Ch.49 – ประสิทธิภาพสูง

Translator : Asiran / Author

**ตอนที่****49 –**ประสิทธิภาพสูง

 

“เริ่มเลย”

“มา”

โจวม่อยังวาดภาพในใจอยู่เลย แต่เหออวี้กับเกาเกอก็ตัดสินใจเริ่มเกมกันแล้ว หลังจากทั้งสองคนเข้าเกมไปพร้อมกันแล้วก็หันมามองโจวม่อเป็นตาเดียว

“ชวนแล้วนะ”

“เร็วเข้า”

น้ำเสียงของทั้งสองคนค่อนข้างเข้มงวด โจวม่อเข้าเกมไปอย่างหดหู่ “ไปไม่รอกันเลยนะ!”

ทั้งสองคนไม่ปริปาก รอจนโจวม่อเข้าห้องเตรียมทีมแล้วเกาเกอที่เป็นเจ้าของห้องก็เริ่มเกมทันที ในวินาทีที่มาถึงหน้าเลือกฮีโร่เหออวี้ก็กดเลือกเจงกิสข่าน ส่วนเกาเกอรอบนี้กลับเลือกเป็นไท้อี่เจินเหรินแทน ไม่เหมือนเหออวี้ที่ฝึกเจงกิสข่านเพียงตัวเดียว เมื่อวานที่เล่นซัพพอร์ตเกาเกอก็เริ่มจากการลองฮีโร่หลาย ๆ ตัวก่อน สำหรับผู้เล่นมือเก่าอย่างเธอ ในเกมนี้ไม่มีฮีโร่ตัวไหนที่เล่นไม่ได้โดยสิ้นเชิง พอเลือกแล้วก็จะเล่นเป็นอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ว่าระดับดีสู้ตัวเลนกลางที่เธอช่ำชองไม่ได้เท่านั้นเอง แต่สำหรับคลื่น7 ในปัจจุบันนี้ก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ ถ้าเธอไม่ยอมเปลี่ยนตำแหน่งก็จะมีผู้เล่นในการแข่งขันขาดไปคนหนึ่ง

โจวม่อคาดการณ์ว่าบรรยากาศในเกมนี้จะต้องแตกต่างออกไปแน่ ๆ และมันก็กลายเป็นจริง เหออวี้กับเกาเกอไม่ได้พูดคุยกันน้อยลงไป แต่ว่าการพูดคุยของพวกเขามันไม่ได้สบาย ๆ และเป็นธรรมชาติเหมือนปกติเลย พูดง่าย ๆ ก็คือพูดกันแต่เรื่องงาน ไม่มีเรื่องอื่นสักนิด

“บัฟฟ้าอีกสิบวินาที”

“ตัวป่ายังอยู่เลนบน”

“ไปกันเลนกลางศัตรู”

นี่ก็คือการพูดคุยของทั้งสองคนตอนที่ไปเวดป่าด้านบัฟฟ้าด้วยกัน

“สามคนอยู่บน ตีมังกรได้เลย ไปกันที่ตำแหน่งฮัวมู่หลาน”

“ไม่ต้องกัน นางการเงินแค่นี้มาก็ฆ่าซะเลย”

นี่ก็คือการพูดคุยของทั้งสองคนตอนที่จะไปฆ่า Abyssal Dragon จากเลนล่าง

“ฉันไปโรมนะ”

“เลนกลางกับตัวป่าลงไปแล้ว”

“ในพุ่มป่าแดงมีคน”

เสียงที่เย็นชามึนตึงระหว่างคนทั้งสองดังออกมาเรื่อย ๆ ทั้งสองคนมีสมาธิสุด ๆ เล่นได้ดีมาก กลับเป็นโจวม่อที่พอมาถึงเวลาทีมไฟต์ก็กระสับกระส่ายจากน้ำเสียงแบบนั้นจนทำให้เล่นพลาดบ่อย ๆ ครั้งสุดท้ายร้ายแรงถึงขนาดทำให้อีกฝ่ายได้ Aced ไป ศัตรูถือโอกาสนั้นไปตีฐานม้วนเดียวจบจนได้รับชัยชนะ

โจวม่อแอบเหลือบตาขึ้นมอง พบว่าอีกสองคนรู้สึกไม่พอใจเขาสุด ๆ รีบก้มศีรษะลงทันที

“ฉันผิดเอง” โจวม่อกระซิบ

“มาเถอะ” เกาเกอพูด

“เปิดเลย” เหออวี้บอก

โจวม่อตามเข้าเกมไป สูดลมหายใจลึก ๆ พลางเตือนตัวเองไม่ให้ไปสนใจเรื่องอารมณ์ของสองคนนี้ตอนที่พูดคุยกัน ให้ตั้งสมาธิไปที่เกม

