ไม่ว่าความเสียหายจะเกิดขึ้นกับสัตว์อาคมมากมายเพียงใด วิธีการฟื้นตัวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการบำรุงผ่านเลือดจากผู้เป็นนาย
เมื่อจางลี่เฉินพ่นหมอกเลือดจนเป็นทางยาวลงไปที่ทะเล มันค่อย ๆ ลอยไปทางร่างของโครโคดราก้อนที่กำลังจะจม
ร่างกายของสัตว์อาคมไหม้เกรียมพร้อมร่องรอยบาดเจ็บที่ถูกทำให้เสียหายอย่างรุนแรง เมื่อได้รับเลือดจากผู้เป็นนาย มันก็ค่อย ๆ ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
โครโคดราก้อนส่ายหัวและหางกระทบพื้นน้ำมหาสมุทรจนเกิดคลื่นนับไม่ถ้วนระลอกขึ้นมา เป็นอีกครั้งที่มันลอยขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกับม่านฝน ร่างกายของมันถูกห่อหุ้มด้วยน้ำวนที่ทำจากน้ำประมาณหนึ่งล้านตันราวกับว่ามันกำลังพยายามขึ้นไปให้ไกลยิ่งกว่าเมฆด้านบน
ทันทีที่ร่างยาวเหยียดของสัตว์อาคมออกพ้นจากผิวน้ำทะเล ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวบนท้องฟ้าก็เริ่มกลับมาสว่างด้วยแสงจากสายฟ้าอีกครั้ง ร่างของโคโรดราก้อนที่มีความยาวหลายสิบเมตรถูกเผาไหม้และฉีกขาดด้วยสายฟ้าขณะที่ส่องสว่างออกมาราวกับไฟฉาย
สัตว์อาคมร้องคำรามอย่างต่อเนื่องขณะถูกทรมานจากสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก การได้รับการบำรุงเลือดจากผู้เป็นนายอย่างต่อเนื่องทำให้เซลล์ใหม่เติบโตขึ้นบนร่างกายที่ไหม้เกรียมและกล้ามเนื้อใหม่ก็เข้ามาแทนที่เซลล์เก่าที่ถูกทำลาย ในที่สุดมันก็สามารถรับมือกับอุบัติเหตุจากการโดนสายฟ้าผ่าในครั้งนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด
แต่ถึงแม้ว่าโครโคดราก้อนจะสามารถต้านทานสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยทว่าจางลี่เฉินที่อยู่ในสำนักงานกำลังทรุดตัวลงไปกับพื้นและกำลังตกอยู่ในช่วงวิกฤติร้ายแรงแทน
แม้ว่าชายหนุ่มจะอ่านหนังสือตำนานโบราณที่แปลกประหลาดมามากมาย แต่คาถาที่แท้จริงที่เขาสืบทอดมาจากท่านจางยังไม่ครอบคลุมมากพอ
สำหรับทักษะการปลูกฝังประตูแห่งความตายของคาถาที่เขาได้รับจากรูปปั้นหนอนโบราณแปลก ๆ มาโดยบังเอิญเกี่ยวข้องกับทักษะการปลูกฝังที่เป็นความลับและไม่มีความรู้เกี่ยวกับคาถาใด ๆ
เขาไม่รู้ว่าหลังจากที่สัตว์อาคมของเขาได้กลืนเลือดจากสัตว์ไปนับไม่ถ้วนจะทำให้มันเริ่มเปลี่ยนจากจระเข้ยักษ์ไปเป็นเวิร์มดราก้อน ในความเป็นจริงมันเทียบเท่ากับการเปลี่ยนแปลงอันชาญฉลาดเมื่อมีการพัฒนาจากพ่อมดระดับ 5 ขึ้นไปเป็นพ่อมดระดับ 6
การเปลี่ยนแปลงของสัตว์อาคมที่ได้รับความช่วยเหลือจากการบำรุงเลือดจากผู้เป็นนายนั้นเป็นวิธีที่ต่างไปจากสัตว์อาคมที่ได้รับการเลี้ยงดูหลังจากได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้
