บทที่ 531 ชายชราที่อยู่ในโลงศพ

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 531 ชายชราที่อยู่ในโลงศพ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิถึง 3 คน ตระกูลกู๋ก็ตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง

ส่วนเรื่องของแผนภาพตำหนักศักดิ์สิทธิ์นั้น พวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะหาคำไหนมาอธิบายเช่นกัน

เมื่อผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามเห็นว่ากู๋หยงไม่มีท่าทีว่าจะมอบกุญแจให้พวกเขาแน่นอน ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิที่มีรูปร่างอ้วนเตี้ยก็ขมวดคิ้วและเริ่มลงมือส่งเจตจำนงของตัวเองเข้าทำลายเรือนตระกูลกู๋แหว่งหายไปส่วนหนึ่ง

สำหรับจำนวนของผู้คนตระกูลกู๋ที่ตายไปในการโจมตีนี้มีกี่คนนั้นไม่มีใครทราบได้…

“พวกเราได้รับแผนภาพนั้นมาจากคนผู้หนึ่งจริง ๆ พวกเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคือภาพของสถานที่ตั้งตำหนักศักดิ์สิทธิ์ พวกท่านไม่ควรทำกับพวกเราขนาดนี้!” กู๋หยงตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าโมโห

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอ้วนเตี้ย เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงไม่ยินยอมสินะ? ก็ได้! ถ้าเจ้าไม่มอบกุญแจมาให้กับพวกข้า พวกข้าจะแสดงให้เจ้าดูว่าผลของการดื้อรั้นมันเป็นยังไง เมื่อถึงเวลานั้นข้ารับประกันได้ว่าตระกูลของเจ้าจะไม่เหลือใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว! ว่าแต่พวกเจ้าเป็นลูกหลานของเทพกระบี่ไม่ใช่เหรอไง? อันที่จริงหากเจ้าสามารถทำให้เทพกระบี่ลุกขึ้นมาปกป้องพวกเจ้าได้ พวกข้าก็จะยอมจากไปเช่นกัน!”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกคนพูดเสริมขึ้น “ในเมื่อพวกมันไม่ยอมมอบให้เรา ถ้างั้นพวกเราก็ฆ่ามันทุกคน จากนั้นพวกเราค่อยไล่ตรวจดูแหวนมิติทุกวงเอาก็ได้ว่าใครที่มีกุญแจอยู่ ข้าว่าแบบนี้มันจะง่ายกว่าต้องมานั่งต่อรองกันแบบนี้ซะอีก”

อันที่จริงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเหล่านี้ได้ใช้เจตจำนงของตนเองทำการตรวจสอบห้วงความทรงจำของผู้คนทุกคนของตระกูลกู๋หมดแล้วเกี่ยวกับข้อมูลกุญแจของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมันก็ไม่มีใครเลยที่มีข้อมูลเกี่ยวกับมัน

คนเดียวที่พวกเขาไม่สามารถตรวจสอบได้ก็คือ กู๋หยง เนื่องจากเขามีผนึกที่คอยป้องกันวิญญาณของเขาอยู่ ซึ่งมันทำให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้

ทางด้านของกู๋หยง ในตอนนี้ก็อยากจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ เนื่องจากเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรเพราะเขาเองก็ไม่มีกุญแจที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิเหล่านี้อยากจะได้

เมื่อเห็นว่ากู๋หยงยังคงเงียบอยู่ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามก็รู้สึกชิงชังในใจ จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็ลงมือโจมตีพร้อมกันจากสามทิศทางลงมายังตระกูลกู๋ ซึ่งหากดูจากอาณาเขตการทำลายล้างที่พวกเขาปลดปล่อยแล้ว อย่างน้อย ๆ ครึ่งหนึ่งของตระกูลกู๋จะต้องหายไปอย่างแน่นอน

แต่แล้วในขณะที่พวกเขากำลังจะลงมือ พื้นดินก็แยกตัวออกและโลงศพทองแดงก็ปรากฎขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงอันเย็นชาที่ดังออกมาจากด้านใน “ไอ้เด็กน้อยทั้งสาม จงถอยกลับไปซะ!”

