ตอนที่ 72 ได้มาไว้ในมือ Ink Stone_Fantasy
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบแล้วรับกระดิ่งจิตมารมา เขาส่งสติรับรู้แทรกผ่านเข้าไปในทันใด
“กริ๊งๆ~~~”
เสียงกระดิ่งอันเสนาะหูดังขึ้นภายในห้วงสมองในทันใด ตงป๋อเสวี่ยอิงก็รู้สึกวิญญาณสั่นสะท้านคราหนึ่ง วิญญาณรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอม แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ด้านเขตลวงโลกเทียมที่บำเพ็ญไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดก็ตาม
ทั้งยังจิตใจผ่อนคลายลงเป็นอย่างมากโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นสติรับรู้ก็รับสัมผัสได้ถึงส่วนที่ลึกยิ่งขึ้นของกระดิ่ง…
ภายในกระดิ่งก็คือโลกอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ที่พื้นผิวของโลกมีหมอกขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งพรวดขึ้น ภาพเหตุการณ์จำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นและสลายไปท่ามกลางหมอกขาว ทำให้คนอยากจะเข้าไปตรวจดูอย่างมิอาจต้านทานอารมณ์ได้ ตงป๋อเสวี่ยอิงยังได้เห็น ‘อวี๋จิ้งชิว’ ผู้เป็นภรรยาของตน ได้เห็นบุตรชายบุตรสาว และได้เห็นท่านอาจารย์กู่ฉีที่สิ้นชีพไปแล้วท่ามกลางภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสลายไปเหล่านั้นด้วย…
พร้อมกันกับที่ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกหมอกขาวจำนวนหนึ่งในนั้นดึงดูด โลกอันกว้างใหญ่ที่ส่วนลึกของกระดิ่งจิตมารก็วิวัฒน์ไปด้วยเช่นกัน วิวัฒน์เอาอวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยา ฉือชิวไป๋ ท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต และกู่ฉี เป็นต้น ออกมา
“ร้ายกาจยิ่งนัก” ถึงแม้ว่าในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงปรารถนาจะลงลึกต่อไปอีก แต่ถึงอย่างไรระดับขั้นของเขาก็ไม่ธรรมดา กระดิ่งจิตมารนี้ไม่มีเจ้านายควบคุม ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังสามารถควบคุมตนเองเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ก็เป็นเส้นทางวิถีสองสายเช่นเดียวกัน”
“สายหนึ่งคือ ‘หลงใหล’ ส่วนอีกสายหนึ่งคือ ‘โลกา’”
ตงป๋อเสวี่ยอิงปิติยินดีในใจ
เขตลวงโลกเทียมแบ่งออกเป็นวิถีหลายสาย ตนเองได้เห็นสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้นตามลำดับ มีครึ่งหนึ่งที่มี ‘วิถีโลกา’ นี้ทั้งสิ้น เพราะว่าเขตลวงหนึ่งๆ จะร้ายกาจพอได้ ในที่สุดแล้วก็ต้องรังสรรค์โลกที่เหมือนกับความเป็นจริงใบหนึ่งออกมาให้ได้! หากไม่ ‘เป็นความจริง’ มากพอ ก็ไม่มีทางทำให้ผู้แกร่งกล้าระดับสุดยอดติดกับได้เลย
แม้กระทั่งวิถีอื่นๆ อย่างเช่น ‘หลงใหล’ ‘กิเลส’ ‘เข่นฆ่า’ และ ‘มายา’ เป็นต้น ต่างก็เป็นตัวแทนของทิศทางที่แตกต่างกันของเขตลวงโลกเทียม
มี ‘โลกา’ ควบคู่ไปกับที่มีวิถีอื่นด้วย มีอยู่ทั้งสิ้นสองอัน อันหนึ่งคือกระดิ่งจิตมาร ส่วงอีกอันหนึ่งก็คือดวงจิตเปี่ยมกิเลส
“กระดิ่งจิตมารและดวงจิตเปี่ยมกิเลสต่างก็เหมาะสมกับข้าเป็นอย่างยิ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงทำการตัดสินใจ
ในบรรดาสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้น กระดิ่งจิตมารและดวงจิตเปี่ยมกิเลสต่างก็จัดอยู่ในลำดับแรก
“ใต้เท้าเสวี่ยอิง เป็นอย่างไรบ้างขอรับ” ผู้ดูแลผู้นั้นเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงวางกระดิ่งจิตมารลงแล้วก็เอ่ยปากถามด้วยรอยยิ้ม
“สมบัติลับล้ำค่าไม่เลวเลย แล้วราคาเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“หนึ่งหมื่นหกพันล้านแก้วผลึกจักรวาล!” ผู้ดูแลพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงตัดสินใจแน่วแน่
ดูเหมือนว่าเพียงชั่วครู่เดียวเขาก็ตัดสินใจแล้วว่าสมบัติล้ำค่าที่ตนเลือกคงจะเป็นกระดิ่งจิตมาร!
