GGS:บทที่ 870 ตกตะลึง
“ห้ะ ผลออกมาแล้วเหรอ” หลี่เจิ้งที่ได้รับทราบผลที่คนขับรถรายงานเขามาผ่านทางโทรศัพท์แบบไม่น่าเชื่อจนต้องถามออกมาอีกครั้งเพื่อยืนยัน
“ใช่ครับ ตอนนี้พวกเขาน่าจะกำลังทดสอบซ้ำอีกสองครั้งด้วยกัน เพราะตอนแรกก็ไม่มีใครเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ พวกเขาให้ผมรายงานให้ผอ.ทราบผลรอบแรกก่อนเพราะว่ากลัวผอ.จะรอไม่ไหว”
“แล้วผลทดสอบเป็นยังไง” หลี่เจิ้งถามออกมา
“ผลที่ทดสอบครั้งแรกที่ออกมาคือหลังจากเผาไหม้ใบยาสูบที่คุณให้มาทดสอบแล้ว ผลของสารพิษทั้งหมดเป็น 0 ถ้าจะมีก็มีสารพิษเพียงอย่างเดียวที่พอจะเป็นพิษต่อร่างกายได้ก็คือคาร์บอนมอนนอกไซด์
ในขณะเดียวกันใบยาสูบนี้กลับมีผลต่อการฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจ แถมผลดังกล่าวยังดีกว่าพวกสมุนไพรตำรับยาจีนอีกด้วย
คนที่ทดสอบเองก็ได้ยืนยันด้วยตัวเอง นี่หมายความว่ายาสูบชนิดนี้นอกจากไม่มีผลเสียต่อร่างกายแล้วยังเสริมสร้างร่างกายอีกด้วยครับ” คนขับรถได้พูดออกมา
“เป็นไปได้ยังไงกัน แล้วผลทดสอบซ้ำที่ว่าล่ะ” หลี่เจิ้งพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“สักครู่นะครับ อืมมม เขาผลทดสอบซ้ำอีกสองครั้งออกมาแล้ว ผลทดสอบยังคงเหมือนเดิมครับ” คนขับพูดออกมา
“ไม่จริงน่า น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว” หลี่เจิ้งในตอนนี้ตื่นเต้นจนปากของเขาสั่นระรัวจนเห็นได้ชัด
ในขณะที่กำลังคุยอยู่นั้นก็ได้มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาจากฝั่งคนขับรถที่กำลังคุยกับเขาอยู่ เสียงนั้นดังมากจนจะเป็นการตะโกนเลยก็ว่าได้ว่า “ผอ.ครับ ใบยาสูบนี่สุดยอดเลยจริงๆ ผอ.ไปได้สมบัติแบบนี้มาจากไหนครับ มันไม่น่าใช่ของทางเราแน่นอนเพราะไอ้เจ้าพวกนั้นยังมัวงกๆทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันอยู่เลย”
“จากเพื่อนน่ะ” หลี่เจิ้งพูดออกมา
“เพื่อนของผอ.สุดยอดจริงๆ ผมไม่รู้ว่าค่าใช้จ่ายในการปลูกนี้จะสูงรึเปล่า ถ้าไม่สูงล่ะก็ คราวนี้อุตสาหกรรมยาสูบของประเทศเรา ไม่สิ ของทั้งโลกต้องกลับตาลปัตรอย่างแน่นอน”
“ขอฉันคุยกับเขาก่อนแล้วกัน ตอนนี้ฉันยังไม่ได้คุยกับเขาเลย” หลี่เจิ้งวางสายก่อนที่จะรีบตรงไปหาซูจิ้งที่กำลังอยู่ท่ามกลางฝูงชนในทันที ก่อนที่เขาจะได้ถามอะไรออกมา หวังซวนจี้ได้ชิงตัดหน้าถามเขาก่อนว่า “ผลทดสอบเรียบร้อยแล้วรึ”
