มีอีกสองคนที่อยู่บนเรือเช่นกัน
หนึ่งในนั้นคือฮั่นเสวียนที่โศกเศร้าส่วนอีกคนก็คือ…กู้ไทซู!
“ศิษย์พี่อาจารย์เราตายยังไง? ใครฆ่าเขา?”
ฮั่นเสวียนถามนางถูกฉินเซี่ยนเอ๋อจับตัวและถูกชิงเอาสายโลหิตเทพบ่มเพาะไป หลังจากนั้นจางอู๋ชวงก็ปรากฏตัวมาเพื่อช่วยนาง
แต่กลับเป็นกู้ไทซูที่ตอบ
“พี่จางอาจารย์ของเราถูกยอดฝีมือจากต่างโลกสองคนนั้นฆ่ารึ?”
เขาจำได้ว่าเมืองเขตกลางถูกทำลายในกระบี่เดียวถ้าหากจางอู๋ชวงสัมผัสไม่ทันและไม่พาพวกเขาหนีมาก่อน เขาก็คงจะตายในเมืองไปแล้ว
จางอู๋ชวงนำมือไพล่หลัง
“อาจารย์เราโดนฆ่าเพราะอ่อนแอเกินไป!ข้าไม่คิดว่าเราควรจะแก้แค้นให้!”
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในแดนตะวันตกและไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่โลกภายนอก
จางอู๋ชวงรู้ว่าใครเป็นคนฆ่าราชาเขตกลางแต่เขาไม่อยากจะล้างแค้น
สำหรับจางอู๋ชวงราชาเขตกลางตายก็เพราะเขาพ่ายแพ้ ดังนั้นจางอู๋ชวงจึงไม่ได้รู้สึกเสียใจกับความตายของราชาเขตกลางเลยแม้แต่น้อย
“ออกไปจากที่นี่กันเถอะ!ข้าเจอเรือลำนี้ในแดนตะวันตกตอนที่ข้าอายุสิบปี ข้าซ่อนมันไว้จนถึงตอนนี้! คนของราชาเขตกลางอย่างเราย่อมอยู่ในจิวโจวไม่ได้อีกต่อไป หากเราไม่รีบหนี พวกมันจะเจอเราก่อน!”
จางอู๋ชวงกล่าว
ฮั่นเสวียนไม่พูดอะไรนางจับกราบเรือแน่น จริง ๆ แล้วนางก็ไม่ได้เศร้าใจนัก ตอนที่ฉินเซี่ยนเอ๋อบังคับให้นางบ่มเพาะวิชานั้น นางก็เข้าใจเป้าหมายของราชาเขตกลาง นางรู้แล้วว่านางคือเครื่องมือของเขา
แต่นางเศร้าเพราะว่าคนที่นางคุ้นหน้าได้ตายจากไป
เมื่อไร้พันธะผูกพันในจิวโจวฮั่นเสวียนก็ไม่สนใจความเป็นความตายของราชาเขตกลางอีก
กู้ไทซูกัดฟันด้วยความแค้น
“น่าเสียดายนัก!”
เขาพูด
“ข้าได้กายาเก้าวิญญาณมาด้วยความยากลำบากข้าอยากจะสู้กับซือหยู ข้าไม่ชอบเลยที่ต้องปล่อยมันไปแบบนี้!”
ได้ฟังเช่นนี้จางอู๋ชวงเหลือบมองกู้ไทซูและส่ายหน้าเบา ๆ
“ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าไปมีปัญหากับเขาจะดีกว่า!”
อะไรนะ?กู้ไทซูมองจางอู๋ชวงด้วยความตกใจ ข้าเป็นอสูรเนรมิตรแล้ว! ข้าเอาชนะซือหยูได้แล้วไม่ใช่รึไงกัน? “หากเจ้าสองคนไม่มีอะไรข้าก็จะออกเดินทางแล้ว!”
