ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 73 เค่อชิงระดับบน

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 73 เค่อชิงระดับบน Ink Stone_Fantasy

ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงเล็กน้อย เขาเดินในอากาศพลางมองดูเมืองหิมะเหินเบื้องล่างแล้วถามว่า “ท่านอาจารย์ เพราะเหตุใดจึงไม่รับปากเล่าขอรับ”

อย่างตอนนั้นที่ตนอยากดูส่วนหัวของหอกเทพเมฆาแดง ประโยคเดียวของฝานเทียนฉ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ได้ดูแล้ว ถึงแม้ว่าตัวหัวหอกนั้นจะมีราคาไม่กี่ร้อยล้าน น้ำใจที่ให้ ‘ชมดู’ ครั้งหนึ่งก็ยิ่งต่ำลงไปอีก! แต่ต่อให้เป็นอย่างไร สองฝ่ายก็นับได้ว่ามีมิตรไมตรีต่อกัน ถ้าหากขอความช่วยเหลือจริงๆ ขอเพียงแค่มีข้อดีมากพอ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเลย

“สี่รัฐมารทมิฬ นอกจากประมุขรัฐเพรียกหิมะผู้นั้นแล้ว คนอื่นส่วนใหญ่ต่างก็ไว้หน้าสกุลฝานเป็นอย่างมากเลยมิใช่หรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

ทะเลสาบมารทมิฬอาศัยการสังหารป้องปรามทั้งสี่รัฐมารทมิฬ

ทว่าสกุลฝาน…กลับอาศัยพลังยุทธือันน่าหวาดหวั่นทำให้ทั้งสี่รัฐมารทมิฬต่างก็มิกล้าล้ำเส้น

แม้กระทั่งรัฐเพรียกหิมะ ก็มีเพียงแค่ประมุขรัฐเพรียกหิมะที่ยโสเป็นอย่างยิ่ง ส่วนลูกน้องของเขาโดยทั่วไปแล้วต่างก็ยังไว้หน้าสกุลฝานกันอยู่

สกุลฝานก็คือราชาที่มิได้ครองมงกุฎในอาณาบริเวณของสี่รัฐมารทมิฬ!

ความจริงแล้วมิใช่เพียงแค่สี่รัฐมารทมิฬเท่านั้น อย่างเช่นเก้ารัฐทางตอนเหนือของรัฐโบราณคิมหันตวายุ รวมถึงรัฐประเทศชั้นสองชั้นสามอื่นๆ ในบริเวณรอบๆ ต่างก็เป็นเขตอำนาจของสกุลฝานทั้งสิ้น! โดยเฉพาะ ‘สกุลชาง’ และ ‘สกุลเซี่ย’ อีกสองในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ ล้วนมิได้แยเสต่อรัฐประเทศภายนอกกันเป็นอย่างยิ่ง มีเพียงแค่สกุลฝานเท่านั้นที่ค้นหายอดฝีมือจากทั่วทุกหนแห่งแล้วดึงมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตนเอง

ถึงแม้ว่ารัฐโบราณจันทร์บุปผาและรัฐโบราณเสียดฟ้าที่อยู่ใกล้ๆ ก็อยากจะแทรกซึมเข้าไปในรัฐประเทศจำนวนหนึ่งที่อยู่รอบๆ เช่นเดียวกัน แต่อิทธิพลนั้นก็ยังมิอาจเทียบเคียงกับสกุลฝานได้เลย

“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ผ่านวันเวลาไปสักระยะหนึ่ง ฝานเทียนฉ่งก็อาจจะมาหาเจ้าก็เป็นได้” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “แต่เขาไม่สามารถหาเงื่อนไขให้เจ้าได้มากพอ เขาทำไม่ได้แน่! ถ้าหากเขาเป็นตัวแทนสกุลฝานมาเชิญเจ้าให้ช่วยเหลือ เจ้าก็บอกไปว่า… จะต้องเป็นสถานะ ‘เค่อชิงระดับบน’ และต้องการหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการหลังจากเสร็จธุระแล้ว!”

