แม้ว่าเหล่าเทพจากโลกเหนือธรรมชาติจะมาถึงโลกเป็นการส่วนตัวแต่พวกเขาก็ยังต้องถูกฆ่าตายอยู่ดีหากกองทัพสหรัฐมีการเคลื่อนไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่ากองทัพน่าเกรงขามที่มีอยู่ในโอวาฮู ไม่ว่าจะเป็นความสามารถจากอัลท์แมนหรือยูลีนาสก็ไร้ประโยชน์
ในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากจะต่อต้านมันเป็นไปได้ยากที่เขาจะได้รับประโยชน์จากการฆ่าโอวิดิสเต้และเอฟเฟอร์มินเมื่อทั้งทหารสหรัฐและสายลับจากโลกเหนือธรรมชาติต่างก็ได้รับบาดเจ็บรุนแรง ไม่เพียงแค่นั้นแต่การเข้าไปยุ่งย่ามผิดเวลาอาจทำให้เขาถูกกลืนหายไปในสงครามและอาจสูญเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้
“นี่ครับ ชุดอาหารล็อบสเตอร์ที่คุณสั่ง” ขณะที่จางลี่เฉินกำลังจมอยู่กับความคิดบริกรหนุ่มก็นำอาหารที่เขาสั่งมาเสิร์ฟ
ล็อบสเตอร์ที่มีความยาวสองฟุตถูกวางอยู่บนจานน้ำแข็งที่ประดับด้วยผักสดพร้อมกับซอสสูตรพิเศษที่ทำให้มันยิ่งดูน่าอร่อย
สูดดมกลิ่นอาหารทะเลสดใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าหลงใหลที่ส่งตรงมาจากทะเลจากนั้นชายหนุ่มก็กล่าว “ขอบคุณ” ก่อนจะละทิ้งความกังวลทั้งหมดไว้ด้านหลังและเริ่มจัดการมื้ออาหารทะเลตรงหน้าพร้อมเพลิดเพลินไปกับลมทะเลเย็น ๆ
หลังจากเติมกระเพาะอาหารของเขาจนเต็มที่แล้วจางลี่เฉินก็สั่งพนักงานให้นำเนื้อสเต็กที่เท่ากับ 10 คนทานแบบนำกลับ ขณะที่เขากำลังรอให้ทางร้านเตรียมของเขาก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะมองหาโรงแรมนอนในคืนนี้หรือแอบออกไปที่ชานเมืองเพื่อดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้งกันดี
ขณะที่เขากำลังลังเลอยู่ระหว่างสองความคิดนี้ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็แผดร้องเสียงดังขึ้นมา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นสายจากทีน่า
“ลี่เฉิน! เดาสิว่าตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน!” เสียงหัวเราะของทีน่าดังก้องออกมาจากอีกฝั่งของสายสนทนา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจของจางลี่เฉินกระตุกวูบพร้อมลางสังหรณ์ไม่ดีที่เกิดขึ้นในใจ เขาพูดด้วยความกระวนกระวายกลับไปว่า “ทีน่า อย่าบอกนะว่าคุณอยู่ที่โรงแรมรอยัลฮาวายเอียนในโฮโนลูลูแล้ว!”
