Ch.48 – หาจุดร่วมรักษาความต่าง
Translator : Asiran / Author
**ตอนที่****48 –**หาจุดร่วมรักษาความต่าง
เหออวี้ให้ความสนใจ KPL มาห้าปีเต็ม กับทีมเทียนเจ๋อก็ได้ทุ่มเทความคิดจิตใจเข้าไปเต็มที่ กับผู้เล่นของเทียนเจ๋อทุก ๆ คนก็รู้จักเป็นอย่างดี โจวจิ้นเล่นอยู่ในสนามอาชีพไป ๆ มา ๆ ก็มีฮีโร่เมจอยู่หกตัวนี้ ไม่เคยเลือกใช้ตัวที่นอกเหนือจากนี้เลย เรื่องนี้เขาก็ทราบอย่างแน่ชัด
มาตอนนี้เมื่อได้เห็นข้อมูลในแอคเคาท์ส่วนตัวของโจวจิ้นแล้วในที่สุดเขาก็เข้าใจว่า hero pool สายเมจหกตัวนั้นมันมีกฎเกณฑ์อยู่ เป็นผลลัพธ์จากการฝึกซ้อมอย่างตั้งใจของเขา จากการที่ฮีโร่เมจตัวอื่นก็มีจำนวนเกมพอ ๆ กันเขาคงจะเคยเล่นเมจทุกตัวมาก่อน แล้วสุดท้ายก็เลือกมาหกตัวเพื่อใช้ศึกษาและฝึกฝนในเชิงลึก
และความลึกซึ้งของ hero pool นี้ก็ยังมีข้อปลีกย่อยอันละเอียดอ่อนอยู่
ในขั้นตอน BP ที่สุดแสนสำคัญของการแข่งขันระดับอาชีพซึ่งเป็นการทดสอบความรู้ด้าน hero pool ของผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายเลือกแบนฮีโร่ได้สี่ตัว แล้วก็ยังมีการเลือกฮีโร่กันท่าอีกฝ่ายก่อนด้วย ตามทฤษฎีแล้ว ถ้าศัตรูของเทียนเจ๋อเกลียดชังโจวจิ้นสุดๆ ก่อนหน้านั้นก็แบนเมจของโจวจิ้นไปก่อนเลยทั้งหมดสี่ตัว จากนั้นได้เลือกเป็นคนแรกก็เลือกฮีโร่เมจมาอีกตัว โจวจิ้นก็ยังมีเมจอีกตัวที่เขาเล่นเก่งให้ได้เลือก
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการจำกัดตัวเลือกของเขา แต่ก็ปรากฏว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงถึงขั้นนั้น แล้วก็คงไม่น่าจะเกิดขึ้นด้วย เพราะว่าในเกมนี้ไม่ได้มีแค่คนคนเดียว ทีมเทียนเจ๋อไม่ได้มีแค่โจวจิ้นคนเดียว ครั้งหนึ่งหลี่ไป๋ของเหอเหลียง, มาร์โคโปโลของจางสือฉือพวกนี้ล้วนเป็นตัวที่ศัตรูของทีมเทียนเจ๋อต้องใคร่ครวญถึงในการ BP ทั้งสิ้น ส่วนการจำกัดโจวจิ้น ทุกคนก็มักจะแค่แบนจูเก่อเลี่ยงเป็นอันจบกัน ดังนั้น hero pool เลนกลางสายเมจหกตัวนี้จึงถือได้ว่ามากมายจนเกินพอแล้ว
จากนั้นโจวจิ้นก็พุ่งความสนใจทั้งหมดของตัวเองไปที่เมจหกตัวนี้ แม้แต่เวลาพักผ่อนก็ยังไม่ได้ผ่อนคลายและเปลี่ยนแปลงไป นี่เป็นสิ่งที่เหออวี้ผู้สนใจ KPL และสนใจทีมเทียนเจ๋อมาถึงห้าปีก็ยังไม่เคยทราบมาก่อน สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าก็คือการเล่นการแสดงออกในสนามแข่ง ความประทับที่เขามีต่อโจวจิ้นมากที่สุดก็มาจากความมั่นคง — ไม่ว่าจะเกมนำหรือเกมตามโจวจิ้นต่างก็เป็นคนที่มั่นคงที่สุดของทีมเทียนเจ๋อบนสนามแข่ง
มาตอนนี้ดูเหมือนว่าความมั่นคงนั้นจะมีพื้นฐานมาจากสมาธิที่มุ่งมั่นของเขา ก็อย่างที่เกาเกอเพิ่งพูดไปนั่นแหละ : ความสำเร็จไม่ได้ไม่มีเหตุผล
ความสำเร็จไม่ได้ไม่มีเหตุผล ถ้างั้นความล้มเหลว…
เหออวี้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงพี่ชายขึ้นมา ในสายตาของทุก ๆ คน อาชีพของพี่ชายเริ่มจากสูงลงต่ำ สามารถสรุปได้เพียงว่าล้มเหลว
สาเหตุของความล้มเหลวของเขามาจากทีม มาจากเพื่อนร่วมทีม