ในตอนนั้นเองสายฟ้าก็ได้พุ่งเข้าสู่ร่างของจางลี่เฉินพร้อมกับเลือดที่สาดกระเซ็น มันไปกระตุ้นพลังพ่อมดที่อยู่ทั่วร่างกายของเขาให้เดือดพล่านพร้อมส่งความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย วูบหนึ่งที่เขารู้สึกว่าเขาตายไปซะตอนนี้ยังดีเสียกว่า
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าชายหนุ่มประสบความสำเร็จในการฆ่าสายลับจากโลกเหนือธรรมชาติในฮาวายซึ่งช่วยให้พลังพ่อมดของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งพัฒนาขึ้นไปสู่พ่อมดระดับ 5 แล้วล่ะก็ป่านนี้เขาคงจะตายไปนานแล้วเมื่อได้รับกระแสไฟขนาดนี้เข้าสู่ร่างกาย
ขณะเดียวกันจระเข้ยักษ์ยังคงทนต่อการโจมตีสายฟ้าที่กำลังเผาร่างมันจนไหม้กลางอากาศขณะที่มันค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับม่านฝน
จางลี่เฉินผู้ซึ่งไม่สามารถทำลายสายเลือดยาวที่เชื่อมโยงตัวเขากับสัตว์อาคมได้เริ่มเสียเลือดมากจนทำให้ผิวหนังของเขาค่อย ๆ จมลงไปกับกระดูกอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้พลังร่างกายของเขาอย่างมหาศาล พลังพ่อมดของชายหนุ่มก็เริ่มสูงขึ้น เมื่อใบหน้าของเขาเปลี่ยนจนเกือบเหลือแค่เพียงกะโหลกศีรษะที่ดูเหมือนจะถูกห่อด้วยชั้นผิวเหลืองบาง ๆ เขาก็ได้เข้ามาถึงจุดสูงสุดของพ่อมดระดับ 5
“น่าเสียดาย” แม้เขาจะได้รับความเจ็บปวดมามากแต่จางลี่เฉินยังมีสติรู้สึกตัวอยู่ การสัมผัสพลังพ่อมดที่อุดมไปด้วยเนื้อและเลือดที่หายากทำให้เขาลอบยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพยายามขบฟันตัวเองเพื่อสั่งให้สัตว์อาคมที่เหลือที่ไม่ใช่โครโคดราก้อนเข้าสู่ร่องลึกใต้ดินของโรงงานด้วยคาถา“เชื่อมต่อ”
หลังจากพยายามทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตสำหรับแม่ของเขา แม้จะรู้ว่ามันจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอนแต่ชายหนุ่มก็ยังคงพยายามพยุงศีรษะของเขาและมองไกลออกไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด จ้องมองโครโคดราก้อนที่ดูเหมือนจะปีนขึ้นไปด้านบนทีละนิดด้วยพลังทั้งหมดที่ไร้สาระของมัน ตามวิธีการเพาะปลูกแบบลับ เขาได้วาดโครงร่างภาพปีศาจที่มีภาพใบหน้าชัดเจนด้วยการแก้ไขทางสมาธิ
หลังจากที่ภาพลักษณ์ของปีศาจถูกสร้างขึ้นในหัวใจของผู้เป็นนาย โครโคดราก้อนที่ดำคล้ำและไหม้เกรียมอยู่บนขอบฟ้าก็พ่นควันออกมาจากปากและจมูก ควันลอยออกมาอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืดโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เข้าไปในรูจมูกของจางลี่เฉินที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร
ด้วยแรงผลักดันจากควัน พลังพ่อมดที่กำลังเดือดพล่านอยู่ในร่างของชายหนุ่มทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นสัตว์อาคมแปลก ๆ หลายสิบตัวเมื่อลักษณะต่าง ๆ เริ่มปรับแต่งธรรมชาติที่แตกต่างกันไปจากร่างกาย