ซุนหยูเฮงที่ได้ยินดังนั้นถึงกับลุกขึ้นยืนในทันที แม้แต่หลี่เทียนเฮอ หวังซือหยา หวังจ้าว หวังจุ่น หวังเจิ้ง และคนอื่นๆเองก็หยุดพูดคุยกันเพื่อที่จะได้ยินผลการทดสอบได้ชัดๆ
ทุกคนต่างก็เชื่อกันว่าเรื่องอย่างการสารพิษที่เป็นของเสียต่อร่างกายนี้เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ใบยาสูบแบบนั้นไม่ควรจะมีออกมา เต็มที่ก็ควรจะทำให้ผลเสียดังกล่าวลดลงไปเล็กน้อย เป็นซูจิ้งเองที่พูดเกินจริงไป
“หลังจากทดสอบแล้วก็เป็นไปอย่างที่คุณซูพูดออกมาจริงๆ ใบยาสูบนั้นไม่มีผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด อีกทั้งมันยังมีผลช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจ
แถมผลดังกล่าวยังดีกว่าสมุนไพรยาจีนแบบเทียบกันไม่ได้อีก” หลี่เจิ้งพูดออกมา
ทุกคนที่ได้ยินต่างหันกันไปมองหน้ากันแบบเลิกลักพยายามถามคนอื่นว่าตัวเองฟังผิดไปรึเปล่า หวังเจิ้งเองก็ได้ถามออกมาว่า “ไม่มีผลเสียอะไรเลยหรอ เป็นไปได้ยังไงกัน นิโคติน น้ำมันดิน ฟอร์มอลดิไฮด์อะไรพวกนั้นล่ะ”
“หากว่ามีสารอันตรายแบบบุหรี่ทั่วไป คุณซูคงไม่นำมามอบให้เป็นของขวัญจริงๆอย่างที่ว่า”
หลี่เจิ้งเว้นวรรคไว้ก่อนที่พูดต่อว่า “บุหรี่นี้ไม่ใช่เพียงบุหรี่ธรรมดาที่ลดสารพิษพวกนั้นเพียงเล็กน้อย แต่บุหรี่นี้ไม่มีสารพิษพวกนั้นเลยสักนิด”
เมื่อได้ยินดังนั้นผุ้คนโดยรอบต่างก็ตกใจจนสะดุ้งเฮีอก พวกเขาไม่มีทางเชื่อสิ่งที่พึ่งจะได้ยินเป็นอันขาด
หลังจากที่ ทุกคนหายตกใจแล้ว หลี่เจิ้งได้หันไปพูดกับซูจิ้งว่า “คุณซู ค่าใช้จ่ายในการปลูกใบยาสูบนี้สูงรึเปล่าครับ”
“ไม่สูงครับ อย่างน้อยๆก็ไม่เกินสองเท่าของต้นยาสูบทั่วไป” ซูจิ้งพูดออกมา
ซูจิ้งได้ปลูกต้นยาสูบเอาไว้จำนวนหนึ่งในสิ่งแวดล้อมเสมือนของสถานีห้วงเวลาและกาลอวกาศของเขา และได้ลองเอาต้นหนึ่งมาปลูกในสภาพแวดล้อมปกติ
ปรากฏว่าเจ้าต้นนั้นโตได้เร็วมาก ตามคาดการณ์ของเขาแล้วอีกไม่นานคงสามารถปลูกเพื่อการขายได้จริงๆ ขนาดใบที่ไม่ได้ผ่านการบ่มก็ยังเหมาะกับการนำมาทำเป็นยาสูบเลย
“พระเจ้า” หลี่เจิ้งอุทานออกมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ซุนหยูเฮง หลี่เทียนเฮอ และคนอื่นๆเองที่ได้ยินต่างก็ตกใจจนลืมหายในไปแล้ว
ถ้าเป็นคนมีสมองสักนิดล่ะก็ คนๆนั้นก็สมควรจะรู้ว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร ใบยาสูบที่ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพ แถมยังฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจได้