เหออวี้คิดเช่นนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนั้นที่ได้ยินโจวจิ้นกับโหยวย่าจงมาเยี่ยมชมรม The Kings แล้วพูดถึงเรื่องตัวป่าขึ้นมา ก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาช่างหน้าด้านขึ้นทุกที
แต่มาตอนนี้ จากแอคเคาท์โจวกงเจี่ยเมิ่งอันนี้ทำให้เขาได้เห็นข้อมูลอย่างชัดเจน เห็นโจวจิ้นผู้มุ่งมั่นมากและไม่ยินยอมผ่อนคลายแม้อยู่ในช่วงเวลาพักผ่อนส่วนตัว
นี่ย่อมสมควรแก่การนับถือ ดังนั้นเขาจึงได้ยิ่งรู้สึกวุ่นวายใจ ทำไมคนที่น่านับถือคนนี้ถึงได้ต้องมีความเห็นต่อเหอเหลียงแบบนั้นด้วยนะ
ในมือถือแอคเคาท์ของพี่ชาย ข้างในสามารถมองเห็นข้อมูลจากแอคเคาท์ส่วนตัวของพวกนักเล่นเกมอาชีพมากมายอย่างเช่นหยางเมิ่งฉี, หลี่เหวินซาน, โจวจิ้น ฯลฯ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้จากบนสนามแข่ง แต่ว่าถ้าจะดูของเหอเหลียงมันยังจะไม่ง่ายกว่าหรอกเหรอ คนอื่นเขาซ่อนประวัติการเล่นกันหมด แต่จะดูเหลียงเฟิงโหย่วซิ่งของเหอเหลียงแค่มองแวบเดียวก็เห็นได้แล้ว แล้วก็ไม่ต้องไปเลื่อนหาเอาจากรายชื่อด้วย แค่จิ้มนิ้วไปที่อวาตาร์ตรงหัวมุมซ้ายบนก็พอแล้ว…
“นายทำอะไรอยู่”
เหออวี้นิ่งไปพักใหญ่แล้วทำให้เกาเกอที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นมา
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ” เหออวี้ฟื้นคืนสติ
“หรือว่ามันเกินคาดไป หรือว่าในใจของนายคาดหวังว่าโจวจิ้นจะไม่ได้เรื่อง ห่วยแตก ข้อมูลก็เละเทะ” เกาเกอถาม
“รุ่นพี่ก็ชอบมาวิเคราะห์จิตใจของคนอื่นจังเลยนะครับ!” เหออวี้เซ็งจิต
“ก็เหมือนกับตอนที่ฉันอยู่ในเกมนั่นแหละ” เกาเกอพูด
“นั่นก็จริง” เหออวี้คิด ๆ ดูแล้วก็ปฏิเสธไม่ได้ สามท่าในพุ่มของเกาเกอต้องใช้การวิเคราะห์ความคิดของศัตรูจริง ๆ นั่นแหละ
“แล้วไงต่อ” เกาเกอยังถามอีก
“ก็เกินคาดอยู่บ้าง พี่พูดถึงเรื่องโจวจิ้นใช่ปะ…ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีอะไรให้ผมวุ่นวายใจหรอก สามารถเล่นมาจนเป็นถึงนักเล่นเกมอาชีพแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะห่วยจนเกินไปอยู่แล้ว จุดนี้ผมเชื่อสนิทใจ” เหออวี้พูด
“ดังนั้นแล้วเรื่องที่ยังสับสนก็คือความถูกผิดระหว่างพี่นายกับเขาใช่ไหม” เกาเกอพูด
“ใช่…” เหออวี้ค่อนข้างเศร้าซึม เขาสามารถจะมองเห็นข้อมูลของเหลียงเฟิงโหย่วซิ่งได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้กลับลังเลขึ้นมา ทำไมล่ะ หรือเป็นเพราะว่าหลังจากที่ได้เห็นความพยายามอย่างลับ ๆ ของโจวจิ้นแบบนี้แล้วทำให้เกิดไม่มั่นใจในตัวพี่ชายขึ้นมา ไม่ใช่… ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจในตัวเหอเหลียง แต่เป็นไม่มั่นใจในความคิดและการวิเคราะห์ที่เชื่อถือมานานของตนเองมากกว่า
“ที่จริงแล้วในสนามอาชีพก็ไม่ได้มีเรื่องถูกผิดหรอก มีแต่ผลลัพธ์เท่านั้น” เกาเกอพูด
“พี่ผมหลายปีนั้น แพ้หมดเลย…” เหออวี้พูด
“ใช่” เกาเกอพูด
