บทที่ 846 จวินเซียวเซียวถูกจับกุม

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 843 จวินเซียวเซียวถูกจับกุม

แม่ทัพฉีรีบเดินไปยังตรงหน้าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้และกุมมือองค์จักรพรรดิอวี้ตี้เอาไว้: “ฝ่าบาท”

“จือซาน……ข้าจะไม่ไหวแล้ว เจ้าอย่าลืมไปดูข้าที่สุสาน ข้าอิจฉาเจ้ามาทั้งชีวิตและตอนนี้ก็ถูกเจ้าทำให้โมโห”

“ฝ่าบาท ใครเป็นผู้ลงมือ?” แม่ทัพฉีกัดฟันแล้วมองดูผู้คนโดยรอบซึ่งดุดันจนฉีเฟยอวิ๋นเห็นแล้วยังกลัวเลย

“ข้าถูกเจ้าทำให้โกรธตาย ในชีวิตของเจ้ามีเพียงแค่ไม่ได้เกิดดีไปกว่าข้าอย่างอื่นนั้นดีทั้งนั้น เจ้ามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักตั้งแต่เยาว์วัย ไท่ซ่างหวงชื่นชอบและอดีตจักรพรรดิก็โปรดปราน ทุกครั้งที่ข้าเห็นอดีตจักรพรรดิมองเจ้าอย่างชื่นชมข้าก็อิจฉายิ่งนัก

ไท่ชางหวงยังต้องการหมั้นหมายเจ้ากับเสด็จอา เจ้าเป็นแม่ทัพใหญ่คนทั้งประเทศชื่นชมเจ้าแต่ว่าไม่มีผู้ใดชื่นชมข้า

เจ้าให้กำเนิดลูกสาวข้านั้นไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น

หลังจากเติบใหญ่แล้วลูกสาวเกิดมาสวยแต่ข้ากลับสูญเสียไปครั้งแล้วครั้งเล่า

ข้าพบเจอกับเจ้าช่างโชคร้ายยิ่งนัก เป็นเจ้าที่ทำร้ายข้าทั้งนั้น

ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะมีภรรยาผู้หนึ่งแต่เจ้าไม่มี ตอนนี้แม้แต่ภรรยาเจ้าก็มีแล้ว ข้าคิดแล้วก็โมโหยิ่งนัก ข้านั้นถูกเจ้าทำให้โมโหตาย! ”

แม่ทัพฉีไม่ได้ตอบ กุมมือองค์จักรพรรดิอวี้ตี้แล้วมองฉีเฟยอวิ๋น: “อวิ๋นอวิ๋น ไม่มีหนทางแล้วหรือ?”

สายเกินไปแล้ว

“……”

แม่ทัพฉีไม่อยากกล่าวสิ่งใด เขาเห็นการชีวิตอยู่และความตายมานับไม่ถ้วน แต่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้จะทรงสิ้นพระชนม์นั้นเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน

“ฝ่าบาท……”

จวินเซียวเซียวรีบอุ้มลูกสาวมาอย่างเร่งรีบและลูกก็ร้องไห้มาตลอดทาง

เมื่อถึงตรงหน้าประตูก็ไม่ยอมให้นางเข้าไป เหตุใดจวินเซียวเซียวถึงจะไม่ร้องไห้

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ได้ยินขึ้นพระองค์ก็ทรงตรัสว่า: ข้าไม่อยากเห็นนาง”””

แม่ทัพฉีมองไปยังจวินเซียวเซียวตรงหน้าประตูแล้วก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด

“ข้าเหนื่อยแล้ว สุดท้ายก็ไม่ต้องทะเลาะกับพวกเจ้าแล้ว อ๋องเย่ข้ามีคำพูดสองสามคำจะพูดกับเจ้า เสด็จแม่ได้โปรดเลี่ยงไปหน่อย”

พระพันปีทรงกันแสงพร้อมทั้งพาคนออกไปโดยที่ท้องพระโรงเหลือเพียงหนานกงเย่กับองค์จักรพรรดิอวี้ตี้สองคน พี่น้องทั้งสองผู้หนึ่งนอนอยู่และอีกคนหนึ่งนั่งอยู่

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ตรัสว่า: “ข้าจะไม่ไหวแล้วไม่มีสิ่งใดจะพูดเหรอ?”

“ฝ่าบาทจะไม่เป็นไร อวิ๋นอวิ๋นกำลังคิดหาหนทางอยู่”

“ฮึ่ม เจ้าก็ยังเป็นเช่นนั้นซึ่งข้าไม่ชอบยิ่งนัก”

“ข้าไม่ต้องการให้ฝ่าบาททรงชื่นชอบและฝ่าบาทก็ไม่จำเป็นต้องชอบข้า!”

