Ch.51 – ราชาผู้พิชิต กดดันพันธมิตร
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
“ริเซ็ตคิดว่าจะขออยู่ที่นี่ต่อสักพักค่ะ”
เช้าวันต่อมา
ริเซ็ตก็พูดแบบนั้นกับผมที่คิดจะออกเดินทางกลับไปที่ชายแดน
“เรื่องในคราวนี้อาจจะส่งผลอะไรกับชายแดนก็ได้ค่ะ ริเซ็ตก็เลยคิดว่าจะอยู่รวบรวมข้อมูลที่[จุดเชื่อมเมือง]นี้ค่ะ อาจจะมีข้อมูลที่หาได้จากที่นี่เท่านั้นอยู่ค่ะ”
“เรื่องนั้นก็มีประโยชน์อยู่หรอก…แต่จะไม่เป็นไรเหรอ?”
จากที่นี่ไปชายแดน ก็ค่อนข้างห่างอยู่
เอาตามตรงก็คือเป็นห่วงที่จะเหลือริเซ็ตไว้คนเดียว
“ฝีมือของริเซ็ต ท่านพี่เองก็รู้ไม่ใช่เหรอคะ?”
ริเซ็ตพูดแบบนั้น แล้วก็เคาะดาบที่ห้อยอยู่ที่เอว
“ถ้าคิดว่าอันตรายจะหนีออกไปทันทีค่ะ ประตูที่ผ่านไปชายแดน การคุ้มกันมีน้อยมากค่ะ ริเซ็ตเองก็ตัวเบามาก เรื่องการข้ามประตูเมืองนั้นง่ายมากค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ก็เอาดาบไปเถอะ”
ผมพูดออกไปแล้วก็ส่งดาบให้ริเซ็ตไปทั้งฝัก
ผมทำการเอนชานต์[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]ใส่มันอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นก็ยังเอา[กระบอง]ออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา] แล้วใช้ดาบยาวที่เสริมแกร่งตัดออกเป็นสองท่อน
แล้วผมก็ใช้[Enchant(เสริมแกร่ง)]ใส่ทั้ง2ท่อนนั้น
ดาบยาวก็เป็น[ดาบยาวโคตรแข็ง] กระบองก็เป็น[กระบองที่แข็งเหมือนโลหะ]
ความยาวของกระบองก็ประมาณ80เซนติเมตร ถ้าเป็นเจ้านี่ก็สามารถซ่อนในเสื้อได้โดยไม่เกะกะ นอกจากการต่อสู้แล้วก็สามารถใช้อย่างอื่นได้
“เสริมแกร่งไว้แล้ว แต่ว่า ที่นี่อยู่นอกเขตแดนก็คงจะใช้นานไม่ได้ ถ้าคิดว่าลำบากก็กลับมาล่ะ เข้าใจนะ”
“รับคำบัญชาค่ะ”
ริเซ็ตพูดแบบนั้นแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าผม
“ในฐานะน้องสาวร่วมสาบานของท่านพี่ ขอสัญญาว่าจะรวบรวมข้อมูลได้อย่างปลอดภัยค่ะ”
“ฝากด้วยล่ะ”
“ระวังตัวด้วยนะคะ คุณริเซ็ต”
“ไม่เป็นไรค่ะ จะไม่ฝืนแน่ค่ะ”
ยูกิโนะกับริเซ็ตจับมือกัน
“ความจริงแล้วที่เมืองนี้ ริเซ็ตมีของที่อยากจะสร้างอย่างหนึ่งอยู่ค่ะ”
“ของที่อยากสร้าง?”
“ธงของชายแดนค่ะ”
ริเซ็ตตาเป็นประกายแล้วพูดออกมา
“จะรวมชายแดนโดยมี[หมู่บ้านฮาซามะ]เป็นศูนย์กลางค่ะ ดังนั้น คิดว่าจำเป็นต้องมีธงเป็นสัญลักษณ์ที่จะรวมทุกคนเป็นหนึ่งเดียวค่ะ”
“อยากจะไปสร้างมันที่นี่สินะ?”