“ถูกต้อง! ตอนนี้ฉันอยู่ที่โรงแรมรอยัลฮาวายเอียนจริง ๆ! หืม ลี่เฉิน นายนี่น่าเบื่อชะมัด! คงยากเกินไปสำหรับฉันสินะที่จะทำให้นายประหลาดใจได้”
“ฟังนะทีน่า! รีบออกจากโรงแรมนั้นเดี๋ยวนี้! ไป…ไปที่ชายหาดที่ไหนก็ได้สักแห่ง! ยิ่งอยู่กับผู้คนมาก ๆ ยิ่งดี แล้วก็อย่ารับสายของคนอื่นเว้นของผมคนเดียวเท่านั้น! แล้วก็ไม่ต้องออกไปเจอใคร…”
“ลี่เฉิน ทีน่าอยู่กับข้าแล้ว…” เสียงที่จางลี่เฉินหวั่นกลัวดังสะท้อนออกมาจากปลายสายจากนั้นก็เป็นทีน่าที่กลับมาพูดโทรศัพท์ต่อ “นอกจากอลิซและเพื่อน ๆ ของเธอ 2 – 3 คนแล้วตอนนี้ก็มีเพื่อนผู้ชายจากหาดคาไวที่ทริชและชีล่าเพิ่งได้รู้จักอยู่ด้วยนะ ฉันว่าจะแนะนำคน ๆ หนึ่งในนี้ให้อลิซได้รู้จักไว้ด้วยล่ะ”
เมื่อรู้ว่าสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปมากเพียงใดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างชายหาดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ทางใบหน้าภายใต้แสงไฟจากชายหาดที่ถูกปรับให้เข้ากับความมืดมัวที่สุด หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งทันใดนั้นเขาก็พูดกลับไปว่า “อย่างนี้นี่เอง เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปโรงแรมทันทีเพื่อดูว่าพวกเขาจะเหมาะสมกับเธอหรือเปล่า ตอนนี้พวกคุณกำลังอยู่ในล็อบบี้หรือร้านอาหารของโรงแรมใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าต้องเป็นร้านอาหารกลางแจ้ง! ที่นี่สะดวกสบายมากเลยลี่เฉิน นายยังไม่ได้ทานมื้อเย็นใช่ไหม? อยากให้ฉันสั่งชุดอาหารล็อบสเตอร์ไว้รอนายให้หรือเปล่า? ฉันจำสิ่งต่าง ๆ เกี่ยวกับนายได้มากกว่าที่คิดและก็รู้ด้วยว่านายชอบล็อบสเตอร์มากขนาดไหน!”
“แล้วผมก็ชอบโค้กมาก ๆ ด้วยเช่นกัน คุณช่วยสั่งเตรียมไว้ให้ผมด้วยจะได้ไหม? ผมว่าผมต้องใช้มันเพื่อสงบสติอารมณ์สักหน่อยแล้วเดี๋ยวไว้เจอกัน”
จางลี่เฉินจบสายสนทนาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว จากนั้นไม่นานบริกรหนุ่มก็กลับมาพร้อมสเต๊กที่เขาสั่ง เขาเดินไปบนหาดทรายแล้วกลับไปที่รถของเขาพร้อมถุงกระดาษในมือ
ทันทีที่เขาเข้ามานั่งฝั่งที่นั่งคนขับ กลิ่นหอมของสเต็กที่ลอยออกมาจากถุงกระดาษในมือก็ดึงความสนใจจากมาสทิฟฟ์ที่กำลังนอนหมอบอยู่ที่เบาะด้านหลังได้เป็นอย่างดี มันรีบขยับตัวแล้วเสนอหน้าของมันมาข้างหน้ารถเพื่อตามกลิ่นหอม ๆ
จางลี่เฉินถอดตะกร้อครอบปากของมันออกก่อนจะฉีกถุงกระดาษที่เต็มไปด้วยสเต็กแล้วโยนให้มันไปที่เบาะหลัง “กินซะ! ไม่แน่ชีวิตของฉันต่อจากนี้อาจขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือจากแก กินเข้าไปเยอะ ๆ! เมื่อไปถึงโรงแรมแล้วฉันจะให้แกได้กินน้ำแก้กระหาย และจำไว้ว่าแกต้องทำทุกอย่างที่ฉันสั่งหลังจากกินอิ่มไม่ว่าฉันจะสั่งอะไรก็ตาม!”
ชายหนุ่มหัวเราะด้วยท่าทีไร้สาระใส่สุนัขตัวใหญ่ เมื่อเจ้าสุนัขสายพันธุ์มาสทิฟฟ์ได้กินเนื้อสเต็กที่แสนอร่อยมันก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความดีใจโดยการเห่าหอนออกมา
ร่วมกับเสียงหอนของสุนัข จางลี่เฉินถอนหายใจแล้วพึมพำกับตัวเอง “ความรู้สึกของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่เหมือนดั่งสวรรค์ ตามที่คาดไว้ ความรู้สึกของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่เหมือนสวรรค์จริง ๆ ไม่แปลกใจที่หนังสือโบราณจะกล่าวว่าเราสามารถกลายเป็นพ่อมดที่ยิ่งใหญ่ได้หากมองข้ามความสัมพันธ์ที่เป็นมิตร ลบล้างความรู้สึกและกำจัดอารมณ์ออก แต่ลองคิดดูดี ๆ ถ้าตัวเราไม่มีความสุขแล้วเราจะอยากมีอิสระไปเพื่ออะไรกัน?”