ราคาโดยทั่วไปย่อมต้องสูงกว่าบุหรี่ทั่วไปอย่างน้อยๆก็สองเท่า ของราคาท้องตลาดอย่างไม่มีใครกล้าทัดทาน
ลองนึกดูว่าการที่ใบยาสูบยี่ห้ออื่นจะสู้ได้นั้น พวกเขาจะเป็นต้องสู้ด้วยการลดสารพิษ ลดราคา ลดคุณภาพการผลิต ไม่ว่าวิธีการไหนก็ตามก็ไม่สามารถสูดได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ทำให้คนหลายๆคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและธุรกิจยาสูบดี ต่างก็หันไปมองซูจิ้งด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป
ในตอนนี้หวังจ้าวและหวังซือหยาเข้าใจในที่สุดว่าทำไมซูจิ้งถึงได้มั่นใจนักมั่นใจหนา
ตั้งแต่แรกที่พวกเขาได้ฟังซูจิ้งว่าจะจัดตั้งบริษัทยาสูบแต่ถูกพวกเขาทัดทานไว้ทำให้เขานั้นเลือกที่จะไม่บอกว่ายาสูบของเขานั้นมีความพิเศษยังไง บอกเพียงแค่ว่ายังไม่ลองดูก็ไม่รู้ผลว่าจะเป็นยังไง
เอาจริงๆตั้งแต่แรกที่พวกเขาได้ยินความต้องการของซูจิ้ง พวกเขาก็ได้แต่คิดว่าซูจิ้งนั้นฝันกลางวันอยู่เลย ไม่มีทางที่พวกภาครัฐจะยอมผ่อนปลนกฎหมายของตัวเองเพียงเพื่อใบยาสูบของซูจิ้งอย่างแน่นอน
ถ้าซูจิ้งยอมขายใบยาสูบพวกนี้ให้กับองค์การยาสูบ ราคาที่ได้ก็สมควรจะได้มหาศาล คำพูดที่ว่าขอหมื่นล้านของซูจิ้งนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสักนิด
เอาจริงๆบอกได้เลยว่าเป็นข้อเสนอที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยทีเดียวเมื่อคิดว่าในระยะยาวแล้วใบยาสูบนี้จะสร้างเม็ดเงินให้กับคนที่ถือครองอยู่มากมายมหาศาลแค่ไหน
เพราะบุหรี่ที่ไม่ทำร้ายร่างกายแถมยังฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจแบบนี้คงไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว ไม่มีทางเลยที่ภาครัฐจะไม่สนใจใบยาสูบของซูจิ้งอย่างแน่นอน
“คุณซู คุณไม่ต้องการขายพันธุ์ยาสูบนี่จริงๆหรือครับ” หลี่เจิ้งถามออกมาอย่าจริงๆจัง
“ให้ผมบอกคุณตรงๆเลยก็แล้วกัน เอาจริงๆพันธุ์ยาสูบที่ผมได้มานี้มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับผมแม้แต่น้อย แต่กับคนอื่นไม่สิ อย่างน้อยก็กับคุณ คุณเองก็น่าจะเห็นแล้วว่ามันมีค่ามากแค่ไหน
หากผมไม่ได้สิ่งจูงใจมากพอผมก็แค่ปลูกมันไว้ที่บ้านแค่นั้นคุณก็ทำอะไรผมเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว
คุณสามารถนำยาสูบนี้ไปเสนอให้คนในองค์การยาสูบและบริษัทของคุณไปลอง แล้วก็คิดดูก็ได้นะ เพราะข้อเสนอของผมนั้นช่างต่ำเตี้ยเรี่ยดินซะเหลือเกิน