“ไม่ชอบ ข้าชอบพระชายาเย่ ข้าต้องการให้พระชายาเย่ยินยอมให้ข้าสามารถแต่งงานกับนาง”

“หึ เช่นนั้นท่านลุกขึ้นมาสิ ลุกขึ้นมาก็ทรงสมดังปรารถนา”

องค์จักรพรรดิอวี้ตี้หลับตาลง: “ข้าเป็นฝ่าบาท ฝ่าบาทจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”

หนานกงเย่มองไปยังองค์จักรพรรดิอวี้ตี้และองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ก็กุมมือของหนานกงเย่: “ดีต่อนางนะ ข้าเพียงแค่อิจฉา

อดีตจักรพรรดิชื่นชอบเจ้า แม้ว่าจะมอบบ้านเมืองให้ข้าทว่าเขาต้องการให้เจ้าเป็นอิสระ

การอยู่ในวังเสมือนอยู่ในกรงขัง จะเทียบกับเสรีภาพในการใช้ชีวิตภายนอกได้อย่างไร

บังคับให้นางแต่งงานกับเจ้าข้าหวังว่าเรือนหลังของเจ้าจะวุ่นวายไม่เป็นสุข แต่สวรรค์ไม่เป็นไปตามความปรารถนาของคนกลับทำให้พวกเจ้าสมหวัง

เจ้าเกิดมาโชคดีทำให้ข้าโกรธ! ”

ฝ่าบาท!

“ข้าเหนื่อยแล้ว ช่วยข้าบอกต่อพระชายาเย่ว่าคืนนั้นข้ามีความสุขยิ่งนัก!”

หนานกงเย่สีหน้าเย็นยะเยือก: “ตายแล้วยังจะไม่ให้คนสงบสุข!”

“……” องค์จักรพรรดิอวี้ตี้คลายมือ มุมปากเคลื่อนไหวแล้วก็ไร้ซึ่งการตอบสนองเสียแล้ว

หนานกงเย่นั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ฉีเฟยอวิ๋นรอเป็นเวลานานจึงได้เข้าประตูไป ท้องพระโรงว่างเปล่าเงียบเหงา ฉีเฟยอวิ๋นเหลือบมองไปยังองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ที่บรรทมอยู่บนเตียง เมื่อเดินเข้าไปดูคนนั้นได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว

หนานกงเย่ลุกขึ้นแล้วเดินโยกไปโยกมาออกไป เปิดประตูออกแล้วยืนอยู่ตรงหน้าประตูท้องพระโรงพร้อมกับมองออกไปด้านนอกแล้วกล่าวว่า: “ฝ่าบาททรงสวรรคตแล้ว!”

ผู้คนนอกประตูคุกเข่าลงขณะที่พระพันปีทรงเข้าประตูมาแล้วเสด็จไปทางองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ ทรงเดินๆอยู่ก็เป็นลมไป

ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งเข้าไปและให้พระพันปีเสวยยาเม็ดหนึ่ง

พระพันปีทรงฟื้นขึ้นแล้วบรรทมอยู่และในวังก็เริ่มพิธีพระศพ

“ประกาศพระราชโองการให้พระสนมเอกเซียวเฝ้าดวงวิญญาณ”

จวินเซียวเซียวฝันก็ไม่เคยคิดถึงว่าเมื่อองค์จักรพรรดิอวี้ตี้สิ้นพระชนม์นางก็กลายเป็นคนไร้ค่า ไม่เพียงแต่ลูกไม่ได้พระราชทานตำแหน่งนางก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวกลับกลายเป็นอ๋องตวนที่ได้เป็นจักรพรรดิ

แล้วจวินเซียวเซียวก็ได้รับพระราชโองการให้เฝ้าดวงวิญญาณซึ่งก็ลังเลอยู่ในใจมาตั้งนานแล้ว

และด้านหนึ่งหนานกงเย่ก็สืบค้นไปจนถึงตัวของจวินเซียวเซียว ขณะที่นางเฝ้าดวงวิญญาณจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและวิตกกังวลอยู่ตลอดว่าจะเกิดเรื่องอันใดขึ้น

พิธีพระศพขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้เฉินอวิ๋นเจี๋ยไปหาเฉินอวิ๋นชูที่วัดฉืออันในชั่วข้ามคืน เฉินอวิ๋นชูกำลังสวดมนต์แล้วจู่ๆลูกประคำในมือก็กระจัดกระจายไปเต็มพื้น นางมองลงไปยังลูกประคำที่เด้งขึ้นมาทีละลูกๆบนพื้น จากนั้นกำลูกประคำลูกหนึ่งเอาไว้แน่นอยู่ในมือ ประตูผลักออกเฉินอวิ๋นเจี๋ยยืนอยู่ตรงนั้น

“ผู้ใดจากไปเสียแล้ว?” น้ำเสียงของฮองเฮาสั่นเทาเล็กน้อย

ฝ่าบาททรงสวรรคตแล้ว

เฉินอวิ๋นเจี๋ยกล่าวเฉินอวิ๋นชูหันหน้าไปทางอื่นและจ้องมองคำสองสามคำในพระคัมภีร์อย่างตกอยู่ในภวังค์และจู่ๆก็ไม่กล่าวสิ่งใดเลย

“ไทเฮาเรียกท่านกลับไป”

เฉินอวิ๋นชูเคาะปลาไม้เคาะ: “ไทเฮาทรงตรัสสิ่งใดอีก?”

“ฝ่าบาททรงคิดถึงจนประชวรถึงได้ทรงสวรรคต! แต่มีคนในวังบอกว่ามีคนวางยาพิษและให้การรักษาไม่ทันการณ์จึงได้ทรงสวรรคตเสียแล้ว”

เฉินอวิ๋นชูลุกขึ้น “เจ้าไปเตรียมตัวข้าจะลงจากเขาเดี๋ยวนี้”

ขณะที่เฉินอวิ๋นชูมาถึงตรงหน้าพระราชวังทั้งพระราชวังได้กลายเป็นสีขาว พระนางทรงเดินไปยังห้องไว้ทุกข์แล้วคุกเข่าลงพร้อมทั้งก้มศีรษะทำความเคารพต่อองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินไปตรงหน้าหีบพระศพ จากนั้นสัมผัสหีบพระศพแล้วกล่าวว่า: ” ข้าอยากดูฝ่าบาท”

อ๋องตวนท่าทีลำบากใจแต่หากว่าเขาไม่ไปคนอื่นๆก็คงไม่กล้า

“พี่สะใภ้ ข้าเอง” อ๋องตวนเดินไปยังตรงหน้าโลงพระศพแล้วผลักหีบพระศพออก จากนั้นเฉินอวิ๋นชูก็เดินไปฝั่งหนึ่งแล้วมองเข้าไปด้านใน

พระพักตร์ขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้ยังคงเป็นเช่นดังเดิมและสวมเสื้อคลุมมังกรสีสันสดใส

เฉินอวิ๋นชูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง: “คืนนี้ข้าต้องการเฝ้าดวงวิญญาณฝ่าบาท”

อ๋องตวนมองดู: “ข้าอยู่เป็นเพื่อนพี่สะใภ้”

“ไม่ต้องหรอก ตอนนี้อ๋องตวนทรงเป็นฝ่าบาทแล้วไม่จำเป็นต้องอยู่เป็นเพื่อนข้า และคนนอกนั้นข้าก็ไม่อยากพบ” คนนอกที่เฉินอวิ๋นชูกล่าวก็คือจวินเซียวเซียวซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้นและจวินเซียวเซียวก็กำลังคิดว่าจะจากไปได้เช่นไร

“คืนนี้หม่อมฉันจะหลบเลี่ยงไป” จวินเซียวเซียวกล่าว

เฉินอวิ๋นชูเพิกเฉย นางไปเตรียมตัวก่อนครู่หนึ่งและรอจนค่ำค่อยมา

ยามค่ำคืนฉีเฟยอวิ๋นก็มาดูด้วยเช่นกัน เฉินอวิ๋นชูบิดหมุนลูกประคำสวดมนต์อยู่ตลอด

ฉีเฟยอวิ๋นก้าวไปด้านหน้าแล้วนั่งลง: “ท่านสบายดีหรือไม่?”

เฉินอวิ๋นชูมองไปยังฉีเฟยอวิ๋นแล้วพยักหน้า: “สบายดี”

“คนตายเหมือนไฟมอดดับ ท่านอย่าได้เศร้าเสียใจไป!”