เพราะว่าดวงจิตเปี่ยมกิเลสชิ้นนั้นผ่านการต่อรองราคามาหลายครั้งจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงต้องการหนึ่งหมื่นห้าพันล้านแก้วผลึกจักรวาลอยู่ดี ราคาสูงเกินไปแล้วจริงๆ
“แพงเกินไปแล้วกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะ “ถึงแม้ว่าจะมีวิถีสองสาย แต่ก็ยังมีหลายชิ้นที่สามารถสำแดงวิถีสองสายพร้อมกันได้อีกนี่”
“ถึงอย่างไรก็ต้องมี” ผู้ดูแลเอ่ยพลางยิ้มตาหยี
“ถ้าหากเป็นราคานี้ เช่นนั้นก็ให้เจ้าของสมบัติลับล้ำค่าผู้นั้นรอสักหน่อย รอลูกค้าที่เหมาะสมก็แล้วกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายลุกขึ้น
ผู้ดูแลได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็พูดยิ้มๆ “ใต้เท้าเสวี่ยอิงไม่จำเป็นต้องกระวนกระวายเลย ราคาต่ำสุดของข้าทางนี้ก็คือหนึ่งหมื่นห้าพันล้านแก้วผลึกจักรวาล หากใต้เท้าเสวี่ยอิงยังต้องการต่อรองราคา ก็ต้องขึ้นกับเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าผู้นั้นแล้วล่ะ”
“ราคาก็ยังแพงไปหน่อย แล้วข้าก็ยังจะไปลองดูสมบัติลับล้ำค่าที่อื่นๆ ด้วย ถึงอย่างไรก็มีอยู่ทั้งหมดถึงแปดชิ้นเลยทีเดียวนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “ถึงแม้ว่าจะต้องการสมบัติล้ำค่า ราคาก็สำคัญมากเช่นกัน”
“วางใจเถิด วางใจเถิด ข้าจะต้องช่วยเหลือใต้เท้าเสวี่ยอิงอย่างแน่นอน กดราคาให้ต่ำที่สุดให้ได้” ผู้ดูแลได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็เอ่ยขึ้น
สามารถขายทิ้งไปได้ชิ้นหนึ่ง สำหรับเขาแล้วก็เป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว
ถึงอย่างไรหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาล ต่อให้เป็นร้านค้าเช่นนี้ของนครหลวงรัฐถูฮวา ก็ยังต้องเป็นระยะเวลายาวนานจึงจะสามารถขายได้มากมายเช่นนี้ เพราะว่าราคาสูงลิบเช่นนี้ เกรงว่าทั่วทั้งรัฐถูฮวาคงจะมีเพียงแค่ ‘ประมุขรัฐถูฮวา’ เท่านั้นที่จะจ่ายราคาสูงเช่นนี้ได้ไหว
นอกจากนี้ผู้ดูแลก็มิได้เข้าใจถึงระดับความชมชอบที่ตงป๋อเสวี่ยอิงมีต่อสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้
……
ดูสมบัติลับล้ำค่าแปดชิ้นจนหมดแล้ว จากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็เตร็ดเตร่อยู่ที่ดินแดนจิตโลกาต่อไป เดินไปทั่วทุกสารทิศ กินอาหารเลิศรส ดื่มสุราชั้นเลิศมากมาย อีกทั้งยังต่อรองราคากับเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าเหล่านั้นคนแล้วคนเล่าอีกด้วย
“ข้าก็ต้องใจสมบัติลับล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งพอๆ กัน แต่ข้าว่าจะไปซื้อของอีกที่หนึ่งดีกว่า”
“สามวัน! อีกสามวันข้าจะตัดสินใจซื้ออีกชิ้นหนึ่ง”
