ตอนที่ 153-4 น้องเขย เจ้าอย่าเก่งกาจล้ำหน้านักได้ไหมเล่า

จำนนรักชายาตัวร้าย

“พวกเจ้านะอย่าเข้ามาใกล้มากนัก อากาศร้อน เดี๋ยวจะพาลทำให้เยียนเอ๋อร์ร้อนไปด้วย”

 

 

ตี้อู่เจ๋อก้าวเข้าไปเตะก้นหลานชายให้กระจายตัวออกไป ส่วนตนเองก็หยิบเก้าอี้ตัวน้อยมานั่งลงข้างๆอวี้เฟยเยียน

 

 

“เยียนเอ๋อร์เด็กดี วิชาแพทย์ของเจ้าไปร่ำเรียนกับใครมากัน?”

 

 

ตี้อู่เจ๋อรู้สึกสงสัยใคร่รู้ยิ่งนักการที่อวี้เฟยเยียนมีวิชาแพทยืที่สูงส่งเช่นนี้ เพราะนางแตกต่างกับบรรดาหลานชายของเขา ซึ่งได้รบการถ่ายทอดวิชาแพทย์ซึ่งเป็นความรู้ก้นหม้อจากครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก

 

 

อวี้เฟยเยียนเติบโตอยู่บนแผ่นดินหลัวอวี่ เมื่อนางเกิดมาตี้อูเยียนเอ๋อร์ก็หายสาปสูญไปเสียแล้ว จึงมิอาจมาสอนวิชาแพทย์ให้แก่นางได้ แต่การที่นางจะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ จะต้องมียอดฝีมือผู้มีวิชาสูงส่งถ่ายทอดวิชาความรู้ให้อย่างแน่นอน

 

 

‘เพียงแต่บนแผ่นดินหลัวอวี่จะมียอดฝีมือที่มีวิชาแพทย์สูงส่งที่ไหนกัน?’

 

 

ในยุคสมัยนี้ วิชาแพทย์ถือเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคลแม้ว่าอวี้เฟยเยียนจะเป็นหลานสาวของเขา แต่ตามกฎเกณฑ์แล้ว นางก็มิอาจถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้กับพวกเขาได้ นอกเสียจากจะได้รับอนุญาตจากอาจารย์ของนาง

 

 

ซึ่งอวี้เฟยเยียนก็ได้เตรียมคำอธิบายสำหรับคำถามของอวี้เฟยเยียนเอาไว้แล้ว

 

 

“ตอนข้าอายุสิบสามปีนั้นได้รับบาดเจ็บ ศีรษะถูกกระแทก หลังจากนั้นในหัวของข้าก็มีสิ่งต่างๆผุดออกมามากมาย แรกเริ่มเดิมที ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งต่อมา มีชายชราคล้ายท่านปู่ใจดีผมสีเงินมาเข้าฝันข้าทุกคืน ท่นผู้นั้นถ่ายทอดวรยุทธ์และวิชาแพทย์ให้กับข้า”

 

 

“ท่านปู่ผมสีเงิน?” ตี้อู่เจ๋อขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

 

 

การพบพานที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ในประวัติศาตร์ก็มีบันทึกเอาไว้ ดังนั้นเมื่ออวี้เฟยเยียนกล่าวเช่นนี้ พวกเขาจึงเชื่อ

 

 

เพียงแต่ท่านปู่ผมสีเงินคือใครกันแน่? หรือว่าเป็นเทพ? เมื่อคิดคำตอบไม่ออก ตี้อูเจ๋อจึงมิได้ไปคิดมากอีกต่อไป จะอย่างไรหลานสาวของเขาก็เก่งอยู่ดี นี้เป็นเรื่องที่สมควรดีใจ

 

 

“ติ่งหลอมยาชิ้นดีธรรมดาเกินไป ที่ปู่มีของดีอยู่อันหนึ่ง มอบให้เจ้า”

 

 

ตี้อู่เจ๋อกลับไปยังห้องของตน ค้นหาติ่งปรุงยาทองแดงที่ด้านหน้ามีรูปของมังกรคู่คาบแก้วสลักอยู่ให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

“ท่านปู่”

 

 