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็สตาร์ทเครื่องยนต์แล้วขับออกไปในทันที
ชายหนุ่มขับรถไปตามเส้นถนนที่มีแสงสว่างจ้า เขาไม่ได้มุ่งหน้าไปโรงแรมรอยัลฮาวายเอียนแต่อย่างใด กลับกันเขามุ่งหน้าตรงไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อเนื้อดิบแทน หลังจากร่ายคาถา ‘รวบรวม’ และควบคุมแมลงบินนับล้านในที่สุดเขาก็ขับรถตัดตรงไป 3 – 4 ช่วงตึกเพื่อเข้าไปยังลานจอดรถของโรงแรมรอยัลฮาวายเอียนตามคำแนะนำของเครื่องมือนำทาง
หลังจากใส่ตะกร้อครอบปากมาสทิฟฟ์ที่เติมเต็มท้องจนเต็มทีแล้วจางลี่เฉินก็สะพายกระเป๋าเป้ไว้บนหลังก่อนจะเดินออกจากรถไป
เขาเดินเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมตรงแผนกต้อนรับก่อนจะถามพนักงานที่มีรอยยิ้มสวยงามว่า “ผมจางลี่เฉินพักอยู่ห้อง F0987 มีข้อความอะไรฝากถึงผมบ้างไหม”
“กรุณารอสักครู่นะคะ … มีข้อความฝากไว้จากมิสทีน่าถึงคุณค่ะ เพื่อนของคุณกำลังรับประทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารกลางแจ้ง…”
“คุณพาผมไปจะได้ไหม?”
“แน่นอนค่ะ!” พนักงานตอบรับก่อนจะเรียกบริกรจากร้านอาหารกลางแจ้งโดยเครื่องรับส่งวิทยุ “เขาจะเป็นผู้นำทางให้คุณค่ะ”
“ขอบคุณ” จางลี่เฉินไม่สนใจสายตาจากคนอื่นที่มองมา เขาหลับตาและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตบแก้มตัวเองแรง ๆ 2 – 3 ครั้งแล้วถึงเดินตามบริกรไปอย่างเงียบ ๆ อย่างน่าประหลาดใจ เมื่อก้าวออกจากประตูหลังมาเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในพื้นที่ชายหาดส่วนตัวเพื่อแขกของโรงแรมรอยัลฮาวายเอียนโดยเฉพาะ
ชายหาดเต็มไปด้วยผู้คนและเสียงอึกทึกราวกับตอนกลางวัน แขกของโรงแรมจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการอยู่ข้างนอกและแม้ว่าพวกเขาไม่ต้องการรับประทานอาหารกลางแจ้งของโรงแรมแต่บางครั้งพวกเขาก็จะมาที่ชายหาดส่วนตัวนี้เพื่อฟังเพลงและรับลมทะเลเย็น ๆ ในตอนกลางคืน
บริกรพาชายหนุ่มไปที่ส่วนของร้านอาหารกลางแจ้งแล้วชี้ไปที่โต๊ะใกล้ชายฝั่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “โต๊ะเพื่อนของคุณอยู่ทางนั้นครับ”
ด้วยความช่วยเหลือจากแสงจาง ๆ จากร้านอาหาร จางลี่เฉินเห็นทีน่า ทริช และชีล่ากำลังนั่งทานอาหารเย็นกับคนอื่น ๆ พวกเขาทานไปพร้อม ๆ กับพูดคุยเรื่องราวสนุกสนาน “ขอบคุณ เดี๋ยวผมเดินไปเอง โอ้ใช่ หาถาดน้ำให้สุนัขของผมสักหน่อยจะได้ไหม” จากนั้นเขาก็ส่งเงินให้บริกรไป 5 ดอลลาร์เพื่อเป็นทิปก่อนจะเดินเข้าหา 3 สาวอย่างรวดเร็ว