ในระหว่างที่เขาพูด อำนาจแห่งเจตจำนงสายหนึ่งก็หลั่งไหลออกมาจากโลงศพเข้าสะกัดกั้นเจตจำนงของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสาม

“มิน่าล่ะ ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมตระกูลเล็ก ๆ อย่างตระกูลกู๋ถึงได้กล้าเปิดเผยข้อมูลของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้พวกเจ้าก็มีตาแก่นี่หนุนหลังอยู่นี่เองสินะ!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอ้วนเตี้ยพูดขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผอมสูงอีกคนพูดขึ้นเสริมว่า “ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวสักเท่าไหร่เลยนี่หว่าก็แค่ตาแก่คนหนึ่งที่ใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้วก็เท่านั้น ดูจากรูปการณ์แล้วหากออกมาจากโลงเมื่อไหร่ชีวิตก็คงถึงจุดจบเมื่อนั้นสินะ”

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกคนหนี่งที่ไม่เคยเอ่ยคำพูดใดมาก่อนก็พูดขึ้นเสริมเช่นกัน “หลิวเฟ่ย เจ้าพูดถูก ตาแก่นี่ไม่กล้าออกมาจากโลง แน่นอนหากเขาออกมาเมื่อไหร่เขาต้องตายแน่ หรือต่อให้เขากล้าออกมาความแข็งแกร่งของเขาก็ใช่ว่าจะเหมือนเมื่อก่อนตอนที่เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตาแก่! พวกเราแค่ต้องการกุญแจของตำหนักศักดิ์สิทธิ์ แค่มอบมันมาให้กับพวกเรา จากนั้นพวกเราก็จะไป ไม่เช่นนั้นวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของตระกูลกู๋ของเจ้า!”

ตัวตนที่อยู่ในโลงศพเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ในอดีตตอนที่ข้ามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า พวกเจ้าเหล่าเด็กอมมือยังไม่ทันได้ออกจากท้องแม่ด้วยซ้ำ! ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าต้องการอะไร แต่ตอนนี้หากพวกเจ้ารีบไสหัวไปซะข้าจะถือว่าเรื่องในวันนี้ข้าจะไม่เอาความ แต่ถ้าพวกเจ้ายังดื้อดึงไม่ยอมจากไป ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน!”

ในความเป็นจริง เขาเองก็รู้สึกจนปัญญาเช่นกันเนื่องจากเขาเองรู้ตัวดีว่าถ้าหากเขาออกจากโลงศพนี้เมื่อไหร่มันหมายถึงว่าชีวิตของเขาจะต้องจบลงอย่างแน่นอน

เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถไปเกิดใหม่ได้หรือไม่

แต่ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือหากตระกูลกู๋ปราศจากเขาไปแล้ว ไม่นานตระกูลกู๋คงจะต้องตกต่ำ มีเพียงแต่การดำรงอยู่ของเขาเท่านั้นถึงจะสามารถทำให้ตระกูลกู๋ค่อย ๆ เติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ ได้ด้วยการชี้แนะของเขา

แม้กระทั่งในตอนนี้เขาก็ยังคงไม่คิดว่ามีอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับการที่เขาได้รับแผนภาพจากหลิงตู้ฉิง เนื่องจากเขาทะนงในตัวเองว่าระดับของเขานั้นอยู่สูงกว่าหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงไม่เคยคิดว่าตัวเองจะถูกจัดฉาก

ในตอนที่เขาได้รับมันมาเขารู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกดีแบบนั้นอีกแล้ว

“หากข้ารู้ว่าเรื่องบ้า ๆ แบบนี้จะเกิดขึ้น ข้าคงไม่แกล้งทำตัวว่าเป็นลูกหลานของไอ้คนต้องห้ามผู้นั้นแน่นอน ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นมันไม่เคยมีจุดจบที่ดีเลยสักคนต่อให้เป็นคนที่อยู่ฝั่งเดียวกันกับเขาก็ตาม!” ตัวตนที่อยู่ในโลงพึมพำกับตัวเองพลางถอนหายใจ