เฉินอวิ๋นชูเงยหน้าขึ้นมองฉีเฟยอวิ๋น: “เจ้าเป็นคนเดียวที่คิดว่าข้าเศร้าเสียใจ”

ฉีเฟยอวิ๋นไม่รู้จะกล่าวสิ่งใด เฉินอวิ๋นชูอยู่กับองค์จักรพรรดิอวี้ตี้มานานหลายปี หากว่าไม่ได้ชอบพอก็คงจะสังหารองค์จักรพรรดิอวี้ตี้ไปนานแล้ว

แม้ว่าองค์จักรพรรดิอวี้ตี้จะถูกเฉินอวิ๋นชูทำร้ายหลายต่อหลายครั้งแต่เฉินอวิ๋นชูนั้นไม่ได้ทำร้ายพระองค์จนตาย

เห็นชัดว่าพระนางอาลัยอาวรณ์

เทียบไม่ได้กับผู้ที่ทำร้ายจนตายได้ก็ทำร้ายจนตายโดยไม่ได้รีรอเลย

“เจ้ากลับไปเถอะ ข้าอยากนั่งตามลำพังสักพัก”

เฉินอวิ๋นชูบิดหมุนลูกประคำแล้วหลับตาลง จากนั้นฉีเฟยอวิ๋นจึงได้ลุกขึ้นจากไป

คืนนี้เฉินอวิ๋นชูนั่งขัดสมาธิอยู่ตลอดพร้อมกุมสายประคำอยู่ในมือและเฝ้าดวงวิญญาณขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้เพียงลำพัง

ตอนเช้าหนานกงเย่และอ๋องตวนมาดูพระนางก็เห็นว่าพระนางหลับตาสงบนิ่ง อ๋องตวนยังทนไม่ได้ที่จะรบกวนพระนางแต่หนานกงเย่กลับกล่าวว่า: “ฮองเฮาทรงสวรรคตตามฝ่าบาทไปแล้ว”

คำพูดของเขาทำให้อ๋องตวนตะลึงจากนั้นก็รีบวิ่งไปดูเฉินอวิ๋นชู หลังจากทดสอบด้วยมือผลคือไม่หายใจแล้วจริงๆ

สายประคำในมือของเฉินอวิ๋นชูค่อยๆคลายออก ลมนั้นพัดมาแต่คนไม่ได้ล้มลงไป

อ๋องตวนคุกเข่าลงมองไปยังเฉินอวิ๋นชูโดยไม่กล่าวสิ่งใดสักคำ

จักรพรรดิแห่งเมืองต้าเหลียงสวรรคตฮองเฮาก็ตามไปในทันใดได้กลายเป็นเรื่องวิจารณ์กันในหมู่ราษฎรทั้งหลายของเมืองต้าเหลียง การไว้ทุกข์ซึ่งเดิมทีกำหนดไว้สามวันเปลี่ยนเป็นเก้าวัน

จวินเซียวเซียวอุ้มลูกนั่งอยู่ในเรือนโดยตกอยู่ในภวังค์

นางหวาดกลัวจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน สาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์จักรพรรดิอวี้ตี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่องค์จักรพรรดิอวี้ตี้ทรงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้โดยที่ก่อนสิ้นพระชนม์ก็ไม่พบหน้าสักครั้งและไม่ได้ฝากฝังต่อบุตรสาว เห็นชัดว่าพระองค์ทรงรู้ว่านางเป็นผู้ที่วางยาพิษ

อ๋องเย่ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปจะไม่สงสัยนางได้เช่นไร?

แต่จนถึงตอนนี้แล้วยังไม่ดำเนินการใดๆแล้วเหตุใดนางถึงจะไม่หวาดกลัวหล่ะ?

สาวใช้ยืนอยู่แล้วก็ล้มลงบนพื้น

จวินเซียวเซียวหันไปมองและชายชุดดำได้เข้าประตูมาแล้ว

“เหตุใดเจ้าถึงมา?” จวินเซียวเซียวซึ่งกำลังเป็นกังวลและไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร เมื่อเห็นผู้ที่มาก็เกือบจะร้องไห้ออกมา

มารับเจ้า ไปกันเถอะ!

อีกฝ่ายกล่าวจบก็อุ้มลูกสาวมาจากอ้อมแขนของจวินเซียวเซียว ผูกรัดแล้ววางไว้ในอ้อมอกแล้วจูงจวินเซียวเซียวจากไป

จวินเซียวเซียวไม่สนใจสิ่งอื่นรีบเดินตามหลังไปอย่างใกล้ชิด

ผลสุดท้ายเพิ่งออกจากประตูก็ถูกทหารองครักษ์ขวางเอาไว้!

หมายเหตุ

เฝ้าดวงวิญญาณ เป็นพิธีการอย่างหนึ่งในสมัยโบราณเป็นการอยู่เฝ้ารอดวงวิญญาณของผู้ที่ตายไปแล้วจะกลับมาดูภายในสามวันหลังจากเสียชีวิต