“สถานะเค่อชิงระดับบน กับหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลั้นหายใจ

ดีร้ายอย่างไรเขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกคนสำคัญระดับสูงสุดของรัฐเมฆทักษิณา ก็ล่วงรู้ข้อมูลมากมาย

ผู้แกร่งกล้าของสกุลฝานจากรัฐประเทศภายนอกบริเวณรอบๆ โดยทั่วไปถ้าไม่ถูกดึงดูดตรงเข้าไปสู่แก่นกลาง ก็ต้องเป็นสถานะแขกผู้มาเยือน เค่อชิง และผู้อาวุโสเค่อชิง

แขกผู้มาเยือนคือระดับขั้นต่ำสุด เป็นแขกผู้มาเยือนของสกุลฝาน ก็ต้องทำตามบัญชาของสกุลฝานทั้งหมด

เค่อชิงก็ดีกว่ามาก แต่ข้อผูกมัดก็ยิ่งใหญ่นัก

เค่อชิงระดับบน! เมื่อเทียบกันแล้วก็เป็นอิสระกว่ามากนัก

ผู้แกร่งกล้าที่อยู่ภายนอก สถานะที่สูงส่งที่สุดในสกุลฝานก็คือ ‘ผู้อาวุโสเค่อชิง’ สถานะนี้นี่เอง! พูดถึงระดับของผู้อาวุโสเค่อชิงก็เทียบเท่ากันกับผู้อาวุโสสกุลฝาน เพียงแค่ไม่มีอำนาจอย่างแท้จริงเท่านั้น ดังเช่น ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ท่านอาจารย์ของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เป็นผู้อาวุโสเค่อชิงคนหนึ่งของสกุลฝาน! ผู้อาวุโสเค่อชิงก็ยิ่งมีอิสระมากกว่า โดยทั่วไปแล้วก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับธุระของสกุลฝาน

มีเพียงสกุลฝานมีธุระที่สำคัญอย่างที่สุดจริงๆ เท่านั้น ล้วนต้องเป็น ‘บรรพชนฝาน’ มีคำสั่งลงมาเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ส่งผู้อาวุโสเค่อชิงเข้าร่วมการเคลื่อนไหวได้! ผู้อื่นล้วนไม่มีสิทธิ์ออกคำสั่งโดยตรง

“ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ส่งมอบบันทึกในฐานข้อมูลให้กับข้า ประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงที่เป็นเค่อชิงในสกุลฝาน… ก็เป็นเพียงแค่เค่อชิงระดับบนเท่านั้นกระมัง” ตงป๋อเสวี่ยอิงประหลาดใจเป็นอย่างมากจึงถ่ายเสียงถามว่า “ขั้นอลวนคนหนึ่งอย่างข้า ถามหาสถานะเค่อชิงระดับบนอย่างนั้นหรือ”

“ฮ่าฮ่า อย่าได้ดูถูกตัวเองเลย! ด้วยพลังยุทธ์ของเจ้า การสำเร็จเป็นเทพจักรวาลนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว! เมื่อใดที่สำเร็จเป็นเทพจักรวาล ทำให้เคล็ดผนึกห้าภาพก้าวหน้าไปอีกขั้น ถึงเวลานั้นพลังยุทธ์ของเจ้าก็จะไม่ด้อยไปกว่าพวกเขาสองคนเลยแม้แต่น้อย!” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด

ในบรรดาประมุขรัฐของสี่รัฐมารทมิฬ

ประมุขรัฐเมฆทักษิณาและประมุขรัฐเพรียกหิมะเป็นวีรบุรุษเลิศล้ำผู้มีชื่อเสียงสะท้านสะเทือนดินแดนจิตโลกา ต่างก็สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้เป็นอย่างดีเช่นเดิมภายใต้การไล่ล่าสังหารของบุคคลผู้ไร้เทียมทาน

เมื่อเทียบกันแล้วประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงก็อ่อนแอกว่าอยู่พอสมควร แต่ก็ยังเหนือชั้นกว่าเทพจักรวาลธรรมดามากมายนัก เพราะว่ารัฐประกายเพลิงอยู่ใกล้ทะเลสาบมารทมิฬเหลือเกิน จึงได้กลายเป็นสวนหลังบ้านของทะเลสาบมารทมิฬไปเสียแล้ว ถูกรุกรานอยู่เป็นประจำ ส่วนรัฐวอเฟิง…ก็ลอบสวามิภักดิ์ต่อรัฐโบราณคิมหันตวายุอย่างลับๆ เหตุผลที่รัฐประเทศชั้นรองสองแห่งนี้เป็นเช่นนี้ก็ยังเป็นเพราะพลังยุทธ์ของประมุขรัฐไม่เพียงพอ

“ข้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาล เชื่อว่าคงจะสามารถขอสถานะเค่อชิงระดับบน แต่ตอนนี้ยังมิได้บรรลุเลย แล้วยังมีหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอีกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงอับจนคำพูด

หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการอย่างนั้นหรือ

ในระบบเค่อชิงของสกุลฝาน หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ สามารถแลกเปลี่ยนเป็นหนึ่งหมื่นล้านแก้วผลึกจักรวาลได้! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเหล่าผู้แกร่งกล้าล้วนรังเกียจที่จะแลกเปลี่ยนเป็นแก้วผลึกจักรวาล เพื่อแก้วผลึกจักรวาลพวกเขาก็มิอาจสวามิภักดิ์ต่อสกุลฝานได้! บรรดาเค่อชิงเหล่านั้น อาศัย ‘มหาคุณูปการ’ นี้ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นศาสตร์ลับและเคล็ดสืบทอดลับจำนวนหนึ่งในระบบเค่อชิงของสกุลฝานได้ สกุลฝานก็จะหยิบตำราศาสตร์ลับบางส่วนมาดึงดูดบรรดาเค่อชิงเหล่านี้

ถึงแม้ว่าจะไม่เผยแพร่แก่นสำคัญที่สุดออกสู่ภายนอก แต่ส่วนที่เอาออกมาเพียงเล็กน้อยนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้เหล่าผู้แกร่งกล้าจากรัฐประเทศภายนอกร้องโอดครวญแล้ว! สกุลฝานมีพื้นฐานเช่นไร ส่วนที่หยิบยกออกมาก็เหนือชั้นกว่ารัฐเมฆทักษิณามากมายแล้ว

“โดยทั่วไปย่อมมิได้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้พวกเขาจะต้องรับปากแน่” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาถ่ายเสียงพูด “นี่เกี่ยวโยงกับข้อพิพาทภายในสามตระกูลใหญ่แห่งรัฐโบราณคิมหันตวายุ รอพวกเขามาเชิญแล้วเจ้ารับปากเสียแล้ว เงื่อนไขของเจ้า เดี๋ยวเจ้าก็จะได้ล่วงรู้ทั้ืงหมดเองแหละ”

“เข้าใจแล้วขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด

“เจ้าเพียงแค่จัดแจงเสนอเงื่อนไข พอถึงเวลาก็บอกกล่าวข้าสักคำหนึ่ง ข้าก็จะสรุปเรื่องนี้เอง” ประมุขรัฐเมฆทักษิณาพูด “โอกาสที่จะได้หนึ่งหมื่นมหาคุณูปการมานั้น ต่อให้เจ้าสำเร็จเป็นเทพจักรวาลแล้วก็ยากที่จะพบพานอยู่ดี”

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าเห็นด้วย

ต่อให้เป็นเทพจักรวาลคนหนึ่ง จะเก็บรวบรวมสมบัติล้ำค่าได้สักกี่มากน้อยกันเล่า รางวัลที่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวครั้งหนึ่งจะสูงได้สักเพียงใดกัน

สกุลฝานให้เทพจักรวาลเคลื่อนไหว โดยทั่วไปก็เพียงแค่ไม่กี่ร้อยมหาคุณูปการเท่านั้น เช่นระดับอย่างประมุขรัฐประกายเพลิงและประมุขรัฐวอเฟิงนี้เข้าร่วมการเคลื่อนไหว โดยทั่วไปก็เพียงแค่ไม่กี่พันมหาคุณูปการเท่านั้นเอง นอกจากนี้โอกาสเช่นนี้ก็มิได้มีบ่อยๆ เรื่องราวโดยทั่วไปก็สามารถจัดการกันได้เองภายในสกุลฝาน ต้องการให้เค่อชิงเหล่านี้ออกหน้า โดยทั่วไปแล้วก็มีอันตรายอยู่บ้าง ยอดฝีมือของตัวเองไม่พอให้ใช้การ

คราวนี้ประมุขรัฐเมฆทักษิณาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงขอสถานะเค่อชิงระดับบน และขอหนึ่งหมื่นมหาคุณูปการ…ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมตกตะลึงเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงร่อนลงจากท้องฟ้าเบื้องบน เหยียบย่างกลางอากาศเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็มาถึงยังจวนของตนภายในเมืองหิมะเหินแล้ว จวนของตนก็อยู่ในระดับเดียวกันกับจวนอ๋อง สมญาของตนในตอนนี้ก็คือ ‘อ๋องหิมะเหิน’

“ท่านอ๋อง”

“ท่านอ๋อง”

เด็กรับใช้และยามรักษาการณ์แต่ละคนเมื่อเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วต่างก็เคารพนบนอบกันเป็นอย่างยิ่ง ในแววตาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ ถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นบุคคลผู้เป็นตำนานในประวัติศาสตร์รัฐเมฆทักษิณา

“ลูกพ่อ” อิงซานเลี่ยฮู่มาต้อนรับอย่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ด้านข้างก็คือหรงซิงหลัน หรงซิงหลันเองก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยรอยยิ้มร่า “เสวี่ยอิง มิได้กลับมาเสียนาน ข้ากับท่านพ่อเจ้าต่างก็ได้ยินได้ฟังเรื่องของเจ้าที่รัฐประกายเพลิงกันมาหมดแล้ว”