ดังนั้นในหลาย ๆ เกมต่อมาจึงผ่านไปได้เป็นอย่างดี ทั้งสามคนลงเกมโหมดแบทเทิลได้รับชัยชนะต่อเนื่องมาห้าเกมติด

“อืม วันนี้ไม่เลวเลย” เมื่อเห็นว่าเกือบจะหมดเวลาแล้วเกาเกอก็วางโทรศัพท์มือถือแล้วพูดขึ้นมา

“นอกจากเกมแรก” เหออวี้พูด

“ปัญหาของโจวม่อ ไม่มีสมาธิ” เกาเกอพูด

“ใช่ ๆๆ ฉันผิดเอง” โจวม่อรีบสารภาพบาป

“เกมอื่น ๆ ที่เหลือก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ทำพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ เลยอะนะ” เกาเกอพูด

“ก็ไม่ขนาดนั้นปะ…” โจวม่อพูด

“เกมที่สองที่นายไปสำรวจพุ่มนั่นค่อนข้างไม่ระวังตัวเลยนะ” เกาเกอหันไปพูดกับเหออวี้

“เกมที่สามตอนที่พี่อยู่เลนกลางก็เปิดท่าอัลติเร็วไปนะครับ” เหออวี้บอกกับเกาเกอ

“เกมสี่ในป้อมในเลนบนตอนที่ครีปมีเลือดเหลือเยอะ ๆ นายก็น่าจะตีป้อมไปเลย แตกอยู่แล้ว” เกาเกอพูด

“เกมห้าสถานการณ์ไม่ค่อยกดดันเท่าไหร่ พี่น่าจะไปช่วยป่าตั้งแต่แรกแล้ว” เหออวี้พูด

“เกมหกตอนครีปชุดนั้นนายไม่ต้องห่วงเรื่องป้อมแล้ว ใช้สกิลหนึ่งสองไปก่อนชุดหนึ่งก็ขึ้นเวลสี่ได้ แล้วถ้าเปิดท่าใหญ่ทันทีก็ฆ่าได้สองคิลเลย” เกาเกอพูด

“ชุดไหนกันครับ” เหออวี้ขมวดคิ้ว

“ฉันพูดถึงโจวม่อ” สายตาของเกาเกอหันไปมองโจวม่อ

“เอ๊ะ” โจวม่อยังไม่ได้เตรียมพร้อมรับมือ กำลังมองทั้งสองคนชี้นิ้วด่ากันเองอยู่ ไม่คิดเลยว่าอยู่ดี ๆ ปัญหาดันมาตกใส่หัวเขาซะแล้ว

“เกมห้าตอนนั้นรุ่นพี่โจวน่าจะไปเวดป่าแดงศัตรูมากกว่า ตัวป่ากับซัพพอร์ตศัตรูล้วนไปเลนล่าง เล่นจังหวะไม่ดีเลย” เหออวี้หันมาพูดต่อเรื่องจังหวะการเล่นทันที

“เกมสี่ก็ลืมไปดูมังกร พลาดมาก”

“เกมสามไปช่วยตัวป่ากันบัฟฟ้าก็ไม่ค่อยดี ไปดูดประสบการณ์เขา”

“เกมสองส่งข่าวมาแล้วพิมพ์ผิดไปสองคำ”

“นั่นก็นับด้วยเหรอ” โจวม่อฟังแล้วก็ช็อคมาก ทั้งสองคนพูดถึงปัญหาของเขาจากหลังมาหน้า เพียงแต่ไอ้เกมสองนั่นก็เกินไปแล้ว จุกจิกเกินไป เว่อร์เกินไป ไม่มีเรื่องก็หาเรื่องเกินไปไหม

“เพื่อนร่วมทีมที่สุ่มมาอีกสองคนเห็นที่พี่พิมพ์ผิดไปสองคำนั้นก็เลยไม่ได้มาช่วย พอมาถึงก็พลาดโอกาสไปแล้ว” เหออวี้กลับหันมาสนับสนุนคำตำหนิของเกาเกอข้อนี้

“พวกนายมาเห็นได้ไงเนี่ย” โจวม่อร้องไห้

“ตอนที่นายส่งข้อความออกไปเขายืนนิ่งอยู่แปบหนึ่ง” เกาเกอพูด

“ใช่” เหออวี้พูด

“โอเค ฉันผิดเอง” โจวม่อไม่อยากเถียง อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

