GGS:บทที่ 869 ฉันไม่เชื่อ

 

ไม่เพียงแค่หลี่เจิ้งอยากจะรู้ธรรมดา เขาอยากรู้มากจนต้องออกโรงถามซูจิ้งด้วยตัวเอง ด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความสงสัย

ด้วยกลิ่นที่หอมหวนเกินกว่าที่ใบยาสูบทั่วไปจะเทียบได้ ต่อให้เป็นบุหรี่ชั้นสูงอย่างดีก็ตามก็ไม่มีทางเทียบยาสูบของซูจิ้งได้เลยสักนิด

ขนาดนี่เป็นกลิ่นที่เขาได้รับหลังจากที่หวังซวนจี้พ่นออกมานะกลิ่นยังดีขนาดนี้ แล้วถ้าหากสูบไปตรงๆนี่จะขนาดไหน

แล้วลองคิดดูว่าหวังซวนจี้ที่เป็นคนที่สูบบุหรี่มานานแล้วเลิกไปแล้ว ยังอดรนทนไม่ไหวกลับมาสูบอีก

แขกบางคนเคยซื้อบุหรี่อย่างดีมาฝากแต่หวังซวนจี้นั้นกลับโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดี แต่ในตอนนี้เขากลับสูบออกมาอย่างสบายอารมณ์ แสดงว่านี่คือของดีจริงๆไม่ใช่หรอกหรอ

“นี่คือใบยาสูบสายพันธุ์ที่ผมเพิ่งจะพัฒนาขึ้นมาน่ะ” ซูจิ้งพูดออกมาอย่างเต็มปากถึงจะกระดากใจเล็กน้อยก็ตาม

ยังไงซะเรื่องที่ใบยาสูบแห่งไชร์ที่มาจากห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริงนั้นไม่มีทางบอกให้ใครรู้ได้อยู่แล้ว เพราะบอกไปก็ไม่มีคนเชื่ออยู่ดี

“พัฒนาขึ้นมาเอง” หลี่เจิ้งถึงกับอัศจรรย์ในทันทีที่ได้ยิน เขารู้ดีกว่าใครว่าธุรกิจยาสูบนี้สร้างกำไรให้กับประเทศต่อปีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่

และแน่นอนว่าในทุกปีพวกเขาต่างทุ่มเทเงินทอง สรรหาอุปกรณ์ และคนที่มีความสามารถในการพัฒนาใบยาสูบชนิดใหม่ในทุกๆปีเช่นเดียวกัน

 

บอกได้เลยว่าองค์การของเขานั้นมีทั้งสุดยอดเทคโนโลยีและนักวิจัยที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่ประเทศจีน

ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ความหวังที่จะทำให้เกิดพันธุ์ยาสูบที่หลากหลายก็ไม่เคยทำได้มาก่อน

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ซูจิ้งได้นำใบยาสูบที่ดีกว่าใบยาสูบที่เขารู้จักมาทุกชนิด ดีกว่าบุหรี่นอกทุกๆยี่ห้อที่เขารู้จัก แถมยังบอกว่าปรับปรุงพันธุ์ขึ้นมาเองอีก

แล้วอย่างนี้จะให้คนอย่างเขาที่เป็นถึงผอ.องค์การยาสูบมายอมรับว่าตัวเองอ่อนด้อยกว่าซูจิ้งได้ยังไง

 

เมื่อหวังจ้าวและหวังซือหยาได้ยินซูจิ้งพูดแบบนั้นออกมา สายตาของทั้งสองเปล่งประกายออกมาในทันที พวกเขาจำได้เป็นอย่างดีว่าซูจิ้งนั้นอยากเข้าไปเอี่ยวในธุรกิจใบยาสูบ

ดูเหมือนว่าใบยาสูบที่ซูจิ้งนำมาเป็นของขวัญนี้น่าจะเป็นอันเดียวกับที่เขานั้นเคยพูดถึงก่อนหน้านี้

ใบยาสูบที่มีกลิ่นหอมรุนแรงแบบนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆ ขนาดแม้แต่หลี่เจิ้งเองก็ยังต้องสนใจเลย ตอนนี้ดูเหมือนใบยาสูบของซูจิ้งนั้นจะได้รับความสนใจมากจริงๆ

 

หากว่าขายให้กับผอ.องค์การยาสูบได้โดยตรงล่ะก็ ราคาที่ได้ย่อมไม่น้อยอย่างแน่นอน

แต่ทั้งสองก็ยังจำได้ดีอีกว่าซูจิ้งนั้นต้องการจัดตั้งเป็นบริษัท ซึ่งสำหรับเรื่องนั้นแล้วทั้งสองก็คิดว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เรื่องนี้ต้องดูท่าทีของหลี่เจิ้งแล้วจริงๆ

“ลุงหวัง ขอผมลองหน่อยได้รึเปล่าครับ”  หลี่เจิ้งเองก็ได้หันไปถามหวังซวนจี้เพราะอยากรู้จริงๆว่าสูบแล้วรู้สึกยังไง