จางอู๋ชวงใช้เรือและเตรียมที่จะเดินทาง
แต่หมอกหนาก้อนใหญ่ได้ฟุ้งกระจายเข้ามามันมาพร้อมกับสัตว์ป่า
จางอู๋ชวงหรี่ตาและเห็นเรือลำยักษ์ที่แล่นออกมาจากหมอกพุ่งชนสัตว์ป่ามากมายจากนั้นเรือลำใหญ่ก็หยุดที่ตรงหน้าพวกเขา
ที่หัวเรือลำใหญ่มีสตรีงดงามที่สวมผ้าคลุมจากขนนกสีเขียวยืนอยู่นางดูยิ่งใหญ่และหยิ่งยโส
ชายหนุ่มมากมายสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับนางยืนอยู่ด้านหลังนางด้วยความยำเกรง
ชายหนุ่มเหล่านี้แข็งแกร่งพอๆ กับราชาเขตแต่ละคนในจิวโจว
จางอู๋ชวงตกใจเมื่อเห็นนางเขาเห็นนางได้ แต่เขาสัมผัสถึงนางที่อยู่บนเรือไม่ได้
“ทุกคนในโลกจิวโจวนี่คือผู้คุมกฎอาวุโส พวกเรามาที่นี่เพื่อสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของผู้คุมกฎหนึ่งคน ก่อนจะได้ข้อสรุป จะไม่มีสิ่งใดในโลกใบนี้หนีไปได้!”
…
ครึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เทพกิเลนเริ่มการเดินทางอย่างลำบากใจ
เสาต้นหนึ่งตั้งตระหง่านปักลึกใต้ดินสูงไปถึงท้องนภานอกจากแดนตะวันตกแล้ว พื้นที่ส่วนอื่นล้วนได้รับผลกระทบ
ซือหยูตกใจกับเสาที่เขตกลางมันไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองเขตกลางแต่เป็นตำหนักโลหิตส่วนนอก!
เสานี้คุ้นตาซือหยูเพราะมันคือเสาศิลาที่มีลวดลายมัจฉากระโดดข้ามมังกรอยู่ด้วย
ซือหยูค่อนข้างประหลาดใจตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมตำหนักนอกถึงให้ความสำคัญกับเสาต้นนี้นัก ในยามที่เผ่าผีปรากฏตัว ม่อเทียนฉวนได้ทำลายตำหนักนอกแต่ไม่ได้แตะต้องเสาศิลาต้นนี้
นี่คือตำคอบ! เสาสี่ต้นสูงเสียดฟ้าที่ดูเหมือนกับกรงเล็บมังกรยกทั้งจิวโจวขึ้นมา
มิติรอบจิวโจวแตกสลายทั้งโลกกำลังล่มสลาย
ลึกในท้องนภาหอคอยยักษ์ปรากฏ ทวีปจิวโจวถูกพาเข้าไปยังหลุมดำสนิทใต้หอคอยจากสี่เสา
ทุกสิ่งมีชีวิตในจิวโจวไม่รู้ตัวถึงการเปลี่ยนแปลงเลยแต่พวกเขาเหล่านั้นต่างตกใจที่เวลากลางวันผันเปลี่ยนเป็นกลางคืน
เมื่อทั้งจิวโจวไปยังโลกในหอคอยพวกเขาเหล่านั้นก็ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
“เกิดสุริยุปราคาหรือ?”
“แปลกมาก!ทำไมท้องฟ้าถึงมืดไปชั่วขณะหนึ่งกัน?”
หลายคนพูดถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงแต่คนที่อาศัยอยู่บนขอบทวีปนั้นตกตะลึง
“อ๊ะ!อะไรกัน? ทะเลหายไปไหน? มีแผ่นดินใหญ่ต่อหน้าพวกเราได้ยังไง?” “เฮ้ย!ดูนั่นสิ! นั่นมันตัวอะไร? ทำไมข้าไม่เคยเห็นมันมาก่อน?”
ตอนนี้ทั้งจิวโจวถูกพาไปยังโลกในหอคอยแล้ว
ซือหยูเองก็เคลื่อนสิ่งมีชีวิตทั้งสี่กลุ่มลงในมุกวิญญาณเก้าหยก
แต่เขาก็ต้องตกใจที่ม่อเทียนฉวนถูกโลกหอคอยปฏิเสธ
“มองอะไรของเจ้า?”
ม่อเทียนฉวนเชิดคางท้าทาย
ซือหยูยักไหล่
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะต้องเข้าไปในมุกวิญญาณเก้าหยกของข้าถ้าอยากจะออกไปจากจิวโจว!นี่เป็นเวลาดีแล้วรึที่จะทำอวดดีต่อหน้าข้า?”