“ค่ะ เพราะว่าที่นี่หาวัตถุดิบได้ดีกว่าที่ชายแดนค่ะ”
“ความจริง พวกฉันก็คิดดีไซน์เอาไว้แล้วล่ะค่ะ อืม นั่นสินะคะ”
ยูกิโนะยื่นมือไปทางริเซ็ต
“คุณริเซ็ต ขอยืม[กระบอง]สักครู่ได้ไหมคะ?”
“ค่ะ”
“ฮื้ม ฟุฟุฟุฮื้มม”
ยูกิโนะรับกระบองมาจากริเซ็ตแล้วเริ่มวาดรูปลงบนพื้น
…คล่องมือจริงแฮะ
การลากเส้นไม่มีลังเลเลย รู้สึกได้ถึงความเป็นธรรมชาติสุดๆ ราวๆกับว่าวาดอยู่ทุกวัน
จะว่าไปยูกิโนะก็ยังเป็นจูนิเบียวอยู่สินะ
คงไม่ใช่ว่าเธอเองก็วาดอะไรอย่าง[ชุดที่แข็งแกร่งแกร่งที่สุดที่ผมคิดขึ้นมา]ลงในสมุดหรอกนะ…?
“แต่ว่า เอาไปโยงกับความจูนิเบียวเนี่ยคงจะเสียมารยาท”
“ฮึฮื้ม [ธงที่แข็งแกร่งที่สุดที่ฉันคิดขึ้นมา]–”
ไม่ได้เสียมารยาทอะไรเลยนี่หว่า!
…เอาเถอะ มันก็เป็นเส้นทางที่ไม่ว่าใครๆก็ผ่านมาทั้งนั้นนี่เนอะ ผมเองก็เคยไปค้นห้องสมุดหาอะไรน่าสนใจมาเป็นวัตถุดิบวาด ตอนนั้นนี่ตื่นเต้นกับอะไรแบบนั้นนี่นะ อย่างชุดที่แข็งแกร่งที่สุด อสูรรับใช้ที่แข็งแกร่งที่สุด หรือสัญลักษณ์ที่แฝงพลัง ที่ยูกิโนะวาดในตอนนี้ ก็เป็นแบบนั้น
“เสร็จแล้วค่ะ!”
“นี่คือ แบบธงของชายแดนเหรอ?”
“ค่ะ ใช้หัวของมังกรเป็นแบบค่ะ”
ยูกิโนะยืดอกภูมิใจ
ที่วาดอยู่บนพื้นคือ มังกร ถึงจะมีแค่หัว แค่ก็มีออร่าออกมา
เพราะว่าอมนุษย์ในตอนนี้ก็ยังนับถือจักรพรรดิมังกร ดังนั้นจึงเหมาะจะเป็นธงของชายแดน
“คุณยูกิโนะ? ไม่เหมือนที่พูดกันไว้นี่คะ?”
แต่ว่า ริเซ็ตก็ส่ายหน้า
“แบบนี้ ก็แยกกับ[ธงจักรพรรดิมังกร]ที่ใช้ในเมืองหลวงไม่ได้สิคะ”
“งั้นเหรอคะ?”
“ค่ะ คุยกันว่าจะเพิ่มอัตลักษณ์ของยักษ์เข้าไปด้วยไม่ใช่เหรอคะ?”
ริเซ็ตเพิ่มแบบเข้าไป
“แบบนี้เป็นยังไงคะ?”
“แค่ยักษ์กับมังกรคงไม่พอหรอกค่ะ? ต้องใส่อัตลักษณ์ของราชาเข้าไปด้วยสิคะ คุณริเซ็ต”
“ถ้าอย่างนั้น เพิ่มมงกุฎไปเป็นยังไงคะ?”
“แบบนี้?”
“ใช่ใช่ ปีกเองก็จำเป็นค่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ จะลองเพิ่มอัตลักษณ์เข้าไปเท่าที่เป็นไปได้นะคะ”
ชักจะไร้ความสมดุลเกินไปละ
“ที่เหลือก็[มาร]สินะคะ”
“เพียงแต่ถ้าทำให้ดีไซน์ซับซ้อน ต้นทุนการผลิตก็สูงใช่ไหมล่ะคะ?”