“ลี่เฉิน! มาแล้วหรอ!” ทีน่าที่เห็นจางลี่เฉินเดินเข้ามาก็เอ่ยทักด้วยความประหลาดใจราวกับว่าเธออยากจะทักทายเขาด้วยการสวมกอด
“สุนัขตัวใหญ่มาก! สัตว์เลี้ยงใหม่ของนายงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตามในขณะที่แผนการณ์เริ่มไม่เป็นดั่งใจและเหมือนจะถูกจับได้ ผู้หญิงที่บอบบางและน่ารักแต่กลับมีความแข็งแกร่งเหมือนแชมป์เพาะกายก็ได้ยื่นมือเพื่อดึงร่างของเด็กสาวกลับมาแล้วผลักเธอนั่งกลับไปที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างง่ายดาย
“บอกลูกน้องของคุณหน่อยได้ไหมว่าอย่าใจร้อน ท่านนักปราชญ์ ผมมาแล้วนี่ไง เห็นไหม? เราค่อย ๆ มาพูดคุยกันจะดีกว่า ทุกอย่างที่คุณคิดตอนนี้กำลังเข้าใจผิด…” จางลี่เฉินเริ่มต้นประโยคของเขาด้วยความกลัวขณะเดินไปที่หัวมุมโต๊ะทานอาหารช้า ๆ แล้วนั่งลง
“เข้าใจผิดงั้นเหรอ? เจ้ากำลังบอกว่าการตายของอาวุธหลักที่ทรงพลังที่สุดของเรดไอรอนเป็นความเข้าใจผิด? ข้าก็อาจจะคิดเช่นนั้นถ้าไม่ได้พูดคุยกับเจ้าผ่านเครื่องมือสื่อสารนี่ ข้าอาจคิดว่ามันเป็นการจู่โจมระหว่างเรากับสัตว์ยักษ์ที่ถูกกองทัพสหรัฐทำการศึกษามาซึ่งทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับกองกำลัง อย่างไรก็ตามแคสเดียได้ตายไปแล้วแต่เจ้าที่อยู่กับเขาตอนนั้นกลับปลอดภัยดีเสียนี่! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าไม่ได้เป็นทหาร เจ้าจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ว่าอย่างไร?”
นักปราชณ์เอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
โดยปกติแล้วจางลี่เฉินไม่สามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยการโกหก เขาคิดเกี่ยวกับมันก่อนจะพยายามทำเสียงไร้ความหมาย “พู ชี ชี…” เมื่อใบหน้าของเขากลับมาสงบตามเดิม
“ช่างเป็นภาพวาดที่สวยงามบนใบหน้าและเสื้อผ้าของคุณจังเลยนะครับ” มองดูนักปราชญ์จากโลกเหนือธรรมชาติที่กำลังสวมหมวก กางเกงขาสั้น และเสื้อเชิ้ตลายตาหมากรุก เช่นเดียวกับหมอผีที่ใบหน้าของเขาถูกวาดด้วยสีน้ำมันเพื่อครอบคลุมผิวสีดำและสีเขียวของเขา ชายหนุ่มได้เอ่ยถามกลับไปว่า “นักปราชญ์อัลท์แมน พวกคุณทุกคนหนีออกมาพร้อมกับอลิซได้อย่างไร? แล้วคนอื่น ๆ ล่ะอยู่ที่ไหน? หรือว่าคุณกำจัดแอชลีย์กับคามิลไปแล้วเพราะพวกเขาไม่มีประโยชน์กับคุณอีกต่อไป?”