น่าเสียดายที่ในเวลานี้ร่างกายของจางลี่เฉินได้ถูกทำลายอย่างรุนแรงจนเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ลมหายใจของเขาค่อย ๆ จางหายในขณะที่เขาหงายหลังลงบนพรมช้า ๆ พร้อมหลับตาท่ามกลางพายุที่ยังคงโหมกระหน่ำ
ควันเผาไหม้ของสายฟ้าเริ่มลอยออกจากร่างของชายหนุ่มผ่านรูขุมขนต่าง ๆ และผิวหนัง
เมื่อพลังของจางลี่เฉินเลือนหายและไม่มีผิวหนังที่สมบูรณ์อยู่บนร่างกายของเขาอีกต่อไป โครโคดราก้อนที่กำลังคลานขึ้นฟ้าก็ไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเองอีกต่อไปเช่นกัน ร่างกายของมันเริ่มสั่นคลอนราวกับว่ามันกำลังจะร่วงหล่น
ในตอนนั้นเอง อัญมณีเยลลี่ที่จางลี่เฉิงซื้อมาจากเมืองเล็ก ๆ ในป่าอเมซอนที่เขานำมาเป็นของเล่นเพื่อสร้างความสนุให้กับตัวเองครั้งคราวเนื่องจากความสามารถในการยืดและทรงปั้นที่แปลกประหลาด ทันใดนั้นมันก็ปล่อยแสงที่มีสีสันจาง ๆ ออกมาและเริ่มขยายตัวออกอย่างต่อเนื่องไปจากนิ้วมือของเขา
ขนาดของก้อนหินเยลลี่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดไปตามฝ่ามือ, ข้อศอก, แขน, หน้าอกและส่วนอื่น ๆ ตามร่างกาย ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ มันห่อหุ้มร่างกายของจางลี่เฉินที่กำลังจะตายได้จนทั่วตัว
หลังจากนั้นก็มีหินสีอ่อนแทรกซึมเข้าไปในร่างกายที่ไหม้เกรียมของชายหนุ่ม เริ่มทำการเติมเนื้อและกระดูกที่ถูกเปิดเผยของเขาเพื่อรักษาลมหายใจสุดท้ายของเขาเอาไว้
จางลี่เฉินรอดพ้นจากความตายมาได้สำเร็จ แม้จะมีการหยุดชะงักในการสร้างสะพานเลือดเพื่อบำรุงโครโคดราก้อนแต่มันยังไม่ได้ถูกตัดออกไปอย่างสมบูรณ์ทำให้โครโคดราก้อนที่ดูเหมือนกำลังจะตกลงทะเลสามารถกลับมาปีนอากาศเพื่อขึ้นไปบนฟ้าต่อได้อีกครั้ง
เวลาผ่านไปแบบนาทีต่อนาที ในที่สุดหลังจากสายฟ้าฟาดครั้งล่าสุด สัตว์อาคมก็ได้ฝังหัวอันใหญ่โตของมันลงไปในเมฆมืดก้อนหนึ่ง
ทันใดนั้นสายฟ้าก็พุ่งเข้าหาก้อนเมฆมืดก้อนนั้น ร่างเหยียดยาวของโครโคดราก้อนที่กำลังคืบคลานเข้าไปในเมฆอย่างต่อเนื่องถูกเผาด้วยสายฟ้าอีกครั้งจนกระทั่งมันกลายเป็นเถ้าถ่านดำที่ถูกพัดกระจัดกระจายไปตามสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม งูที่มีความยาวประมาณ 6 – 7 เมตรได้เลื้อยออกมาจากร่างของสัตว์อาคมที่มีความยาวเกิน 50 เมตรซึ่งได้รับการขัดเกลาการสายฟ้าแทน
เงาของงูดูเหมือนจะบอบบางในตอนแรกเมื่อมันบินเข้าไปในเมฆสายฟ้าด้วยลำตัวที่สั่นเทา แต่ทันใดนั้นมันก็พุ่งตัวออกมาเหมือนลูกธนูยาวบินผ่านทะลุเมฆและดูเหมือนจะแข็งแรงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป มันลอยขึ้นเหนือท้องฟ้าไปพร้อมกับสายลมและสายฝน สัญจรไปมาได้อย่างอิสระเมื่อมันลอยผ่านเมฆ
