวยาให้กับข้า แน่นอนว่าสิ่งที่ข้าตามหามันไม่ใช่เรื่องง่าย ข้าจึงจำเป็นต้องให้เจ้าเป็นคนหาตัวยาด้วยตัวเอง”
ชิงสุ่ยตามหาตัวยาอยู่ชนิดหนึ่ง นั่นก็คือแก่นแท้รากปราณจักรพรรดิ ชิงสุ่ยไม่มีเวลาจะตามหามันด้วยตัวเอง แต่เขาเชื่อว่าตระกูลจางจะต้องมีความสามารถในการตามหามัน ในความจริงแล้วตัวเขาเองก็คิดว่ายาที่เขาต้องการคงจะอยู่ในตระกูลจาง ดังนั้นชิงสุ่ยจึงไม่ต้องการสิ้นเปลืองเวลาในการตามหา
ยิ่งสมุนไพรที่เขาต้องการให้ตามหาเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าหายาก คนไข้ก็จะยิ่งมีความหวังมากขึ้น ชิงสุ่ยใช้เข็มทองคำและปลดปล่อยพลังปราณเข้าสู่จุดชีพจรของจางเหมาหยุน บรรดาผู้คนที่เฝ้ามองต่างรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวเมืองแสนซับซ้อน ทุกการขยับจะเกิดได้สีทองพร้อมกลุ่มหมอกควันสีทองต่างๆรอบๆตัวจางเหมาหยุน ซึ่งแสงสะท้อนสีทองเองก็เกิดขึ้นบนตัวชิงสุ่ยทำให้เขาเหมือนกับสมบัติที่ปลดปล่อยปราณพุทธองค์
อันที่จริงแล้วตัวของชิงสุ่ยเองก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน เขาไม่เคยคิดเลยว่าปราณแห่งการหวนคืนจะประสานรวมกับปราณพุทธะ ก่อให้เกิดเป็นแสงขุมปราณพุทธองค์ และพลังของมันก็ทะลวงเข้าสู่เส้นลมปราณ สร้างคลื่นพลังต้านพลังปราณชั่วร้ายที่พยายามย่างกายเข้าสู่ร่างกายของเหยื่อ อีกทั้งยังคอยรักษาสมดุลให้กับอวัยวะภายใน
พลังแสงขุมปราณพุทธองค์ค่อยๆแผ่กระจายเข้าไปในร่างกาย เมื่อเข้าสู่กระดูกกระดูกก็จะแข็งแกร่งและยืดหยุ่น เมื่อเข้าสู่อวัยวะอวัยวะก็จะเพิ่มพูนความต้านทานทนพลังได้มากกว่าเดิม 2 เท่า
ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความสบายอย่างไม่เคยมีมาก่อน กลิ่นอายอยู่ในร่างกายของเขาไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ แต่มันให้ความสดชื่นกับร่างกายและเพิ่มพลังขึ้นอีกเล็กน้อย
จางเหมาหยุนเองก็รู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขารู้สึกได้เลยว่าจุดตันเถียนของเขากำลังรวบรวมพลังปราณฟื้นฟูขึ้นมา 1 ใน 3 ส่วนจากเดิมที่เขาเคยมี มันเป็นสิ่งที่เขาไม่กล้าคิดกล้าฝัน ยิ่งไปกว่านั้นจุดตันเถียนของเขาก็ไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไปแล้ว
ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะหายดีสนิท เขารู้สึกสบายกาย พร้อมทั้งสามารถรวบรวมลมปราณด้วยตัวเอง
“จำเอาไว้ ถึงแม้ว่าเจ้าจะรวบรวมพลังปราณได้ แต่เจ้าจะต้องห้ามใช้งานมันในช่วง 3 เดือนนี้ ใช้ชีวิตเหมือนปกติดั่งที่เคยเป็น ข้าจะกำหนดตัวยาเพื่อฟื้นฟูร่างกาย และกลับมาที่นี่อีกใน 3 วันข้างหน้า การรักษาจะต้องใช้เวลา 2 เดือนเต็มจนกว่าเจ้าจะฟื้นฟู แต่ถ้าหากทุกอย่างได้ผลดีเกินคาดเจ้าก็จะหายดีภายใน 1 เดือน แต่ที่สำคัญที่สุด เจ้าจะต้องห้ามโคจรพลังปราณในช่วง 3 เดือนนี้เป็นอันขาด มิฉะนั้น ข้าก็คงไม่เหลือหนทางที่จะฟื้นฟูพลังของเจ้าให้กลับมาสมบูรณ์”