เสร็จแล้วหากพวกคุณต้องการจะร่วมมือกันจริงๆเราค่อยมาคุยกันเรื่องนี้ทีหลัง” ซูจิ้งพูดออกมาก่อนที่จะมอบใบยาสูบอีกชุดหนึ่งยื่นให้กับหลี่เจิ้ง
“ตกลง” เอาจริงๆหลี่เจิ้งนั้นอยากจะตบปากรับคำเสียตอนนี้เลยจริงๆ แต่ก็อย่างที่ซูจิ้งว่า เขานั้นไม่มีอำนาจพอในการตัดสินใจเรื่องนี้ได้จริงๆ
เขาจริงรีบรับสมบัติชิ้นนี้มาอย่างรวดเร็วและตั้งใจว่าจะรีบประชุมเหล่าผู้บริหารในทันทีที่เป็นไปได้
เขาเองอยากจะรีบคุยเรื่องนี้ก่อนที่งานเลี้ยงจะจบเลยด้วยซ้ำ คิดได้ดังนั้นเขารีบกล่าวลาหวังซวนจี้และหลี่เทียนเฮอแล้วออกไปจัดการเรื่องนี้ในทันที
ตอนที่ออกไปนั้นหลี่เจิ้งนั้นต้องการรีบจะรายงานเรื่องนี้ต่อพ่อของเขาให้ทราบโดยทันที เขาจึงรีบควักโทรศัพท์ออกมา แต่ด้วยการที่ตื่นเต้นมาก กว่าจะโทรไปหาพ่อของเขาได้ก็ตอนที่เกือบจะเดินถึงรถแล้ว
หลังจากที่ได้ยินการสนทนานี้ คนตระกูลซุนที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด พวกเขานั้นพยายามยืนยันว่าตัวเองฟังไม่ผิดอยู่หลายหนจนพวกเขานั้นเชื่อได้ว่าเป็นเรื่องจริงทุกคนจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อรายงานเรื่องนี้ในทันที
“อาจิ้ง ไม่แปลกใจเลยที่นายต้องการเข้าสู่ธุรกิจยาสูบให้ได้ คราวนี้นายได้เจอช่องทางธุรกิจที่สุดจะมหัศจรรย์จริงๆ” หวังจ้าวพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“อาจิ้ง นายไม่ลองคิดใหม่เกี่ยวกับการตั้งบริษัทยาสูบจริงๆเหรอ ถึงแม้ว่าการผลิตและขายยาสูบพวกนี้จะง่ายและได้กำไรเยอะก็จริง แถมดูถ้าแล้วจะขายได้ในราคาที่สูงด้วยก็ตาม
แต่ยังไงซะการก่อตั้งบริษัทยาสูบนี่ก็ยากพอดู ดีไม่ดีฉันกลัวว่ามันจะยากจนเกิดปัญหาด้วยซ้ำ และปัญหาเหล่านั้นอาจจะยากที่จะแก้ได้โดยง่ายด้วย” หวังซือหยาพูดออกมา
“เอาน่า ก็รอดูท่าทีของฝั่งนู้นไปก่อน ยังไงซะพี่หลี่เจิ้งเขาก็ไม่ได้เอากลับไปสูบเองอยู่แล้วนี่ เราก็แค่รอดูว่าองค์การยาสูบจะว่ายังไงบ้าง เสร็จแล้วค่อยว่ากันอีกที” ซูจิ้งพูดออกมา
“อาจิ้งเอ้ย เดี๋ยวเสร็จงานเลี้ยงแล้วมาคุยกันหน่อยนะ” หวังซวนจี้พูดออกมาในขณะที่ยังคงสูบยาสูบที่ซูจิ้งให้มาอย่างสบายอุรา
นี่ทำให้หวังจ้าวและหวังซือหยาที่เห็นนั้นถึงกับพูดไม่ออกแต่อย่างใด แต่กับหวังจุ่นและหวังเจิ้งนั้นกลับดูเคร่งขรึมกว่าปกติ ซูจิ้งเองก็สังเกตอะไรบางอย่างได้แต่เขาก็ยังพยักหน้ารับแต่โดยดี