“จะทำจำนวนมากก็ยากสินะคะ…”
““แย่จังเลยนะคะ…””
“เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว!”
ผมยกมือขึ้นหยุดบทสนทนาของทั้งสองคน
“กำลังสร้างธงของชายแดนอยู่ใช่ไหม?”
“ค่ะ ใช่แล้วค่ะ” “ดีไซน์ของ[ธงคิริวโอ]ผู้ครองประเทศชายแดนค่ะ คุณโชมะ”
ธงของผมหรอกเหรอ
คิดว่าอัตลักษณ์มันจะเยอะเกินไปนะ ก็มีทั้งยักษ์ มังกร ราชา ปักษา แล้วก็มารนี่นา
…จะว่าไปแล้วสมัยจูนิเบียว ตอนที่ผมคิดสัญลักษณ์ของตัวเอง ก็ลำบากน่าดูเลยนะ
ไม่เคยเสียใจในการที่ใส่5อัตลักษณ์ลงไปใน[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]เท่านั้นเลย การจะผสมอัตลักษณ์ทั้ง5เข้าด้วยกันมันยากมาก
ถ้าทำให้เรียบง่ายที่สุดเท่าที่เป็นไปได้…อืมม…
……ไม่สิในตอนนี้เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง อืม
“เรื่องของธงก็ขอฝากริเซ็ตละกัน”
ผมพูดออกไป
ก็ผมไม่เข้าใจเซนส์การดีไซน์ของต่างโลกเลยนี่นะ
ถ้าทำให้ติดตาทุกคนได้จะอะไรก็ช่างมันเถอะ
“ก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว? ถ้าไม่อย่างนั้น โลหะมีค่าที่ได้มาจากองค์หญิงซิลเวียร์ ถ้าเอาไปแลกเป็นเงิน …”
“……” “……”
หืม? ทำไมทั้ง2คนถึงมองมาที่เท้าของผมล่ะ?
“ท่านพี่ แบบนั้นมัน” “สัญลักษณ์ของคุณโชมะ?”
…เอ๊ะ แย่แล้ว นี่ผมเผลอใช้กระบองวาดบนพื้นไปตอนไหนเนี่ย
แซ่กแซ่กแซ่ก ซุ่บซุ่บซุ่บ
““(ผงกผงกผงก)””
ไม่รู้ทำไมริเซ็ตกับยูกิโนะถึงพยักหน้าเหมือนยอมรับอะไรบางอย่าง
ผมใช้เท้าลบสัญลักษณ์ไป…แต่ก็วาดไปแค่ไม่กี่สิบวินาทีเอง ไม่เป็นไรหรอก
ไม่อยากจะเพิ่มประวัติศาสตร์ในต่างโลกไปมากกว่านี้แล้ว อันตรายจริงๆ…
“ยังไงก็ตาม ถ้าริเซ็ตไม่เป็นไรก็พอแล้วล่ะ”
ผมพูดออกไป
“ผมกับยูกิโนะจะไปบอกเรื่องในคราวนี้กับองค์หญิงซิลเวียร์ คิดว่าจะรีบกลับมาอยู่หรอก แต่ถ้าใช้เวลาก็จะฝากฮาร์ปี้มาบินวนเหนือถนนใกล้ๆให้ ริเซ็ตก็ …โบกธงเรียกละกัน จะบอกไว้ว่าถ้าทำแบบนั้นก็ลงไปรับตัว”
“เข้าใจแล้วค่ะ! ท่านพี่กับคุณยูกิโนะเอง ก็ระวังตัวนะคะ”
“ระวังตัวดีๆนะคะ คุณริเซ็ต”
แล้วพวกเราก็จากกับริเซ็ตไป
ผมออกจากประตูของ[จุดเชื่อมเมือง] พอไปถึงตรงที่ไม่มีคนก็ใช้[ปลุกเผ่าปักษา]
จากนั้นก็บินตรงไปยัง[เขตเจ้าเมืองคิโทล]
──เขตเจ้าเมืองคิโทล หอพักของเจ้าหญิงซิลเวียร์──
เย็นวันนั้น–
“นั่นก็คือทั้งหมดที่พวกเราเห็นที่[จุดเชื่อมเมือง]ล่ะ”