ซือหยูกับม่อเทียนฉวนมักจะทะเลาะกันเช่นนี้อยู่เสมอทั้งสองมองหน้ากันและไม่คิดจะยอม
“อะแฮ่ม!อย่าเพิ่งมาจีบกันตอนนี้! เรือกำลังจะออกแล้ว พวกเจ้าจะรออะไรกันอยู่?”
เทพกิเลนลอยบนท้องนภาและคาบหอคอยเล็กไว้ในปากมันคือหอคอยร้อยชั้นที่มีทั้งจิวโจวอยู่ข้างใน
“จีบเรอะ?”
ม่อเทียนฉวนแสยะยิ้มให้เทพกิเลน
เทพกิเลนตัวสั่น
“เอาเถอะพวกเจ้ารีบกันหน่อย! เราวางแผนมาร้อยปีแล้ว นี่เป็นเวลาสำคัญ! ไปที่แดนตะวันตกกันก่อน!”
ซือหยูพยักหน้าเขาพุ่งไปยังแดนตะวันตกพร้อมกันกับเทพกิเลนและม่อเทียนฉวน
ขณะนี้ทั้งจิวโจวกลายเป็นความว่างเปล่าดำสนิทเว้นแต่พื้นที่เป็นส่วนหนึ่งของธารดาราและสัตว์ป่า
จากนี้ไปโลกจิวโจวจะเป็นเปลือกอันว่างเปลบ่า
ทันทีที่ทั้งสามมาถึงแดนตะวันตกซือหยูขมวดคิ้ว “บางอย่างไม่ถูกต้อง!ตอนที่ข้ามาที่นี่ครั้งสุดท้าย ที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร! ทำไมตอนนี้ถึงสัมผัสคลื่นพลังของพวกมันไม่ได้เลย?”
ซือหยูที่มีหัวใจนิรันดร์สามารถสัมผัสถึงชีวิตได้อย่างดีเยี่ยม
ม่อเทียนฉวนที่เป็นเซียนขั้นสามเองยังไม่เห็นความประหลาดนี้เลยแต่ซือหยูกลับรู้ได้อย่างไม่ยากเย็น
เทพกิเลนขมวดคิ้ว
“ถูกของเจ้า!ข้ารู้สึกแปลก แดนตะวันตกครั้งนี้แปลกไป!”
ม่อเทียนฉวนเริ่มระแวงยิ่งกว่าเดิมนางหรี่ตามองรอบ ๆ ทันใดนั้นนางก็ตาลุกวาว นางตะโกน
“ใครน่ะ?ออกมานะ!”
ครืน…
เสียงสั่นสะเทือนดังตามเสียงต้นไม้โค่น
จากนั้นทั้งสามก็เห็นเรือขนาดมหึมาแล่นแหวกหมอกหนามาทางพวกเขา มีเรือล็กลำหนึ่งถูกลากอยู่ข้างเรือลำใหญ่
ต่อมาพวกเขาก็เห็นหญิงสาวที่สวมผ้าคลุมจากขนนกด้านหลังนางเต็มไปด้วยชายหนุ่มที่มีพลังระดับเซียน
มีอีกสามคนที่อยู่บนเรือนั่นคือจางอู๋ชวง กู้ไทซู และฮั่นเสวียนที่ถูกจับกุม
เรือที่แล่นเข้ามาสร้างแรงกดดันแก่ซือหยูเทพกิเลน และม่อเทียนฉวนเป็นอย่างมาก
“พวกเรารอเจ้ามาพักหนึ่งแล้ว!”
หญิงสาวที่สวมผ้าคลุมขนนกยืนที่หัวเราะมองซือหยูเทพกิเลน และม่อเทียนฉวนอย่างเย็นชา
เมื่อนางเห็นเทพกิเลนนางก็ดูเหมือนกับได้พบสิ่งที่ตามมา
“ว้าว!”
นางพูด
“เทพจิวโจวอยู่ที่นี่!มีเพียงท่านที่สามารถเคลื่อนทั้งดินแดนไปได้! คารวะผู้อาวุโส! ข้ามีนามว่าเหอเสี่ยวหลาน ข้าเป็นลูกหลานเทพกระเรียน!”