ชิงสุ่ยดึงเข็มกลับมาเก็บขณะกล่าวแนะนำ
“ขอบคุณมาก!!”จางเหมาหยุนโค้งคำนับแสดงความเคารพชิงสุ่ย
ชิงสุ่ยโบกมือลา “จำตัวยาที่ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ ถ้าจะได้รับมัน โอกาสที่จะฟื้นฟูเหมือนเดิมก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
จางเหมาหยุนตอบกลับอย่างรวดเร็วๆ “ไม่มีปัญหา ข้าไม่มีทางยอมแพ้”
ผู้คนมากมายต่างตื่นตระหนกที่ได้เห็นสีหน้าการแสดงออกของจางเหมาหยุน แม้แต่คนโง่ก็บอกได้เลยว่าหอคอยจักรพรรดิแห่งนี้สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของจางเหมาหยุนได้
ในตอนนี้ทุกคนได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าจางเหมาหยุนได้ทำการรักษาที่หอคอยจักรพรรดิ เพียงแต่พวกเขารอเวลาดูความจริงว่าจางเหมาหยุนฟื้นฟูพลังได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ในขณะเดียวกัน ภายในหอคอยจักรพรรดิ ชิงสุ่ย ชิงซี และองค์จักรพรรดิคลั่งก็กลายเป็นศูนย์รวมความสนใจของคนรวมถึงขุมกำลังที่แข็งแกร่งมากมายในเมืองฉาง
…………………..
บางคนก็เป็นสุขในขณะที่บางคนก็เป็นทุกข์ คนที่มีความสุขมากที่สุดไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยนอกจากคนของตระกูลจาง ผู้นำตระกูลจาง จางตันเฟิง เขาอาจจะมีลูกมากกว่า 10 คน แต่จางเหมาหยุนคือสิ่งสำคัญที่สุดของเขาเช่นเดียวกับตระกูลจาง
ผู้คนมากมายอยู่เต็มห้องโถงตระกูลจาง คนที่มีอำนาจสูงสุดคือชายชรา ชายชราที่มีใบหน้าแสนสุข เขาก็คือพ่อของจางตันเฟิงเห็นได้ชัดไหมว่าเขากำลังสนทนากับคนอื่นด้วยความสุขอย่างแท้จริง แต่แล้วสีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป “ดูเหมือนว่าข้าจะต้องระวังให้มากขึ้น หอคอยจักรพรรดิคงจะต้องตกเป็นเป้าสายตาภัยอันตรายอย่างแน่นอน”
คำพูดของชายชราทำให้จางตันเฟิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเช่นกัน
ภายในเวลาไม่นาน ชื่อของหอคอยจักรพรรดิก็ยิ่งแพร่สะพัดออกไปไกล บางคนไม่ต้องการเห็นตระกูลจางประสบความสำเร็จ และคงจะมีคนไม่อยากให้หอคอยจักรพรรดิรักษาจางเหมาหยุน
“ท่านพ่อ ข้าข้าคงต้องพาคนไปดูว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะไม่ยอมให้ภัยอันตรายใดเกิดขึ้นกับท่านหมอปาฏิหาริย์”จางตันเฟิงเริ่มกระวนกระวายใจ
ในตอนนี้ใบหน้าของชายชราดูโล่งอกกว่าเดิม “แน่นอน แต่บางที หมอปาฏิหาริย์คนนี้อาจจะไม่กลัวปัญหาที่ต้องเผชิญ”