หวังซวนจี้เมื่อได้ยินดังนั้นเขาจึงหันไปมองซูจิ้ง พลางนึกอะไรบางอย่างก่อนที่เขาจะหันกลับมาสูบเต็มปอดอีกรอบหนึ่ง หลังจากพ่นออกมาแล้วเขาจึงได้พูดออกมาว่า “ก็ได้นะ ต่อขอหมดชุดนี้ก่อน”

“ไม่ต้องหรอกครับ” พูดเสร็จ หลี่เจิ้งได้หยิบซองบุหรี่ของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มันเป็นบุหรี่ยี่ห้อหมีแพนด้า สุดยอดบุหรี่จีนที่ราคาสูงและหาซื้อได้ยากยิ่ง

แต่เหมือนกับหลี่เจิ้งไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลยสักนิด เขาทำการหักส่วนก้นกรองออกแล้วทำการเทยาเส้นที่อยู่ข้างในออกจนหมด

หลังจากนั้นเขาได้หยิบใบยาสูบจากมือของหวังซวนจี้มาชิ้นหนึ่ง แล้วจัดการม้วนยัดเขาไปข้างในแล้วทำการจุดไฟสูบ หลังจากจุดเสร็จเขาก็สูบเข้าไปอย่างหนักจนเต็มปอดในทันที

 

เพียงคาบบุหรี่เข้าปาก หลี่เจิ้งได้สูบแบบไม่หยุดพัก จะบอกว่าเขาอัดเข้าแบบชุ่มปอดยาวเลยตั้งแต่แรกก็ว่าได้ บุหรี่ที่มีใส้ของใบยาสูบแห่งไชร์นั้นเพียงครู่เดียวก็เกือบหมดแล้ว

แม้แต่ควันบุหรี่ที่พ่นออกมา คนที่อยู่รอบข้างก็ยังแย่งกันสูดจนแทบจะหายไปทันทีเมื่อผ่านคนที่ควันนี้ลอยผ่านช่วงแรกไป

“ใบยาสูบนี่สุดยอดจริงๆ” หลังจากเขาสูบจนหมดมวนแล้ว

หลี่เจิ้งนั้นมองส่วนที่เหลืออย่างเสียดายและอดไม่ได้ที่จะหันไปถามซูจิ้งออกมาว่า “คุณซู คุณมีเมล็ดพันธุ์ของยาสูบนี้รึเปล่า แล้วมันปลูกยากไหม ค่าใช้จ่ายในการปลูกต้องเสียเท่าไหร่และราคาที่…”

“ใจล่มๆเลยเอ็ง นี่แกอายุเท่าไหร่แล้วห้ะ” หลี่เทียนเฮอเห็นลูกตัวเองทำตัวเสียมารยาทออกมาจึงอดไม่ได้ที่จะดุเขาไป

“จริง… จริงด้วย” หลี่เจิ้งได้สติจึงรีบสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะทำให้ใจสงบลง แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็แทบจะสงบสติตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เขาจะสงบสติไปได้ยังไงเมื่อเจอสิ่งที่เขาตามหามานานแสนนานแบบนี้

เขานั้นพูดออกมาหลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองให้มากที่สุดว่า “คุณซู บอกความจริงกับผมมาเถอะ ใบยาสูบนี่มีค่าจริงๆ

ถ้าองค์การยาสูบและประธานบริษัทยาสูบรู้เข้าล่ะก็ พวกเขาต้องซื้อและทำการปลูกอย่างรวดเร็วแน่นอน”

 

ซุนหยูเฮงที่ยังคงตราตรึงในกับควันมือสองที่เขาสูดเข้าไปนั้น เขาเองก็รู้ตื่นเต้นไม่น้อยจนทำให้แทบใจควบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน

ตระกุลซุนกับบริษัทยาสูบนั้นก็ถือได้ว่าเป็นคนกันเองทั้งนี้น ถ้าเขาสามารถได้พันธุ์ใบยาสูบนี้ไปล่ะก็ รับรองว่าต้องได้หน้าไม่น้อยอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่มีทางยอมให้ซูจิ้งได้หน้าด้วยพันธุ์ใบยาสูบแบบนี้อย่างแน่นอน เขากำลังคิดอยู่ว่าจะหาทางชิงมายังไงดี

“ผมไม่ต้องการจะขายมันหรอกครับ” ซูจิ้งส่ายหัว

“ราคาที่บริษัทยาสูบของเราจะเสนอนั้นไม่มีทางน้อยๆอย่างแน่นอนครับ” หลี่เจิ้งพยายามอีกครั้ง

“หมื่นล้านได้ไหมครับ” ซูจิ้งพูดออกมา

“นี่…” หลี่เจิ้งถึงกับชะงักในทันที หมื่นล้าน นี่เขาจะใจกล้าเกินไปแล้ว อย่าว่าแต่บริษัทของเขาเลย แม้แต่คนอื่นๆที่เป็นคนรวยในที่นี้ก็ยังไม่มีปัญญาพอจะเสนอเงินจำนวนนี้ได้

“ถ้าไม่ใช่ระดับพันล้านผมไม่สนแน่นอนครับ” ซูจิ้งพูดออกมา เขาเองนั้นประเมินราคาไว้แล้วว่าผลกำไรนั้นเกินกว่าพันล้านมากนัก แค่ราคาพันล้านที่พูดออกมายังถือได้ว่าเล็กน้อยมาก