“ช่วยไม่ได้ ดูท่าทางข้ากับสมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้จะไม่มีวาสนาต่อกันเสียแล้วล่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองผู้ดูแลทั้งแปดร้านทะลุปรุโปร่ง ว่าถ่ายทอดวาจาของเจ้าของสมบัติลับล้ำค่าที่อยู่เบื้องหลังมา
จึงได้เสริมแรงกดดันให้กับพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
สามเดือนหลังจากที่เขาดูสมบัติลับล้ำค่าจนครบ ตงป๋อเสวี่ยอิงจึงตัดสินใจได้ในที่สุด ถึงขนาดที่กลับไปยังรัฐเมฆทักษิณารอบหนึ่ง แล้วแลกเปลี่ยนหนึ่งหมื่นแต้มความดีความชอบกับพันล้านแก้วผลึกจักรวาล
“พรึ่บ”
ณ นครหลวงรัฐถูฮวา
หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวคนหนึ่งเดินเตร่อยู่ภายในนครหลวงรัฐถูฮวาแห่งนี้ด้วยจิตใจผ่อนคลาย
“ข้ากับรัฐถูฮวาแห่งนี้ยังมีวาสนาต่อกันจริงๆ จึงได้มาที่รัฐถูฮวาอีกครั้ง ตอนนั้นตัดสินใจเอาไว้ว่าจะดูกระดิ่งจิตมารเป็นชิ้นที่สาม แต่เป็นเพราะลงมือเปิดเผยตัวตน ถึงกับผัดผ่อนมาดูมันเป็นชิ้นสุดท้าย ตอนนี้ในท้ายที่สุดก็ยังตัดสินใจเลือกมันอยู่ดี” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม เงาร่างพลันแปรเปลี่ยนเป็นเงามายาแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็มาถึงยังด้านในร้านค้าสกุลฝานแห่งนครหลวงรัฐถูฮวา
“หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาล อยู่ที่นี่ทั้งหมดแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ที่นั่นพลางมองดูผู้ดูแลที่อยู่ตรงหน้า
“เรียบร้อยแล้ว เรียบร้อยแล้ว” ผู้ดูแลยิ้มตาหยีด้วยความกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง พลางส่งกระดิ่งจิตมารให้กับตงป๋อเสวี่ยอิง “ตอนนี้สมบัติลับล้ำค่าชิ้นนี้ก็เป็นของใต้เท้าเสวี่ยอิงแล้วนะขอรับ”
“อืม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงระงับความตื่นเต้นเอาไว้แล้วรับเอาสมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมชิ้นนี้มา
เพื่อหนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านนี้…
ก็นับได้ว่าเขาแล่เนื้อเถือหนังเลยทีเดียว
ลัทธิกระบี่สวรรค์ไถ่ตัอ๋องอสนีบาตโม่เฉากับสมบัติลับล้ำค่าสองชิ้นของเขาด้วยราคาแปดพันล้านแก้วผลึกจักรวาล ตนเองแลกเปลี่ยนสี่หมื่นแต้มความดีความชอบได้มาสี่พันล้านแก้วผลึกจักรวาล ส่วนสมบัติล้ำค่าที่อ๋องอสนีบาตโม่เฉาสะสมเอาไว้ก็มีอยู่มากมาย…มูลค่าอยู่ที่ราวๆ พันล้าน ส่วนขั้นอลวนหลายคนที่อ๋องชางซูและเมืองอัคคีโชติในตอนนั้นสังหารก็ได้ทิ้งสมบัติล้ำค่าต่างๆ จำนวนหนึ่งเอาไว้ให้ตงป๋อเสวี่ยอิง ทั้งหมดรวมกันขึ้นมาก็ใกล้ๆ พันล้านแล้ว
คราวนี้รวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็รวมได้หนึ่งหมื่นสามพันหกร้อยล้านแล้ว แม้กระทั่งแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศเหล่านั้นก็ยังนำมาต่อรองด้วย น่าเสียดายที่ได้ราคาเพียงแค่ห้าในแปดส่วนของราคาที่ซื้อมาในตอนนั้นเท่านั้นเอง!