เมื่อเห็นติ่งปรุงยาในมือของตี้อู่เจ๋อ ตี้อู่เฮ่ออี้ก็ตกตะลึงไม่น้อย

 

 

เจ้าติ่งมักรคู่นี้คือศาตราวุธ ซึ่งหลอมขึ้นโดยช่างตีเหล็กที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง ซึ่งมันยังเป็นของรักของหวงของตี้อู่เจ๋ออีกด้วย ในเวลาปกติพวกเขาแตะต้องมันเพียงเล็กน้อย ตี้อู่เจ๋อก็ตื่นตูมเป็นเรื่องใหญ่ต่อว่าต่อขานอยู่เป็นนาน แต่วันนี้กลับนำมามอบให้กับอวี้เฟยเยียนอย่างใจกว้างเสียได้

 

 

ซึ่งการณ์นี้ทำให้พี่ชายทั้งหลายต่างก็แน่ใจว่า น้องสาวกลายเป็นที่หนึ่งในใจของท่านปู่ไปแล้ว

 

 

เ”ก็บเอาไว้ใช้”! ตี้อู่เจ๋อประคองติ่งปรุงยามอบให้กับอวี้เฟยเยียน

 

 

ดูจากหน้าตาท่าทางของทุกคนแล้ว อวี้เฟยเยียนก็รู้ได้ในทันทีว่า ติ่งปรุงยานี้ล้ำค่ามากเพียงไหน แล้วนางจะกล้ารับเอาของจากคนแก่ได้อย่างไร!

 

 

“ท่านตา ท่านตาดีกับข้าจริงๆเลย! แต่ว่า ติ่งปรุงยาอันนี้ท่านใช้คุ้นมือแล้ว เช่นนั้นท่านตาก้เก็บเอาไว้เถอะค่

 

 

“เหมาะสมกับท่านตา ก็ไม่แน่ว่าจะเหมาะสมกับข้า! รอให้ข้าตามหาวัสดุที่เหมาะสม ข้าค่อยหลอมติ่งปรุงยาให้กับ

 

 

ตัวเองจะดีกว่า”

 

 

“ช้าก่อน——”

 

 

สองวันที่ผ่านมาหัวใจของ ตี้อู่เจ๋อถูกกระทบกระเทือนไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว ตอนนี้อวี้เฟยเยียนมาบอกว่าตนเองหลอมติ่งปรุงยาได้อีก ทำเอาตี้อู่เจ๋อถึงกับต้องลูบที่บริเวณหัวใจ เพื่อทำให้ตนเองสงบสติอารมณ์สักครู่จึงค่อยเอ่ยปากถามออกมา

 

 

‘ติ่งปรุงยา? นั่นมันเป็นเรื่องของช่างหลอมเหล็กนี่นา แล้วเจ้าที่เป็นหญิงสาวคหนนึ่ง จะหลอมมันอย่างไรกัน?’

 

 

ช่างหลอมเหล็ก นับเป็นอาชีพพิเศษอย่างหนึ่งของอู๋โยวทีเดียว

 

 

พวกเขาไม่เหมือนอาชีพอื่นทั่วไป เมื่อวัสดุชั้นเยี่ยมผ่านมือพวกเขาละก็ สิ่งที่หลอมขึ้นมาจะนับว่าเป็นของมีระดับทันที

 

 

จากระดับทองแดงเขียว ระดับขาวเงินจนกระทั่งถึงระดับทองคำ…

 

 

ช่างหลอมเหล็กที่มีความสามารถมากหน่อยถึงขนาดสามารถหลอมศาตราวุธได้ปราชญ์ ศาตราวุธ เลยทีเดียว

 

 

เพียงแต่ว่า ช่างหลอมเหล็กบนแผ่นดินอู่โยวแห่งนี้มีจำนวนไม่มาก คนที่สามารถหลอมศาตราวุธปราชญ์อาวุธได้นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยและช่างที่สามารถหลอมเทพอาวุธได้ก็ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ เหตุเพรา ไม่ใช่ว่าการหลอมจะสำเร็จในทุกครั้ง แน่นอนว่าโอกาสที่จะล้มเหลวย่อมต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว

 

 

การที่จะสามารถหลอมศาตราวุธออกมาได้ คือความใฝ่ฝันสูงสุดในชีวิตของช่างหลอมอยู่แล้ว

 

 

บัดนี้ อวี้เฟยเยียนคิดที่จะหลอมติ่งปรุงยาของตนเอง ทำให้ตี้อู่เจ๋อตกตะลึงไม่น้อย

 

 

“ฮิๆ——” อวี้เฟยเยียนยิ้มอย่างน่ารัก

 

 

ท่านตา ข้าลืมบอกท่านตาไปว่า ข้ามีผู้ช่วยชั้นดีด้วยนะคะ!