นางเรียกเทพกิเลนว่าผู้อาวุโสแต่นางกลับยืนมือไพล่หลัง นางไม่ได้นับถือเขาแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มข้างหลังนางก็ยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร
“แม่นางเสี่ยวหลานท่านจะทำให้เทพคนนั้นกลัวจนหนีไปนะถ้าเรียกเขาว่าผู้อาวุโสน่ะ!”
“ฮ่าๆๆๆ!ข้าว่าเขาคงดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เขาตายไปตั้งแต่หมื่นปีก่อน แต่ก็ยังมีคนที่รู้จักเขา!”
เหอเสี่ยวหลานโบกมือเพื่อบอกให้เหล่าชายหนุ่มด้านหลังนางเงียบ
เทพกิเลนสีหน้าหม่นหมองเหอเสี่ยวหลานพูดต่อไป
“ท่านเทพกิเลนข้าคือผู้คุมกฎอาวุโสหมายเลขแปดสิบ ข้ามาที่นี่เพื่อสืบสวนเรื่องการหายตัวไปของผู้คุมกฎคนหนึ่ง หวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือ!”
เทพกิเลนที่ถูกเรียกว่าเทพนั้นไม่ได้โมโหนัก
“เจ้าหมายถึงผู้คุมกฎฉินคั่วรึ?ข้าสัมผัสพลังประหลาดได้สองแห่ง แต่ข้าไม่รู้ว่าเขาถูกจับไปเมื่อไหร่ตอนไหน!”
เหอเสี่ยวหลานพูดเสียงแข็ง
“เทพกิเลนท่านคิดว่าข้าจะรออยู่ที่นี่เฉย ๆ แล้วปล่อยให้ท่านเคลื่อนย้ายทั้งทวีปรึ?”
“เจ้ากำลังจะยึดเอาโลกในหอคอยไปรึ?”
เทพกิเลนถามอย่างกังวล
เหอเสี่ยวหลานตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไม่!แต่ถ้าหากทุกสิ่งอยู่ในโลกหอคอยแล้ว ข้าก็คิดว่าผู้ต้องสงสัยควรจะอยู่ที่นั่นด้วย! เราต้องนำหอคอยไปสืบสวน เสร็จสิ้นเมื่อใด เราจะคืนหอคอยให้ท่าน!”
บางทีเหอเสี่ยวหลานอาจจะพยายามยึดครองจิวโจวด้วยวิธีนี้ พวกเขาเพิ่งจะกำจัดราชาเขตกลางไปแต่ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเหอเสี่ยวหลานอีก
และตัวตนของเหอเสี่ยวหลานก็ค่อนข้างเป็นปัญหา!
“เจ้าสืบสวนได้!แต่เจ้าจะสืบสวนทุกสิ่งในหอคอยจริง ๆ รึ? เจ้าบอกชื่อคนต้องสงสัยมาสิ แล้วข้าจะเอาคนผู้นั้นออกมาจากหอคอยให้!”
เทพกิเลนพยายามปกป้องโลกในหอคอย
แต่เขาก็ต้องตกใจที่เหอเสี่ยวหลานพยักหน้า
“ข้าเป็นผู้น้อยข้าย่อมต้องเคารพท่านเทพกิเลน มิเช่นนั้นท่านพ่อจะลงโทษในความหยาบคายต่ออดีตเทพแห่งพันธมิตร!”
“ข้าคิดว่ามีผู้ต้องสงสัยสามคน!”
เหอเสี่ยวหลานพูดด้วยรอยยิ้ม
เทพกิเลนตาเป็นประกาย
“ใครกัน?” เหอเสี่ยวหลานตอบอย่างใจเย็น
“ท่านกับอีกสองคนข้างท่าน!”
เทพกิเลนไม่พอใจถึงขีดสุดเมื่อได้ยินดังนั้น
มันจะอุกอาจเกินไปแล้ว!
ถ้าทั้งสามโดนจับโลกหอคอยก็จะถูกเอาไปด้วย!
“จับพวกมันข้าจะสืบสวนเมื่อกลับไปถึงพันธมิตร แล้วก็อย่าลืมตรวจสอบสิ่งของของพวกมันให้ดีด้วย อย่าให้พลาด!”
เหอเสี่ยวหลานพูดอย่างใจเย็นและจัดทรงผมให้เป็นระเบียบนางหันกลับไปยังด้านในเรืออย่างสง่างาม