“นายพูดอะไรน่ะจางลี่เฉิน? แล้วพวกเขาคือใคร?” เมื่อได้ยินบทสนทนาแลกเปลี่ยนระหว่างจางลี่เฉินและนักปราชญ์อัลท์แมน ทีน่าเลยถามออกไปด้วยความสับสน
“คุณไม่ต้องรู้หรอกทีน่า นักปราชญ์อัลท์แมน ผมอยู่ที่นี่แล้วดังนั้นปล่อยพวกผู้หญิงกลุ่มนี้ไปจะได้ไหม ที่โลกของเราสงครามคือเกมเฉพาะของฝ่ายชาย” จางลี่เฉินที่คิดอะไรได้ก็พูดขึ้นมาทั้ง ๆ แบบนั้น
“ที่จริงแล้วเจ้าคือคนที่ฆ่าแคสเดียใช่หรือไม่?”
“รวมถึงโอวิดิสเต้และเอฟเฟอร์มินด้วย”
“แข็งแกร่งมาก! ช่างน่าเหลือเชื่อ น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน! ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องมีอาวุธที่ทรงพลังมากเช่นลำแสงเลเซอร์หรืออาวุธเหนือเสียง…”
ขณะที่อัลท์แมนกำลังตั้งสมมติฐาน บริกรก็นำถาดน้ำมาให้จางลี่เฉิน ชายหนุ่มถอดตระกร้อออกจากปากสุนัขตัวใหญ่เพื่อให้มันได้ดื่มน้ำตามที่มันต้องการแล้วพูดเสียงเข้ม “นักปราชญ์อัลท์แมน คุณไม่สามารถเข้าใจโลกของเราได้อย่างถ่องแท้แค่เพียงท่องโลกอินเทอร์เน็ต หยุดการตั้งสมมติฐานของคุณไว้ซะ มันเป็นเพราะสุนัขตัวใหญ่ตัวนี้ที่ทำให้ผมสามารถฆ่าแคสเดีย โอวิดิสเต้และเอฟเฟอร์มินได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงผู้ซึ่งมาจากโลกเหนือธรรมชาติที่กำลังจับแขนทีน่าไว้ก็คำรามขึ้นมาเบา ๆ “เจ้ากล้าดูถูกนักรบผู้กล้าหาญที่สุดของเรด ไอรอนได้อย่างไร!”
“นั่นก็เพราะสิทธิ์ของการดูถูกคือสิทธิ์ที่ผู้ชนะจะได้กระทำต่อผู้แพ้ยังไงล่ะ”
“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังพยายามทำให้พวกเราโกรธซึ่งข้าคิดว่ามันแปลกมาก…” อัลท์แมนโบกมือให้นักรบหญิงสงบขณะที่เขาสังเกตสีหน้าของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง
พวกเขาทั้งสองคุยกันราวกับกำลังคุยกันเรื่องปริศนาลับบางอย่างพร้อมปล่อยให้คนอื่นสับสนและงงงวย จนในที่สุดแฟนหนุ่มชั่วคราวของชีล่าที่เธอเพิ่งเจอกันที่นี่ก็เริ่มหงุดหงิด “ชีล่าที่รัก ผมชอบทานอาหารมื้อค่ำร่วมกับเพื่อนสนิทของคุณนะแต่คุณจำได้ไหมว่าเราตกลงที่จะไปล่องเรือตอนกลางคืนด้วยกัน? นี่มันก็เกือบจะเลยเวลา…”
ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้นชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงและร่างสูงคนนี้ก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตัวเอง
เมื่อเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งพยายามจะจากไป ทันใดนั้นอัลท์แมนก็ออกคำสั่งไปว่า “ คาเรนลินนิส จัดการคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป”
เมื่อนักรบจากโลกเหนือธรรมชาติได้ยินแบบนั้นเธอพยักหน้ารับคำสั่งก่อนจะชกเข้าไปที่หัวใจของชายหนุ่มซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่ทันได้ระวังตัว
ร่างกายของชายหนุ่มแข็งทื่อก่อนจะล้มลมไปที่เก้าอี้นั่งตามเดิม ดวงตาของเขาเบิกกว้าง มีการหายใจออกจากปอดเล็กน้อยก่อนที่เขาจะหยุดหายใจไปทั้งอย่างนั้นโดยสิ้นเชิง