ผมบอกข้อมูลกับองค์หญิงซิลเวียร์และองค์หญิงเรเนส
แน่นอนว่า ผมกับยูกิโนะไม่รู้หรอกว่าองค์หญิงอยู่ที่ไหน ดังนั้น ก็เลยถามคนเฝ้าประตูที่ปกป้องปราสาทของเขต ด้วยสภาพแบบที่ทำให้รู้ว่าเป็น[ราชาแห่งชายแดน]
ก็คิดว่าคงจะโดนไล่กลับไปหรอก แต่ทหารเฝ้ายามก็ไปบอกเรื่องของผมกับองค์หญิงซิลเวียร์อย่างซื่อตรง ถึงกว่าข้ารับใช้ขององค์หญิงจะมาก็ต้องรอไป1ชั่วโมงก็เถอะ
“อุตส่าห์มาจากแดนไกลต้องขอขอบคุณจริงๆค่ะ”
องค์หญิงซิลเวียร์ลุกจากเก้าอี้แล้วก้มหัวให้ผม
“เพราะองครักษ์บอกมาว่า[มีผู้ชายที่มีปีกนำทหารมาหา]ก็เลยเข้าใจได้ทันทีค่ะ ต้องขอโทษที่ทำให้รอนะคะ”
“คะ คะ ครั้งแต่ไป ก็อยากจะให้มาแบบสงบๆหน่อยนะ”
คนที่ดื่มชาแล้วตอบกลับมาก็คือองค์หญิงเรเนส
การที่เธอได้รับรายงานว่าผมมา ก็น่าจะแสดงว่าเธอเองก็อยู่ในตำแหน่งเดียวกับองค์หญิงซิลเวียร์
“…คิดว่าหัวใจจะหยุดเต้นไปซะแล้ว อยู่ๆก็มีรั้วที่น่ากลัวพวกนั้น…มาที่เขตของเรา”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องแบบนั้นสักหน่อยค่ะ ท่านพี่เรเนส”
องค์หญิงซิลเวียร์กัดเล็บอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ถึงจะบอกว่าท่านพ่อหนีออกมาจากเมืองหลวงได้ แต่ก็ไม่รู้ความเป็นไป บางทีคงจะอยู่กับท่านพี่มิเรน่าค่ะ จะแบ่งกองทหารแล้วไปซ่อนตัว หรือไปอยู่กับเจ้าเมืองที่ไว้ใจได้…จะทางไหน จนกว่าจะได้การติดต่อมาจากท่านพ่อ ที่ฉันกับท่านพี่เรเนสทำได้ก็มีแค่ต้องป้องกันอาณาเขตเท่านั้นค่ะ”
“ทหารของเราก็ได้รับการฝึกมาพอควร เพียงแต่…ถ้าเกิดคนที่เกี่ยวข้องกับสิบปราชญ์บุกมาจริงๆล่ะก็…”
“ความเป็นไปได้ที่เจ้าเมืองอื่นจะยกทัพมาที่อาณาเขตของเราอยู่ด้วยค่ะ แค่ทหารที่เหลืออยู่ของฉันกับท่านพี่เรเนส ไม่พอหรอกค่ะ…”
พอพูดแบบนั้นไปองค์หญิงซิลเวียร์กับองค์หญิงเรเนสก็ถอนหายใจ
จะมีกองทัพส่งมาจัดการจริงไหม ก็ยังไม่รู้ ทางองค์หญิงซิลเวียร์เองก็ดูเหมือนจะส่งทหารสอดแนมไปทันที แต่กว่าจะถึง[จุดเชื่อมเมือง]ก็ต้องใช้เวลา
แถมกว่าทหารสอดแนมจะกลับมาจะได้รู้เรื่องราวจริงๆก็หลังจากนั้นอีก ทั้ง2คน คงจะสงบใจไม่ได้เลยสินะ
จะให้ทหารเตรียมตัวด้วยเหตุผลว่า[ราชาแห่งชายแดนบอกมา]ก็ไม่ได้ด้วย
“จะเอายังไงดีคะ คุณโชมะราชาของเรา”
ยูกิโนะพูดมาที่หูของผม
“หน้าที่ในฐานะพันธมิตรจบลงแล้ว? ต่อจากนี้จะเอายังไงดีล่ะ?”