ทันทีที่ร่างของงูปรากฏขึ้นมา ร่างที่แข็งทื่อของจางลี่เฉินก็เริ่มสั่นคลอนอย่างแรง ปากของเขาที่ถูกห่อด้วยหินนุ่มเปิดและปิดอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าเขากำลังจะตายแต่ไม่ได้จะตายจริง ๆ
เมื่อถึงเวลาที่เงาของงูสามารถโลดแล่นได้อย่างอิสระในเมฆเขาก็สงบลงในทันใด ขณะเดียวกันอัญมณีเยลลี่ที่คลุมร่างของชายหนุ่มไว้ก็เริ่มเสื่อมสภาพอย่างช้า ๆ จนในที่สุดก็กลับกลายเป็นเพียงเส้นบาง ๆ ที่พันรอบนิ้วของเขาตามเดิม
เงาของงูที่พุ่งทะยานผ่านท้องฟ้าโดยสัญชาตญาณตกลงสู่มหาสมุทร ความผิดปกติทั้งหมดหายไปโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เหลือเพียงร่างของชายหนุ่มที่กำลังหายใจเข้าออกเหมือนคนใกล้ตายที่ห้อยหัวลงมาจากต้นไม้พร้อมร่างกายที่ผอมแห้งติดกระดูก
ไม่กี่นาทีต่อมา วิศวกรไฟฟ้าของโรงฆ่าสัตว์ LS แห่งใหม่ก็ได้ซ่อมแซมแผงวงจรและในที่สุดโรงงานก็กลับมาใช้ไฟได้ตามเดิม
เกษตรกรและผู้ช่วยที่พักค้างคืนเพื่อฆ่าสัตว์ผ่านการบริการตนเองเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ ที่ได้เห็นไม่ว่าจะเป็นสายไฟที่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสายฝนรุนแรง ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวหรือเส้นเคลื่อนไหวประหลาดบางอย่างขณะที่พวกเขาเคลื่อนย้ายสัตว์ไปยังเครื่องจักรเพื่อฆ่าพวกมัน
จากเสียงร้องสุดท้ายของสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าและเม็ดฝนเย็น ๆ ที่พัดเข้ามาผ่านหน้าต่างอย่างต่อเนื่องค่อย ๆ ปลุกจางลี่เฉินให้ฟื้นจากการหมดสติ เขาเปิดตาและใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะรู้ตัวว่าเขายังไม่ตาย ด้วยความตกใจ เขายอมทนต่อความเจ็บปวดที่ร่างกายรู้สึกเพื่อลุกพรวดขึ้นมาจากพรม ด้วยความซบเซาทำให้เขาหล่นลงมาจากหน้าต่างชั้นสองของสำนักงาน
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงที่ทั้งแห้งและอบอุ่น ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาได้ยินเสียงแปลก ๆ ที่พูดด้วยน้ำเสียงชวนเศร้าใจ “สัญญาณชีพจรที่สำคัญของผู้ป่วยอ่อนแอและสั้นมาก โอกาสในการฟื้นตอนนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ผมเสียใจด้วยครับมาดาม แต่ผมต้องขอให้คุณเตรียมสภาพทางจิใตไว้พร้อม …โอ้! เด็กคนนี้ตื่นแล้ว! ปาฏิหาริย์มาก! เด็กหนุ่ม เธอจำชื่อของตัวเองได้ไหม?”
“ลูกรัก! ลูกฟื้นแล้ว! จำแม่ได้ไหมจ๊ะลูกรัก?”
“แม่ครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว หมอครับ ผมชื่อจางลี่เฉิน ผมเปิดหน้าต่างที่ห้องทำงานแล้วเผลอตกลงมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่นี่คงจะเป็นโรงพยาบาลใช่ไหมครับ?”