ซูจิ้งจึงทำท่าคิดสักพักก่อนที่จะพูดออกมาว่า “งั้นเอางี้ เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมาแลกแทนอย่างเช่นการให้ผมนั้นสามารถตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองได้ล่ะ”

“ไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับเรื่องนี้ อย่าว่าแต่ผมเลย ถึงผมจะเป็นผอ.องค์การยาสูบก็ไม่สามารถเสนอได้ มิแต่ให้คนอื่นที่มีอำนาจเหนือกว่าก็ยังไม่สามารถ เพราะว่าเรื่องนี้ค้านกับข้อกฎหมายจริงๆ” หลี่เจิ้งเองเมื่อได้ยินถึงกับยกมือยอมแพ้เลยทีเดียว

ซูนหยูเฮงนั้นเมื่อได้ยินถึงกับสบถออกมาพลางนึกว่า นี่เขาจะโลภมากเกินไปแล้ว อยากจะตั้งบริษัทยาสูบของตัวเองเหรอ เรื่องนี้แม้แต่พันล้านก็ไม่มีทางพอหรอกเว้ย

 

คนอื่นๆเองก็คิดเกี่ยวกับซูจิ้งในทำนองเดียวกัน ตอนนี้พวกเขานั้นพอจะรู้แล้วว่าซูจิ้งมาที่นี่ในครั้งนี้เพราะเหตุผลอะไรกันแน่ ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีความหมายมากกว่าการมาอวยพรวันเกิดผุ้นำตระกูลหวังสินะ

“หึหึหึ เหมือนผมจะลืมบอกไปอีกอย่างหนึ่งนะ” ซูจิ้งหัวเราะออกมาอย่างลำพองก่อนจะพูดต่อว่า “ถ้ามันมีผลเสียต่อร่างกาย ไม่ว่ามันจะรสชาติดีขนาดไหนผมคงไม่นำมามอบให้ผู้อาวุโสหรอกนะ เหตุผลที่ผมนำมาเป็นของขวัญวันเกิดเพระว่ามันไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ”

“ห้ะ” หลี่เจิ้งถึงกับมึนงงไปในทันทีที่ได้ยิน เขารีบพูดออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้”

“อาจิ้ง นายจะล้อเล่นเกินไปแล้ว ใบยาสูบนั้นมีทั้งนิโคติน น้ำมันดิน สารฟอร์มอล์ดิไฮด์ และสารอันตรายอย่างอื่นอีก แล้วมันจะไม่มีอันตรายต่อร่างกายได้ยังไง” หวังเจิ้งเองพยายามยืนยันออกมาถึงกับร่ายยาวให้ฟัง

“ไม่ได้พูดเล่นนะ ถ้าพี่ไม่เชื่อก็ลองดูเองก็ได้นะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง

 

ให้พูดตามตรงเลยว่า แม้แต่หวังจ้าว หวังซือหยา และหวังซวนจี้ ผู้ที่เชื่อซูจิ้งอย่างหมดใจนั้นก็ยังอดสงสัยกับคำพูดของซูจิ้งไม่ได้

การสูบยาจะไม่มีผลเสียกับร่างกายได้ยังไง แม้แต่บุหรี่สมุนไพรจีนเองก้ยังมีสารพวกนี้อยู่เลย บุหรี่สมุนไพรพวกนั้นนอกจากจะไม่ได้ลดผลเสียต่อร่างกายแล้ว มันเพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่อยากบุหรี่เท่านั้นเอง

จึงพอจะบอกได้ว่าบุหรี่ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั้นยังไม่มีในโลกใบนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขามองไปยังรอยยิ้มละไมของซูจิ้งก็พลันนึกไปถึงตอนได้ไม้วิเศษนั่นมาจากเขาเมื่อก่อนหน้านี้ พวกเขาถึงกับตกใจจนตัวสั่นเลยทีเดียว

หากว่าเป็นไปตามที่ซูจิ้งพูดว่ามันไม่มีผลเสียต่อร่างกายล่ะก็มันก็สมควรจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ

“หลี่เจิ้ง นายให้ใครสักคนมารับยาสูบนี้ไปทดสอบหน่อยได้รึเปล่า” หวังซวนจี้พูดออกมาพร้อมมอบใบยาสูบชิ้นเล็กๆชิ้นหนี่งให้หลี่เจิ้งไป

“ได้ครับ” หลี่เจิ้งเองไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาเก็บใบยานี้อย่างดีและส่งให้คนขับนะไปส่งยังองค์การยาสุบที่อยู่ใกล้ๆ

 

งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้ว่าคนในงานนั้นยังพูดถึงเรื่องใบยาสูบนั้นอยู่ก็ตาม มีเพียงหลี่เจิ้งและซุนหยูเฮงเท่านั้นที่เหมือนกับมดที่อยู่ในกะทะร้อนที่นั่งไม่ติดที่เดินวนไปมา

 

หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า คนขับรถของเขาก็ยังไม่ขับกลับมาสักที