“ถ้าให้พูดตรงๆไอ้คนที่พูดว่า[ถ้าไม่ชวยสร้างคฤหาสน์ล่ะก็จับแน่]ก็ไม่ได้อยากให้มาอยู่ใกล้ๆกับชายแดนหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น ใช่กำลังทหารของ[หมู่บ้านฮาซามะ]ไหมคะ?”
“เรื่องนั้นไม่ได้หรอก ถ้าเผ่ายักษ์ออกมารบอยู่เบื้องหน้า อคติต่ออมนุษย์ได้หนักขึ้นแน่”
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้พลังอย่างอื่น
ก็ไม่ได้อยากจะปกป้องเขตเจ้าเมืองคิโทลอะไรหรอก เพียงแต่ ยังไงก็อยากจะมีพันธมิตรที่เชื่อใจได้อยู่ในกลียุคนี้บ้าง อย่างองค์หญิงซิลเวียร์ก็ยังต้อนรับผมที่อยู่ๆก็มาหาด้วย นอกจากนี้ ยังเอาชากับชนมาให้ในแบบปกติ นอกจากนั้น ก่อนกินยังทดสอบพิษให้ด้วย
พอคิดว่าถ้าพวกเธอต้องเสียงอาณาเขต–จนมี[ญาติของสิบปราชญ์]ที่ไม่รู้อะไรเลยมาเป็นคุณเพื่อนบ้านของชายแดนแทน–เอาตามตรง คือรู้สึกขนลุก
ได้เกิดปัญหาเพื่อนบ้านขึ้นแน่ ในระดับอาณาเขต
“ขอถามสักอย่างได้ไหม องค์หญิงซิลเวียร์ องค์หญิงเรเนส”
“ค่ะ” “ฮี๊!? อะ อืม ถามมาได้เลย”
“ที่[เขตเจ้าเมืองคิโทล]แห่งนี้ มีของที่ดูเหมือนมรดกจากสมัยจักรพรรดิมังกรบ้างไหม?”
ช่วยไม่ได้
ยังไงซะทางนี้ก็เป็นคนที่ได้รับชื่อ[ราชาแห่งชายแดน]มาแล้ว
เพื่อความสงบสุขของ[หมู่บ้านฮาซามะ]–เพื่อชีวิตอันสงบสุขของผมหลังจากนี้ เรื่องที่ทำได้ก็ทำได้ดีกว่า
“ถ้าเกิดมีของแบบนั้นอยู่ล่ะก็…ให้ข้าสำรวจหน่อยได้หรือไม่?”
“เพื่ออะไร งั้นเหรอคะ”
“เพื่อที่ข้าจะได้ให้พันธมิตรได้ยืมพลัง”
…แต่ติดใจที่ยูกิโนะที่อยู่ข้างๆผม[ยิ้มเจ้าเล่ห์]ออกมาแฮะ
แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องที่ว่าถ้ามีซากปรักหักพัง ไม่ได้คิดจะใช้พลังโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรหรอกนะ ผมน่ะ
“ถ้าพวกองค์หญิงปรารถนาก็จะให้ยืมพลัง นี่คือเป็นสิ่งพิสูจน์ความเป็นพันธมิตรยังไงล่ะ จะแผ่นดินหรือซากปรกหักพัก การจะปลุกมันขึ้นมาน่ะเป็นเรื่องถนัดของข้า แน่นอนว่ามันก็เป็นเรื่องที่ว่า ถ้าใกล้ๆเขตนี้มีซากปรักพักหังอยู่ล่ะนะ”
ผมเสนอเรื่องนั้นให้กับองค์หญิงทั้ง2คนออกไป