“เยี่ยม! เยี่ยมมากเด็กหนุ่ม! ดุเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รับความเสียหายทางสมองใด ๆ แต่ก็อย่าเพิ่งไปคิดอะไรในตอนนี้มากเลยนะ สิ่งที่เธอควรทำในตอนนี้คือการพักผ่อน มาดาม ลูกของคุณไม่เป็นอะไรแล้วนะครับ คุณสามารถพูดคุยกับเขาได้ตามปกติแต่อย่าทำให้ผู้ป่วยมีความผันผวนทางอารมณ์มากเกินไป ให้เขาได้พักผ่อนหลังจากนี้สัก 15 นาทีนะครับ”
“ค่ะคุณหมอ เข้าใจแล้วค่ะ! ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตลูกของฉัน!”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณอะไรเลยครับ มันคือความรับผิดชอบของผมอยู่แล้ว” หมอวัยกลางคนในเสื้อคลุมสีขาวยิ้มแล้วออกจากห้องพักไปพร้อมกับพยาบาล
“แม่ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว หยุดร้องไห้เถอะ” ขณะสัมผัสได้ถึงพลังพ่อมดที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกาย จางลี่เฉินพยายามเหยียดแขนที่ติดอยู่กับสายไฟของเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อเอื้อมไปจับมือแม่ของเขาบนเตียงก่อนจะหัวเราะ “ผมตกลงมาจากชั้นสองโดยไม่ตั้งใจ ความสูงของมันน้อยกว่าสี่เมตร … ”
“หยุดเลยนะ! ลูกไปประมาทแบบนั้นได้อย่างไรกัน!” ลิลี่ผู้ซึ่งเป็นกังวลเริ่มบ่นเสียงกระซิบภายในห้องพักแผนกผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาลเบลลูชีในนิวยอร์ก
โชคดีที่ได้ลาวีนที่ยืนอยู่ข้างเธอกระซิบเตือน “ลิลี่ ในตอนนี้ลี่เฉินเขาต้องการการพักผ่อนมากที่สุด ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะนะ …” ช่วยให้หูของจางลี่เฉินรอดพ้นจากความทุกข์ทรมานจากการรับฟังเสียงบ่นจากผู้เป็นแม่
“ลูกรัก แม่ขอโทษ แม่ไม่ควรมาคาดคั้นอะไรลูกในตอนนี้ ลูกนอนก่อนเถอะนะ หมอบอกว่าลูกต้องการการพักผ่อนในช่วงนี้มาก ๆ แม่จะอยู่ที่นี่กับลูกเอง” ลิลี่ผู้หวนกลับสู่ความเป็นจริงได้อีกครั้งเดินไปปิดไฟในห้องพักก่อนจะหันไปพูดกับลาวีน “ที่รัก คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะค่ะ ไปดูแลเด็ก ๆ แทนฉันที คืนนี้ฉันว่าฉันจะอยู่โรงพยาบาลกับลี่เฉินเขาก่อน”
“ก็ได้ งั้นผมกลับก่อนก็แล้วกัน ลิลี่ อย่าได้ …” ในขณะที่ลิลี่และลาวีนกำลังพูดคุยกันเสียงเบา ท่ามกลางความมืดสามารถมองเห็นความปีติยินดีได้จากใบหน้าของชายหนุ่ม เขาต้องกัดฟันเพื่อป้องกันตัวเองจากการอุทานออกมาเสียงดัง
เขารู้ว่าหลังจากที่พลังเวทมนต์ในร่างกายของเขาไม่สามารถใช้งานได้หลังจากการเปลี่ยนแปลงจากชีวิตสู่ความตายซึ่งทำให้พลังของเขาไหลเวียนอย่างช้า ๆ สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้ไม่ใช่การพักผ่อนหรือการรักษาแต่เขาต้องการกลับไปที่โรงงานของเขาให้เร็วที่สุดเพื่อค้นหาสัตว์อาคม จากนั้นเขาก็จะได้เสร็จสิ้นจากการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะทำให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นสู่ระดับ 6 ได้อย่างแท้จริง