“ใช่แล้ว เคล็ดวิชาอันใดกันหรือ ว่ากันว่ากระบวนท่าเดียวของเจ้าก็สามารถจับตัวอ๋องอสนีบาตอะไรนั่นของรัฐกระบี่สวรรค์เอาไว้ได้แล้วอย่างนั้นหรือ” อิงซานเลี่ยฮู่ถามอย่างตื่นเต้น

ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า

บอกว่ากระบวนท่าเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วเคล็ดผนึกห้าภาพคือเคล็ดวิชาระดับชั้นที่สิบทางสายห้วงอากาศห้าชนิดที่สำแดงการหลอมรวมอันสมบูรณ์แบบออกมาพร้อมกัน ยังสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าค่ายกลรบรวมกันเสียอีก แม้กระทั่งระดับความเร้นลับต่างก็มีผลปิดผนึกตัดขาดห้วงมิติ ศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาก็หนีไม่พ้น! อีกทั้งภายใต้การปิดผนึกอันสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งแรงกดดันของห้วงมิติอันเป็นเอกเทศแห่งหนึ่ง พลังคุกคามกดดันนั้น ยอดฝีมือระดับที่สิบโดยทั่วไปต่างก็สามารถถูกบีบให้ตายทั้งเป็นได้เลยทีเดียว

หากกดดันไม่ตาย ก็ต้องถูกคุมขังเอาไว้ภายในลูกแก้วห้าภาพ!

ดังนั้นเมื่อสำเร็จเคล็ดวิชานี้…ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมีชื่อเสียงเลื่องลือทั่วดินแดนจิตโลกา นี่ก็คือเหตุผลที่ประมุขรัฐเมฆทักษิณาแน่ใจว่าสกุลฝานน่าจะมาเชื้อเชิญตงป๋อเสวี่ยอิง

“พี่สาว ลองชิมดูสิ นี่คือสุราชั้นเลิศที่ข้านำมาจากรัฐโบราณบรรพชนเลยทีเดียวนะ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงดื่มกินกับบรรดาคนในครอบครัวก่อนเป็นลำดับแรก แล้วก็สนทนาอยู่ครี่งวัน ถึงอย่างไรความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกภายนอกของพวกเขานั้นก็ยังน้อยนิดเหลือเกิน

หลังจากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็ประกาศการปลีกวิเวก

“ยามที่ข้าปลีกวิเวก หากไม่มีเรื่องสำคัญก็อย่าได้มารบกวนเป็นอันขาด ถ้าหากสกุลฝานมา เจ้าก็ส่งข่าวบอกข้าแล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง

“ขอรับ เจ้านาย” มังกรมารรับคำอย่างเชื่อฟัง ร่างกายใหญ่มหึมาของมัน ขดเลื้อยอยู่ที่ด้านนอกประตูเจดีย์ของเจดีย์เทพอากาศ

ตงป๋อเสวี่ยอิงย่างเท้าเข้าสู่เจดีย์เทพอากาศแล้วเริ่มต้นศึกษา ‘กระดิ่งจิตมาร’

……

กาลเวลาเคลื่อนผ่าน ประมุขรัฐเมฆทักษิณาบอกว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ในความจริงแล้วฝานเทียนฉ่งมายังเมืองหิมะเหิน ก็หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกไปสามหมื่นกว่าปีแล้ว

ภายในเจดีย์เทพอากาศ หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวนั่งขัดสมาธิบนก้อนศิลาใหญ่ที่ล่องลอยอยู่  เบื้องหน้ามีกระดิ่งสีทองอันหนึ่งลอยอยู่

“กริ๊งๆ กริ๊งๆ ติ๊ง~~~”

เสียงไพเราะเสนาะหูสะท้อนก้องอยู่ภายในเจดีย์เทพ แฝงไว้ด้วยผลที่ทำให้หลงใหลอย่างน่าหวาดกลัว

“เจ้านาย ฝานเทียนฉ่งมาแล้ว เขาต้องการพบเจ้านายขอรับ”

“ในที่สุดก็มาเสียที”

ตงป๋อเสวี่ยอิงลืมตาแล้วยืดกายลุกขึ้น กระดิ่งสีทองที่ลอยอยู่ตรงหน้าลอยมายังช่วงเอวในทันใด จากนั้นก็เก็บซ่อนตัวหายลับไป

ไม่ว่าจะเป็นกระดิ่งจิตมาร หรือว่าลูกแก้วห้าภาพ ยามปกติที่มิได้ใช้งานก็ย่อมสามารถเก็บซ่อนเอาไว้ในร่างกายได้

“ปึง…”

ประตูเจดีย์เทพเปิดออก

ตงป๋อเสวี่ยอิงเดินออกจากประตูเจดีย์ไป

……………………………………….