ตอนนี้แก้วผลึกจักรวาลที่เหลืออยู่ในมือตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เพียงแค่ราวๆ สามร้อยล้านแก้วผลึกจักรวาลเท่านั้น
“เกือบจะหมดสิ้นสิ่งที่สั่งสมมาเลยทีเดียว” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึง
แต่เขาก็ยังเต็มอกเต็มใจกับสิ่งนี้อยู่ดี
ถึงอย่างไรสมบัติล้ำค่าและแก้วผลึกจักรวาลเหล่านั้นเมื่ออยู่กับตัวก็มิได้ก่อให้เกิดพลังยุทธ์แต่อย่างใด! สมบัติลับล้ำค่าของเขตลวงโลกเทียมชิ้นนี้เพียงพอที่จะทำให้พลังยุทธ์ของตนเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก! เรียกได้ว่ากวาดระดับอลหม่านชั้นที่สิบจนเรียบได้ แม้กระทั่งเผชิญกับเทพจักรวาล เคล็ดวิชาเขตลวงโลกเทียมระดับชั้นที่สิบ… ต่อให้เหล่าเทพจักรวาลสามารถต้านทานได้ เกรงว่าพลังยุทธ์ก็จะสูญเสียไปเป็นอย่างมาก! แม้เผชิญกับ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ อันน่าหวาดหวั่น ก็ยังมีความหวังที่จะกดดันได้โดยสิ้นเชิง
เคล็ดวิชาอันยิ่งใหญ่ทั้งสองรวมเข้าด้วยกัน พลังยุทธ์ของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังเหลืออีกสองหมื่นแต้มความดีความชอบ สามารถทำให้ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของตนบำเพ็ญร่างเมฆทักษิณาทิพย์ได้สำเร็จพอดี ผนวกกับพลังยุทธ์รักษาชีวิตอีกเล็กน้อย ในแผนการของตงป๋อเสวี่ยอิง ร่างแยกอีกร่างหนึ่งก็จะสามารถยกรระดับพลังยุทธ์รักษาชีวิตขึ้นมาได้
ร่างเมฆทักษิณาทิพย์… ภายใต้เทพจักรวาล ก็คือชั้นที่สิบอันสมบูรณ์
ถ้าหากสำเร็จเป็นเทพจักรวาล แต่ยังมีชั้นที่สิบเอ็ดและชั้นที่สิบสอง! นี่ก็คือเคล็ดวิชาหลอมกายที่จอมเทพศักดิ์สิทธิ์เมฆทักษิณาคิดค้นขึ้น ที่รัฐประเทศชั้นรอง รัฐประเทศชั้นสาม ก็นับว่าเป็นเคล็ดวิชารักษาชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด หากเทียบกับหกรัฐโบราณก็ด้อยกว่าอยู่พอสมควร
“ฟิ้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกอิ่มเอม กลับไปยังรัฐเมฆทักษิณาอย่างผ่อนคลายสบายใจ แต่เพิ่งกลับมา ยังมิทันได้เข้าไปในเมืองหิมะเหินของตน ก็ได้รับการส่งสารจากท่านอาจารย์เสียก่อนแล้ว
“เสวี่ยอิง” เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหูตงป๋อเสวี่ยอิง “จำเอาไว้ให้มั่น ถ้าหากสกุลฝานมาหาเจ้าให้ช่วยเหลือ ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าได้รับปากเป็นอันขาดล่ะ”
……………………………………………….