“กุญแจบ้าบออะไรข้าไม่มีทั้งนั้น ตระกูลกู๋ของข้านั้นมีเพียงแผนภาพของสถานที่ตั้งมันเพียงแค่นั้น และพวกข้าเองก็ไม่มีความคิดที่จะครอบครองมันไว้แค่คนเดียวพวกข้าจึงกระจายข้อมูลภาพนี้ออกไป หากพวกเจ้าต้องการหากุญแจ พวกเจ้าก็ควรจะไปหาที่อื่นไม่ใช่มาตามหาเอากับพวกข้า!” ตัวตนในโลงเอ่ยขึ้นอีกรอบ

ตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะอ้างว่าตนเองเป็นลูกหลานของหลิงตู้ฉิง หรือกล้าพูดที่มาที่แท้จริงของแผนภาพที่เขาได้รับมาว่าได้มันมายังไง หากเขากล้าแอบอ้างเป็นลูกหลานของหลิงตู้ฉิงต่อ ในวันนี้เขาคงอาจจะรอดตัวไปได้ แต่มันคงไม่เกินปีหรือสองปีที่ตระกูลของข้าจะถูกล้างบางจนหมด เนื่องจากศัตรูที่หลิงตู้ฉิงมีในอดีตนั้นมันมีมากมายเหนือกว่าเทพกระบี่อย่างไม่เห็นฝุ่น และผู้คนพวกนั้นต่างเป็นบรรดาขุมกำลังที่แข็งแกร่งกันทั้งนั้น

น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะพยายามใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามก็ยังคงไม่โอนอ่อนตาม

“ไอ้แก่ เจ้าคิดว่าพวกข้าจะเชื่อคำพูดของเจ้ารึไง? เอาแบบนี้ดีกว่า เจ้าจงเปิดโลงของเจ้าออกให้พวกข้าดูว่าข้างในนั้นมีกุญแจรึเปล่า ถ้ามันไม่มีพวกข้าจะกลับไปในทันทีเจ้ากล้าไหม?” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอ้วนเตี้ยพูดขึ้น

“นี่พวกเจ้าจะมากเกินไปแล้ว!” กู๋หยงตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ

หากเปิดโลงออกนั่นมันก็หมายความว่าบรรพบุรุษของเขาจะต้องตาย ดังนั้นเขาจะยอมได้อย่างไร?

“ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอม ถ้างั้นข้าก็จะฆ่าพวกเจ้าให้หมดทุกคน!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผอมสูงตะคอกขึ้น

เมื่อพูดจบเขาก็ลงมือโจมตีทันที

ภายใต้เจตจำนงของเขา กฎทั้งหลายก็ถูกทำให้ผันผวนและผลักโหมเข้าใส่ตระกูลกู๋

ตัวตนที่อยู่ในโลงศพก็ไม่ยอมแพ้ เขาปลดปล่อยเจตจำนงของตนเองเข้าบังคับกฎที่ถูกทำให้ผันผวนให้สงบลงทันทีเช่นกัน

เมื่อเห็นว่าเจตจำนงที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวตนที่อยู่ในโลงนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมาย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิทั้งสามก็ยิ่งได้ใจ

“ลงมือพร้อมกัน! ไม่เช่นนั้นหากเราช้า มันอาจมีคนอื่นมาที่นี่เข้ามาร่วมวงและแบ่งส่วนแบ่งของพวกเราไปอีก พวกเราต้องจัดการคนเหล่านี้ให้เร็วที่สุดและเมื่อได้กุญแจแล้วพวกเราก็ต้องรีบมุ่งหน้าไปที่อาณาเขตเทียนหยูทันที!” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิผอมสูงพูดขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิอีกสองคนต่างพยักหน้าเห็นด้วย จากนั้นพวกเขาก็เริ่มลงมือโจมตีไปยังโลงศพทองแดงก่อนเป็นอันดับแรกอย่างเต็มกำลัง เนื่องจากในตอนนี้พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจว่ากุญแจจะต้องอยู่ในโลงศพนี้อย่างแน่นอน

เมื่อเห็นการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามา ตัวตนในโลงศพก็ตะคอกขึ้นด้วยความเดือดดาล “ไอ้พวกเด็กเหลือขอ พวกเจ้าทำกันเกินไปแล้ว ในเมื่อพวกเจ้ารนหาที่ตายกันนักก็ได้ข้าจะออกไปสนองความต้องการของพวกเจ้าให้!”

เมื่อพูดจบเขาก็แสดงตัวออกมาจากโลงทันที!