“ยังมีปัญหาอะไรอีกไหม ขอเชิญรีบ ๆ พูด รีบ ๆ จบเถอะ” โจวม่อพูด

เหออวี้มองเกาเกอ เกาเกอก็มองเหออวี้ ไม่ว่าใครก็ไม่หลบตา มองตากันอย่างนี้อยู่ประมาณห้าวินาทีได้

“ผมไม่มีแล้ว” เหออวี้พูด

“ฉันก็ไม่มีแล้ว” เกาเกอพูด

“งั้น…ไปกินข้าวกันไหม” โจวม่อลองถามดู เขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของทั้งสองคนเป็นอย่างไร ยังจะไปกินข้าวร่วมโต๊ะกันได้อยู่อีกไหม

“รีบไปเถอะ วันนี้ผมหิวมากเลย” เหออวี้กล่าว แล้วตัวเองก็เดินออกจากห้องไปก่อนคนอื่น

เกาเกอไม่พูดอะไร เก็บกวาดของบนโต๊ะเล็กน้อยแล้วก็คว้าโทรศัพท์มือถือเดินตามไป โจวม่อตามจังหวะอันรวดเร็วของสองคนนี้ไม่ค่อยจะทันจึงรีบเรียกเธอเอาไว้

เกาเกอหันกลับไปมองเขา

“อย่างนี้…ไม่มีปัญหาเหรอ” โจวม่อชี้นิ้วไปที่ประตูแล้วกระซิบกระซาบ

“ไม่หรอก นายไม่เห็นเหรอว่าบ่ายวันนี้เล่นได้มีประสิทธิภาพสูงมากเลย เห็นได้ชัดว่ามีสมาธิมากกว่าปกติ ยกเว้นนาย” เกาเกอพูด

“บรรยากาศมันน่าอึดอัดไปแล้ว” โจวม่อพูด

“ฉันรู้สึกว่าเวลาเล่นเกมกับพวกสมองกลวงพวกนั้นมันน่าอึดอัดมาก” เกาเกอพูด

“โอเค…” โจวม่อไม่มีอะไรจะพูด ตอนที่ทั้งสองคนยังเป็นนักศึกษาใหม่อยู่ คนแบบนั้นมีเยอะจนนับไม่ถ้วน ส่วนมากแล้วตอนที่ตั้งกลุ่มห้าคน สมาชิกอีกสามคนนอกจากเขาต่างก็มีจุดประสงค์แบบนั้นกันทั้งสิ้น แต่ละคนเล่นอย่างหิวมาก ล่าคิลกันอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ทำอย่างกับว่าถ้าได้สี่คิลห้าคิลแล้วเกาเกอสัญญาว่าจะคบกับพวกเขางั้นแหละ

ในกลุ่มคนพวกนี้ไม่มีสักกี่คนที่ฝีมือดีกว่าเกาเกอ สุดท้ายพวกเขาต่างก็ถูกเกาเกอที่ข้อมูลเกมไม่ได้สวยงามอย่างพวกเขาโน้มน้าวใจสำเร็จ บางคนอับอายในความต่ำต้อยของตัวเองจนถอนตัวออกไป แต่ก็มีบางคนหน้าด้านหน้าทนอยากจะให้เกาเกอมาเป็นอาจารย์ ในช่วงเวลานั้นโจวม่อได้รับลูกศิษย์มาหลายคน — เขาไหนเลยจะทราบว่าคนพวกนี้ความคิดลึกซึ้งคดเคี้ยว เมื่อพบว่าโจวม่อเป็นเพื่อนกับเกาเกอมาหลายปีก็พยายามจะเข้าหาจากทางเขาแทน

โชคดีที่เกาเกอสายตากระจ่างชัด ไม่งั้นโจวม่อคงคิดว่าตัวเองนั้นยอดเยี่ยมและเป็นที่นิยมจริง ๆ ไปแล้ว

เกาเกออยากได้อะไร ไม่มีใครทราบชัดไปกว่าโจวม่ออีกแล้ว

เธอไม่เคยใส่ใจระดับสูงต่ำของเพื่อนร่วมทีม เธอเพียงต้องการคนที่เป็นแบบเธอ ตั้งใจจริงกับเกม สหายตัวเล็ก ๆ ที่ขยันขันแข็ง

เหออวี้เป็นคนแบบนั้น โจวม่อยืนยันได้เลย ดังนั้นสำหรับเกาเกอนี่ก็เพียงพอแล้ว

“ไปกินข้าวเถอะ” โจวม่อกล่าว

……………………………………………………..

 

ได้ Aced คือฝ่ายตรงข้ามตายหมด