 

 

“ออกมาเถอะ จวินจวิน!”

 

 

เมื่ออวี้เฟยเยียนกล่าวจบ ที่ปลายนิ้วทางด้านขวาของนางก็ปรากฏลูกไฟสีน้ำเงินอมเขียวขึ้น

 

 

“สวรรค์! สวรรค์! ข้าเห็นอะไรกันนี้ นี่คือเทพอัคคี!”

 

 

ไม่เพียงแค่ตี้อู่เจ๋อ ท่านลุงทั้งสามคนของอวี้เฟยเยียนก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกตะลึง

 

 

“ไม่ไหวแล้ว! ยายเฒ่า เจ้ารีบบอกข้าเร็วเข้า ว่าข้ากำลังฝันไปใช่หรือไม่? เพราอะไรภายในระยะเวลาเพียงแค่สองวนถึงได้เกิดเรื่องเหลือเชื่อมากมายเพียงนี้? ข้าต้องกำลังฝันไปอยู่แน่ ฝันแน่ๆ!” ตี้อู่เจ๋อถูกเรื่องราวมากมายกระทบกระเทือนใจจนหัวหมุนไปหมด

 

 

“เจ้าแก่ เจ้าไม่ได้ฝันไป! หลานสาวของพวกเราเก่งกาจยอดเยี่ยมยิ่งนัก ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก!”

 

 

ไฟบรรลัยกัลป์ที่ปลายนิ้วของอวี้เฟยเยียนกำลังเต้นระบำ สุดท้ายนางก็ลงสู่พื้นกลายร่างเป็นเจ้าโลลิต้าน้อยในชุดสีเขียว นับตั้งแต่อวี้เฟยเยียนสำเร็จเป็นเทพโอสถ ช่วงวัยของเจ้าไฟบรรลัยกัลป์ก็เพิ่มมากขึ้น บัดนี้มองดูแล้วราวกับอายุสิบขวบเห็นจะได้

 

 

“พวกเจ้ารีบมาดูเร็วเข้า! เทพอัคคียังมีร่างเป็นคนอีกด้วย!” ตี้อู่หรงเต๋อตื่นเต้นจนแทบระงับอาการไว้ไม่อยู่

 

 

“นายท่าน นี่คือครอบครัวของท่านหรือ? น่าสนุกจริงๆเลยเชียว”

 

 

เจ้าไฟบรรลัยกัลป์วิ่งวนรอบตัวตี้อู่ตรงเต๋อ เมื่อเห็นว่าเขาเอื้อมมือออกมาเตรียมจะสัมผัสมัน มันก็แกล้งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน รอจนกระทั่งนิ้วชี้ของตี้อู่หรงเต๋อสัมผัสถูกเอวของมันนั่นเอง เจ้าไฟบรรลัยกัลป์ก็ ‘ก๊ากๆ’ หัวเราะออกมายกใหญ่

 

 

“คันจังเลยๆ! อย่าจักกะจี้ข้าสิ!”

 

 

แม้ว่าจะมีเพียงอวี้เฟยเยียนเท่านั้นที่ได้ยินเจ้าไฟบรรลัยกัลป์นี้ แต่การที่นางหัวเราะร่วนมือกุมท้องเช่นนี้ก็น่ารักอย่างที่สุด

 

 

เทพอัคคียังกลัวจักกะจี้ด้วย! น่าสนุกยิ่งนัก!

 

 

การปรากฏตัวของเทพอัคคีดึงดูดความสนใจของทุกคน ทั้งยังล้างบางความคิดเดิมๆที่ทุกคนมีต่อเทพอัคคีเสียใหม่อีกด้วย