ภายในห้องเงียบกริบลงอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทั้งเหออวี้และเกาเกอกำลังคิดอะไรอยู่ โจวม่อเห็นบรรยากาศเป็นอย่างนี้ก็ทำอะไรไม่ถูก การช่วยเปลี่ยนแปลงบรรยากาศพวกนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาชำนาญเลยจริง ๆ ในเวลาแบบนี้สิ่งที่เขาชำนาญที่สุดก็คือทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลง เขาได้รับประสบการณ์และบทเรียนมามากเกินพอแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจึงได้แต่มองดูคนทั้งสองอย่างกระวนกระวาย ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะพูดอะไรขึ้นมาหรือไม่
เขาเข้าใจเกาเกออย่างทะลุปรุโปร่ง การชื่นชมโจวจิ้นเป็นเพียงด้านหนึ่งของเกาเกอ เนื่องจากชื่นชมโจวจิ้นทำให้เกาเกอกังวลสนใจเทียนเจ๋อด้วย เรื่องของเหอเหลียงแต่ก่อนเกาเกอเองก็เคยพูดถึงอยู่บ้าง ตอนนี้ที่ทั้งสองฝ่ายคุยกันยังไม่ได้พูดไปถึงเรื่องนั้น ถ้าพูดกันขึ้นมาเขาก็มั่นใจว่าเกาเกอจะไม่ยอมปิดบังความคิดที่แท้จริงของตัวเองอย่างแน่นอน ตอนนี้เขามองดูทั้งสองคนด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถือระเบิดเวลาอยู่ และตอนนี้ก็ได้นับเวลาถอยหลังมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว — ดูเหมือนว่าเหออวี้จะสังเกตพบอะไรบางอย่างที่แอบแฝงในคำพูดของเกาเกอแล้ว
“รุ่นพี่เชื่อว่าพี่ผมมีปัญหาจริง ๆ ใช่ไหมครับ” เหออวี้กล่าวอย่างกะทันหัน
“อ้าก!” โจวม่อที่ได้ยินแบบนี้รู้สึกเหมือนเห็นลูกระเบิดระเบิดตูมขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงกรีดร้องออกมาคำหนึ่งทำให้อีกสองคนหันไปมองอย่างมึนงงขึ้นมาทันที
“นายทำไร” เกาเกอที่เก่งด้านการวิเคราะห์จิตใจของผู้อื่นตอนนี้ก็ยังเดาไม่ออกว่าตอนนี้โจวม่อกำลังมโนบ้าบออะไรอยู่
“แค่กแค่ก ไม่มีไร อยู่ดี ๆ ก็ปวดไหล่ขึ้นมา สงสัยเพราะช่วงนี้เล่นเกมมากไปหน่อย…เหออวี้ นายอยากจะช่วยส่งพี่ไปที่ห้องพยาบาลไหม” โจวม่อเริ่มเล่นละคร โกหกโง่ ๆ เพื่อล่อเสือออกจากถ้ำ ทำให้เกาเกอมองเขาเหมือนคนปัญญาอ่อน ส่วนเหออวี้ที่อยู่ด้านข้างก็อดยิ้มไม่ได้
“ดูเหมือนจะจริงสินะ” เขาหันศีรษะมาพูดกับเกาเกอ
“จะมีผลกระทบอะไรกับนายรึเปล่า” คำตอบของเกาเกอก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“มี” คำตอบของเหออวี้ชัดเจนมาก
“แล้วจะเอายังไง หาจุดร่วมรักษาความต่างไหม” เกาเกอพูด
“โอเคครับ” เหออวี้พูด
คำพูดที่ตรงไปตรงมาของทั้งสองคนโจวม่อดูแล้วก็มโนไปไกลลิบ ภาพในหัวสมองของเขาก็คือ ระเบิดลูกใหญ่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาสองคนระเบิดตูม ทั้งสองคนโดนระเบิดจนเลือดเนื้อเลอะเลือนแต่ก็ยังยืนยันอยู่กับที่อย่างดื้อดึง สายตาของพวกเขาไม่เลี่ยงหลบและจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง
“หาจุดร่วมรักษาความต่าง” คนหนึ่งปาดคราบโลหิตออกจากใบหน้า
“โอเคครับ” อีกคนใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนอีกข้างของตนที่ขาดวิ่น
…………………………………………………………..
คำถามคือ ให้ทายว่าพี่โจวเรียนคณะอะไรกันแน่ (อีกนานกว่าจะเฉลย)